Hands On : Subaru Outback นี่เลยตัวจริง พี่ชาย Subaru XV
- โดย : Autodeft
- 23 ธ.ค. 56 00:00
- 9,572 อ่าน
ติดตามการทดสอบ Subaru Outback อีกหนึ่งอเนกประสงค์หรูพร้อมลุย...นี่แหละพี่ชายของเจ้า Subaru XV
เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ตั้งแต่เปิดตัวออกมาในไทย น่าจะเรียกว่า Subaru XV เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ทำให้เราเห็นว่าค่ายรถยนต์ Subaru ก็มีดีไม่แพ้ค่ายอื่นๆ ราคาที่จับต้องง่ายสมรรถนะที่เกินคาดในราคาที่เราหลายคนเองสามารถเป็นเจ้าของได้ ก็ยั่วกิเลสหลายคนให้อยากเป็นเจ้าของในสมรรถนะ
เมื่อไม่นานมานี้เราได้มีโอกาสสัมผัส Subaru XV ใหม่ ไปอย่างเป็นทางการ แต่คำถามหลายอย่างยังมีขึ้นในใจ ถ้าบอกว่า มันสามารถดีได้กว่านี้อีก และถ้าย้อนตามประวัติการเกิดขึ้นมาของ Subaru แล้ว ชื่อเสียงเรียงนามว่า Subaru Outback น่าจะคงผ่านหูพวกเราหลายคนอยู่บ้าง
ถึงจะไม่เป็นรถยนต์รุ่นที่อยากจะดันมากมายนัก ประโยคที่เผอิญยังจำได้ดีตอนที่คุยกับคุณพี่การตลาดของ Subaru แต่ในระหว่างฆ่าเวลารอ เจ้าอเนกประสงค์ใหม่ที่คิวยาวเหยียดเต็มกันไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า Subaru Outback ก็เป็นรถยนต์ที่เราอยากจะลองสัมผัส ดูอยู่พอสมควร ถึงหลายอย่างจะเริ่มเอาท์ไปตามกาลเวลา แต่การนำมันมาทดลองบนถนนตลอดจนลุยทางจนถึงขีดสุดก็คงน่าสนใจใช่ย่อย
Subaru Outback น่าจะถือว่ามันเป็นต้นตอของ Subaru XV ตัวจริง ยิ่งถ้าเจาะลึกเรื่องประวัติของ Subaru ถึงแนวคิดในการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์กลุ่มใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยแนวคิดยัดความเป็นเก๋งลงในรถอเนกประสงค์ ซึ่งเดิมทีพัฒนามาจาก Subaru Impreza Gravel Express แต่ในอเมริกา มันชื่อ Subaru Outback Sport ใช่แล้วครับท่านผู้อ่าน มันก็คืออดีตที่เคยเป็นของ Subaru Xv ซึ่งก็คือ Subaru Outback แต่มันต่างกันตรงที่ มันพัฒนาจากซีดานขนาดกลาง Subaru Legacy
ต้นกำเนิดของ Subaru Outback กำเนิดภายใต้แนวคิดแปลกๆ เมื่อพวกวิศวกรค่ายดาวลูกไก่ อยากทำรถยนต์ 5 ประตู ในช่วง ปี 1994 แต่ด้วยความที่ต้องแข่งขันรถยนต์ที่มีมากมายในตลาดรถยนต์ครอบครัวที่ได้รับความนิยมในอเมริกา ทำให้ สองปีถัดมาค่าย Subaru ลองปรับอะไรที่แตกต่างด้วยการให้ออพชั่นรถลุยมากขึ้น ด้วยการยกสูงระบบกันสะเทือนเพิ่มความสามารถในการลุย และยิ่งน่าแปลกที่มันมีมากกว่า 5 รุ่นแล้ว รวมถึงเวอร์ชั่นปัจจุบัน
เรือนร่างหรูขึ้นตามแบบฉบับพี่ใหญ่
อย่างที่เรากล่าวไปว่า Subaru Outback ในภาพรวมเป็นการอัพเดทสมรรถนะในลุยจาก Subaru Legacy เวอร์ชั่น 5 ประตู ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกอย่างจะค่อนข้างมีความเหมือนกับพี่น้องของมัน
ในภาคการออกแบบเองคุณสามารถรู้สึกได้ถึงความหรูหราเริ่มตั้งแรกเห็น แม้จะน่าเสียดายที่ Subaru Outback ที่เราเห็นคันนี้เข้ามาจำหน่ายตั้งแต่ช่วงสองปีที่แล้ว ในเวลาที่ตอนนั้น Subaru ยังไม่มีใครรู้จักรถรุ่นอื่นมากมาย และความนิยมรถอเนกประสงค์ที่ได้ทั้งเก๋งและความสะดวกสบายแบบรถอเนกประสงค์ ยังเคยเป็นที่คิดถึงในตลาด
