เปิดตำนานรหัสแรง Honda Type R กำเนิดตระกูลสมรรถนะที่ครองใจทั่วโลก
- โดย : Autodeft
- 24 ต.ค. 57 00:00
- 33,852 อ่าน
ตามติดตำนานตระกูลแรงจากค่ายรยถนต์ยอดนิยม Honda Type R สมรรถนะระดับสนามแข่งที่อยู่ในรถยนต์บนถนน
“If Honda does not Race , There is no Honda” วลีเด็ดที่เชื่อว่าจะทำให้สาวกของ Honda ฮึกเหิม เมื่อค่ายรถยนต์ พลังแห่งความฝันสร้างสรรค์ผลงานในการประชันการขับขี่ เรารู้พวกเขาเคยไปถึง formula 1 แต่ที่เราคุณกว่าคงไม่พ้นตระกูลแรง Honda Type R ปฐมบทความแรง ที่เน้นในสมรรถนะการขับขี่
ทุกคนรู้จัก Honda Type R แต่เราอาจจะไม่รู้ว่าตำนานความแรงนี้เริ่มที่ไหน ในขณะที่เราอาจจะคุ้นกับว่ามันอยู่ใน Honda Civic แต่ที่จริงความเข้าใจของเราอาจจะคลาดเคลื่อน ถ้ารู้ว่า Type R เกิดจากอะไร
ตำนานของรถยนต์ถนนสมรรถนะสูงจากค่ายรถยนต์ชั้นนำญี่ปุ่น เป็นความไม่ตั้งใจภายใต้แรงบันดาลใจที่อยากให้คนที่ซื้อรถยนต์ทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงรถยนต์ในสไตล์ตัวแข่งขันในสนาม และความตั้งใจที่จะทำให้หลายคนมีโอกาส สัมผัส เป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงที่ว่า ทำไมต้องเรียกว่า Type R และ พวกเขาพรีเซนท์ตรา Honda พื้นแดงตัวอักษรขาว เพื่อบ่งบอกชัยชนะที่มาจากสนามแข่งรถยนต์ระดับโลก Formula 1 และตัวตนที่มาจากสนามแข่ง
รถรุ่นแรกที่เข้าสู่ตระกูล Type R มันคือ สปอร์ตคาร์ที่หลายคนรู้จักกันดี กับ Honda NSX ที่สร้างสีสันในวงการสปอร์ตตามแบบ ฉบับ Honda
Honda NSX Type R เน้นตัวตนที่มาพร้อมสมรรนถะการขับขี่มากขึ้น ในแนวรถยนต์เพ่อการแข่งขัน เริ่มจากมันเบากว่าพี่น้องของมัน Honda NSX ที่มีพิกัดปกติที่ 1,350 กก. ในเวอร์ชั่น Type R มันถูกรีดน้ำหนักหายไป 120 กก. เหลือเพียง 1,230 กก.
มันไม่มีหลายๆที่ให้ความสบายในรถบ้าน เช่น ระบบปรับอากาศ วัสดุเก็บเสียง รวมถึงกระจกไฟฟ้า ทั้งที่ในปี 1992 ของแบบนี้เป็นสิ่งที่มีในรถยนต์ แต่สมรรถนะของมันที่มาจากเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ยังมาพร้อมกำลัง 280 แรงม้า แต่มันแรงกว่าด้วยความเบา และหลายคนไม่ค่อยได้เจอมัน เพราะมันมีขายในญี่ปุ่นเท่านั้น
เพื่อการตอบสนองตลาดโลกในปี 1995 โดยประมาณ Honda Intregra จึงเป็นรถรุ่นที่สองที่ออกมาทำตลาดในตระกูล Type R เราหลายคนคุ้นเคยเจ้า Honda Intregra รุ่นนี้ในรหัส DC 2 และนับเป็นครั้งแรกที่เครื่องยนต์ สี่สูบแถวเรียงเข้ามามีบทบาทในการขับขี่ทำสมรรถนะ พวกเขาสามารถรีดกำลังจากเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ได้มากถึง 200 แรงม้า และถือเป็นรถ Honda Intregra Type R รุ่นแรกที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นด้วย ทั้งยังไม่มีวางจำหน่ายในภูมิภาคอื่นของโลก
