จากจักรยานดัดแปลง สู่แบรนด์รถสุดยิ่งใหญ่ในนาม Honda
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 10 พ.ย. 59 00:00
- 76,873 อ่าน
Honda ถือได้ว่าเป็นอีกยี่ห้อรถยนต์ของญี่ปุ่น ที่ได้รับการยอมรับอย่างดีผ่านผู้ใช้ทั่วโลก และแน่นอนว่าในบ้านเรา ก็เป็นยี่ห้อที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆอยู่ทุกปี แต่เคยทราบไหมครับว่าจุดกำเนิดของ Honda นั้น เริ่มจากการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับทาง Toyota มาก่อน แต่วันนี้กลายเป็นคู่แข่งสำคัญไปแล้ว วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ Honda ให้มากขึ้นดีกว่าครับ
Honda นั้น ก่อตั้งโดยนาย Soichiro Honda ที่เกิดตั้งแต่ปี 1906 ในเมืองแถวภูเขาฟูจิ ในครอบครัวของช่างตีเหล็กที่ยากจน ในวัยเด็กของเขาทำหน้าที่ส่วนใหญ่กับการทำงานเป็นผู้ช่วยของพ่อเขา และมีธุรกิจทำร้านซ่อมจักรยานด้วย โดยนาย Honda นั้น ชื่นชอบเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์มากๆ โดยครั้งแรกที่เขาได้เห็นรถยนต์วิ่งในหมู่บ้าน ก็ทำให้เขาตกหลุมรักมันได้ตั้งแต่แรกเห็นแล้ว
เมื่ออายุ 15 Soichiro Honda ตัดสินใจออกจากบ้านเดินทางสู่โตเกียวเพื่อหางานทำ และได้เข้าทำงานในอู่รถแห่งหนึ่งชื่อ Art Shokai ถึงจะได้ค่าแรงอันน้อยนิด แต่เขาก็มองว่าการได้รับประสบการณ์นั้นสำคัญที่สุด ด้วยความขยันทำงาน จึงไปเตะตาเข้ากับ Yuzo Sakakibara เจ้าของอู่เข้า จึงได้เรียกตัวให้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยเขาโดยตรง จุดนี้เองที่ทำให้ Honda ได้เรียนรู้การซ่อมเครื่องยนต์มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งวิธีการตกลงพูดคุยกับลูกค้าอีกด้วย นอกจากนี้ Sakakibara ยังได้ซึมซับความชื่นขอบ Motorsport ให้กับ Honda อีกด้วย ด้วยการดึงมาช่วยกันพัฒนารถยนต์เพื่อใช้ลงแข่งช่วงปี 1923 เริ่มจากสร้าง "Art Daimler” รถยนต์ที่ดัดแปลงเครื่องยนต์เก่าของ Daimler ให้เป็นรถแข่ง และต่อมากับ Curtiss ที่ดัดแปลงเอาเครื่องยนต์ของเครื่องบินมาดัดแปลงใส่ในรถแข่ง ซึ่งรถคันนี้ตอนหลังได้บรรจุอยู่ในหอรถยนต์เก่าของ Honda อีกด้วย รถคันนี้ทำการลงแข่งและชนะได้ในปี 1924 ด้วยฝีมือการขับของ Sakakibara โดยมี Honda เป็นช่างเครื่อง
จนถึงอายุ 20 ปี Honda ถูกเรียกตัวเข้าเป็นทหารช่วงสงครามโลก แต่โชคดีที่เขาเป็นตาบอดสี จึงไม่ถูกบรรจุเข้าประจำการ ไม่อย่างนั้นบนโลกนี้อาจจะไม่มีรถยนต์ยี่ห้อ Honda ก็เป็นได้
จนถึงเมื่อปี 1928 Sakakibara ก็ไว้ใจ Honda เป็นอย่างมาก จนเปิดร้าน Art Shokai สาขาใหม่ในเมือง Hamamatsu ให้ทาง Honda ได้บริหารเองอย่างอิสระ เริ่มจากคนงานเพียงคนเดียว จนเมื่อถึงปี 1935 อู่ก็เติบโตจนมีคนงานอยู่ราว 30 คนเลยทีเดียว และในปีนี้เองที่ Honda ได้แต่งงานกับ Sachi และช่วยกันดูแลกิจการได้เป็นอย่างดี
จุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อปี 1937 ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่สภาวะสงคราม จนทำให้วงการ Motorsport ในญี่ปุ่นก็ต้องหยุดลงไปด้วย Honda จึงเริ่มที่จะเปลี่ยนการทำธุรกิจไปเป็นโรงงานผลิตแหวนลูกสูบ โดยเปิดบริษัทใหม่ชื่อ Tokai Seiki Heavy Industry โดยลงทุนคู่กับ Tokai Seiki เพื่อนของเขา แต่ด้วยความรู้ด้านนี้น้อย ทำให้กิจการย่ำแย่ลง Honda จึงตัดสินใจเข้าเรียนต่อภาคค่ำที่ Hamamatsu Industrial Institute จนสำเร็จการศึกษาเมื่อปี 1939 แล้วกลับมาพัฒนาสินค้าใหม่อีกครั้ง
Soichiro Honda ได้สัญญาการส่งชิ้นส่วนแหวนลูกสูบกับทาง Toyota Motor แต่สินค้าที่ส่งไป 50 ชิ้น กลับมีเพียง 3 ชิ้นเท่านั้นที่ผ่านมาตรฐานของ Toyota เขาจึงทำการศึกษาค้นคว้ากับสถาบันการศึกษาและโรงงานต่างๆเพื่อเพิ่มความรู้อีก ในที่สุดเขาก็สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้สำเร็จ จนสามารถสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่มีคนงานระดับ 2,000 คนได้ รวมทั้งยังได้รับ Order เพิ่มจากทาง Nakajima Aircraft อีกด้วย
แต่ด้วยสภาวะสงคราม โรงงานของ Honda ถูกควบคุมโดยกระทรวงอาวุธ และในปี 1942 บริษัทก็ถูกซื้อหุ้นกว่า 40% ไปโดย Toyota และ Honda ก็ถูกลดระดับจากประธานให้เป็นเพียง senior managing director เท่านั้น แถมคนงานชายในโรงงานยังถูกต้อนไปเป็นทหารออกรบทั้งหมด เหลือเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่ทำงานอยู่ในโรงงาน ด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้หญิงที่ต้องทำงานในโรงงาน เขาจึงได้คิดค้นระบบผลิตระบบผลิตแหวนลูกสูบแบบอัตโนมัติเป็นผลสำเร็จ และใช้งานได้อย่างดีในช่วงนั้น
แต่ก็เหมือนฟ้ายังทดสอบความอดทนอีก เมื่อญี่ปุ่นที่ใกล้แพ้สงคราม ถูกระเบิดถล่มอย่างหนัก จนทำให้โรงงานของเขาที่ Yamashita ถูกทำลาย แถมซ้ำด้วยแผ่นดินไหว จนทำให้โรงงานที่ Iwata ก็พังพลายลงไปอีกแห่งหนึ่ง ในที่สุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1945 ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของ Soichiro Honda เลย
หลังสิ้นสงครามได้ 1 ปี กับสภาวะที่ยากลำบาก Honda ได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนเพื่อเก่า Kenzaburo Inukai ที่กำลังทำกิจการแท็กซี่ แล้วได้ไปเห็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตัวหนึ่งที่ใช้งานสำหรับเครื่องส่งวิทยุสมัยสงคราม เขาก็เกิดแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจใหม่ขึ้นมาทันที โดยเริ่มกลับมาเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์ที่เขาถนัดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าเดิมตรงที่ เขาจะทำหน้าที่เป็นนักประดิษฐ์ด้วย โดยไอเดียแรกที่เขาตั้งใจจะทำคือ ติดพลังให้กับจักรยาน เพราะหลังจากจบสงคราม คนญี่ปุ่นต้องมาใช้จักรยานในการเดินทางเป็นหลัก และยังใช้เป็นรถขนส่งของอีกด้วย ถ้ามีการติดเครื่องยนต์ไปก็น่าจะช่วยอำนวยความสะดวกได้ ซึ่งอุปกรณ์ต้นแบบนั้น เป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ที่ใช้กระติกน้ำร้อนเป็นถังน้ำมัน ขับเคลื่อนด้วยการใช้ลูกกลิ้งไปหมุนล้อหน้า จนทำให้จักรยานเคลื่อนไปได้ แต่จากการใช้งานนี้ทำให้ยางหน้าเกิดสึกหลอง่าย ยางรั่วบ่อย แนวคิดนี้จึงถูกยกเลิกไปอย่างรวดเร็ว ภายหลัง Honda จึงดัดแปลงใหม่ให้ลูกกลิ้งหมุนสายพานที่ต่อกับล้อหลัง ด้วยการขับเคลื่อนแบบนี้ ทำให้จักรยานของเขาได้รับความนิยม จนในที่สุดเมื่อตุลาคมปี 1946 เขาจึงได้เปิดบริษัท Honda Technical Research Institute ขึ้นมาอย่างเป็นทางการเพื่อผลิตจักรยานยนต์ ที่เครื่องยนต์ถูกดัดแปลงจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสมัยสงครามให้มากขึ้น
หลังจากที่ผลิตจักรยานยนต์ล็อตแรกจำนวน 500 คันออกมาแล้ว จนไม่สามารถหาเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาผลิตได้อีก Honda จึงตัดสินใจผลิตเครื่องยนต์เป็นของตัวเอง จนได้ออกมาเป็น Honda A-Type จากยอดขายที่ดี ทำให้ในปี 1949 จึงได้กำเนิดเป็น Honda Motor Co., Ltd. อย่างเป็นทางการ และในปีนี้เองที่ Honda สามารถผลิต Honda D-Type รถจักรยานยนต์ที่ทั้งคันถูกผลิตจาก Honda ทั้งหมดได้เป็นผลสำเร็จ และรุ่นนี้ถือเป็นจักรยานยนต์ซีรี่ย์ Dream เป็นรุ่นแรกอีกด้วย และด้วยการเติบโตที่รวดเร็ว Honda ก็กลายเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 1964 ได้อย่างไม่ยากเย็น
ในปี 1959 Honda ก็ได้เข้าสู่ตลาดใหญ่ที่อเมริกา โดยตั้งบริษัท American Honda Motor Co., Inc. ที่ลอสแอนเจลิส เพื่อผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ Honda ซึ่งถือเป็นบริษัทนอกญี่ปุ่นแห่งแรกของ Honda เลย
ในปี 1962 Honda เริ่มเข้าสู่ตลาดรถยนต์นั่ง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ S360 ในสนามแข่งรถ Suzuka Circuit โดยที่นาย Soichiro Honda ลงทำการขับลงสนามด้วยตัวเอง หลังจากนั้นในงาน The 9th Japan National Auto Show 1962 Honda ได้เปิดตัวรถยนต์ทีเดียว 3 รุ่นคือ S360 และ S500 ที่เป็นรถสปอร์ต และ T360 ที่เป็นรถกระบะ การเปิดตัวครั้งนี้เรียกความสนใจจากผู้ร่วมงานทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างมาก และปีต่อมาก็เริ่มวางจำหน่ายจริง เริ่มด้วยรุ่น T360 ก่อนในเดือนสิงหาคม และต่อมาด้วยรุ่น S500 ในเดือนตุลาคม ซึ่งก่อนวางจำหน่าย Honda ได้ลงโฆษณาหนังสือพิมพ์ เพื่อให้ทุกคนมาร่วมกันทายว่า Honda S500 คันนี้มีราคาเท่าไหร่ ซึ่งมีผู้ร่วมเข้ามาทายมากถึง 5.7 ล้านคำตอบ ถือว่าเป็นการร่วมสนุกมากที่สุดในช่วงนั้น สุดท้ายก็ประกาศราคามาที่ 459,000 เยน ส่วนรถยนต์รุ่นแรกที่เผยโฉมคือ S360 นั้น ไม่มีการผลิตเพื่อออกจำหน่ายจริง
ปี 1964 Honda บุกตลาดประเทศไทย ด้วยการส่งรถจักรยานยนต์เพื่อมาจำหน่ายผ่านตัวแทนคือ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และมีการก่อสร้างโรงงานเพื่อประกอบขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกภายใต้บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ในปีต่อมา
