Test Ride : Honda Africa Twin M/T ครบสุดสมรรถนะทัวร์ริ่งพร้อมลุยค่ายปีกนก
- โดย : Autodeft
- 21 ธ.ค. 59 00:00
- 146,613 อ่าน
ตั้งแตกระแสบิ๊กไบค์เริ่มกลายมาเป็นที่นิยมของคนไทย เราต้องยอมรับว่ารถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่กลายเป็นหนทางใหม่ๆในการเดินทาง มันมาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่ที่ครบเครื่องตอบสนองได้ดีและแถมยังมาพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะท้าลมหนาว หรืออาบแดดไปกับคนรู้ใจ นับเป็นประสบการณ์ที่หลายคนเฝ้าอยากจะสัมผัส
ปลายปีที่ผ่านมา Honda สามารถขายรถจักรยานยนต์ทัวร์ริ่งรุ่นสำคัญได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากกระแสการตอบรับและความนิยมของ Honda CB500X และเป็นที่ถูกใจยิ่งของสาวกจากค่ายนี้ แต่เมื่อสาวกต้องการจะเดินหน้าอัพสมรรถนะก็จนใจที่จะอยู่ต่อค่ายสองล้อรายนี้ พวกเขามีทัวรืริ่งรุ่นใหญ่ที่มีราคากระโดดไปราวๆ 8 แสน หรือในตระกูลที่ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน เจ้า Honda NC750 X ก็ยังดูไม่ใช่สำหรับหลายคน
ตั้งแต่ปีกลาย สาวกฮอนด้าดูจะใจชื้นมากขึ้นเมื่อมีกระแสข่าวในการทำรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งรุ่นใหญ่กึ่งสไตล์ Adventure เน้นเที่ยวแบบสมบุกสมบันขับสนุกลุยแหลก เตรียมจะออกมาทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลก หลายคนเชื่อนี่คือเกมที่ Honda ต้องการในการปลุกจิตวิญญาณในอดีต ที่เคยมีของทัวร์รุ่นใหญ่วัยเดอะ Honda XRV750 หรือที่บางคนอาจจะเรียกอย่างชินปากว่า “Honda Pharoah” จากผลงานการลุยบนเส้นทางโหดในการแข่งขันปารีส-ดาร์การ์ ของตัวแข่ง Honda NXR 750 ที่สร้างมาจาพื้นฐานเดียวกัน จนมีชัยเหนือคู่แข่งในช่วงปี 80
รถ Honda Africa Twin รุ่นก่อนหน้านี้
ก่อนจะมาเป็น Honda XRV750 เคยปรากฏรุ่น XRV650 มันมาพร้อมการขับด้วยชุดเพลาส่งตรงลงล้อ ด้วยชุดเครื่องยนต์ 650 ซีซีให้กำลัง 56 แรงม้า แต่เรื่องราวเกี่ยวกับมันก็มีน้อยมากจนหลายคนไม่ได้จดจำ
จนกระทั่งฮอนด้าชนะการแข่งขันทางโหด จึงออกรถมอเตอร์ไซค์ Honda XRV750 มาฉลองการคว้าชัยด้วยการเอาทรวดทรงจากตัวแข่งมาใช้เป็นเอกลักษณ์ประจำรุ่น อาทิไฟหน้าสองดวง ,บังลมหน้าขนาดใหญ่ ,เบาะนั่งสองตอนชิ้นเดียว จากถึงน้ำมันไปจรดทางด้านหลัง และแน่นอนขุมพลังจากสายพันธุ์ลุยขนานแท้พร้อมสรรพในการเดินทางด้วยเครื่องยนต์ V Twin 742 ซีซี 6 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ใต้เครื่องมีที่บังเครื่องยนต์กันหิน รวมถึงชุดโช๊คที่มีระยะยืด-ยุบยาวเป็นพิเศษ และเบรกหน้าจานคู่
การเปิดตัวในเดือนธันวาคมปี 1989 ส่งให้ในปีต่อมารถคันนี้เป็นที่รู้จักของตลาดและนาทีนั้นมีเพียงฮอนด้าที่ทำรถแบบนี้ออกมาในราคาที่จับต้องได้ และนั่นคือเรื่องราวเมื่อ 30 ปีที่แล้ว สมัยคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาว...
