Full Review : Volvo V40 Cross Country D4 ซิ่งประหยัด มั่นใจเรื่องความปลอดภัย
- โดย : Autodeft
- 23 ก.พ. 59 00:00
- 36,063 อ่าน
พบกับบทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Volvo V40 Cross country เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุด ขับแล้วสมรรนถะเยี่ยมแถมยังประหยัดอีกต่างหาก
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
หากคุณจะต้องซื้อรถยนต์สักคันโดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมาเป้นส่วนสำคัญในการคบหา ชื่อเสียงของแบรนด์ Volvo แลจะมีสำคัญที่ทำให้ค่ายรถยนต์จากสวีเดนรายนี้กลายเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมากทั่วโลก จนคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ ยิ่งรุ่นใหม่ๆ ได้การออกแบบที่ลงตัวมากขึ้น ดูสง่ามากขึ้น ตลอดจนสมรรนถะการขับขี่อันยอดเยี่ยม...จนทุกวันนี้รถยนต์ Volvo ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบไม่แตกต่างจากคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา Volvo ก้าวล่วงสู่อณาเขตใหม่ทางด้านการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จในการออกแบบยุคใหม่สร้างเสริมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หนึ่งในรถยนต์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Volvo ก็มี Volvo V40 ใหม่ ซึ่งมีทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นยกสูงเแอบลุยยามคุณต้องเดินทางไกล Cross Country และวันนี้มันดูน่าสนใจมากขึ้น ด้วยรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ Volvo V40 มาพร้อมเพียงเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน T5 เท่านั้น แต่วันนี้การขับขี่ของรถยนต์รุ่นนี้จะเปลี่ยนไป เมื่อทาง Volvo ตัดสินใจยัดเครื่องยนต์ดีเซลลงเจ้าแฮทช์แบ็คคอมแพ็คคันนี้ แล้วนำมันมาวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคาที่แพงขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อยเป็นทางเลือกสำหรับคนเดินทางไกลบ่อยๆ หรือคอสปอร์ตที่ต้องความรู้สึกประหยัดในการเดินทาง
ตัวตนรถยนต์ Volvo V40 Cross country D4 ภายนอกเห็นครั้งแรกก็รู้ทันทีว่าไม่มีรายละเอียดอะไรต่างจากการแนะนำเดิมในรุ่นเครื่องยนต์ T5 ก่อนหน้านี้
รายละเอียดต่างๆ ของตัวรถคล้ายคลึงกันแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะการออกแบบที่แข็งแกร่ง ออกแนวจะแปลงเจ้ารถสปอร์ตแฮทช์แบ็คคันนี้ให้ได้กลิ่นอายของความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์นิดๆ แต่ยังได้อารมณ์ความหรูหรา ซึ่งกล้าพูดว่าในกลุ่มรถยนต์ยุโรปความรู้สึกแบบนี้คุณจะหาไม่ได้จากรถยนต์คู่แข่งค่ายอื่นๆ
ตัวตนที่ยังคงความเป็นเก๋งส่วนใหญ่ ทำให้เสน่ห์ของ Volvo V40 Cross country D4 มีความลงตัวมากอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังดูสวยงามผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์มาเป็นอย่างดี ตั้งแต่ด้านหน้าไปจรดบั้นท้าย ในรุ่นใหม่นี้ตัวรถสวมล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว ดูดีด้วยลายใบทัดไซโคลน นั่นคือที่ผมเรียกลวดลายล้อลายนี้ที่ดูเท่ห์อย่างมีสไตล์ ให้ยางขนาด 225/50/R17 ดูสูงๆแปลกตา ทว่าก็ดูดี