ในปี 1966 Honda ได้เอาใจตลาดที่ต้องการมีรถยนต์ส่วนตัวไว้ใช้งาน ทำการเปิดตัว Honda N360 รถยนต์ขนาดเล็กในราคาย่อมเยาเพียง 313,000 เยน ในงาน Tokyo Motor Show ครั้งที่ 13 เพื่อให้แต่ละครอบครัวสามารถเดินทางไปไหนด้วยกันได้อย่างสบาย และเมื่อทำการวางจำหน่ายจริงในช่วงปีถัดมา Honda N360 สามารถทำยอดจองได้ถึง 22,500 คันในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ทั้งที่ตลาดก่อนวางจำหน่าย มีรถยนต์นั่งที่จดทะเบียนในญี่ปุ่นต่ำกว่า 10,000 คันด้วยซ้ำไป และปี 1968 ก็เริ่มส่งออกรถยนต์ N-Series (N360 และ N600) ในระยะเวลาเพียง 13 เดือนหลังการวางจำหน่ายรถยนต์ขนาดเล็กของ Honda สามารถทำยอดขายได้มากถึง 1 ล้านคันเลยทีเดียว
ปี 1968 จักรยานยนต์ Honda สามารถขายคันที่ 1 ล้านในอเมริกาได้เป็นผลสำเร็จ และยังเป็นปีที่เปิดตัว Honda H1300 รถยนต์ Super Sedan ที่โรงแรม Tokyo's Akasaka Prince รถยนต์ที่ทาง Honda ตั้งใจให้เป็นรถยนต์ที่สามารถวางจำหน่ายได้ทั่วโลก มีขนาดใหญ่กว่า N-Series เครื่องยนต์พลัง 96 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ 175 กม./ชม. พร้อมทั้งระบบความปลอดภัยและเครื่องอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยที่สุด
อีกสิ่งสำคัญในปี 1968 คือ Honda ได้เปิดตัวระบบเกียร์อัตโนมัติ Hondamatic ที่ถูกพัฒนาจากแผนกวิจัยและพัฒนาของ Honda ติดตั้งลงใน Honda N360 ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Honda ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ
ในปี 1972 Honda ได้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์แบบใหม่ CVCC (Compound Vortex Controlled Combustion) ที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่าเดิม เพื่อรองรับการประกาศลดการปล่อยไอเสียจากรถยนต์ทั้งของทางญี่ปุ่นและอเมริกา แต่ในช่วงแรก ได้ติดตั้งเครื่องยนต์นี้ลงบน Nissan Sunny ก่อน เพราะ Honda เองยังไม่มีรถยนต์ที่ขนาดใหญ่พอที่จะวางเครื่องยนต์รุ่นนี้ ซึ่งนโยบายของนาย Soichiro Honda ก็ประกาศชัดเจนว่า เพื่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม เขายินดีที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีนี้แก่ค่ายรถอื่นๆ ดังนั้นทาง Toyota จึงได้ทำการเซ็นสัญญาเพื่อร่วมศึกษาและพัฒนาในเครื่องยนต์แบบ CVCC นี้ทันที และเจ้าต่อมาก็คือ Ford, Chrysler และ Isuzu
ปี 1972 Honda ได้เปิดวางจำหน่าย Honda Civic เป็นครั้งแรกของโลกที่ญี่ปุ่น โดยรุ่นแรกที่ผลิตออกมาเป็นแบบ 2 ประตู เปิดตัวในช่วงเดือน กรกฎาคม และแบบ 3 ประตูในช่วงเดือน กันยายน และปีต่อมากับรุ่น 4 ประตู ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของ Honda ที่ใส่เครื่องระบบ CVCC ลงมาด้วย จนได้รับรางวัล 1973 Car of the Year Award จาก Motor Fan magazine จากนั้นในปี 1975 ก็ได้ส่ง Honda Civic ไปจำหน่ายที่อเมริกาด้วย จนกลายเป็นรถยนต์ Honda รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลกจนกระทั่งปัจจุบัน