ทำให้เรือนร่าง Subaru Outback ยังไม่ได้รับเส้นสายการออกแบบใหม่ ตามการเปลี่ยนแปลงของ Subaru เมื่อเร็วๆนี้ที่ทำให้รถทั้งหมดมีความทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ทว่าความหรูหราที่ได้มาจาก Subaru Legacy ก็ยังทำให้มันโดดเด่น ตั้งแต่ด้านหน้า ที่มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมด้านๆ ดูแปลกตา แต่ก็สอดรับเข้ากันดีกับการออกแบบสปอร์ต ซึ่งเมื่อรถมีการยกสูง ก็ทำให้มันดูลุย
รวมถึงการเส้นสายที่แม้จะเก่าแต่ยังดูดีและด้วยเหตุนี้มันเลยไม่ดูน้องชาย Subaru XV แต่กลับขรึมหรู สปอร์ต และลงตัวมากกว่าตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้าย ซึ่งด้านท้ายเอง ก็ออกแนวเป็นรถยนต์หรูอยู่เป็นทุนเดิม ช่วยให้รถดูลงตัว
ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบเท่านั้นที่ดูมีความแตกต่าง แต่เรื่องขนาดก็มีความใหญ่มากกว่าน้องชายของมัน Subaru Outback แนะนำความยาวตลอดคัน 4,775 ม.ม. กว้าง 1,820 ม.ม. และสูง 1,615 ม.ม. ซึ่งมีพื้นที่มากพอในการโดยสาร แต่ยังวิศวกรรมพร้อมสำหรับที่สุดสมรรถนะการขับขี่ด้วยความยาวฐานล้อ 2,745 ม.ม. แล้วลุยไร้ปัญหาด้วยความสูงจากพื้น 213 ม.ม.
ห้องโดยสารสะดวกสบาย ...มั่นใจทุกเส้นทาง
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้องโยสาร Subaru Outback ต้อนรับด้วยการออกแบบที่เปี่ยมด้วยความสปอร์ต การให้รายละเอียดภายในสีดำ ทำให้รถมีตัวตนที่แปลกแตกต่างออกไปจากด้านนอก ทว่ายังคงกลมกลืนกับสิ่งที่มันเป็น
การเข้าออกห้องโดยสารง่ายทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เป็นดีเอ็นเอ ยินยันในการพัฒนามาจากซีดานกลาง Subaru Legacy ซึ่งเน้นในความสะดวกสบายสูงสุด ที่คอนโซลหน้าแนะนำมาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้าน มัลติฟังชั่น ทั้งควบคุมเครื่องเสียงหรือ ทำงานร่วมกับ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ทั้งดึงเข้าออกและขึ้นลง รวมถึงการออกแบบที่เน้นความโค้งเว้าในความสปอร์ต เช่นเดียวกับ ปุ่มสตาร์ท
ระบบความบันเทิงที่ดุลงตัวดีเมื่อจัดวางมันเข้ากับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ซึ่งได้รายละเอียดการตบแต่งที่เน้นทางความหรูหรามากกว่าน้องชายของมัน ทว่าที่ชัดเจนที่ที่สุดคือเรื่องคุณภาพของวัสดุที่ดีกว่าในทุกๆด้าน ทั้งพลาสติกที่มาใช้ในคอโซลหน้า แผงประตูด้านข้าง ตลอดจนเบาะนั่งที่ให้ความสบายมากกว่า รวมถึงหนังที่มีคุณภาพดีอย่างที่ควรจะเป็นในรถหรู
ส่วนการโดยสารในเบาะนั่งตอนหลังก็มีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่คุณจะเอามันเป็นรถยนต์เดินทางไกลสำหรับผู้บริหารที่จำเป็นต้องลุยเข้ารกเข้าพง แต่ถ้ามองว่าจะใช้เป็นรถเพื่อครอบครัวก็ได้อยู่เช่นกันด้วยพื้นที่เก็บของ ขนาด 971 ลิตร เมื่อคุณใช้เบาะหลังร่วมในการโดยสาร แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้าสู่โหมดนักขนอย่างจริงจัง ก็สามารถพับเบาะหลัง 60/40 และจะมีพื้นที่สูงสุด 2018 ลิตร พอที่คุณจะโยน จักรยานเข้าไปได้ทั้งคันโดยไม่ต้องถอดล้อ ให้เสียเวลาและยังมีพื้นที่อีกนิดสำหรับวางของเพิ่มไปปิกนิก อีกนิดหน่อย จนน่าจะบอกว่าเหมาะตามทุกความต้องการของคุณ