วันเวลาที่เนินน่าน Honda XRV750 เริ่มตายจาก ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ต้องการอะไรที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ และตลาดกลุ่มทัวร์ริ่งสายลุย Honda ถือว่าเป็นค่ายเดียวจากแดนอาทิตย์อุทัยที่พอจะมีศักยภาพในการหาญกล้าขึ้นต่อกรกับคู่แข่งจากแถบยุโรป ไม่ว่าจะ BMW GS1200, Ducati multistrada หรือ Triumph Tiger Explorer และนั่นทำให้พวกเขาปั้นตำนาน Honda Africa Twin กลับขึ้นมา
เรือนร่างใหม่ Honda Africa Twin เกิดขึ้นจากความตั้งใจของฮอนด้าในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งสายลุยขี่โหดพร้อมทุกสถานการณ์และทุกที่ ที่นักขี่อยากจะไป
Honda Africa Twin จากงาน Tokyo Motor Show 2015
ตัวรถ Honda Africa Twin เปิดเผยครั้งแรกในงาน Eicma ปี 2014 ทว่าตอนนั้นรถไม่มีใครเดารายละเอียดตัวรถออกมา เนื่องจากมีการซ่อนเร้าด้วยการพลางตัวรถ ตลอดจนโคลน จนกระทั่งหลังจบงานทาง Honda จึงเปิดวีดีโอชุดย้อนตำนานสายลุยรุ่นใหญ่ เป็นสัญญาณชัด Honda Africa Twin ใหม่ มาแน่นอน !!
ส่วนตัวยอมรับว่าทีแรกไม่ได้สนใจเจ้า Honda Africa Twin สักเท่าไร ด้วยคิดว่าราคาก็น่าจะกระโดดไปไกลจากพิกัด 1000 ซีซี ออกมาเอาใจลูกค้าขาแรงทั้งหลาย ผมพบ Honda Africa Twin ครั้งแรกในระหว่างการเดินทางไปงาน Tokyo Motor Show ตัวรถที่นำมาจัดแสดงภายในงานทำเอาน่าสนใจไม่น้อย มันออกแบบมาครบสรรพพร้อมลุยติดอุปกรณ์ชุดปี๊ปพร้อมทัวร์ไปทุกที่ตามใจคุณปรารถนาเป็นความฝันหนึ่งของนักขี่ทัวร์ริ่งทั้งหลาย
จนเมื่อเข้าประเทศไทยอย่างเป็นทาง Honda Big Wing ประกาศราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 550,000 บาท ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ทำให้รถดูน่าสนใจจนส่วนตัวอยากได้มาครอบครอง และวันนี้ผมมีโอกาสที่จะเอามันมาลองให้รู้เสียที
ต้องบอกตามตรงว่าทีแรกผมไม่คิดว่าจะเอาเจ้า Honda Africa Twin มาลอง ด้วยความแรงของตัวรถที่เกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมมันให้เชื่องได้ แต่มันก็เหมือนเป็นโชคชะตา หลังจากที่ผมถามนายโทนี่ PR แห่งค่ายปีกนกว่า ช่วงนี้มีมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งอะไรว่างบ้าง จะเอามีขี่ส่งท้ายปีรับลมหนาว บังเอิญเป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะที่เจ้ารุ่นใหญ่คันนี้ว่างเว้นจากการออกศึกกับเพื่อนสื่อสายมอเตอร์ไซค์พอดี จึงเป็นโอกาสดีที่จะลองรุ่นใหญ่ทัวร์ริ่งสายลุยคันนี้กัน
ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก ตัวรถ Honda Africa Twin ทำเอาผมแปลกใจจากทรวดทรงการออกแบบที่แตกต่างของมัน แต่เมื่อมาอ่านย้อนตำนานรถลุยรุ่นใหญ่ ก็ทำเอาผมเลิกสงสัยถึงหน้าตาที่ออกมาเป็นสไตล์ลุย ด้วยดีเอ็นเอที่สืบสานมาจากรถแข่งปารีสดาร์การ์ทำให้ตัวรถออกมาทางสายแรลลี่มากกว่า
อย่าแปลกใจถ้าตัวรถจะไม่ได้ออกแบบมาเป็นทรงนกๆ อย่างที่เคยเป็นมาตามสไตล์อันคุ้นตาในรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งทั้งหลาย แต่มันทันทักทายด้วยชุดไฟหน้าสองตา ออกแบบมาเป็นแบบรถสายลุยขนานแท้คล้ายสวมแว่นนักบิน ในโคมให้ไฟหน้า LED ช่วยในการส่องสว่างยามค่ำคืน พร้อมไฟเลี้ยว LED กลางวันติดตลอดเป็น Day Time ไปด้วยในตัว
ทางด้านหน้าให้บังลมหน้าขนาดใหญ่สามารถปรับระดับ กระจกบังลมเพิ่มขึ้นได้ 1 ระดับ ตัวรถมาพร้อมการ์ดแฮนด์เสร็จสรรพ ใต้เครื่องยนต์มีกันกระแทกมาให้ ตัวรถมาพร้อมท่อไอเสียปรับยกสูง ออกแบบมาพร้อมลุย แน่นอนมันมาพร้อมล้อซี่ลวดบ่งบอกความเป็นสายลุยขนานแท้ ด้านหน้าใช้ยาง 90/90-21M/C54H ส่วนทางด้านหลังใช้ยาง 150/70R18M/C70H
โหย่งตัวขึ้นนั่ง Honda Africa Twin ต้อนรับผมด้วยความสูงขอตัวรถจากเบาะนั่งที่ปรับมาสูงถึง 870 มม. และสามารถปรับที่นั่งด้วยการปรับตั้งจุดยึดเบาะนั่ง จะทำใหตัวเบาะลดระดับลงมาเป็น 850 มม. ได้โดยง่าย เหมาะสำหรับนักขี่ไซส์เอเซียทั่วไปทั้งหลายช่วยให้ยืนได้เต็มเท้า แต่สำหรับผมเบาะนั่งตำแหน่งสูงสุดเป็นจุดเหมาะสมให้ความสบายในการขี่ ถึงผมจะเป็นคนร่างสูงใหญ่ 182 ซ.ม. ก็ยังยืนได้เพียงครึ่งเท้า แม้จะสวมบูธขี่มอเตอร์ไซค์แล้วก็ตามที
ผมใช้เวลาปรับตัวเข้ากับความสูงใหญ่ของตัวรถสักพักใหญ่ เจ้า Honda Africa Twin แนะนำตัวด้วยมิติความยาว 2,335 มม. กว้าง 930 มม. และสูง 1,475 มม. รถมาพร้อมระยะฐานล้อ 1,575 มม. ตัวรถเปล่าหนักถึง 232 กก. ขนาดมิติเรือนร่างดังกล่าวทางฮอนด้ากล่าวว่า มันคือขนาดเดิมที่พวกเขาใช้กับเจ้า Honda Africa Twin รุ่นก่อนหน้านี้ แต่รุ่นใหม่เครื่องยนต์มีกำลังมากขึ้น 1.5 เท่า (เทียบกับรุ่นเดิม) เมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งในพิกัดใกล้เคียงกัน อย่าง VFR1200 รุ่นใหญ่เครื่อง 1200 ซีซี Honda Africa Twin เบากว่า 43 กิโลกรัมและมันน่าแปลกใจยิ่งขึ้น เมื่อตัวรถยังเบากว่า VFR800X ที่มีวางจำหน่ายในต่างประเทศถึง 13 กิโลกรัมอีกด้วย
ความสูงตัวรถช่วยให้เรามีทัศนวิสัยที่กว้างไกลในยามขับขี่มากกว่าที่คิด ตรงหน้าคุณมีมาตรวัดดิจิตอล ครบครันด้วยรอบเครื่องยนต์ ตัวบอกตำแหน่งเกียร์ และฟังชั่นต่างๆที่จำเป็นรวมถึงระดับการเปิดระบบช่วยควบคุมแรงบิดหรือ Honda Selectable Torque Control
ผมออกตัวจากลาบิ๊กวิงเลียบด่วน เดินทางกลับบ้านโดยใช้เส้นทางถนนเกษตรนวมินทร์มุ่งหน้ากลับบ้านย่านเมืองนนทบุรี Honda Africa Twin เริ่มตีซี้ทำความรู้จักมากขึ้น หลังยัดถังด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มาจนเต็ม
ในช่วงแรกของการเดินทางในเมืองต้องยอมรับว่า ขนาดตัวรถที่มีความใหญ่โต ทำเอารู้สึกเก้งก้างในการขับขี่ในเมืองอยู่บ้าง แถมพิกัดน้ำหนักของรถก็ไม่ธรรมดา ทำเอาคุณต้องออกแรกกับบิ๊กเบิ้มคันนี้อยู่ไม่น้อย นั่นไม่นับเจ้าการ์ดแฮนด์ที่ทำให้ช่วงมุดการจราจรไปตามซอกหลืบแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการขับขี่ ยิ่งเจอรถกระบะจอดระยะเท่ากันยามรถติดอย่าหวังว่าคุณจะมุดผ่านมันไปง่ายๆ
ปัญหาหนึ่งที่ผมเจอใน Honda Africa Twin คือกระจกมองข้างมีขนาดเล็กไป เมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ ผมว่า กระจกมองข้าง Honda 500X รุ่นน้องยังดูใหญ่กว่านี้ แม้สำหรับหลายคนอาจจะไม่ได้สนใจอะไร แต่ถ้าคุณต้องขี่รถทางไกลหรือซอกแซกไปตามการจราจร คุณจะรู้สึกได้ว่ากระจกมองข้างเป็นอะไรที่สำคัญมาก และ เมื่อกระจกยิ่งเล็กก็จะยิ่งมุมอับสายตามากขึ้น ทำเอาผมขี่ไปปรับกระจกไปอยู่บ่อยครั้ง จนเสียสมาธิในการขี่ไปหลายครั้งเหมือนกัน
รวมถึงตลอดการขับขี่ในเมือง ผมพบว่าหลายครั้งเครื่องยนต์จะวอดดับเองอยู่บ่อยในย่านความเร็วต่ำ ทีแรกเข้าใจว่ามาจากความไม่คุ้นเคยในการปล่อยคลัทช์ ทว่าเมื่อบ่อยครั้งเข้าก็จับอาการได้ว่ามันน่าจะมีอาการมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า เพราะการวอดดับจะเป็นในช่วงความเร็วต่ำมากๆ จริงๆ เช่นระหว่างที่ไหลแทรกการจราจร ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะด้วยขนาดและน้ำหนักตัวรถ อาจจะทำให้เสียการควบคุมได้ (ซึ่งตอนหลังคืนรถได้รับคำตอบว่ามาจาก การทำงานของระบบควบคุมแรงบิด หากเปิดระดับสูงสุดจะเกิดอาการนี้เป็นเรื่องปกติ)
โอเค!!! ใครจะเอาตัว 1000 ซีซี มาขี่ในเมืองคุณอาจจะคิด นั่นทำให้วันตัดสินใจทิ้งการงานแตะนิ้วเข้าออฟฟิศอันแสนน่าเบื่อยกข้ออ้างชักแม่น้ำทั้งห้า ออกเดินทางกับเจ้า Honda Africa Twin
ก่อนเดินทางผมจัดการเติมน้ำมันเต็มถังเตรียมความพร้อมในการเดินทาง เหลียวมองระยะการเดินทางบนหน้าปัดก็ทำเอาแปลกใจ รับรถมาวันเดียวเดินทางไปไหนไม่รู้มามากกว่า 108 .9 กิโลเมตร และผมแปลกใจกว่าเมื่อเติมน้ำมันไปเพียง 5.68 ลิตร สรุปตัวเลขอัตราประหยัดในเมืองที่ 19.17 กิโลเมตร/ลิตร หมดข้อกังขาว่าซดไม่ซดน้ำมัน
เซทศูนย์ออกเดินทางได้ข่าวว่าช่วงนี้ทุ่งทานตะวันเมืองลพบุรีบานแล้ว วางปลายทางอออกเดินทางบนถนนสาย 347 จากแถวบ้านตรงยาวไปยังบางปะหัน ก่อนตัดเขาทางอำเภอบ้านแพรก แล้ววิ่งยาวไปยังทางอำเภอโคกตูม..
เมื่อออกขี่ทางไกล เครื่องยนต์ 2 สูบ 998 ซีซีรหัส SD04E ตอบสนองในการขับขี่ได้ดีเกินคาด กำลังสูงสุดของมัน 94 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 98 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที เรียกว่าไม่เป็นสองรองใคร อันที่จริงฮอนด้าเปิดเผยว่ากำลังดังกล่าวมีดีเทียบเท่าเครื่องยนต์จาก Honda CB1300
แถมตัวเครื่องยนต์ที่มาพร้อมชุดข้อเหวี่ยงแบบ 270 องศา ยังตอบสนองช่วยให้รถตอบสนองแรงบิดและความมั่นใจในการขับขี่พอสมควร มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมแรงบิดต่อเนื่องในทุกรอบเร่ง คุณรู้สึกได้ถึงการตอบสนองทุกครั้งที่บิดไปบนปลอกคันเร่งว่ารถจะออกตัวได้อย่างเร้าใจ
การขี่รถจะให้ปลอดภัยหรือไม่ สำหรับมอเตอร์ไซค์ ส่วนหนึ่งต้องมาจากระบบกันสะเทือนของตัวรถ Honda Africa Twin ตอบความมั่นใจด้วยระบบช่วงล่างทางด้านหน้าเทเลสโคปิกแบบกลับหัว มีระยะยืดสูงสุด 230 มม. สามารถปรับตั้ง Preload ได้ และด้านหลังใช้ระบบกันสะเทือนแบบ Pro link มาพร้อมชุดสวิงอาร์มอลูมิเนียม ตัวโช๊คสามารถปรับค่าการตอบสนองความหนืดและ Preload ได้เช่นกัน
ฟังดูศัพท์วิศวกรรมอาจจะวุ่นวายมากมาย แต่เมื่อขับจริงมันหมายถึง Honda Africa Twin ตอบสนองได้ดีไม่หวั่นกระทั่งถนนโลกพระจันทร์ดาวอังคารแบบเส้นอยุธยาสาย 347 ที่พร้อมต้อนรับ ด้วยหลุมบ่อเป็นระยะ คุณสามารถใช้ความเร็วได้อย่างมั่นใจตามต้องการ รถจะผ่านหลุมไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่วงล่างเดิมแม้ไม่ได้ปรับแต่งอะไร ก็ยังตอบสนองยืดและยุบไวพอสมควร มันช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง
แถมในยามเข้าโค้งการตอบสนองช่วงล่างของ Honda Africa Twin ถือว่าทำได้ดีพอสมควร คุณไม่หวั่นเช่นกัน แม้เจอหลุมในโค้งเพียงแต่ในยามเข้าโค้ง อาจจะต้องยอมเล่นตามใจเจ้ายักษ์คันนี้ คุณต้องสนุกไปกับมันแล้วจะค้นพบว่ามันเป็นม้าเชื่องที่แสนรู้ใจคันหนึ่งเลยทีเดียว
Honda Africa Twin ..... คุ้มค่าที่จะคบ ถ้างบประมาณมากพอ
ผมใช้เวลาราวๆ 4 วัน กับ Honda Africa Twin ตลอดที่อยู่ด้วยกันความแรงของเครื่องยนต์ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจในเจ้ายักษ์คันนี้ มันคือรถมอเตอร์ไซค์ที่หลายคนใฝ่ฝัน และราคาในวันนี้ก็ไม่ไหลเกินเอื้อม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าในระหว่างการทดสอบครั้งนี้ ผมสารภาพตามตรงว่ายังไม่มีโอกาสนำเจ้าหนูนี่เข้าไปลุยจริงจังมีเพียงการขับผ่านบนถนนทางลูกรังบ้าง ซึ่งมันก็ตอบสนองได้ดีพอสมควรในการควบคุม ส่วนสำคัญหนึ่งมาจากการแนะนำระบบ Honda Selectable Torque Control ช่วยควบคุมแรงบิดที่สามารถตั้งได้ 3 ระดับทำให้รถอยู่ในอาณัติการควบคุมตลอดเวลา และเจ้าระบบเดียวกันนี้แหละที่ทำให้เครื่องวอดดับเองยามขับขี่ในเมือง ฮอนด้าบอกว่า คุณต้องตั้งในระดับต่ำหรือกลาง ยามขับใช้ในเมืองเครื่องจึงจะไม่วอดดับเอง
แต่กระนั้นถึงหลายอย่างจะดูสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเครื่องยนต์ทรงพลัง ระบบกันสะเทือนที่ตอบสนองได้เป็นอย่างดี ตลอดจน ความปลอดภัยที่ให้มาใด้วยระบบควบคุมแรงบิดในการขับขี่ ทว่า Honda Africa Twin กลับมาตกม้าตายเรื่องขนาดถังน้ำมันของมัน
ถ้าคุณต้องการมีรถมอเตอร์ไซค์ทัวรืริ่งขนาดใหญ่ ระยะทางในการขับขี่สำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก จากการขี่ออกต่างจังหวัดในสภาวะการใช้งานจริง ด้วยความเร็ว 120-150 ก.ม./ช.ม. และบิดโต้ไปที่ 180 ก.ม./ชม. บ้าง ผมยังไม่อาจจะสามารถจะไปกลับจากลพบุรีด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวได้ ทั้งที่จริงสมควรจะทำได้
จากการทดสอบผมพบว่าเมื่อขับมาในระยะทาง 291.8 กิโลเมตร สัญญาณไฟเตือนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระดับต่ำจะขึ้นโชว์ทันทีและนับถอยหลังปริมาตรน้ำมันที่ยังวิ่งได้อีก 3.3 ลิตร ผมลองนำปริมาตรถังน้ำมันมาลบน้ำมันที่เหลือในถังแล้วคำนวนด้วยระยะทางที่วิ่งมาพบว่า Honda Africa Twin ซดน้ำมันนอกเมืองอยู่ที่ 18.77 ก.ม./ลิตร
ถามว่าประหยัดไหม ก็ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ แต่ในการใช้งานจริงเจ้า Honda Africa Twin คงต้องพกสัมภาระติดปี๊ปอะไรต่างๆอีกมากมาย ซึ่งหมายถึงรถจะมีการโหลดน้ำหนักมากขึ้นและต้านลมกว่านี้ อันอาจจะหมายถึงอัตราประหยัดอาจจะแย่กว่านี้ในความเป็นจริง สำหรับผมระยะทางขนาดนี้อาจจะกำลังดีในการจอดแวะพักลงมาเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสายบ้าง
หากเอาในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าถังน้ำมันเจ้า Honda Africa Twin ยังค่อนข้างมีขนาดเล็กไปสักหน่อย ยิ่งถ้าเทียบกับ Honda CB500X ที่ผมใช้อยู่เจ้ายักษ์คันนี้มีขนาดถังน้ำมันใหญ่กว่าเพียง 1.1 ลิตร ทั้งที่เครื่องยนต์โตกว่าเท่าตัว ยิ่งเมื่อย้อนดูข้อมูลจากรุ่นเดิมเจ้าตำนาน ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V Twin ขนาด 750 ซีซี แต่มาพร้อมถังน้ำมัน 23 ลิตร เมื่อมองรุ่นใหม่ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผมจะรู้สึกว่าระยะเดินทางยังไม่ตอบสนองต่อการใช้งานในความเป็นจริง
ผมลงจาก Honda Africa Twin ที่ Honda Big Wing เลียบด่วนยอมรับว่ามันเป็นรถที่น่าประทับใจ การคิดเอาเจ้าตำนานมาสืบสานความชอบของขาลุยของพวกเขาทำออกมาได้ดีในหลายๆ ด้าน แต่อาจจะยังลืมว่าในความเป็นจริงในการใช้งานของลูกค้าบ้างในบางจุด
สำหรับผม Honda Africa Twin เป็นรถที่น่าหมายปอง ราคาของมันไม่ได้แพงจนเกินเอื้อม ถ้าเมียคุณอนุมัติ คุณมีงบประมาณมากพอ และใจคุณชอบออกเดินทางในวันว่าง หากรับได้กับถังน้ำมันที่เล็กเกินจำเป็น และสามารถควบคุมรถที่ค่อนข้างสูงได้ รถคันนี้เหมาะสำหรับคุณ
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง Content Specialist - นักขับทดสอบรถยนต์ Autodeft.com ติดตามได้ที่ Facebook
ขอบคุณ บริษัท เอ พี ฮอนด้า จำกัด และ Honda Big Wing สาขาเลียบด่วนเอกมัน-รามอินทรา ที่ช่วยเอื้อเฟื้อรถทดสอบ Honda Africa Twin เป็นอย่างดี
รถทดสอบ Honda Africa Twin M/T
ราคาจำหน่าย 550,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> มันคือตำนานสายทัวร์ริ่งพร้อมลุยที่กลับมาในราคาจับต้องได้ รถมาพร้อมเครื่องยนต์ที่แรง และการตอบสนองระบบกันสะเทือนที่ดีเกินตัว
สิ่งที่ไม่ชอบ >> ถังน้ำมันยังเล็กไป อาจจะยังไม่เหมาะต่อการเดินทางในระยะไกล หากคุณต้องเที่ยวแบบสายลุยตัวจริง แถมการไม่ใช้เครื่อง V Twin เหมือนรุ่นก่อนทำให้เสน่ห์รถรุ่นนี้หายไป
สิ่งที่อยากให้มี >>> โหมดในการขับขี่รถคันนี้ น่าจะทำให้ขี่ได้สนุกมากขึ้นกว่านี้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> Honda Africa Twin เป็นรุ่นใหญ่ที่มีราคาไม่ไกลเกินเอื้อม มันมาพร้อมเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะ การขับขี่ที่มั่นใจ เพียงแต่คุณต้องยอมรับว่าอาจจะไม่เหมาะที่จะมาขับในเมือง และระยะเดินทางอาจจะไม่ตอบสนองเท่าที่ควรในยามใช้งานจริง
ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่ www.Autodeft.com
หรือผ่านทาง Fanpage Facebook กดไลค์และ Follow ได้ที่ www.facebook.com/autodeft
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com