10 เรื่องน่าเบื่อของอุปกรณ์ในรถยนต์ ที่ไม่อยากให้มี
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 22 มี.ค. 62 00:00
- 6,612 อ่าน
ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ พยายามสรรค์หาสิ่งที่ดีที่สุดเอามาใส่ไว้ในรถยนต์ เพื่อให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ภายใต้ราคาที่เหมาะสมกับรถคันนั้น แต่กับบางอย่าง บางเรื่องของอุปกรณ์เหล่านี้ แทนที่จะเพิ่มความสะดวก กลับไปสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งานมากกว่า เรามาดูกันหน่อยดีกว่า ว่าอุปกรณ์ไหนบ้าง ที่สร้างเรื่องน่าเบื่อให้กับเรา และไม่อยากให้มันมีบนรถของเราเลย
ช่องวางแก้วน้ำที่ใหญ่เกินไป
เคยบ้างไหมที่เจอรถที่มีช่องวางแก้วน้ำที่ทำเอาไว้เผื่อให้วางแก้วได้ทุกขนาด แต่มันมีขนาดใหญ่มาก เมื่อเราเอาขวดน้ำหรือแก้วน้ำขนาดปกติวางเอาไว้ แล้วเราเผลอออกตัวรถแรงไปหน่อย ขวดหรือแก้วน้ำก็ล้มลงมาจนทำให้น้ำหกใส่รถของเราจนเกิดเรื่องน่าหงุดหงิดขึ้นมา จริง ๆ แล้ว ที่วางแก้วควรจะมีขนาดที่สามารถใส่แก้วหรือขวดขนาดกลาง ๆ ได้พอดีก็เป็นพอ ไม่ต้องเผื่อเอาไว้ เพราะส่วนน้อยมากที่จะเอาขวดหรือแก้วขนาดใหญ่มาใช้งานบนรถยนต์
กระจกหน้าต่าง ที่อัตโนมัติมากเกินไป
กระจกหน้าต่างของประตูรถแบบไฟฟ้านั้น ถ้าบานไหนที่เป็นแบบ Auto เราสามารถกดขึ้นสุด-ลงสุดได้ในการกดทีเดียว แต่ก็ยังสามารถเลื่อนแบบไม่ต้องสุดได้ด้วยการยกปุ่มเบา ๆ แต่กับบางรุ่นมันไม่ใช่อย่างนั้น มันจะเป็นระบบอัตโนมัติที่เมื่อกดแล้วมันจะขึ้นสุดและลงสุดได้เท่านั้น ไม่สามารถแง้มกระจกลงมานิดเดียวได้ เรียกว่า ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องสุดเท่านั้นจริง ๆ
วิทยุรถยนต์ไม่สามารถหาคลื่นแบบปรับเองได้
เคยเจอกันไหมกับวิทยุรถยนต์ที่ไม่สามารถกดหาคลื่นด้วยตัวเองได้ เวลาเลื่อนเปลี่ยนคลื่น มันจะเลื่อนหนาแบบ Auto แต่บางคลื่นเวลาสัญญาณมันไม่ค่อยชัด ระบบค้นหามันจะข้ามคลื่นนั้นผ่านไปเลย เราไม่สามารถค่อย ๆ เลื่อนเพื่อให้หยุดตรงคลื่นที่เราต้องการได้ เวลาเจอแบบนี้ มันน่าเบื่อจัง
กุญแจรถอันใหญ่มโหฬาร
เวลาที่เราเจอกุญแจรถยนต์ โดยเฉพาะพวกที่เป็นแบบ Keyless ที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้โทรศัพท์มือถือ จริงอยุ่ว่าสำหรับสาว ๆ อาจจะใส่เอาไว้ในกระเป๋าถือแล้วเจอง่าย แต่สำหรับผู้ชายอย่างเราที่มักจะเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงล่ะ มันจะดูน่าเกะกะขนาดไหน เพราะไหนจะกระเป่าสตางค์, โทรศัพท์มือถือ แล้วมาเจอกุญแจรถขนาดยักษ์อีก ใหญ่ก็ใช่ว่าจะดีนะ
หน้าจอระบบสัมผัสที่ตอบสนองแสนเชื่องช้า
สิ่งที่เราต้องการเห็นเวลาใช้งานหน้าจอระบบสัมผัสในรถยนต์ ก็คือการตอบสนองต่อนิ้วของเราได้ไวเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่กับบางรุ่นมันไม่ใช่แบบนั้น กดไป 1 ที กว่าจะเปลี่ยนหน้าไปตามทีเรากด ต้องรออีก 2-3 วินาที บางทีกดไป 1 ครั้ง หน้าจอไม่ตอบสนอง เลยกดซ้ำไปอีกครั้ง กลายเป็นเรากดที่เดิมไป 2 ครั้ง เข้าไปในเมนูที่เราไม่ต้องการอีก เจอแบบนี้เข้าไปคงน่าเบื่อไม่ใช่น้อย
