Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription อเนกประสงค์เล็กแจ๋ว แรงดี มีดีที่ชาร์จได้

ผมเป็นคนที่ชื่นชอบรถไฟฟ้าอย่างมาก เพราะมีความคิดเสมอว่า ถ้าเราใช้งานรถไฟฟ้าได้อย่างแพร่หลาย เราจะช่วยลดได้ทั้งมลพิษทางอากาศและทางเสียงได้อย่างมาก และจะชื่นชมเสมอถ้ามีค่ายไหนใจกล้าเอารถไฟฟ้าเข้ามาวางขายในประเทศไทย หรือแอย่างน้อยก็ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนยุคไปสู่รถไฟฟ้ากันหน่อยก็ยังดี และค่ายที่ผมชื่นชมอย่างมาก ก็คือค่ายรถยนต์จากสวีเดนอย่าง Volvo นั่นเอง

เพราะอะไรถึงชื่นชม เพราะถ้าไปดู Lineup ของการขายรถยนต์ใหม่ในแบรนด์วอลโว่ จะเห็นได้เลยว่าทางค่ายพยายามตัดโมเดลที่เป็นรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปกติออกไปให้มากที่สุด ก่อนหน้ายุคโควิด-19 ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายก็จะเป็นเครื่องยนต์ T8 ที่เป็นรูปแบบ Plug-in Hybrid PHEV เกือบทั้งหมด เหลือเครื่องยนต์ดีเซลเพียงไม่กี่รุ่น และเป็นเครื่องยนต์เบนซินรุ่นเดียวก็คือ Volvo XC40 นั่นเอง

แต่ผ่านมาถึงยุคนี้ วอลโว่ก็ปฏิวัติวงการรถยนต์ ด้วยการ Re-Branding ตัวเองให้กลายเป็นค่ายแห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ด้วยการนำเข้ารถไฟฟ้าอเนกประสงค์รุ่นแรกของค่ายคือ Volvo XC40 Recharge Pure Electric มาขายในราคา 2,590,000 บาท (ยังไม่แน่ใจว่ารถตัวจริงเข้ามาได้หรือยัง) และดึงรถยนต์ใหม่ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งเบนซินและดีเซลออกจากการขายทั้งหมด และปักป้ายบอกว่า ทุกคันจะอยู่ภายใต้ชื่อว่า Recharge

สารภาพว่าส่วนตัวไม่เคยได้ทดสอบหรือรีวิวรถยนต์ Volvo XC40 เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่จากการสอบถามเพื่อน ๆ ในวงการก็บอกว่า นี่คือรถอเนกประสงค์ที่ขับดีอีก 1 รุ่น รอบนี้หลังการปรับรูปแบบใหม่ของทางวอลโว่ ผมเองในฐานะทีมงานของ AUTODEFT ก็เลยไม่รอช้า รีบติดต่อเพื่อนำ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription มาเพื่อทำการทดสอบบ้าง และที่สำคัญคือ เครื่องยนต์แบบ T5 นั้น จะดีได้เท่ากับเครื่องยนต์ T8 ที่ผมเคยทดสอบบน Volvo XC60 และ Volvo V60 หรือเปล่า

เบื้องต้นเรามาทำความรู้จักข้อมูลของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription กันเลยดีกว่าครับ โดยรถยนต์ใหม่ 2021 รุ่นนี้ เป็นรถอเนกประสงค์ SUV B แบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ต่อท้ายด้วย Inscription หมายถึงว่านี่คือตัว Luxury มากที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว อย่างที่บอกไปคือใช้เครื่องยนต์ T5 ในรูปแบบ PHEV ที่มี เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบพร้อมเทอร์โบชาร์จและมอเตอร์ไฟฟ้า (ต่างจาก T8 ที่เป็นเครื่อง Twin Turbo) ที่ตัวเครื่องยนต์ให้กำลังได้สูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร ผสานกำลังการขับเคลื่อนคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร เมื่อรวมกันแล้วได้กำลังสูงสุด 262 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 425 นิวตันเมตร มีแบตเตอรี่ไว้เก็บประจุไฟใช้งานได้ 10.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ตามสเปกแล้ว จะวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้สูงสุด 44 กิโลเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดอัตโนมัติคลัชคู่พร้อมเกียร์ทรอนิก อันนี้คืออีกจุดที่ต่างจากเครื่อง T8 ที่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนล้อหล้า และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ผสานการทำงานให้กลายเป็นรถยนต์ระบบ AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ

มิติของตัวรถ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription นั้นอยู่ที่ยาว-กว้าง-สูง 4,425 x 1,863 (วัดสุดปลายกระจกมองข้าง 2,034) x 1,652 มม. ฐานล้อกว้าง 2,702 มม. ช่วงล่างด้านหน้าใช้เป็นแบบ แมคเฟอร์สันสปริงสตรัท ด้านหลังใช้แบบ มัลติลิงค์ ใส่ล้อขนาด 19 นิ้วพร้อมล้อแม็กซ์อัลลอยลายก้าน 5 แฉก รัดมาด้วยยางขนาด 235/50 R19 ของ Pirelli ระบบห้ามล้อ ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้งหมด 4 ล้อ

การออกแบบด้านหน้าของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription ก็คล้ายกับวอลโว่รุ่นอื่น ๆ กับไฟหน้า LED ที่มีลำแสง Daytime Running Light เป็นรูปทรงค้อน Thor พาดตัดกลาง กระจังหน้าโครเมียมที่ดูหรูหรา วางเป็นแนวตั้งแล้วล้อมกรอบด้วยรูปทรงปากยิ้ม มีโลโก้ Volvo แปะอยุ่ตรงกลาง มีไฟตัดหมองแบบ LED ฝังอยู่ในกรอบสีดำ อยู่บนกันชนด้านล่างของมุมทั้ง 2 ชายกันชนในตำแหน่งสปอยเลอร์ด้านหน้า ใช้เป็นสีโครเมียมเพิ่มความหรูหรา

การออกแบบด้านท้ายของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription จะออกไปทาง XC90 มากกว่า XC60 ที่ดูออกไปทางเรียบร้อย ไม่ค่อยมีลายเส้นสักเท่าไหร่ แน่นอนว่า ไฟท้ายก็ใช้เป็นแบบ LED ทั้งหมดเช่นกัน ทรงเป็นรูปตัว L ที่ติดตั้งอยู่บนตัวถังรถทั้งหมด จึงไม่มีไฟติดไปกับฝาท้ายเมื่อยกตัวขึ้นเลย ตัวฝาท้ายเองก็เป็นระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยการเตะไปที่ใต้กันชนตรงกลาง ชายด้านล่างของกันชนหลัง ก็เสริมด้วยพลาสติกสีเงินเพิ่มความหรูหราไปด้วยเช่นกัน กระจกมองข้างและมือจับประตู ใช้สีเดียวกับตัวรถ

ส่วนภายในของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription นั้น หลับตาก็นึกภาพออกเลยว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนในตระกูลวอลโว่ การออกแบบก็คล้ายกันสุด ๆ แทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลย ต่างกันก็ขนาดกับรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยทรงกลมหุ้มด้วยหนังคุณภาพดี มีปุ่ม Multi-Function ด้านซ้ายไว้ควบคุมระบบ Adaptive Cruise Control ด้านขวาไว้ควบคุมหน้าจอ, เครื่องเสียงและโทรศัพท์ ตัวหน้าปัดข้อมูลการขับขี่ ใช้แบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ที่บอกข้อมูลได้ไม่เยอะแยะอะไรมากมาย มีเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น เช่น ความเร็ว, ระดับการใช้พลังงาน, ระดับแบตเตอรี่, ระดับน้ำมันคงเหลือ, ระยะทาง ตรงกลางเปลี่ยนเป็นการแสดงผลของแผนที่ได้

