ทำความรู้จักรถ Safety Car ทำหน้าที่ใน F1 ทั้ง Aston Martin Vantage และ Mercedes-AMG GT R

ถ้าใครติดตามการแข่งขัน Motor Sport อย่างรถสูตร 1 (F1) มาบ้าง คงจะได้เห็นรถที่วิ่งนำหน้าช่วงก่อนการแข่งขัน และช่วงที่มีธงเหลืองขึ้นในยามที่เกิดอุบัติเหตุ ที่เขาเรียกกันว่ารถ Safety Car แล้ว ซึ่งปีนี้เป็นปีพิเศษหน่อย ที่รถที่ลงมาทำหน้าที่นั้นมีมาถึง 2 รุ่น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นทั้ง 2 รุ่น

 

จากการที่ Lawrence Stroll เจ้าของทีม Racing Point ได้ทำการซื้อ Aston Martin มาเป็นกิจการส่วนตัว ทำให้ทีมได้เปลี่ยนเป็นชื่อ Aston Martin อย่างเป็นทางการ และปีนี้เลยขอสิทธิ์ในการนำรถแบรนด์ตัวเองมาลงทำหน้าที่รถ Safety Car ด้วย โดยนำเอารถสปอร์ตตัวท็อปอย่าง Aston Martin Vantage มาดัดแปลงให้เป็นรถนำหน้าเพื่อความปลอดภัย ใช้เครื่องยนต์ตัวแรง 4.0 ลิตร V8 Twin Turbo ที่ให้ความแรงสูงสุด 527 แรงม้า (bhp) แรงบิดสูงสุด 685 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปที่ล้อหลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 314 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีการปรับช่วงล่างและระบบ Aerodynamics ใหม่เพื่อให้สามารถนำรถ F1 ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ตัวล้อใช้แม็กซ์ขนาด 21 นิ้ว

Aston Martin Vantage มีจำหน่ายในรุ่น F1 Edition ด้วย ในราคาเริ่มต้นที่ 142,000 ปอนด์ หรือประมาณ 6.19 ล้านบาทที่ประเทศอังกฤษ

Mercedes-AMG GT R

เมอร์เซเดส ได้ทำหน้าที่รถ Safety Car มาตั้งแต่ปี 1996 และส่วนใหญ่ใช้บริการ Mercedes-AMG มาโดยตลอด ในปีนี้เลือกใช้งาน Mercedes-AMG GT R ตัวแรงสุดของค่ายตราดาวสามแฉก ใช้บริการเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร V8 Bi-Turbo ที่ผลิตกำลังได้สูงสุด 585 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ Dual-Clutch ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ในเวลา 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 318 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใส่ล้อแม็กซ์ด้านหน้าเป็นขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 275/35 ZR19 ส่วนด้านหลังเป็นขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 325/30 ZR20

Mercedes-AMG GT R มีวางจำหน่ายในรุ่นปกติที่เยอรมนี เริ่มต้นที่ 217,850 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.82 ล้านบาท ส่วนในประเทศไทยนั้นมีราคาจำหน่ายอยู่ที่เริ่มต้น 18 ล้านบาท

ข้อมูลจาก F1