สมรรถนะเร้าอารมณ์ ลุยเร้าใจ
การออกแบบที่ดูดีทั้งภายในและภายนอก ทำให้ผู้เขียนยอมรับว่า Subaru Outback ก็เป็นรถยนต์อีกคันที่น่าสนใจเช่นกัน เมื่อกล่าวว่า คุณถูกใจ Subaru XV แต่อยากได้รถที่หรูมากกว่า ดูดีมากขึ้น และแน่นอนไม่โหลบนถนน ขับไปไหนมาไหน ก็ดูภูมิฐานเหมาะสมกับฐานะ
ทว่านั่นก็ยังเป็นแค่ความดีความชอบส่วนหนึ่งของ Subaru Out back ด้วยสมรรถนะของมันก็ยังเร้าใจพอสมควร สำหรับคนชอบสมรรถนะ
ใต้ฝากระโปรง Subaru Outback แนะนำเครื่องยนต์เบนซินแบบสูบนอน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ที่มีกระบอกสูบและช่วงชัก 99.5X79.0 ม.ม. ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และ ยังทำแรงบิดสูงสุดได้ 229 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พ่วงลงชุดเกียร์ Lineartronic 6 สปีด และยังสามารถปรับอัตราทดเกียร์ได้เอง หากต้องการปั้นสมรรถนะ
ด้วยความเป็นเครื่องยนต์บล็อกกลาง Subaru Outback จึงเหมาะต่อการเดินทางไกลมากกว่า แต่ถึงมันน่าจะโดดเด่นบนทางหลวงตามการคาดการณ์ของทีมงาน แต่ก็ไม่ยั่นที่จะลองขับในเมืองดูสั้นๆ ซึ่งเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเอง ให้ศักยภาพรวมที่ดีกว่า
แม้ถ้าเทียบกับน้องชายของมัน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร น่าจะเหมาะต่อการขับขี่ในเมืองมากกว่า แต่ด้วยความเป็นเครื่องยนต์บล็อกกลาง และกำลังเครื่องยนต์มากกว่า ทำให้ Subaru Outback ที่มีขนาดค่อนไปทางเทอะทะในถนนคนเมือง สามารถกรีดกรายไปตามถนนในเมืองได้ดีกว่า
การเร่งแซงเสียบแทรก ซึ่งน่าจะกลายเป็นกิจวัตรของคนเมืองทุกวันนี้ที่เร่งรีบตลอดเวลา สามารถทำได้ง่ายด้วยกำลังเครื่องที่มากขึ้น ในขณะที่การทดอัตราเกียร์เองก็มีส่วนสำคัญด้วย เช่นกัน ในการเดินทางในเมือง ซึ่งเมื่อเทียบกับน้องชายของมัน มีเฟืองท้ายจัดจ้านกว่า 1 เบอร์ ด้วยอัตราขับเฟืองท้ายที่ 3.9 แทน 3.7 ใน Subaru XV
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไม ในเมื่อมันเป็นรถคนละคลาสกันต้องเทียบกันในหลายหัวข้อระหว่างการทดสอบ นั่นเพราะ Subaru Outback เป็นรถที่ดูภูมิฐานขับได้หลากหลายสถานการณ์ อาจจะเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการรถยนต์ที่ดีกว่า แต่ว่าเราก็ไม่ได้เน้นหนักมากในเมือง .. เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า Subaru Outback เหมาะมากกว่าถ้าวิ่งบนทางหลวง
งานนี้ลุย... ความคิดนี้มาตั้งแต่ที่รู้ว่าจะขับ Subaru Outback มาทดสอบแล้ว และ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ มีคนแนะนำให้ไปลุย “พะเนินทุ่ง” เส้นทางขุนเขาท่ามกลางป่าแก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรีไม่ไกลมากมายจนเกินไปนัก และ ทางลุยที่หินพอสมควร แต่ก็คงไม่มากจนเกินความสามารถ ปลายทางการทดสอบจึงได้มันส์กัน