ปี 1997 Honda ย่อความเป็น Type R ลงมาอีก และ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเลือกรถยนต์คอมแพ็คคาร์ยอดนิยมมาทำ กำเนิดแรก Honda Civic Type R นั้น เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ในรุ่น Honda Civic EK9 และมันย่อขนาดเครื่องยนต์ลงเป็นบล็อก 4 สูบ 1.6 ลิตร แต่ให้กำลังอย่างสะใจ 185 แรงม้า จากเครื่อง B16 B ที่ตอบโจทย์ในการขับขี่ที่ดุดัน มีการปรับระบบช่วงล่างด้วยค้ำโช๊ค และสปอร์ยเลอร์หลัง และมันยังคงเป็นรถที่ขายเฉพาะในญี่ปุ่น อยู่เช่นเดิม
ปีถัดมา Honda อยากลองตลาดใหม่ๆกับ ตระกูล Type R พวกเขาตัดใจในการทำรถยนต์นั่งสมรรถนะสูงใน Honda Integra อีกครั้ง โดยในรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกที่ตระกูล Type R เริ่มทำตลาดในยุโรปและอเมริกา แต่มีการปรับสมรรถนะหลายอย่างเพื่อตอบความลงตัวมากขึ้น เริ่มจากตัวถังมีการเชื่อมประสานมากขึ้นในหลายๆจุด
รวมถึงโพลงโช๊คใช้เหล็กที่ยางกว่าเพื่อน้ำหนักที่น้อยลงกว่าเดิม บุกันเสียงหายไปจากเดิมราวๆ 10 % และ กระจกหน้าที่บางลง ในขณะที่เครื่องยนต์ทำให้เร่งได้อย่างเร้าใจ ถึง 8,400 รอบต่อนาที และยังมีการทำพอท ใหม่ที่มีความลงตัวยิ่งขึ้น ด้วยมือในทุกคัน เป็นงานสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครเทียม
แม้จะเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร สามารถ ทำกำลังได้มากถึง 190 แรงม้า แต่ Honda ก็สูญเงินกับ Honda Integra Type R ไปมากพอสมควร แต่พวกเขาจำต้องทำเพื่อจะลงใน N series รวมถึง World Cup Racing เหตุผลนั้นง่ายมาก คือการทำเครื่องยนต์บางอย่างด้วยมือทำให้ Honda Integra type R นั้นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และแม้ทุกคันที่ขาย จะหมายถึงเงินที่เข้าเนื้อ Honda เอง แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะทำ ตอบโจทย์เรื่องสมรรถนะ ในการขับขี่ และหลายสื่อต่างประเทศ ต่างยกย่องว่า Honda Integra Type R รุ่น DC2 คือ หนึ่งในที่สุดรถขับหน้าสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้น
ปี 1999 เมื่อ Honda เริ่มเห็นว่าตลาดสมรรถนะพอจะไปได้ ในยุโรป Honda เลยนำชื่อของ Type R มาลองกับในรถยนต์นั่งหรู Honda Accord ดูบ้าง
พวกเขานำร่างตัวหรูมาปรับสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลัง 217 แรงม้า รหัส H22A ซึ่งสาวกตัวหรูบ้านเรารู้จักกันเป็นอย่างดี โดย Type R Honda Accord นั้น ไม่ได้มีดีที่เครื่องยนต์สมรรนถะแรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับ ระบบกันสะเทือน และโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม ท่อไอเสียคู่ เบรกสองสูบ ล้อขอบ 17 นิ้ว ไฟซีนอน รวมถึง ภายในที่มาพร้อมพวงมาลัย Momo และ เบาะนั่ง Recaro ที่เข้ามาตอบโจทย์ในการเดินทาง ซึ่งที่จริงด้วยความเป็นตัวหรู ทำให้ ไม่ค่อยมีคนต้องการรถยนต์ครอบครัวที่มีสมรรถนะสูงมากมายนัก แต่ การผลิตก็เพื่อให้ได้ตามกฎลงแข่งขัน ในรายการ European Super Touring Cup ปี 2000 นั่นเอง
