รีวิวรถจักรยานยนต์ Royal Enfield Continental GT 650 และ Interceptor INT 650 ปลุกตำนานเครื่อง Twins ให้กลับมาอีกครั้ง
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 2 พ.ย. 61 00:00
- 30,232 อ่าน
หลังจากได้มีการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางรุ่นใหม่ของแบรนด์ Royal Enfield ทั้ง 2 รุ่นอย่าง Interceptor INT 650 และ Continental GT 650 อย่างเป็นทางการในงาน EICMA 2017 ที่ประเทศอิตาลีกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งคู่มาพร้อมเครื่องยนต์แบบสองสูบคู่เรียง (Parallel Twin Engine) แบบใหม่ขนาด 650 ซีซี ที่จะตอบสนองการขี่ได้ดีมากยิ่งขึ้น
โดยทางทีมงาน Autodeft ได้รับเกียรติจากทาง Royal Enfield บินลัดฟ้าไปร่วมงานทดสอบรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นใหม่ Interceptor INT 650 และ Continental GT 650 กันที่เมือง Santa Cruz รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการที่แรกในโลก ซึ่งราคาค่าตัวในไทยคาดว่าจะอยู่ที่ราว 2.4 แสนบาท (Interceptor INT 650) และ 2.6 แสนบาท (Continental GT 650)
มาเริ่มกันที่รูปลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นนี้กัน โดยส่วนของตัวเฟรมทั้ง Royal Enfield Continental GT 650 และ Interceptor 650 มีขนาดเท่ากันทั้ง 2 รุ่น แต่มีความแตกต่างกันในสไตล์ของใครของมันอยู่อย่างสังเกตได้สำหรับชาวสองล้อ โดยทางฝั่งของ Continental GT 650 จะค่อนข้างที่ดูเท่และสปอร์ตกว่าด้วยดีไซน์ของท่าขี่ เบาะที่นั่ง และการออกแบบตำแหน่งของแฮนท์จับ
ส่วนของเรือนไมล์นั้นเป็นแบบเข็มสไตล์คลาสสิคทรงกลมซ้ายขวา พร้อมปุ่มตรงกลาง โดยฝั่งซ้ายจะเป็นมาตรวัดความเร็วของรถมีทั้งหน่วยกิโลเมตร และหน่วยไมล์ พร้อมหน้าจอดิจิตอลบอกข้อมูลเลขไมล์รวมของรถ น้ำมัน ที่บริเวณส่วนของด้านล่าง และด้านขวาเป็นมาตรวัดรอบของเครื่องยนต์ดีไซน์เรียบง่าย
ไฟหน้ามาในสไตล์คลาสสิคทรงกลมแบบยุคเก่า โดยใช้เป็นหลอดแบบฮาโลเจนในการส่องสว่าง ติดตั้งมาพร้อมชิลหน้าขนาดไม่ใหญ่ ที่ถูกออกแบบให้มีส่วนที่เป็นโลหะขอบด้านล่างสีเงิน พร้อมสลักคำว่า Royal Enfield
ส่วนของไฟท้ายมีขนาดเล็กมาพร้อมทรงเหลี่ยมแบบคลาสสิค รวมไปถึงไฟเลี้ยวแบบออริจินัล ที่อยู่แนวเดียวกันกับไฟท้ายยื่นออกมาทั้งสองฝั่ง และเมื่อมองจากด้านท้ายแบบนี้จะสังเกตเห็ได้กับท่อคู่ที่แยกออกมาทั้งสองข้างและทำมุมเฉียงออก เพิ่มความเท่อย่างมีสไตล์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งมาพร้อมกับโครเมียมเงางามตลอดทั้งเส้น
ด้านของระบบกันสะเทือนนั้นด้านหลังเป็นโช๊คอัพแบบคู่พร้อม Piggy back ที่สามารถปรับระดับได้ ส่วนด้านหน้าเป็นโช๊คอัพแบบ Telescopic ส่วนของระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกมาพร้อม ABS จาก Bybre ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมล้อซี่ลวดรัดด้วยยาง Pirelli ขนาด 18 นิ้ว ทั้งหน้าและหลัง
ส่วนของขุมกำลังมาพร้อมเครื่องยนต์สองสูบใหม่ 4 จังหวะ แบบเพลาลูกเบี้ยวแบบเดี่ยวเหนือฝาสูบ (SOHC) มีสองลูกสูบคู่เรียง ขนาด 648 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ และส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด
โดยฝั่งของรุ่น Interceptor INT 650 นั้น มาในรูปแบบ Classic Roadster อย่างแท้จริง ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากยุค 60 ซึ่งในยุคนั้นเป็นที่นิยมกันมากกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ชมวิวเรียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย โดยการออกแบบครั้งนี้ได้รับการผสมผสานดีไซน์จากยุค 60 แทบจะทุกประการ เพื่ออนุรักษ์ความคลาสสิคของรุ่นนี้ไว้ให้คงอยู่
