Test Ride: ทดลองขี่ All-New Honda CBR 500R เกรี้ยวกราด ปราดเปรียว มันทุกเส้นทาง
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 4 ก.พ. 62 00:00
- 14,624 อ่าน
สมัยที่ผมยังเป็นวัยรุ่นเด็กแว้นซ์อยู่ตามถนนหลวง Honda CBR จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบิ๊กไบค์ที่ใครก็ไฝ่ฝันอยากจะขี่ ด้วยรูปทรงสปอร์ตที่ดูเพรียวลม เสียงเพราะ วิ่งเร็ว ทำให้เด็กนักบิดสมัยนั้น ก็อยากจะได้มาครอบครองหรือลองขี่กันทั้งนั้น แต่ด้วยฐานะระดับเรา สมัยนั้นเลยได้ขี่ได้แค่ประมาณ Honda Beat 110 หรือเต็มที่ก็ Honda NSR 150
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทาง Honda ก็เริ่มมาลงเล่นในตลาดรถเครื่องเล็ก โดยเอารถจักรยานยนต์ทรงสปอร์ตตระกูล CBR มาใส่เครื่องเล็กตั้งแต่ 150 ซีซีขึ้นไป ทำให้คนกลุ่มใหญ่สามารถเอื้อมถึงได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก็ยังไม่ทิ้งตลาด Big Bike ระดับเครื่องใหญ่ไป โดยเฉพาะเครื่องยนต์ระดับกลาง ที่ซัดกับคู่แข่งได้อย่างไม่กลัวใคร โดยล่าสุดก็ได้ทำการเปิดตัวโฉมใหม่ของ All- New Honda CBR 500R MY2019 รถมอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ตในระดับที่ราคาช่วงกลาง ๆ ไม่แพงแต่ได้เครื่องยนต์ที่พอจะซิ่งหนีคันอื่นได้ไม่ยากเท่าไหร่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงงาน Motor Expo 2018 ครั้งที่ผ่านมา
รอบนี้ทางผมเองก็อยากจะลองดูว่า All- New Honda CBR 500R จะใช้งานได้ดีขนาดไหน หลังจากที่รอบก่อน พลาดในการไปทดสอบในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เนื่องจากติดภารกิจไม่สามารถไปได้ (ขออภัยด้วยคร้าบ) เลยจัดการขอยืมมาทดสอบแบบเป็นส่วนตัวหน่อย โดยต้องขอขอบคุณกับทาง AP Honda มา ณ ที่นี้ด้วยครับ สำหรับความอนุเคราะห์ให้ยืมรถมาทดสอบในครั้งนี้
มาเริ่มต้นกับภาพลักษณ์กันก่อนดีกว่า สำหรับ All- New Honda CBR 500R นั้น ได้มีการปรับตัวแฟริ่งของรถให้ต่างจากเดิมเล็กน้อย โดยทำให้ดูเพรียวลม และลายเส้นเป็นสปอร์ตมากกว่าเดิม เน้นการทำ Aero Dynamic ทั้งครีบ Winglet หรือช่วงท้ายตรงช่วงเบาะนั่งซ้อน ก็มีช่องลมคอยรีดอากาศให้ด้วย ไฟหน้ายังคงเป็น Full LED รวมทั้งไฟเลี้ยว รวมถึงด้านหลังก็เป็นไฟ LED เช่นกัน แต่ตัวไฟเบรกเป็นโคมขาว แล้วหลอดไฟเป็นสีแดงเท่านั้นเอง
มิติของรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ All- New Honda CBR 500R นั้น มีขนาด กว้าง x ยาว x สูง อยู่ที่ 758 x 2,081 x 1,145 มม. (กว้างกว่าโฉมเดิม 5 มม.) มีฐานล้อที่ 1,409 มม. ตัวรถมีระยะความสูงจากพื้น 130 มม. (ต่ำกว่าโฉมเดิม 20 มม.) ตัวเบาะสูง 789 มม. ด้านหน้าเป็นแบบ Telescopic Shock Absorber ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Swingarm ใช้ล้อด้านหน้าขนาด 120/70ZR17M/C (58W) และด้านหลังขนาด 160/60ZR17M/C (69W) ทั้ง 2 ล้อมีระบบเบรกเป็น Hydraulic single disc ทั้งคู่