ช่วงการวิ่งถนนหลวง Subaru Outback โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้อารมณ์ที่นิ่งตลอดเส้นทางด้วยช่วงล่างเซทระบบกันสะเทือนแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัทตามสูตรทางด้านหน้า และด้านหลังเป็นแบบอิสระปีกนกสองชั้นเน้นการให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ทั้งยังเกาะถนน ซึ่งสามารถรู้สึกได้ทุกครั้งที่ผ่านช่วงรอบต่อถนน
แต่ความสามารถจากระบบกันสะเทือนนี้ยังไม่พอ เมื่อเทียบกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ symmetrical All Wheel Drive และค่าย Subaru ยังวิศวกรรมกระจายน้ำหนักโครงสร้างให้มาเถียรภาพที่สมดุล เมื่อรวมกับ ระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Dynamics Control System เจ้า Subaru Outback ก็แทบจะไร้เทียมทาน ในเรื่องความนิ่ง ทั้งยามเปลี่ยน และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความเร็วสูงในการเดินทางรถจะนิ่ง และยังนั่งได้อย่างสบาย ตลอดทุกเส้นทาง ไม่หวั่นกระทั่งในทางโค้ง ที่ได้เปรียบเหนือคู่แข่งเจ้าอื่นๆใน ตลาด
เรื่องการบังคับเลี้ยวเอง ค่อนข้างทำได้ดีพอสมควร แม้ การมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะไม่คุ้นเคยสำหรับคนขับรถทั่วไป และมีอัตราการเกาะถนนมากกว่า ในทางกลับกัน ก็ยังทำให้การเลี้ยว หรือการเปลี่ยนทิศทางไม่ง่ายเหมือนรถทั่วไป แต่ Subaru Outback กับตัดบททุกอย่างให้ง่ายดายด้วยน้ำหนักพวงมาลัยพอเหมาะสมตัว ไม่หนักเกินไป หรือเบาเกินงาม ด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่เข้ามาช่วยให้คุณขับรถง่ายขึ้น แต่ด้วยความที่มันเป็นระบบไฟฟ้า ก็เลยมีอาการดีเลย์ในช่วงเสี้ยววินาทีนิดหน่อย ถ้าคนทั่วไปจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
แต่ในภาพรวมมันให้อารมณ์สปอร์ต ซึ่งตอบโจทย์ทิศทางไวพอประมาณมีแอบฟรีเล็กๆ นิด หนึ่งช่วยไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่ามันวูบวาบจนเกินไปนัก จนสามารถบรรจบความสปอร์ตเข้ากับความนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เส้นทางหลวงเช่นนี้ เครื่องยนต์ สูบนอน 2.5 ลิตร ออกลวดลายได้มันส์ฝ่าเท้ามากมาย ด้วยการวิศวกรรมเครื่องยนต์ที่เน้นความจัดจ้านอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ช่วยเพิ่มความชัดเจนในแง่ของการความทรงพลังในการขับขี่ ยิ่งการใช้เฟืองท้ายในระบบส่งกำลังไม่สูงนักทำให้สามารถเร่งได้อย่างถึงใจเร้าอารมณ์มากมาย โดยในช่วง 80-120 คุณ จะใช้เวลาเร่งเพียง 8.0 วินาที
แต่เมื่อ เดินทางไกลนิ่งๆ ไปเนียนๆ Subaru Outback ก็ใช้รอบเครื่องยนต์ไม่ได้มากมายนัก ที่ความเร็ว 100 ก.ม. /ช.ม. รถ จะใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 1500 รอบต่อนาที และที่ความเร็วเดินทางสูงสุดตามกฎหมายกำหนด ก็ใช้เพียง 1900 รอบต่อนาที
ถ้ามองให้ดี จะพบว่าการใช้ความเร็วทั่วไป ใช้รอบเครื่องยนต์ไม่ถึง 2,000 รอบ นั่นทำให้เราเดินทางโดยใช้ความเร็วค่อนข้างสูงโดยไม่รู้ตัวตลอดการเดินทาง แถมในระหว่างทางยัง ทำความเร็วสูงสุด 182 ก.ม. ในระหว่างการทดสอบ แต่ Subaru อ้างว่า ถ้าคุณต้องห้อเป็นพายุไปทำธุระจริงๆ สามารถพา Subaru Outback ไปได้เร็วถึง 198 ก.ม./ช.ม. เลยทีเดียว
ได้เวลาลองของสมรรถนะลุย @ พะเนินทุ่ง ..