มาพร้อมถังน้ำมันทรงคลาสสิคแบบหยดน้ำ ความจุถังน้ำมัน 13.7 ลิตร เบาะนั่งคู่และแฮนด์จับที่กว้าง ขับขี่สบายสำหรับทุกท่าในการขับขี่ ถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย ด้วยช่วงแฮนด์จับที่กว้างออกแบบทำให้รู้สึกสบายและสะดวกในการเข้าโค้ง มีคล่องตัว สามารถให้การควบคุมตัวรถได้ค่อนข้างถนัดและง่ายดาย ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 804 มม. ทำให้การขี่นั้นเพลิดเพลินและมั่นใจสำหรับในทุกเส้นทาง
ซึ่งหลังจากที่ได้ทดสอบรุ่น Interceptor INT 650 กันไปแล้วนั้น อัตราเร่งการเปิดคันเร่งช่วงต้นมาเร็วติดมือ มีช่วงในการทำความเร็วไปถึงราว 140 กม./ชม. แต่ตัวรถยังพอที่จะสามารถขี่ไปต่อได้ถึงความเร็ว 175 กม./ชม. ระบบกันสะเทือนในรุ่นนี้ปรับเซ็ตมาได้อย่างลงตัวมอบประสบการณ์การขี่ที่ค่อนข้างสบายและไม่เหนื่อยล้า ไม่ค่อยรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเหมือนรุ่นอื่น ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินในการขี่ถึงแม้ว่าระยะทางจะค่อนข้างไกลก็ตาม ส่วนของระบบเบรกที่มาพร้อม ABS ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ให้ความมั่นใจได้เมื่อต้องการชะลอหรือหยุดรถในเรื่องความปลอดภัย ส่วนของท่านั่งนั้น มีตำแหน่งที่ลงตัวในท่าขี่ไม่รู้สึกเมื่อยหรือปวดหลังเมื่อต้องขี่ระยะเวลานานๆ ตำแหน่งวางขาออกแบบมาพอดี ระดับของแฮนด์จับสะดวกและถนัด ส่งผลให้สามารถขี่เข้าโค้งได้สบาย
มาถึงกับอีกหนึ่งรุ่นที่ได้ขี่ทดสอบกันกับ Continental GT รถจักรยานยนต์สไตล์ Cafe Racer ยุค 50-60 รูปทรงเท่ โฉบเฉียว ตำแหน่งท่านั่งจะอยู่ในแนวของรถทรง Sport ตัวแฮนด์ของรถจะเป็นแบบจับโช็ค ตำแหน่งพักเท้าคนขับจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าตัว Interceptor INT 650 ทำให้รุ่นนี้ดูเพรียวลงและท่าทางในการขี่ที่มอบกว่าในลุค Cafe Racer อย่างแท้จริง โดยจะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ไม่ว่าจะเดินทางในเมืองหรือการขี่ระยะไกล
มาพร้อมถังน้ำมันรูปทรงเหลี่ยมแต่ยังมีความโค้งมน มีความจุถึงน้ำมัน 12.5 ลิตร เบาะนั่งแบบเดี่ยว พร้อมครอบตูดมดสไตล์ Cafe Racer ทั้งหมดถูกดีไซน์มาในสไตล์ย้อนยุค ทำให้เพลินสุดๆ ในการขี่เข้าโค้งและทุกเส้นทางของการออกทริปเดินทาง
ความรู้สึกการตอบสนองการขี่ของรุ่น Continental GT ให้ความรู้สึกติดมือทุกครั้งที่เปิดคันเร่ง กำลังมาไวตั้งแต่รอบต้นมีช่วงให้ได้ทดสอบทำความเร็วทำความเร็วได้ถึง 150 กม./ชม. และยังไหลได้ต่อเนื่องไปได้อีก จากช่วงที่ได้ขี่ทดสอบมีอาการสั่นในช่วงของเกียร์ 4 และเกียร์ 5 ที่พอรู้สึกได้เมื่อเทียบกับความรู้สึกจากรุ่น Interceptor แต่โดยรวมแล้วยังถือได้ว่ามีการพัฒนาระบบการสะเทือนที่ดีขึ้นกว่ารุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ส่วนท่านั่งของตัว Continental GT ด้วยสไตล์แบบ Cafe Racer ที่ผู้ขี่จะถูกบังคับให้ต้องโน้มตัวไปข้างหน้ามากกว่ารุ่นอื่นๆ แน่นอนว่าเมื่อต้องขี่ระยะทางไกลจะรู้สึกเมื่อยกว่าตัว Interceptor แน่นอน แต่ในจังหวะที่มีการเข้าโค้งช่วงต่างๆ นั้นให้ความคล่องตัวและเข้าได้ง่ายกว่านั้นเอง
เมื่อกล่าวถึงการกลับมาของเครื่องยนต์ Parallel Twin ที่จะทำให้ Royal Enfield กลับมาสู่ตลาดเทียบเท่ากับมาตรฐานรุ่นยุโรปค่ายอื่นๆ ทั่งในด้านของการออกแบบ คุณภาพของชิ้นส่วน รวมไปถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ ที่มีความประทับใจมากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าทั้ง 2 รุ่น จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงเรื่องของสไตล์ก็ตาม ความแตกต่างนี่แหละจะมีสิ่งที่ทำให้ผู้ที่ได้มาสัมผัสทั้ง 2 รุ่นนี้ จะได้รับประสบการณ์ครั้งใหม่ด้วยความเพลิดเพลินจากการที่ได้ขี่ ท่าทาง และฟิลลิ่งในแต่ละเส้นทาง
สำหรับชาวสองล้อในไทยที่กำลังรอคอยการมาของ Royal Enfield Continental GT 650 และ Interceptor 650 จะมีการเปิดตัวพร้อมราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง โดยราคาที่คาดการณ์กันนั้น น่าจะเปิดมาในช่วง 2 แสนกลาง ซึ่งต้องรอติดตามกันต่อไป
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com