บนหลังคาติดตั้งราวหลังคามาให้เผื่อลูกค้าต้องการสวมกล่องบนหลังคา หรือ จะติดตั้งชุดแร็คไว้ขนสัมภาระและหรือพวกจักรยานตามเทรนด์สมัยนิยม ก็สามารถทำได้โดยง่าย และด้านล่างทั้งคันก็ดีเท่ห์ดุดันด้วยชายล่างสีดำด้านจัดเข้ากับชุดล้อ รวมถึงยังดูดีเมื่อมองกับกระจังหน้าใหม่ และดิฟฟิวเซอร์ที่ลงตัวกับปลายท่อไอเสียคู่ ช่วยเพิ่มความสปอร์ตกับตัวรถ
แม้ว่าการตบแต่งภาพรวมของตัวรถจะมีความแตกต่างจาก Volvo V40 รุ่นปกติ แต่เรื่องขนาดมิติตัวถังนั้น ไม่ได้มีความแตกต่างกัน ด้วยความกว้างตัวรถ 1,783 มม. และ ความยาว 4370 ม.ม. (ต่างจากรุ่นปกติเพียง – 1 มม. คาดว่าจากการออกแบบกันชน) แต่ความสูงนั้นเมื่อออกแบบเป็นรุ่น Cross Country ระบบกันสะเทือนที่มีการปรับใหม่ให้ตัวรถมีความสูงขึ้นเล็กน้อยเผื่อไว้สำหรับหลุมบ่อ ทำให้รถมีความสูงเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 38 มิลลิเมตร
เปิดประตูก้าวสู่ภายในห้องโดยสาร Volvo V40 Cross country D4 ก็ยังไม่แตกต่างทางด้านการออกแบบ เมื่อเทียบกับรถยนต์ Volvo V40 รุ่นปกติ การออกแบบรู้สึกให้ความอบอุ่นในการออกแบบ คล้ายคุณนั่งอยู่ในบ้านแถบสแกนดีเนเวีย ผสานความหรูหรา และความรู้สึกที่ต้องการความลงตัวในความสปอร์ต ช่วยให้ห้องโดยสารของวอลโว่คันนี้ดูลงตัวมากขึ้น
เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้าเรียกว่าเป็นทีเด็ดสำคัญ ด้วยความสามารถในการบันทึกท่านั่งได้มากถึง 3 โปรแกรม พวงมาลัยแบบ 3 ก้านออกแบบให้ดูสปอร์ตและเรียบง่าย ช่วยตอบโจทย์ในการขับขี่อย่างลงตัว สามารถจัดการปรับตั้งขึ้นลงและยืด-หดได้ ตรงหน้าคนขับเป็นชุดจอ LCD ช่วยเพิ่มความทันสมัยในรถยนต์ Volvo คันนี้ สามารถปรับโหมดตามความรู้สึกของคุณ ได้ทั้ง Elegance ,Eco และ performance
ช่วงกลางคอนโซลหน้า คุณรู้สึกได้ถึงความรู้สึกทันสมัย ผสานความลงตัวดูอบอุ่นคล้ายที่คุณสามารถสัมผัสได้ยามคุณเดินไปในสโตร์ห้างเฟอร์นิเจอร์ Ikea ผมยอมรับนะว่า ในบรรดาการตบแต่งภายในรถยนต์จากยุโรป ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบการออกแบบภายในของ Volvo โดยเฉพาะรุ่น V40 นี้ ที่ดูผสมผสานอย่างลงตัว ไม่ว่าจะความทันสมัยในการออกแบบ ผสานเข้ากับความรู้สึกที่ดูภูมิฐาน และมันดูใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนรถยนต์จากเยอรมัน น่าจะถูกจริตของคนไทยอย่างยิ่ง
แม้ว่าบางจุดอาจจะดูวุ่นวายบ้าง โดยเฉพาะส่วนคอนโซลในการใช้งานระบบ Volvo Sensus ระบบนำทางและแผงคีย์แพ็ดตัวเลขไว้ใช้งานเมื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ รวมถึง ปุ่มควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ และ ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ต่างๆ ส่งผลให้ตรงนี้มีหลายปุ่มมากไปหน่อยในความรู้สึก
เบาะนั่งโอบกระชับกำลังดีไม่บีบตัวผู้ขับขี่มากเกินไป เป็นอีกเรื่องที่ผมขอออกปากชม Volvo V40 Cross country D4 แต่กระนั้นพื้นที่โดยสารตอนหลังอาจจะไม่สมหวังดังใจปรารถนานัก คนไทยไซส์ปกติ สามารถนั่งได้อย่างสบาย แต่ถ้าคุณสูงสักนิดอย่าง Bonn หรือ เดือน บอกเลยว่าหมดสิทธิ์จะใช้คำว่าสบายกับพื้นที่นั่งตอนหลังเจ้ารถคันนี้ ยิ่งถ้านั่ง 5 คนตามภาษาคนไทยรักเพื่อน ด้วยความเตี้ยของหลังคาคุณจะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดทันที ..