Volvo XC40 Recharge T5 Inscription มีหน้าจอกลางระบบ Infotainment ขนาด 9 นิ้วแนวตั้ง มีระบบ Sensus Connect พร้อมฟังก์ชันสั่งการด้วยเสียง เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วยระบบ Bluetooth และสาย USB รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto เครื่องเสียง Premium Sound by Harman Kardon ขับพลังเสียงเพิ่มด้วยแอมปลิไฟเออร์ 600 วัตต์พร้อมลําโพง 13 ตัว รวม air-ventilated วูฟเฟอร์และซับวูฟเฟอร์ ระบบเสียงรอบทิศทางแบบควอนตัมลอจิก.

เบาะของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription ใช้เป็นหนังแท้คุณภาพดีผสมหนังสังเคราะห์สีชาโคล ทรงโอบเอวเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับเป็นทรง Sport Bucket Seat สักเท่าไหร่ (ไม่ใช่รถซิ่งนี่) ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมบันทึกตำแหน่งอีก 2 ตำแหน่ง เบาะรองหัวเป็นเอกลักษณ์มาก ปรับไม่ได้ 555 แต่จุดสัมผัสทุกส่วนมันนวลมือมาก จับตรงไหนก็ดูดีไปหมด ใต้หน้าจอมีช่องที่เป็นระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ส่วนของหัวเกียร์นั้น ใช้เป็นคริสตัลผลิตโดย Orrefors บริษัทผลิตแก้วชื่อดังจากสวีเดน โดยรุ่น Inscription จะเป็นรุ่นเดียวที่มีหัวเกียร์แบบนี้ หรูหราสุนัขเห่าเป็นอย่างมาก ข้างหัวเกียร์ไม่เน้นความวุ่นวาย มีแค่ปุ่มเบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Hold แค่ 2 ปุ่มเป็นอันจบ แอร์เป็นแบบอัตโนมัติแยกโซนซ้ายขวา เบาะด้านหลังใช้วัสดุเดียวกัน พับได้แบบ 60:40 มีช่องแอร์สำหรับคนโดยสารด้านหลัง และที่สำคัญคือ มีหลังคาแบบ Panoramic Sunroof มาให้ด้วย

ในส่วนของระบบความปลอดภัยและระบบช่วยในการขับขี่บน Volvo XC40 Recharge T5 Inscription นั้น ก็เพียบตามสไตล์รถวอลโว่อยู่แล้ว ดังนี้

• ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
• ระบบป้องกันการชนด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน ผู้ขับขี่จักรยาน และสัตว์ใหญ่ พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถ City Safety - car, pedestrian, cyclist, and large animal detection with full auto brake
• ระบบป้องกันการชนและบรรเทาการบาดเจ็บพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ ด้านหน้า ด้านหลัง และบริเวณทางแยก Collision Avoidance & Mitigation Support with Auto Brake - front, rear & intersection
• สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมียานพาหนะอยู่ในมุมอับของสายตา Blind Spot Information System (BLIS)
• ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ Cross Traffic Alert with auto brake
• ระบบแจ้งเตือนด้วยแรงสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถวิ่งออกนอกช่องทางเดินรถ Lane Keeping Aid (LKA)
• ไฟหน้าแบบ LED หักเหตามพวงมาลัย พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ LED active bending headlights with active high beam
• ระบบปกป้องเมื่อเกิดการวิ่งตกถนน Run-Off Road Protection
• ระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ Whiplash Protection System
• ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง Side Impact Protection System
• ระบบช่วยขับขี่ Pilot Assist
• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันเพื่อรักษาระยะห่าง พร้อมฟังก์ชั่นหยุด/ออกตัวรถโดยอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control with Queue Assist
• ระบบช่วยในการขึ้นทางลาดชัน Hill Start Assist
• ระบบช่วยในการลงทางลาดชัน Hill Descent Control
• ระบบช่วยในการจอด แบบถอยหลังเข้าซองและขนานขอบทาง Park Assist Pilot - Perpendicular & Parallel Parking
• กล้องช่วยในการจอดพร้อมจอแสดงผลด้วยภาพ 360 องศา
• เซ็นเซอร์ช่วยในการจอด - หน้าและหลัง