ในปี 1976 ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์โดยสารที่ระดับ Hi-Class นาม Honda Accord ที่ตั้งเป้าหมายให้เป็นรถยนต์สำหรับผู้ใหญ่ ตามความหมายของ Accord ว่า "Harmony and Agreement" โดยรุ่นแรกที่ทำการออกวางจำหน่ายนั้น เป็นแบบ 3 ประตู Hatchback ออกวางจำหน่ายช่วงเดือนพฤษภาคม ทำยอดขายทะลุไปถึง 8,000 คัน/เดือน หลังจากวางจำหน่ายได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น และสามารถทำยอดขายได้รวม 53,752 คันในปีที่เปิดตัว ทำให้คว้ารางวัล 1976 Car of the Year Award จาก Motor Fan magazine ตามรุ่นพี่อย่าง Honda Civic ไปอย่างไร้ข้อกังขา ในปีต่อมาก็ได้เริ่มออกวางจำหน่าย Honda Accord 4 ประตู ช่วงเดือนตุลาคม จนทำให้ยอดขายรวมของ Honda Accord ในปี 1977 มีมากถึง 83,941 คัน
ปี 1983 Honda ได้เปิดบริษัทในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท ฮอนด้า คาร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และเปิดตัวฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรุ่นแรกในปี 1984 จนถึงปี 1990 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรวมส่วนงานการผลิต และการจัดจำหน่ายเข้าไว้ด้วยกัน
ปี 1986 ได้ยุบรวมตัวแทนจำหน่ายจักรยานยนต์ Honda ทั้งหมดเข้ารวมกับส่วนผลิต แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เพื่อเป็นผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวจนถึงปัจจุบัน
ปี 1986 ได้มีการเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อว่า Acura เพื่อผลิตรถยนต์ในระดับหรูหราเพื่อสนองความต้องการในตลาดฝั่งอเมริกา โดยรุ่นแรกที่วางจำหน่ายคือ Acura Legend ในปี 1987 และได้มีการเปิดตัวซูเปอร์คาร์คันแรกในนามของ Acura คือ NSX ปี 1990
หลังจากนั้นเป็นต้นมา Honda ก็ก้าวกระโดดขึ้นไปเป็นแบรนด์ผู้นำลำดับต้นๆของอุตสาหกรรมยานพาหนะทั้งในตลาด 2 ล้อและ 4 ล้อ ระดับโลก ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในประเทศไทยด้วย ซึ่งแน่นอนว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้นเกิดมาจากแนวทางการทำงานที่แน่วแน่ของนาย Soichiro Honda ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาสินค้าของเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 5 สิงหาคม 1991 แต่ปรัชญาการทำงานของเขาที่ว่า "ชีวิตไม่คุ้มค่าที่จะอยู่หรอก ถ้าหากว่าไม่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด" ก็ยังคงส่งต่อสู่พนักงานของ Honda ทุกคนทั่วโลกอยู่ตลอดไป และถึงแม้เราจะเห็นความสำเร็จของ Honda อย่างมากมาย แต่ Soichiro Honda ก็เคยพูดไว้อีกเช่นกันว่า "ความสำเร็จเป็นเป็นเพียง 1% ของการทำงานทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานล้มเหลว 99%"
ข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Honda
https://en.wikipedia.org/wiki/Soichiro_Honda
http://world.honda.com/history/challenge/index.html
https://www.dek-d.com/board/view/1551140/
http://www.honda.co.th/th/company/overview
th.wikipedia.org/wiki/เอ.พี.ฮอนด้า
https://en.wikipedia.org/wiki/Acura
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com