ในปี 2001 Honda Integra Type R กลับมาอีกครั้ง บนตัวถังใหม่ ใช้รหัสว่า DC5 และมาพร้อมมาตรฐานของ Type R จากโรงงาน โดยในครั้งนี้ เครื่องยนต์ถูกปรับเป็นเครื่อง 2.0 ลิตร ในรหัส K20A ให้กำลัง 220 แรงม้า สมรรถนะที่เร้าใจมากขึ้น ส่วนหนึ่งได้มาจากระบบวาล์วแปรผันใหม่ iVTEC สามารถปรับองศาได้มากถึง 50 องศา ส่วนเรื่องการซิ่งน้น ยังได้เบรก 4 พอท เบาะนั่งซิ่งจาก Recaro เกียร์ทดชิด 6 สปีด และ ช่วงล่างที่หนึบมากขึ้น รวมถึง เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปแบบเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่ง
ปีเดียวกัน Honda จับเอา Honda Civic Type R รุ่น EP 3 ร่าง สามประตูของ Honda Civic รุ่นที่ 6 หรือที่บ้านเราชอบเรียกว่า Civic Dimension มาจัดการปฏิบัติการซิ่ง โดยเน้นตอบโจทย์ในตลาดยุโรปเท่านั้น
เครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงเป็นต้นกำลังบล็อก K20A ที่คุ้นเคยใน Honda Integra แต่มันมีการทำงานใหม่หลายอย่างเริ่มจากรอบเชื่อมไร้รอบต่อ ซึ่งเป็นมาตรฐานของรถ Type R เกียร์ทดชิด 6 สปีด ถูกนำเข้ามาประจำการ เบรกที่ดีกว่า มันมาพร้อมเฟืองท้าย LSD พร้อมทำการซิ่ง และด้วยความนิยมในยุโรปอย่างมาก
ในท้ายที่สุด Honda ตัดสินใจจะตอบโจทย์ตลาดสมรรถนะในญี่ปุ่น ด้วยการหิ้วเอา Honda Civic Type R รุ่น EP3 กลับบ้าน ข้ามน้ำข้ามทะเลจาก โรงงานที่สวินดอนในอังกฤษ
ซึ่งแม้จะกล่าวว่าสร้างในอังกฤษแต่ความพิเศษใน Honda Civic Type R EP 3 JDM หรือเวอร์ชั่นขายในบ้านเกิดน้น ต่างจากที่ขายในยุโรปพอสมควร เริ่มแรก เครื่องยนต์ทุกคัวในรถที่ขายในญี่ปุ่นจะถูกกประกอบจากญี่ปุ่น ก่อนส่งไปอังกฤษ โดยเมื่อเทียบกันทั้งสองเวอร์ชั่น เครื่องยนต์ K20A จากญี่ปุ่น มีกำลังอัดมากกว่า ชุดวาล์วเอง ก็มีระยะยกสูงกว่า ระบบสั่งการประมวลผลเครื่องยนต์ถูกปรับจูนใหม่ และได้ชุดฟลายวีลโครโมลี่ ที่สำคัญทำกำลังเพิ่มเป็น 215 แรงม้าในการขับขี่
ปี 2002 อีกครั้งที่ Honda กลับมาให้ความสนใจในรถยนต์ที่เป็นตำนานของพวกเขา Honda ลงมือสั่งลา Honda NSX อีกครั้งด้วยเวอร์ชั่นของ Type R เช่นเดิมมันยังเป็นความภูมิใจของชาวญี่ปุ่นที่พวกเขาไม่ปล่อยรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นนี้ไปไหนจากบ้านเกิด รถ Honda NSX Type R 2 นี้ยังคงมีขายในญี่ปุ่นที่เดียวเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าขาแรง
ในแวอร์ชั่นใหม่นี้ ตัวรถมีการปรับสมรรถนะเพ่อเพิ่มความเบามากขึ้น โดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เข้ามาตอบโจทย์ในการขับขี่ เหมือนเช่น NSX-R รุ่นก่อน มันไม่มีเพลงไม่มีแอร์ และที่สำคัญกว่านั้น ไม่มีระบบพวงมาลัยพาวเวอร์มาช่วยการขับขี่ รวมถึงเทคนิคจากรุ่นเดิมถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ความเบา นั่นทำให้มันมีสมรรถนะที่ดีขึ้นในการขับขี่
ถึงแม้ว่าจะมีหลายอย่างที่เปลี่ยนไป แต่ประเด็นหลักสมรรถนะของ Honda NSX R รุ่นที่สองนี้อยู่ที่เครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่มาพร้อมต้นกำลังที่ปรับสมรรถนะมากขึ้นเป็น V6 3.2 ลิตร ประกอบเครื่องโดยช่างผู้ชำนาญการของ Honda และในเครื่องมีการวิศวกรรมใหม่หลายอย่างที่ไม่ได้เปิดเผยออมาแต่มันดีพอที่จะทำให้เครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นเครื่องที่สามารถเร่งกำลังได้สูงขึ้น และยังสามารถทำสมรรถนะการขับขี่ได้มากขึ้นถึง 290 แรงม้า