ข้อมูลครบถ้วนแล้ว เรามาออกเดินทางเพื่อรีวิว Volvo XC40 Recharge T5 Inscription กันต่อเลยดีกว่าครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่า ในชุดที่เป็น Inscription นั้น จะถือเป็นรถระดับ Luxury ที่สุดแล้วในกลุ่มของแต่ละรุ่น ดังนั้นมันก็จะมีนู่นนี่นั่นเพิ่มเติมเข้ามาให้ดูหรูขึ้น แต่เอาจริงผมก็ว่ามันไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย ดูดีสุดก็คงเป็นตัวหัวเกียร์แบบ Crystal มั้ง แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ การนั่งขับนั้น ผมเป็นคนที่ชอบเบาะของ Volvo มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เหมือนเขาออกแบบมาให้ชายวัยกลางคนอย่างผมใช้งานเลย ฮ่า มันให้ความแข็งเล็กน้อย แต่นั่งแบบนี้นาน ๆ แล้วไม่เมื่อย ไม่เหมือนพวกเบาะที่นั่งแล้วออกแนวนิ่ม นั่งนานแล้วปวดไปทั้งตัว

ส่วนอย่างอื่นบน Volvo XC40 Recharge T5 Inscription ก็เหมือนรุ่นอื่นทั่วไปครับ มุมมอง การจัดวางตำแหน่งการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เหมือนรุ่นอื่น ต่างกันที่ขนาดเท่านั้นเอง เอาจริงในส่วนของความกว้าง ก็แคบกว่ารุ่นพี่อย่าง Volvo XC60 แค่ประมาณ 4 ซม. เท่านั้นเอง ผมว่าไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรที่ทำให้รถ SUV B คันนี้อึดอัดในการใช้งานแต่อย่างใด

แน่นอนว่า เครื่องยนต์ของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription รถ SUV อเนกประสงค์ มีกำลังน้อยกว่าเครื่องยนต์ T8 ใน Volvo XC60 ที่ผมเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้พอสมควร โดยในเครื่องยนต์ T5 นั้นให้กำลังสูงสุดที่ 262 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 425 นิวตันเมตร แต่เครื่องยนต์ T8 นั้นให้กำลังได้สูงสุด 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร แต่ด้วยตัวรถที่มีขนาดเล็กลง ก็เลยคิดว่าจะมีข้อต่างกันไม่มากเท่าไหร่ เอาเข้าจริงก็ต่างกันพอสมควรครับ จากที่เคยเรียกกำลังได้แบบทันใจ รอบนี้มันเรียกมาได้ แต่ไม่หนักเท่าเครื่อง T8 เลย ซึ่งก็เข้าใจได้ครับ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะวิ่งแบบจี๊ดจ๊าดไม่ได้นะ มันก็แรงเอาเรื่องอยู่ พุ่งมุดได้ง่ายเหมือนกัน จะบอกเพียงแค่ว่า มันพุ่งไม่มากเท่ารุ่นพี่เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องพวงมาลัยในการควบคุมก็หายห่วงครับ น้ำหนักดี แม่นยำ ขับง่ายทั้งในเมืองและนอกเมือง

