สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการลดราคาของรถไฟฟ้าให้ถูกลงจนใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์ปกติในปัจจุบันได้ ก็คือเรื่องของราคาแบตเตอรี่นั่นเอง ที่ต้นทุนแทบจะเป็น 50% ของตัวรถแล้ว แต่ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า ต้นทุนในตัวแบตเตอรี่กำลังลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับตอนนี้กับปี 2008 ราคาลดลงมากถึง 87% เลยทีเดียว
ค่ายรถยนต์สายเลือดไวกิ้ง Volvo ประกาศแผนชัดเจน เตรียมพัฒนารถไฟฟ้าของตัวเองให้วิ่งได้ไกลสูงสุด 1,000 กิโลเมตร/การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง คาดว่าจะสำเร็จได้ภายในปี 2030
แน่นอนว่า การเติบโตของรถไฟฟ้าทุกวันนี้ ก็เป็นการเพิ่มความต้องการใช้งานแบตเตอรี่ Lithium-ion เป็นเงาตามตัว ด้วยเหตุนี้เองทำให้องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องการเพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อม และการใช้แรงงานเด็กให้เพิ่มมากขึ้น
คนที่ขับรถเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่ต้องเคยเจอกับเหตุการณ์รถสตาร์ทไม่ติด จากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย เช่น ลืมปิดไฟหน้า, แบตเตอรี่เสื่อม เป็นต้น จึงต้องมีการ "พ่วงแบต" จากรถคันอื่น เพื่อให้เราเดินทางต่อได้ แต่ก็มีคำถามว่า ต้องพ่วงแบตอย่างไรถึงจะถูกต้อง วันนี้เรามาดูกันครับ
โลกของรถไฟฟ้า กำลังถึงจุดเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่อีกครั้ง เมื่อกำลังมีการเร่งพัฒนาแบตเตอรี่แบบใหม่ที่เรียกกันว่า Solid-State โดยล่าสุดทาง Ford และ BMW ได้ร่วมกันลงทุนในบริษัท Startup ที่พัฒนาแบตเตอรี่ประเภทนี้อยู่ ด้วยมูลค่าราว 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดพร้อมใช้งานได้ภายในปี 2030
แบตเตอรี่ ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับรถยนต์ทุกคัน เราะมันคือแหล่งพลังงานแรกที่จะเอาไว้สตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดและพร้อมเดินทางได้ แน่นอนว่ามันก็มีอายุการใช้งานเหมือนกัน วันไหนหมดอายุก็ต้องเปลี่ยนใหม่ วันนี้เรามาดูวิธีเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ให้เหมาะกับรถของเรา ว่าควรต้องเลือกอย่างไร ดูอย่างไรบ้างครับ
ถึงแม้ว่าแนวคิดในการเปลี่ยนแบตเตอรี่บนรถไฟฟ้าเพื่อลดเวลาในการเติมพลังงานจะมีมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความร่วมมือกันของแต่ละค่าย เลยถูกพับโครงการไปหลายรอบแล้ว แต่ล่าสุดอาจจะเริ่มเป็นจริงได้ เมื่อ Honda เป็นหัวเรือใหญ่ในการจับมือกับ Yamaha, KTM และ Piaggio ให้มาใช้แบตเตอรี่เปลี่ยนได้แบบเดียวกัน
สิ่งที่เป็นอุปสรรค ในการเจริญเติบโตของรถไฟฟ้าบนโลกนี้ ตัวการหลักคือเรื่องชาร์จไฟฟ้าที่ยังคงต้องใช้เวลานานมากกว่าการเติมน้ำมันอย่างมากมาย ดังนั้นจึงมีแนวคิดของการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานี เพื่อรับแบตเตอรี่ที่ไฟฟ้าเต็มไปใช้งานได้ในเวลาไม่กี่นาที ถ้าคุณยังนึกไม่ออกว่าจะทำได้อย่างไร ลองมาดูได้ที่คลิปวีดีโอนี้
การเจริญเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าบนโลกยานยนต์ กำลังพุ่งตัวสูงขึ้นอย่างมาก แต่ยังไม่เร็วมากพออย่างที่ควรจะเป็น เพราะติดปัญหาจากการชาร์จช้า และระยะทางในการวิ่งไม่มากพอ แต่สำหรับยุคใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แบบใหม่นั้น กำลังใกล้เข้าสู่ความเป็นจริงมากแล้ว
ก่อนหน้านี้เราคงทราบข่าวมากันแล้วว่า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง โตโยต้า ได้ทำการจับมือร่วมทุนกับ Panasonic ในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ช่วงปี 2019 แล้ว รวมทั้งยังมีความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่เรียกว่า Solid-state Battery กันด้วย ล่าสุดมีการยืนยันออกมาแล้ว ว่าจะเริ่มผลิตแบตเตอรี่ชนิดใหม่นี้ได้ภายในปี 2025 เป็นต้นไป
ค่ายรถยนต์สายเลือดมังกรอย่าง BYD ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ในประเทศจีน ได้ทำการเซ็นสัญญาเพื่อส่งแบตเตอรี่ให้กับค่ายยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Ford เพื่อนำไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายในประเทศจีน
ถึงแม้ว่าค่ายรถยนต์จากแดนปลาดิบอย่างฮอนด้า ได้ประกาศยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนอย่าง Honda Clarity ในตลาดสหรัฐฯไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เลิกการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV แบบพลังงานไฟฟ้า 100% ต่อไป ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า ฮอนด้าเตรียมจับมือกับ GM เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แล้วใช้งานแบตเตอรี่ของ GM ให้ลงตลาดได้ภายในปี 2024
หลังจากทาง General Motors ได้ทำการเปิดเผยข้อมูลตัวอย่างรถกระบะไฟฟ้าอย่าง GMC Hummer EV ที่สร้างแรงบิดมหาศาลระดับ 15,592 นิวตันเมตรออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยถึงข้อมูลแหล่งพลังงานอย่างแบตเตอรี่ออกมาแต่อย่างใด แต่ล่าสุดก็มีออกมาแล้ว เพราะทาง GM บอกว่า จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเป็นความจุที่ใหญ่กว่าของ Tesla ถึง 2 เท่าตัว
นาทีนี้ ค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างก็มุ่งหน้าหารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด แต่ละค่ายก็จะมีแนวทางที่แตกต่างกันไป แต่ค่ายรถยนต์แดนไวกิ้งนามวอลโว่ อาจเลือกแนวทางเดียวกันกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าตัวพ่ออย่าง Tesla ด้วยการเลือกวิธีผลิตแบตเตอรี่ไว้ใช้งานเอง
หลังจากมีรายงานข่าวเรื่องการจับมือกันระหว่าง 2 บริษัทแดนอาทิตย์อุทัย โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่กับ พานาโซนิค ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ ทำการร่วมกันผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อช่วงต้นปี 2019 ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป