Hands On : Victory Motocycle ลองขี่สักครั้งแล้วคุณอยากจะมีมันสักคัน

  • โดย : Autodeft
  • 6 ม.ค. 58 00:00
  • 33,361 อ่าน

พบบททดสอบรถมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์สุดเท่ห์ที่ไม่ว่าใครก็อยากจะลองขี่สักครั้ง Victory Motocycle แค่ลองสั้นๆ กรุงเทพ-บางแสน เรายังอยากจะมีมันสักคันกับการสัมผัส Victory Judge และ Victory Hammer S

 

 

เรื่องและขี่ทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

 

 

ถามถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่สุดของที่สุดในตำนาน เชื่อเลยว่าพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ในตระกูล   Cruiser   แล้ว   เจ้าตลาดอย่าง  Harley Davidson   นั้น อาจจะเป็นชื่อเสียงที่หลายคนคุ้นเคยมากกว่าในตลาดมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ แต่หลายปีที่ผ่านในบ้าเรา ชื่อของที่สุดมอเตอร์ไซค์กลับมาอีกครั้งในนามของ   Victory  ชื่อเสียงเรียงนามที่ต้องยอมรับว่าทีแรกอาจจะทำให้เรานึกถึงรถมอเตอร์ไซค์จากอินเดีย แต่ว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์จากอเมริกาขนานแท้ อีกแบรนด์ ที่เริ่มก้าวเข้ามาจับกลุ่มตลาดในบ้านเรา

แม้ต้องยอมรับว่ากับเด็กรุ่นใหม่อย่างผู้เขียน   Victory Motorcycle  แทบจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูเลยก็ว่าได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว  Victory  กลับเป็นมอเตอร์ไซค์จากอเมริกาอีกแบรนด์ที่สั่งสมเรื่องราวไว้อย่างมากมาย ด้วยความเป็นแบรนด์เลือดใหม่ชั้นนำที่ต้องการมาต่อกรปะมือคู่แข่งเจ้าตลาดอย่าง  Harley Davidson โดยตรง

ถ้า  Indian  เป็นตำนานที่ยังคงอยู่ แบรนด์   Victory   ก็เป็นตำนานบทใหม่ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ที่มองหามอเตอร์ไซค์ในทรงของครุยเซอร์มาตอบโจทย์ ในการขับขี่ของพวกเขา ด้วยการที่มันมีบริษัทแม่เดียวกับ  Indian   ในนามของ   Polaris Industry ทำให้แม้จะเป็นเลือดใหม่ของตลาด แต่ก็ได้กลิ่นอายของตำนานเข้ามาผสมผสานในตัวตน หลังจากที่บริษัทแม่ได้เทคโอเวอร์แบรนด์ Indian  เข้ามาสู้อ้อมอกในปี 2011

จะว่าไปแล้ว  Victory   เป็นรถมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ที่หยิบยกเอาแนวคิดเก่าของความเป็นรถมอเตอร์ไซค์สไตล์อเมริกันมาใช้อย่างจริงจัง มันคงความเป็นตัวตน ที่ชัดเจนไม่ว่าจะเครื่องยนต์แบบ   V Twin  สไตล์การออกแบบ ที่ออกมาเป็นอเมริกันขนานแท้ จนไม่ว่าใครก็ต้องมอง

การมาขี่มอเตอร์ไซค์คันละล้านกว่าบาท เชื่อเลยว่า ใครก็คงอาจจะอยากลองสักครั้งในชีวิตนี้ โดยเฉพาะสิงห์สองล้อตัวจริงนี่คือรถมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ชั้นนำแถวหน้า ที่เข้ามาทำตลาดในไทย ให้คนบ้านเราได้มีโอกาสได้จับจองเป็นเจ้าของกัน

 

การเดินทางวันนี้เส้นทางถูกวางเอาไว้อย่างเรียบง่าย เราเดินทางจากย่านพัฒนาการมุ่งสู่ชายหาดบางแสน ก่อนจะเดินทางกลับมายังกทม. คุณลี่ ในฐานะผู้นำเข้ารถมอเตอร์ไซค์  Indian  และ   victory    เผยว่า นี่เป็นการจัดทริปในแบบเดียวกับที่เราจัดให้ลูกค้า ซึ่งจะเป็นการขับขี่ในรูปแบบขบวน เพื่อสร้างความปลอดภัยระหว่างการเดินทางทุกอย่างถูกสำรวจและวางเส้นทางไว้ก่อนที่จะพาเรามาสัมผัสประสบการณ์

แต่แหม!! ถึงส่วนตัวจะขี่บิ๊กไบค์มานานจนชินบางแล้ว แต่กับมอเตอร์ไซค์   Cruiser  มันทั้งหนักทั้งใหญ่ ในการขี่ทดสอบครั้งนี้ เราเลยขอเริ่มจากอะไรที่มันเล็กที่สุดในขบวนก่อน

รถมอเตอร์ไซค์   Victory Judge

Victory Judge   แม้จะไม่ได้ดูเท่ห์มากมายอะไรเมื่อเทียบกับคันอื่นในขบวน แต่เราได้รับคำชี้แนะว่านี่แหละ คือจุดเริ่มต้นที่ดีสุดในการลองขี่รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์จากวิตอรี่ประการแรก มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดแล้วในขบวน แต่ถึงจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนรถมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักกว่า   300  กิโลกรัม

ช่วงแรกที่ออกเดินทาง ในการฝ่าการจราจรที่ติดขัดต้องยอมรับว่า แม้การขี่มอเตอร์ไซค์ประเภทครุยเซอร์จะดูเท่ห์เอาการ แต่ในเมืองความเท่ห์นี้อาจจะทำให้คุณเดินทางลำบากเล็กน้อย โดยเฉพาะแฮนด์บาร์ที่มีความกว้างพอตัวทำให้การสบช่องมุดฝ่าการจราจรอาจจะเป็นไปได้ยาก นี่เรายังไม่นับเรื่องของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความร้อนสะสมใต้หว่างขาที่พอจะรู้สึกได้ในยามการจราจรติดขัด คีบคั่งระหว่างทาง แม้เราจะเดินทางในหน้าหนาว ..จนคงจะต้องพูดเรียนตามตรงว่าหน้าร้อนนี่คงไม่ต้องพูดถึง

ฝ่าการจราจรที่หนาแน่น   Victory Judge  เริ่มพาเราโลดแล่นในถนนบางนาตราด การเดินทางของเราโดยเฉลี่ยแล้วขับกันไม่เกินความเร็ว   120  ก.ม./ช.ม.  และเมื่ออกสู่นอกเมืองเส้นทางแบบนี้ก็ทำให้เห็นว่า รถมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักมากก็มีประโยชน์เช่นกัน

น้ำหนักที่มากของ  Victory Judge   อาจจะดูเป็นอุปสรรคในเมือง แต่นอกเมืองแล้วมันเป็นคนละโลกกันเลยก็ว่าได้ เพราะมวลมากที่เรารู้สึกว่ามันไม่ลงตัว กลับทำให้รถมีเสถียรภาพการขับขี่ที่ดีและจะนิ่งมากในยามที่เราใช้ความเร็วที่สูงขึ้น  ตัวแฮนด์บาร์ที่กว้างทำให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างง่ายดายออกแรงน้อย แต่ควบคุมทิศทางได้ดี เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น แต่ยังไงเสียเมื่อบางจังหวะที่เราเจอการจราจรเคลื่อนตัวช้า น้ำหนักก็กลับมาเป็นสิ่งที่ขบคิดในการขับขี่เหมือนเดิม

ยังดีที่ใต้หว่างขาเรา ต้นกำลังสุดสะพรึงเสียงดุดันเครื่อง Freedom แบบ  V Twin  ขนาด 1800 ซีซี  ที่เข้ามาประจำการ ให้กำลังแรงบิดเร้าใจมากถึง  150  นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์  6  สปีดสามารถตอบโจทย์ในการเดินคันเร่งกระชากความเร็ว สนองตามความคิดได้ตลอดเวลาตามต้องการ ไม่ว่าจะตอนเร่งแซง เร่งทำความเร็วในระยะสั้น ซึ่งอัตราเร่งที่โดเด่นของมันแทบไม่น่าเชื่อว่า เรากำลังขี่รถครุยเซอร์ที่มีพิกัด 300 กิโลกรัม

การเร่งแซงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด รวมถึง ซุ่มเสียงที่เร้าใจของมันนั้นทำให้หลายคนคงจะหลงใหลในเสน่ห์ของเสียงเครื่องยนต์  และเมื่อรวมกับท่านั่งที่สบายต้องบอกว่ามันเหมาะกับการเดินทางไกลจริงๆ

เราเดินทางมาถึงครึ่งทางของเส้นทางจากบางนาไปบางแสน จะเรียกว่าขี่กันไม่นานมากมายอะไรนักราวๆ   40  กม. ก็ได้เวลาแลกรถกับเพื่อนร่วมทริป ..

เหลียวซ้ายแลขวาไปมีแต่ ครุยเซอร์คันยักษ์ที่มีน้ำหนักมากพอสมควร ..เรื่องขี่ได้หรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา แต่บางคันน้ำหนักล่อซัดเสียเฉียด  400 กิโลกรัม และเฉลี่ยแล้วในขบวนเราไม่มีรถที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 300 กก. เลยด้วยซ้ำ  นี่สิที่ต้องขบคิดกันอยู่นานพอสมควร และท้ายที่สุดคันต่อไปเราก็ไปลงเอยกันที่ Victory Hammer S เจ้าครุยเซอร์ที่คล้ายกับ   Judge  แต่มันคือความเหมือนที่แตกต่าง

รถมอเตอร์ไซค์   Victory Hammer s

รถมอเตอร์ไซค์   Victory  Hammer S เป็นรถที่เน้นในการเดินทางไกลเช่นกัน แต่ความโดดเด่นของมันอยู่ที่สไตล์ของรถที่ออกไปในทางความสปอร์ต โดยเฉพาะจุดเด่นของมันนั้นยู่ที่ยางหลังที่มีความกว้างมากถึง   250  มม. มันทั้งดูเต็มกว่า  Judge   แต่พร้อมกันก็ยังเกาะถนนมากกว่า ด้วยเช่นกัน

ยางที่ใหญ่กว่าอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเดียวทีแตกตาง ถ้าไม่นับสีสันของรถที่ออกไปในทางสปอร์ตมากกว่า   Victory Hammer S   ก็เริ่มโชว์ศักยภาพทันทีที่เราเดินทางออกสู่ทางหลวง ยางหลังที่ใหญ่ขึ้นทำให้เรารู้สึกถึงถนนมากขึ้น แต่พร้อมกันนั้นมันก็ยังได้อารมณ์ของความหนึบแน่น ในการเกาะถนน มากขึ้น นำมาสู่ความสบายในการขับขี่

ความจริงแล้งแล้วแม้จะใช้เวลาอยู่ใน Victory  Hammer S   นาน พอๆกับ   Victory Judge  แต่เรากลับรู้สึกว่าท่านั่งของ Hammer S   นั้น ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ด้อยกว่าคงไม่พ้นเครื่องยนต์ที่แม้จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่ใน Hammer S  แรงบิดถูกตอนลงเหลือ 140  นิวตันเมตร เมื่อบวกกับขนาดยางที่ใหญ่กว่ารุ่นน้องของมัน ทำให้ในบางจังหวะเร่งแซง จะรู้สึกถึงความหนืดได้อย่างแจ่มแจ้ง

แต่อุปสรรค์ที่สำคัญของ   Victory Hammer   ที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเลยนั้นดูท่าจะเป็นช่วงทางโค้ง ซึ่งยางหลังขนาดใหญ่ของมันจะดื้อด้านไม่ค่อยยอมเอนตัวเขา แถมจะแอบออกอาการท้ายดื้อ งานนี้มีวิธีเดียว คือต้องใช้วิธีการโหนเข้า ยิ่งใช้ความเร็วสูงเท่าไรก็ยิ่งต้องโหนมากเท่านั้น แต่ทางตรงรถมอเตอร์ไซค์เจ้า   Hammer กลับนิ่งขี่สบายง่ายดาย จนไม่รู้สึกถึงน้ำหนักระดับ   300  กิโลกรัม

อาจจะเป็นช่วงชีวิตที่ไม่นานนักในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ราคาเรือนล้านบาทบนถนน และแม้หลายคนอาจจะคิดว่าทำไมเราควรจะต้องซื้อรถมอเตอร์ไซค์อะไรที่มีราคาสุดแสนแพงขนาดนั้น แต่ถ้าครั้งหนึ่งที่คุณได้สัมผัส จะรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่ความเป็นรถใช้งานหรือไม่ แต่อยู่ที่อารมณ์ในการขับขี่ล้วนๆ....ที่วันนี้สามารถคบหาได้ในนาม  Victory Motocycle

 

เรื่องและขี่ทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)

 

รถทดสอบ Victory Motocycle

Victory Judge  ราคาจำหน่่าย 1,1750,000 บาท

Victory Hammer S  ราคาจำหน่าย 1,285,000 บาท

 

[GALLERY994]

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