ช่วงล่างของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription ก็ทำได้ดีเช่นกันครับเมื่อเทียบกับรถ SUV ในขนาดเดียวกันของยี่ห้ออื่น นุ่มนวล นั่งสบาย ได้ความเกาะถนนที่ดีเยี่ยม เข้าโค้งดี แต่ยังสู้การเข้าโค้งแบบ AWD ของ XC60 ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมากมายอะไร อยู่ในวิสัยที่สามารถขับได้ง่ายแม้ว่าเราจะใช้ความเร็วสูงก็ตาม แต่ช่วงที่ขับขี่อยู่นั้น ความรู้สึกแปลกในการขับขี่ก็คือเรื่องเบรก ที่มันออกไปทางแข็ง การแตะเบรกเบามันไม่ทำให้รถชะลอได้เร็วเหมือนรถรุ่นอื่นทั่วไป ต้องคอยออกแรงกดให้มากขึ้นกว่าเดิมถึงจะลดความเร็วได้ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะมันเป็นรุ่นเล็กหรือเปล่าถึงได้เซ็ตความหลักไว้ประมาณนี้ แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอเหยียบบ่อยแล้วมันเมื่อย ขอแบบนุ่ม ๆ ดีกว่า

ความสุนทรีย์ในการขับขี่ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription ที่ผมยกนิ้วโป้งให้เลย ก็คือเครื่องเสียงชุดใหญ่ ที่ให้มาแบบเต็มชุด เสียบสาย USB ให้ Apple CarPlay ทำงาน จากนั้นเปิดแอพ Sportify แล้วเปิดเพลงร็อคยุค 90 แหม่ มันกระหึ่มสะใจขาร็อคเสียจริง เสียงให้มาครบย่านเลย แหลม กลาง ต่ำมาแบบพอดี เบสมาเป็นก้อน แต่ไม่ได้ถึงขนาดกระแทกหัวใจขนาดนั้น เอาเป็นว่าถ้าซื้อมาใช้ ผมว่าไม่ต้องเติมอะไรเลย เท่านี้พอแล้ว

สิ่งที่เคยเป็นจุดเด่นบน Volvo ที่ผมเคยเทสมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น Volvo XC60 หรือจะเป็น V60 ก็คือระบบ Pilot Assist ที่ใช้ระบบ Adaptive Cruise Control ทำงานร่วมกับระบบ Lane Keeping Aid ที่จะช่วยเราขับ ทั้งการใช้คันเร่ง, ใช้เบรก และคุมพวงมาลัยให้อยู่กลางเลนเสมอ ทำให้เราลดความเมื่อยล้าช่วงที่ต้องขับรถทางไกลได้ แต่เมื่อผมมาใช้บนรถยนต์ใหม่คันนี้ ทำไมมันทำงานเนียนไม่เท่าที่เคยใช้มาเลย ทั้งการที่ระบบควบคุมพวงมาลัยให้อยู่กลางเลน ที่ปกติจะทำงานได้เนียนกริ๊บ เข้าโค้งก็หมุนได้อย่างเนียน แต่คันนี้มันไม่เนียนเลย เหมือนจะขยับพวงมาลัยบ่อยมาก เดี๋ยวเกาะเส้นซ้าย เดี๋ยวเกาะเส้นขวา เรานั่งดูการทำงานไปแล้วก็เสียวไป เพราะมันเหมือนคอยจะขยับไปเลนอื่นอยู่เรื่อย และในระบบ ACC ก็ทำเสียวหลายรอบแล้ว ปกติเมื่อเจอรถที่จอดติดไปแดงอยู่ไกล ๆ มันจะชะลอมาตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่นี่แตะเบรกช้ามาก ช้าจนบางทีเราขับเองก็รู้สึกว่า “เฮ้ย จะเบรกทันมั้ยว้า” สรุปคือเสียวจนต้องเบรกเอง เอาเป็นว่าสุดท้ายแล้ว ขับเองดีกว่า ปล่อยให้ระบบช่วยขับกลัวจะไปบวกกับชาวบ้านเหลือเกิน

พูดถึงความแรงแล้ว เราก็มาทดสอบอัตราเร่ง 0-100 บน Volvo XC40 Recharge T5 Inscription กันต่อดีกว่า เหมือนเคยครับ ผมใช้แอพ iBolid 0-100 บนเครื่อง iPhone 11 ได้ผลการทดสอบ 3 ครั้งออกมาดังนี้ครับ

ครั้งที่ 1 - 8.39 วินาที

ครั้งที่ 2 - 8.11 วินาที

ครั้งที่ 3 - 8.44 วินาที

เฉลี่ย - 8.31 วินาที

ถ้าดูจากสเปกที่ระบุเอาไว้ จะได้อัตราเร่งที่ 7.3 วินาที แต่พอมาเทสจรงแล้วได้ 8.31 วินาที ผมว่าไม่ขี้เหร่เลยนะ พุ่งดีมาก อัตราเร่งช่วงแรกที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงานปั่นล้อตามมาในช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่รอบเครื่องถึง เอาเป็นว่าท้าแข่งกับรถไซส์เดียวกัน ไม่แพ้ใครง่าย ๆ แน่นอน

ขยับมาที่อัตราการบริโภคน้ำมันของ Volvo XC40 Recharge T5 Inscription กันบ้าง โดยอัตรานี้ผมได้จับแบบใช้เครื่องยนต์ล้วน ไม่ได้เอาตอนใช้งานไฟฟ้าล้วน (ได้ 38 กิโลเมตรก่อนเครื่องยนต์ทำงาน) วิ่งในเมือง 177 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยที่ 27 กม./ชม. ส่วนใหญ่วิ่งได้เรื่อย ๆ มีรถติดบ้างบางจังหวะแต่ไม่ถึงกับติดมาก ได้อัตราออกมาที่ 7.7 ลิตร/100 กิโลเมตร แปลงกลับมาเป็นหน่วยที่เราคุ้นเคยที่ 12.98 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าเป็นระดับปานกลาง

ส่วนการใช้งานนอกเมืองแบบวิ่งยาวที่ระยะทาง 114.4 กิโลเมตร ใช้ความเร็วช่วง 100-120 กม./ชม. ขับแบบใช้งานทั่วไป ได้อัตราเฉลี่ยความเร็วที่ 87 กม./ชม. ได้อัตราการกินน้ำมันที่ 6.3 ลิตร/100 กิโลเมตร แปลงออกมาแล้วได้ที่ 14.9 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าอยุ่ในระดับกลางเช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ เราสามารถเสียบปลั๊กเพื่อใช้งานโหมดวิ่งไฟฟ้าได้ อย่างน้อยก็ 38 กิโลเมตร ซึ่งส่วนนี้ก็ประหยัดลงไปอีก ถ้าใครใช้ในเมืองแล้ววิ่งไปกลับที่ทำงานประมาณ 60 กิโลเมตร หมายความว่าคุณจะใช้น้ำมันในการไปกลับที่ทำงานประมาณ 2 ลิตรเท่านั้นเอง (ยังไม่รวมค่าชาร์จไฟ)

สรุปหลังการใช้งาน Volvo XC40 Recharge T5 Inscription มาในระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร ผมได้ความคิดเห็นมาดังนี้ครับ

ชอบ

• ที่สุดคงเป็นเครื่องเสียง ชอบมากมาย ฟังเพลินหูมาก
• ช่วงล่างดี นิ่ง นุ่ม เข้าโค้งดี
• พวงมาลัยคมกริบ

ไม่ชอบ

• เบรกแข็งเกิน
• ระบบ Pilot Assist ทำงานไม่เนียนเท่ารุ่นพี่

Volvo XC40 Recharge T5 Inscription แปะป้ายขายเอาไว้ที่ 2,390,000 บาท ก็ถือว่าเป็นรถอเนกประสงค์ SUV B ที่น่าใช้อีกรุ่น ระบบความปลอดภัยเยอะแบบล้น ๆ ขับง่าย ขับสนุก เสียบปลั๊กลดการใช้น้ำมันได้ และที่สำคัญ เป็นค่ายที่ใส่ใจเรื่องลดการปล่อยมลพิษเป็นอย่างมาก ความคิดดีแบบนี้น่าสนับสนุนเป็นที่สุดครับ

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02