ส่วนเครื่องยนต์นั้น เป็นรหัส PC62E / Liquid-cooled Parallel Twin DOHC ขนาด 471 ซีซี 46.9 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 43 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนส่งกำลังด้วยเกียร์เฟือง 6 สปีด คลัทช์แบบเปียก Manual Clutch Wet Multiplate Type พร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch ที่ช่วยให้การดึงคลัทช์นั้น นุ่มนวลลงได้อย่างมาก (มันคือความดีงาม เดี๋ยวมาว่ากัน) น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ราว 195 กิโลกรัม
แผงหน้าจอบน All- New Honda CBR 500R ใช้แบบ Digital แสดงผลทั้งความเร็ว, รอบเครื่อง, ระดับน้ำมัน, ระยะทาง, นาฬิกา, ตำแหน่งเกียร์, อัตราการสิ้นเปลือง แต่ยังแสดงผลเกียร์ว่างและตัวเตือนต่าง ๆ ยังคงเป็นหลอดไฟสีแสดงผลด้านข้าง มีปุ่มเลือกข้อมูลและ Reset ค่าอยู่บนมุมซ้ายล่าง (ลองใช้กดระหว่างขี่ จะติดสายคลัทช์หน่อย) สวิตช์ที่แฮนด์ขวามีปุ่ม Run-Off, ไฟฉุกเฉิน, ปุ่มสตาร์ท ส่วนด้านซ้ายเป็น ไฟสูง-ต่ำ,ไฟ Pass, แตร และไฟเลี้ยว เน้นเอาเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ตัวถังน้ำมันขยายความจุจากเดิม 16.7 ลิตร ให้กลายเป็น 17.1 ลิตร ส่วนท่อไอเสียมาในรูปทรงใหม่ มีปลายท่อปล่อยไอเสีย 2 ช่อง
สรุปคร่าว ๆ ของตัวรถไปแล้ว เรามาทอลองลองขี่กันได้แล้ว โดยตัวผมสูงที่ 172 ซม. หลังจากที่ก้าวขาขึ้นไปคร่อมเรียบร้อย ขาผมสามารถยันพื้นได้ 2 ข้าง ถึงแม้จะไม่เต็มเท้า แต่ไม่ถึงกับเขย่ง แต่ถ้าอยากรับเต็มเท้าข้างเดียว ก็เอียงรถนิดเดียว ไม่ต้องรับน้ำหนักของรถมาก ส่วนเมื่อก้มลงไปจับแฮนด์นั้น ถึงมันจะลดความสูงลงจากตัวเก่า แต่มันไม่ต้องโน้มมากเหมือนสปอร์ตคันใหญ่ นั่งสบาย ไม่ต่างกับการขี่ Honda Beat สักเท่าไหร่ ตัวขาเมื่อยกมาวางบนแท่นวางเท่า เข้าก็แนบเข้ากับส่วนเว้าตรงตัวถังได้อย่างพอดี
พอเริ่มเตรียมออกตัวเท่านั้นแหล่ะ ทำให้เริ่มเห็นความดีงามของ All- New Honda CBR 500R แล้ว เพราะระบบ Slipper Clutch มันช่วยให้การดึงคลัทช์ลดแรงลงไปได้เพียบเลย การปล่อยคลัทช์ทำได้แบบนุ่มนวล ไม่ต้องเกร็งนิ้วมาก กำลังเครื่องนั้นมาดีตั้งแต่ตอนออกตัวเลย ผมเองเผลอปล่อยจากเกียร์ 1 ไป 2 แรงหน่อยเดียวในตอนแรก หน้าเกือบยก แล้วก็ค่อยไต่ไปยันเกียร์ 6 ได้อย่างนุ่มนวล หรือต้องการความเกรี้ยวกราดจากทุกเกียร์ ก็ทำได้ไม่ยากเย็นอะไร เพียงเพิ่มคันเร่งและปล่อนคลัทช์ให้เร็วขึ้น ก็แทบจะยกได้ทุกเกียร์อยู่แล้ว ใช้เวลาในการไต่ขึ้นสู่ 140 กม./ชม. ทำได้ไม่ยาก การทรงตัวก็ยังทำได้ดี ไม่ต้องก้มเพื่อหลบลมก็ได้อยู่ แต่ช่วงพอช่วงหลังจากนี้ รู้สึกว่าเริ่มเหี่ยว แต่ก็ยังไต่ไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งผมมีโอกาสได้ลองเร็วสูงสุดแค่เพียง 160 กม./ชม. ในระยะทางสั้น ๆ รถเริ่มเบา และถนนที่วิ่งก็เริ่มมีทางโค้ง จึงได้ลดความเร็วกลับมาในช่วงที่คิดว่าปลอดภัย ถ้าถามว่า ยังไปต่อได้อีกไหม คำตอบคือได้แน่นอนครับ แต่ผมว่า ถ้าขับขี่ในถนนจริง ช่วงความเร็วแถว 120 - 140 กม./ชม. กำลังดีครับ ตัวรถสามารถทรงตัวในทางตรงได้อย่างปลอดภัย และไม่ต้องก้มตัวหนีลมให้มากกว่าท่าปกติเลย ช่วงลดเกียร์ที่ต้องเปลี่ยนความเร็ว เมื่อปล่อยคลัทช์แล้ว ก็ไม่ได้มีอาการดึงของตัวเครื่องอะไรมากมาย ทำให้อาการเครื่องกระชากช่วงปล่อยคลัทช์เร็วหลังลดเกียร์แทบไม่เห็นเลย ดังนั้นถ้ามือใหม่เผลอปล่อยคลัทช์ในโค้ง ก็ไม่น่าจะทำให้รถเสียหลักได้
จากนั้น ลองเอา All- New Honda CBR 500R ไปมุดในการจราจรติดขัดดูมั่ง ยิ่งช่วงการใช้งานที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ บีบคลัทช์กันบ่อย ๆ ยิ่งทำให้ Slipper Clutch ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ความเมื่อยนิ้วจากคลัทช์สายปกติถูกลดทอนให้น้อยลงอย่างชัดเจน ทำให้คลัทช์สายกลายเป็นตัวร้ายไปเลย ช่วงมุดไปตามช่องก็สามารถทำได้ไม่ยากอะไร เพราะเมื่อเท้าทั้ง 2 สามารถยันพื้นได้อย่างสบาย ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการลอดช่องได้มาก แต่แน่นอนว่า มันไม่ได้คล่องตัวเท่า 150 ซีซี แต่มันก็แค่ช่องเล็ก ๆ เท่านั้นที่ไปไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้า Honda PCX ไปได้ คันนี้ก็ไปได้เหมือนกัน
ระบบเบรกนั้น ทำได้ดีมากสำหรับการเดินทางในเมือง ถ้าเป็นกการเบรกทั่วไป แบบไม่ฉุกเฉิน ใช้เบรกหลังอย่างเดียวก็เหลือเฟือ ระบบ ABS ทำงานไม่ไวมากก็จริง แต่ก็ทำงานได้ดีเมื่อยามเราต้องการ ผมได้ลองอยู่ครั้งหนึ่งตอนถูกรถแท็กซี่ตัดหน้าเข้าซอย จากความเร็ว 100 กม./ชม. รถก็ลดความเร็วได้ทัน และไม่มีอาการเสียหลัก สะท้านทั้งมือและเท้าในช่วง ABS ทำงานเลย ถือว่าทำงานได้ทันใจ และทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพมาก
ช่วงล่างของ All- New Honda CBR 500R สำหรับผมนั้น ดูจะแข็งไปนิดนึง แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่ารถเป็นแบบสปอร์ต เลยถูกเซ็ตมาให้เหมาะกับช่วงความเร็วด้วย ส่วนความดุดันของเสียงเครื่องยนต์นั้น มันก็พอได้ระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับทุ้มดุอะไรมากมาย แต่ก็พอเรียกให้คนหรือรถข้าง ๆ หันมามองได้บ้าง
ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น เกินความคาดหมายครับ โดยวันที่ทมดสอบนั้น มีครบทุกสถานการณ์ที่กล่าวมา ใช้ระยะทางทดสอบที่ราว 85 กิโลเมตร หน้าจอแจ้งว่าใช้น้ำมันไป 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือแปลงได้เป็น 32.25 กิโลเมตร/ลิตร โอ้โห นี่มันเครื่องขนาด 500 CC. จริงหรือเปล่าเนี่ย ขนาดขี่แบบไม่ได้สนใจอะไรเลย ยังได้ขนาดนี้ ผมว่าถ้าเราขี่แบบทุกวัน แล้วตั้งใจเอาแบบประหยัด ก็น่าจะได้ดีกว่านี้อีกประมาณหนึ่งเลยนะ
สรุปรวมแล้ว ผมว่า All-New Honda CBR 500R MY 2019 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ตที่ขี่ง่าย, ไม่พยศมาก, ควบคุมได้ง่าย, ขี่สบาย, คล่องตัวประมาณหนึ่งยามรถติด, กำลังเครื่องระดับดี, รูปร่างสวย (ความเห็นส่วนตัว) ในราคาแนะนำไม่แรงเกินที่ 217,000 บาท เหมาะมากสำหรับคนที่อาจจะยังไม่เคยขี่รถสปอร์ตบิ๊กไบค์มาก่อน แล้วอยากไต่ขึ้นมารถระดับนี้ดูบ้าง หรืออยากใช้รถสไตล์นี้ไว้ขับขี่ภายในเมือง ก็ถือว่าเหมาะเช่นกันครับ
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com