และในปี 2003 นักทดสอบรถของ Honda ,โมโตะฮารุ คูโรซาว่า ได้พิชิตเวลาที่ดีที่สุดของ 2003 Honda NSX Type R ใหม่นี้ที่สนามนูเบิร์กริงด้วยเวลา 7.56 นาที ต่อรอบ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถยนต์อย่าง Ferrari 360 Challenge stradale ทำได้ แต่มันมีกำลังน้อยกว่าเกือบ 100 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกัน
ปี2007 ได้เวลาเกิดใหม่ของตระกูล Type R อีกครั้ง และครั้งนี้เป็นคิวของ Honda Civic ที่ปรับเอาเหลามาว่ามันเป็นความท้าทายต่อตลาดอย่างมาก เมื่อ Honda ตัดสินใจจะทดลองอะไรใหม่ใน Type R พวกเขานพำเอาตัวถังรถฮอนด้า ซีวิคปี 2007 รุ่นซีดาน มาตอบโจทย์สมรรถนะในการขับขี่มากขึ้น
กระบวนการพิธีทางด้าน Type R เริ่มต้นขึ้น เริ่มจากเครื่องยนต์ที่เข้ามาประจำการอีกครั้งด้วยเครื่องยนต์ K20A ให้กำลังสูงสุด 222 แรงม้า ที่ 8,400 รอบต่อนาที เทคโนโลยี Drive By Wire จาก NSX ถูกเพิ่มเข้ามา และมันมีความแตกต่างมากขึ้นด้วยงานประณีตในการขัดพอท ส่งลงเกียร์ทดชิด 6 สปีด และชุดเฟืองท้าย LSD ใหม่เพิ่มความลงตัวในสมรรถนะมากขึ้น
และเช่นเดียวกันมันยังต้องมีความสามารถในการเข้าโค้งความเร็วสูงได้ รวมถึงการสั่งยุดต้องดีตามไปด้วยระบบเบรกทางด้านห้า จึงเรียกหา Brembo 4 พอท มาพร้อมจานเบรกขนาด 320 มม.
แต่พร้อมกันนี้ Honda ก็ยังไม่ลืมกับเรือนร่างที่จะต้องดูดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถบ้าน ชุดแต่งที่เน้นหลักการอากาศพลศาสตร์เข้ามาช่วยให้รถมีความลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันมาพร้อมสปอรยเลอร์หลังขนาดใหญ่ เน้นความดุดันรอบคัน รวมถึงล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วเน้นความหล่อเหลาในการขับขี่มากขึ้นด้วย
การวางจำหน่าย Honda Civic Type R ในญี่ปุ่นในเวอร์ชั่นซีดาน กลายเป็นที่ไม่ประทับใจนักในยุโรป ทำให้ในยุโรป Honda Civic Type R ถูกเปลี่ยนตัวตนเป็นในสไตล์ของรถแฮทช์แบ็ค 3 ประตู ใช้รหัสว่า FN2 ซึ่งนอกจากเรือนร่างที่มีความแตกต่างแล้ว
ยังมีการปรับในส่วนของเครื่องยนต์ ซึ่งด้วยข้อจำกัดในเรื่องสิ่งแวดล้อมในยุโรป กลายเป็นส่วนสำคัญทำให้มันมีกำลังน้อยกว่าด้วยเพียง 198 แรงม้า ในการขับขี่ ซึ่งแม้จะน้อยกว่าแต่ยังคงเป็นรถที่มีความลงตัวในแบบ Type R จาก Honda
ตระกูล Type R เรียกว่าเป็นหนึ่งในรถที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในตลาดสปอร์ตสมรรถนะ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้แรงเร้าใจแบบถึงกึ๋นมากมานัก แต่ในอีกไม่นาน ตลาดโลกจะมีโอกาสต้อนรับน้องใหม่ในตระกูล Type R ที่จะมาเขย่าตลาดให้โดนใจมากขึ้น เมื่อพูดถึงเจ้ารถรหัสแรงตระกูลนี้
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com