เตือนเข็มขัดไม่คาดตอนถอยหลัง
เข้าใจแหล่ะว่า ตอนใช้รถก็ควรจะคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย แต่ช่วงขับรถถอยหลัง บางคนก็ถนัดที่จะหันหน้าไปดูด้านหลังด้วยตาตัวเอง การปลดเข็มขัดออกก่อนชั่วคราว จะทำให้การหันนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่บางรุ่นกลับเตือนให้คาดเข็มขัดแม้กระทั่งตอนถอยหลัง ซึ่งมันน่ารำคาญน่าเป็นอย่างมากเลย
ระบบสั่งการด้วยเสียงที่ไร้ความสามารถ
ระบบสั่งการด้วยเสียงบนสมาร์ทโฟน ทั้ง Siri บน iOS หรือ Google Assistant บน Android เป็นระบบที่รับคำสั่งได้เกือบสมบูรณ์ แต่กับบางค่ายนั้น ก็พยายามสร้างระบบรับคำสั่งเสียงด้วยตัวเองขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับของบนสมาร์ทโฟน ทำให้เวลาคนในรถสั่งออกไปด้วยเสียง ระบบในรถดันฟังคำสั่งไม่ได้เสียนี่ สั่งให้เปิดวิทยุ ดันโทรหาแม่ สั่งให้เบาแอร์ ดันเปิด Sunroof อะไรประมาณนี้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ เอาระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ไปใส่ไว้ในรถแทน แล้วให้ใช้งานสั่งการด้วยเสียงผ่านผู้เชี่ยวชาญอย่าง Siri หรือ Google Assistant แทน
ไฟในห้องโดยสารไม่ดับทันที แม้จะล็อกรถแล้วก็ตาม
เข้าใจว่า การหน่วงเวลาในการดับไฟภายในห้องโดยสารให้ช้าลง จะช่วยให้เรามองสิ่งของในรถได้ถี่ถ้วนอีกรอบ และจะดับทันทีเมื่อสั่งล็อกรถ แต่กับบางรุ่นนั้น ถึงแม้เราจะล็อกรถแล้ว ไฟก็ยังไม่ดับทันที ต้องรอหน่วงไว้อีกประมาณ 10 วินาทีถึงจะดับ ประเด็นก็คือ เราเองก็ไม่แน่ใจว่าไฟที่ติดนั้น มันจะดับไปเองจริงหรือเปล่า หรือว่าเราเผลอเปิดไฟเอาไว้เอง เลยต้องยืนรอจนกว่าไฟจะดับถึงจะเดินไปจากรถได้ มันน่าเบื่อมากถ้าเจอเรื่องแบบนี้
ระบบนำทางไม่สามารถกดได้ตอนรถวิ่ง
เข้าใจว่า ผู้ผลิตต้องการให้ระหว่างการขับขี่รถ ต้องมีสมาธิอยู่กับถนน ดังนั้นจึงล็อกระบบหน้าจอนำทางให้ไม่สามารถกดใช้งานได้ระหว่างที่รถยังวิ่งอยู่ แต่เข้าใจไหมว่า บางทีเราก็ต้องการเปลี่ยนเส้นทาง หรือค้นหาเส้นทางแบบกระทันหัน แล้วถ้าต้องเจอกับถนนเส้นที่ห้ามจอดตลอดแนว เราจะทำวิธีไหนเพื่อให้กดระบบนำทางได้ล่ะ สรุปคือต้องให้ใช้ Google Maps บนโทรศัพท์มือถือแทนใช่ไหม หงุดหงิดจัง
ไม่มีช่อง USB ให้ใช้เสียบง่าย ๆ
โลกเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว แต่ก็ยังมีรถบางคันที่ยังไม่มีช่อง USB ให้ใช้งาน หรือถ้ามีก็ซ่อนอยู่ในจุดที่ลึกลับมาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ช่วยติดช่อง USB มาให้สักหน่อย แล้วติดในจุดที่เสียบง่าย ๆ ด้วยทีเถอะ ขอร้อง
บทความจาก Driving
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com