ส่วนพื้นที่สัมภาระท้ายนั้นมีมากพอเหลือเฟือที่คุณจะยัดกระเป๋าสัมภาระของทุกคนลงไปได้ ผมทดลองส่วนตัวด้วยการเข้าไปนอนในห้องสัมภาระท้าย พบว่ามันสามารถทำได้ง่ายมากกว่ารถยนต์จากค่ายคู่แข่งด้วยซ้ำไป
การเปลี่ยนแปลงสำคัญใน Volvo V40 Cross country D4 พูดมายาวนาน เห็นทีจะไม่พ้นเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงได้เร้าใจมากกว่าเดิม และที่สำคัญคุณได้ความประหยัดมากกว่าเดิม
ราคาที่เพิ่มขึ้นอีกกว่าราวๆ 2 แสนบาทนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ให้คุณตัดใจซื้อเจ้าดีเซลคันนี้ง่ายๆ เมื่อเทียบว่า รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน T5 มีราคาถูกกว่ามากมาย
ขุมพลังบล็อกใหม่แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร ดีเซลคอมมอนเรล พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Volvo ดีเซล i-Art เป็นทีเด็ดไพ่ตายของสวีดิช ที่ทำให้คุณจะต้องตระหนักในเรื่องสมรรถนะและความประหยัด ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมาย ชนะเลิศหนึ่งในใจคุณไปทันทีที่คุณทดลองขับมัน....ถ้ามีโอกาส !!
กำลังสูงสุด 190 แรงม้า สูงสุดที่ 4,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ทำกำลังแรงบิดต่อเนื่องตั้งแต่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ในรุ่นดีเซลระบบส่งกำลังถูกเปลี่ยนมาใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติ Adaptive automatic 8 สปีด ตอบสนองการขับขี่ดีขึ้น และเช่นเคยยังมี ระบบ Paddle Shift ให้ใช้ด้วย ...
ความน่าอัศจรรย์ใจในเรื่องความทรงพลังของเครื่องยนต์สัมผัสได้ทันที่ทีคุณเหยียบคันเร่งลงไป แค่เพียงนิดเดียวเจ้าเครื่องยนต์ดีเซล เสียงดังน่ารำคาญ ถ้าคุณสตาร์ทเครื่องแล้วยืนนอกรถ จะกลายเป็นขุมพลังสุดโหดพันธุ์ดุขึ้นมาทันทีเมื่อคุณขับขี่มันลั่นไปตามถนน
การมีนัดแล้วต้องไปให้ทันเวลา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของชีวิตคนเมือง แต่คงไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณคบหาเจ้า Volvo V40 Cross country D4 คุณรู้สึกเร้าใจและมีความสุขมากทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งมันลงไป แล้วเจ้าสวีดิชกระชากคุณประดุจถนนไม่มีวันสิ้นสุด เข็มไมล์วิ่งพุ่งกวาดรอบเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว แต่ว่าตัวเลขบอกความเร็วขึ้นเร็วกว่ามาก พอจะรู้สึกถึงความระทึกได้ ถ้าคุณมีถนนว่างๆ ราวๆ 1 กิโลเมตร การแตะความเร็ว 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ Volvo เคลมอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 7.5 วินาที เท่านั้น
การวิ่งรถออกต่างจังหวัดทันทีที่ได้รถมาไม่ใช่เรื่องบ่อยครั้งนักสำหรับการทดสอบรถ แต่วันนี้เรามีนัดถ่ายรูปกันที่ลำตะคอง ผมใช้ความเร็วพอสมควร เพื่อไปให้ทันเวลาก่อนเวลาแดดร่มลมตกยามเย็น การใช้ความเร็ว 130-140 ก.ม./ช.ม. ไม่ใช่วิถีที่คนส่วนใหญ่อาจจะทำกัน แต่เมื่อคุณขับเจ้า Volvo V40 Cross country D4 หน่วยก้านกำลังเครื่องขอมันจะพาคุณไปอยู่ที่ความเร็วย่านนั้นจนคุณเองไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงสมรรนถะของมัน
รวมถึงความสามารถของระบบกันสะเทือนตัวรถที่เซทออกแบบมาให้มีช่วงสูงกว่ารถเก๋ง แม้จะเป็นระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า ควบรวมกับระบบกันสะเทือน Multilink ทางด้านหลัง ทว่าการซับแรงกระเทือนกลับทำได้ดีมาก ถึงอารมณ์ระบบกันสะเทือนของเจ้าสวีดิชคันนี้จะออกไปทางลุคสปอร์ตมันดูแข็งๆบ้าง เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นของวอลโว่ที่ทำออกมาตอบตลาดให้ความนิ่มนวลในการขับขี่ หากว่ายามขับขี่ด้วยความเร็วคุณจะรู้สึกชอบเซทติ้งนี้มากขึ้นและไม่หวั่นใจเมื่อคุณต้องเจอสะพานคอหัก หรือหลุมบ่อ บนทางลูกรัง มันสามารถขับได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ความรู้สึกเดียวที่ผมไม่ชอบใน Volvo V40 Cross country D4 คันนี้คงหนีไม่พ้นธรรมชาติของเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ต้องยอมรับว่า ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนั้นมีพิกัดน้ำหนักตัวมากกว่ารุ่นเบนซินถึง 63 กิโลกรัม โดยประมาณ มันหมายถึง การควบคุมที่ยากขึ้นเล็กน้อย และคุณอาจจะต้องปรับตัวสักหน่อยเมื่อพบว่ารถคันนี้มีน้ำหนักตกทางด้านหน้าค่อนข้างมาก ทำให้ควบคุมยาก และยิ่งเห็นผลมากเมื่อคุณเปิดใช้ระบบ Lane keeping Aid ในระหว่างการขับขี่ ทำให้ตลอดการทดสอบ ผมปิดระบบนี้ตลอดเวลาไปโดยปริยาย เพื่อลดความรู้สึกจากอาการดังกล่าว
ฟังดูมันคงไม่ประหยัดนักถ้าคุณขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วและเดินทางไปไกลจากกรุงเทพมหานครราวๆ 170 กิโลเมตร แต่เรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อเรากลับมากทม. ผมขับรถไปกว่า 372 กิโลเมตร ทว่าผมกลับเติมน้ำมันคืนถังเพียง 26.52 ลิตร ..มันน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง และเมื่อคำนวณอัตราประหยัดออกมาได้ 14.02 กิโลเมตรต่อลิตร แม้ว่าคุณจะวิ่งด้วยความเร็วก็ตามที
มันประหยัดใช้ได้...ไม่เลวเลยสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกกลางถึงแม้ว่า หลายคนอาจจะคาดหวังว่ามันน่าจะประหยัดมากกว่านี้ เมื่อ Volvo เคลมอัตราประหยัดเฉลี่ยที่ 20 กิโลเมตรก็ตามที
ชีวิตคนเมือง....เป็นอีกด้านที่ต้องพิสูจน์ ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการจราจรในกรุงเทพมหานครหนาแน่นมาก แต่ Volvo V40 Cross country D4 ก็พร้อมจะตอบโจทย์ในการขับขี่อย่างลงตัว ขนาดที่พอเหมาะพอดีของตัวรถ ทำให้เจ้าสวีดิชคันนี้ใช้งานง่ายดาย เหมาะสมกับชีวิตคนเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหาที่จอดรถทำได้ง่ายมากขึ้น
ยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดขับลองหันมาใช้ระบบ Active Park Assisted ผู้ช่วยมือขยันในการจอดรถขนานฟุตบาท คุณจะทึ่งในการทำงานของมัน ตลอดจนการจอดหรือถอยเข้าออกในซองก็ง่าย ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับรอบคัน บางคนเคยผ่านมือกับรถญี่ปุ่น อาจจะกังขาว่ารถราคา 2 ล้าน ทำไมไม่มีกล้องมองหลังมาให้ แต่จะแคร์ทำไม ถ้าคุณมีเซนเซอร์รอบคัน ที่ทำงานได้ดีกว่า ด้วยระบบ Rear Cross Traffic Alert รวมถึงในการขับขี่บนถนนคุณยังมีผู้ช่วยระแวดระวัง Blind spot Information system คอยเตือนรถที่มาในมุมอับ ช่วยได้มากโดยเฉพาะการระวังมอเตอร์ไซค์ขาแว้นทั้งหลาย ทำให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยขึ้นมากมาย
ทว่าเจ้า Volvo V40 Cross country D4 ก็ยังเป็นเสือร้ายในเมือง ด้วยกำลังแรงบิดที่มากกว่ารถกระบะบางรุ่นที่วางจำหน่ายในตลาด ทำให้มันสามารถเร่งได้ปลิวลม อย่าแปลกใจถ้าคุณจะโดนบรรดารถเก๋งตัวหรูจากเยอรมันค่อนขอดในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ แต่คุณพียงหยียบคันเร่ง ก็จะทิ้งพวกเขาไว้เป็นจุดบนกระจกมองหลังอย่างสะใจ
โดยเฉพาะเมื่อกำลังเครื่องยนต์ 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ใช้งานอย่างผสมผสานกับขนาดตัวที่ออกแบบมาพอเหมาะพอดี ด้วยกำลังเครื่องยนต์มีแรงบืดระดับช้างสาร ไม่แปลกใจที่ตัวเองกลายเป็นคนขับรถเร็ว หรือเพื่อนๆ อาจจะเห็นว่าคุณขับรถเร็วไปโดยปริยาย จนคุณไม่สามารถหยุดหักห้ามตัวเองไม่ให้เสพติดอะดรีนาลีนทุกครั้งที่ใช้ความเร็ว
กล่าวถึงสมรรถนะผมเองมีโอกาสลองทดสอบเจ้า Volvo V40 Cross country D4 อัตราเร่งสั้นๆ ภายหลังจบการทดสอบในเมือง บอกเลยว่าเจ้ารถคันนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
ตารางแสดงการทดสอบอัตราเร่ง Volvo V40 Cross country D4
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. |
9.997 |
9.997 |
10.004 |
9.999 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. |
6.000 |
6.000 |
6.000 |
6.000 |
ในระหว่างการทดสอบเรามีผู้โดยสารในรถ 3 คน ขับบนถนนลาดยางทั่วไป วัดจากโปรแกรม Torque OBD ปรากฏว่าเจ้า Volvo V40 Cross country D4 แสดงความสามารถสุดระทึกเร่งได้อย่างเร้าใจอย่างสนุกสนาน ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลาเฉลี่ย 9.999 วินาที และมีอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ในเวลาเฉลี่ย 6 วินาที ยิ่งถ้าแถวบ้านคุณมีทางตรงยาวๆ ให้ลองซัดด้วยความเร็ววัดกัน 0-200 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถทำได้ในครั้งเดียวด้วยเวลา 40 วินาที
เพียงแต่ต้องทำใจในสไตล์ของเครื่องยนต์ดีเซลในช่วงความเร็วหลัง 180 ก.ม./ช.ม. ความเร็วจะค่อยๆ ขึ้น และจะใช้เวลามากขึ้นเมื่อคุณทะลุ 200 ก.ม./ช.ม. ไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดเจ้า Volvo V40 Cross country D4 กลับทำให้เราประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าความเร็วสูงสุดมันไปได้ไกลกว่าที่รายละเอียดทางเทคนิคในแคตตาล็อกบอกไว้ที่ 210 ก.ม./ช.ม ทว่าในการทดสอบของเรา สามารถขับได้ถึง 221 ก.ม./ช.ม.
Volvo V40 Cross country D4 เร้าใจสมรรถนะ ประหยัดเข้าท่า ..
ปกติแล้วในการทดสอบรถของผม ไม่บ่อยนักที่เราจะค้นพบความประหยัดกับสมรรถนะสามารถควงแขนไปด้วยกัน Volvo V40 Cross country D4 เป็นหนี่งในรถยนต์ที่ผมขึ้นบัญชีน่าซื้อเอาไว้ให้กับใครก็ตามที่มองหาสมรรถนะในการขับขี่ แต่ยังรู้สึกว่าอาจจะต้องกระเบียดเงินในกระเป๋าเพื่อสนองความรู้สึกส่วนตัว
ราคาที่แพงกว่า 2 แสน ในมุมมองของ Bonn เอง กลับรู้สึกว่า มันคุ้มค่านะที่จะจับจองเป็นเจ้าของ Volvo V40 Cross country D4 คันนี้ มันขับได้สนุกกว่ามากมาย เครื่องยนต์ก็มีเสียงอันทรงพลัง แม้จะน่ารำคาญเสียงเครื่องที่ค่อนข้างดังอยู่บ้าง เมื่อคุณมองแล้วพบว่า นี่มันรถเก๋งนะไม่ใช่อเนกประสงค์
ถึงจะมีเรื่องเสียงดังกวนใจบ้าง แต่มันก็คุ้มค่าด้วยความประหยัด และผมก็ได้อัตราประหยัดในเมืองอยูที่ 13.9 กิโลเมตร/ลิตร ผมเองมีข้อติติงกับ Volvo เสมอเมื่อขับในเมืองว่า ความจริงมันควรจะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าระบบ Start-Stop เครื่องยนต์ทำงานบ่อยขึ้น สืบเนื่องจากการตั้งค่าเมืองหนาวและต้องการสร้างความสบายสูงสุดในการโดยสาร
ส่วนระบบ Eco Plus โหมดประหยัดสุดติ่ง ผมลองใช้ดูแล้ว ไม่แตกต่างจากที่เคยสัมผัสไปใน Volvo XC 60 มันขับค่อนข้างยากไปนิดต้องอาศัยความคุ้นชิน ทว่าด้วยความสามารถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความประหยัดอยู่แล้ว ก็แทบไม่จำเป็น แล้วท้ายสุดเจ้า Volvo V40 Cross country D4 ก็กลายเป็นรถที่สร้างความรู้สึกครั้งแรกว่า มันจะประหยัดไปไหน เพราะขับเท่าไร น้ำมันก็ไม่ลดเสียที แถมตอนเอากลับไปคืน Volvo ยังมีน้ำมันเหลือเกือบครึ่งถังอีกด้วย .... ที่สำคัญ รถคันนี้คือมือปราบรถแต่งที่ดีอีกคัน เพราะคุณสามารถเร่งแซงทุกเมื่อได้ตามต้องการที่อยากทำ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากสนุกไล่บี้เด็กๆนานแค่ไหน
สมรรถนะและความประหยัด... เป็นสองสิ่งที่ผู้คนถวิลหาเสมอมา วันนี้ เจ้ายนตรกรรมชั้นนำจากสวีเดน Volvo V40 Cross country D4 ผ่านบทพิสูจน์กับผมแล้วว่ามันมีดีมากกว่าที่เห็น เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ตอบโจทย์ เรื่องความประหยัดในการขับขี่และยังสนองตัณหาความเร็วของคุณได้พร้อมกัน.....ผมว่าคุ้มนะ ถ้าคุณมีงบประมาณมากพอและพร้อมที่จะจ่ายเพื่ออะไรที่มากกว่าเดิม ในราคา 2.099 ล้านบาท
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
ภาพโดย Top Taro - ณัฐยศ ชูบรรจง
รถทดสอบ Volvo V40 Cross Country D4
ราคาจำหน่าย 2,099,000 บาท
สรุปอัตราประหยัด
|
อัตราประหยัด (กิโลเมตร/ลิตร) |
ในเมือง |
13.9 |
นอกเมือง* |
14.02 |
*นอกเมืองขับความเร็ว 130-160 ก.ม./ช.ม.
สิ่งที่ชอบ >>> การออกแบบตัวรถยกสูงทำให้คุณขับใช้งานได้ง่ายดายตามทางหลวงต่างๆ แต่ดีไปว่านั้น คือคุณมีเครื่องยนต์ที่ตอบโจทย์เร้าใจในสมรรถนะแต่ยังประหยัด และรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ความรู้สึกหน้าหนักของตัวรถ เป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจ ยิ่งคุณขับรถด้วยระบบ Lane Keeping Aid และ ระบบ Star-Stop ที่ยังทำงานน้อยไปตอนกลางวัน
สิ่งที่อยากให้มี >>> หลังคาซันรูฟสักบานก็น่าจะดี รวมถึงเราเฝ้ารอดูสมรรถนะรถคันนี้เมื่อแต่งจัดเต็มเป็น Pole star
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> นี่คือรถที่ตอบการขับขี่ได้ดีกว่าที่คุณคิด มันทั้งประหยัดและมีสมรรถนะครบมือ เพียงแต่คุณต้องทำใจว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก 2 แสนจากรุ่นเครื่องเบนซินที่มีออพชั่นเท่ากัน ทว่าคุณก็จะได้ความประหยัดและความเร้าใจชวนระทึกมากกว่า และคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
เทียบกับ คู่แข่ง >>> น่าสนใจกว่าตรงที่นี่คือเก๋งยกสูง ที่มาพร้อมเครื่องดีเซล ซึ่งตรงกับบุคลิกของมัน ... และยังไม่มีใครเป็นคู่แข่งในเซกเม้นท์นี้
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com