ปลายทางวันนี้เส้นทางที่โหดหินที่สุดกำลังรอ Subaru Outback โชคดีทีการมาของเราเป็นการมาเปิดป่าพะเนินทุ่งในวันแรกๆ ทำให้รถยนต์ยังน้อย เส้นทางที่ปิดตั้งแต่ช่วงหน้าฝนมาจึงยังโหดพอสมควร การผ่านเข้าที่นี่อาจไม่ได้ ต้องใช้ความชำนาญ แต่รถที่มีสมรรถนะดี ก็ช่วยได้มากพอสมควร
เรามาถึงทางเข้าพะเนินทุ่งในช่วงก่อนฟ้าสาง เรียกว่ามาหลับรอ ขับขึ้นกันเลย และเมื่อได้เวลาเดินทางขึ้นเขา บททดสอบ สุดหิน Subaru Outbackก็เริ่มต้นขึ้น
ถ้าคุณเคยมาพะเนินทุ่ง พอจะรู้ดีว่าเส้นทางนั้นก็ไม่ได้ลุยเละเปื้อนโคลนอะไรขนาดนั้น แต่เส้นทางส่วนใหญ่ ซึ่งมีลักษณะเป็นทางหินดิน และต้องไต่เนินชันตามภูเขา เข้าไปยังพะเนินทุ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าคุณจะขับรถเคลื่อน 2 ล้อ เข้ามา ซึ่งสำหรับ Subaru Outback ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตัว มันก็ช่วยให้ง่ายต่อการเดินทางมากขึ้น
หากด้วยลุคที่ดูหรูไม่ได้ลุยมาก เราเห็นสายตาของรถที่พานักท่องเที่ยวเข้ามาชมทะเลหมอกในท้องถิ่น จนถึงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มองแบบแปลกๆ ผ่าน กระจกที่ไม่ได้ติดฟิล์ม แบบ งงๆ ว่า “ เดี๋ยวเถอะ..ก็ไม่รอดหรอก”
อันนี้จะไปบอกเขาว่าเราลุยได้ ก็คงไม่ใช่เรื่อง แต่เราต้องโชว์ให้มันรู้กันไปเลย ว่าแล้ว ในช่วงแรก เส้นทางแบบหินกรวด ต้อนรับ Subaru Outback ในการลุย เรื่องนี้เล็กน้อยมาก ด้วยช่วงล่างที่ผสมช่วงล่างแบบอิสระ ทำให้ยังได้ความนุ่มนวลกว่ารถลุยประเภทอื่นๆ ทว่าถึงแบบนั้น การกระเด้งกระดอนจากพื้นถนน ก็ยังทำให้น้ำดื่มหกได้เช่นกัน
หลังผ่านทางหิน เราก็เริ่มสู่โหมดลงลำธาร อาจะเรียกว่าเป็นเรื่องไม่ตั้งใจมากกว่า ด้วยรถเป็นรถขับสี่ ฝ่าอุปสรรค ง่าย ก็เลยลี่เข้าไปหาคันหน้าแบบเกาะติด แต่นั่นเพราความแปรกของรถ ทำให้เรา โดนรถโฟร์วีล เจ้าถิ่นบี้ติดตูดมากดดันเช่นกัน ท้ายสุดด้วยความรำคาญ เลยจอดแวะถ่ายรูปสวยๆ ก่อนเดินทางกันต่อไป
ในสเตจที่สาม เป็นเส้นทางแบบหินผสมการขึ้นทางชั้น แม้ว่าโดยตัว Subaru Outback จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นทุนเดิม อยู่แล้ว แต่ที่โดดเด่นมากกว่า เป็นการใช้ชุดเกียร์ที่มาพร้อมระบบ Active Torque Split มาด้วยในตัว ซึ่งระบบ นี้ จะแบ่งการส่งกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลังในอัตรา 60/40 โดยคำนวณร่วมกับสภาพถนนขณะนั้น ทำให้คุณสามารถเกาะถนนได้มากกว่าและกับทางลุยแบบนี้ มันช่วยให้คุณไต่ได้มั่นใจกว่า และถ้าเจอทางที่ชันมากๆ แล้วคุณอาจจะจำเป็นต้องหยุดก็มีระบบ Hill Holder ช่วยยันรถไว้อีก 2 วินาทีโดยประมาณ ให้คุณเร่งเครื่องฝ่าฟันขึ้นไป
ท้ายสุด เราก็นำ Subaru Outback มาถึง ขุดชมวิวของ พะเนินทุ่งได้ โดยในระหว่างเส้นทางแบบตะลุยสุดีดเส้นทางหนึ่ง แม้ Subaru Outback จะไม่ได้ เกิดมาเพื่อลุยโดยเนื้อแท้ แต่ด้วยความสามารถของมันก็สามารถทำได้ และ นั่นยิ่งทำให้ คนที่ตามเรามางงว่า รถที่ไม่ใช่กระบะ เรือนร่างแบบรถครอบครัวทั่วไป สามารถขึ้นมาเที่ยวถึงป่าที่ลึกเข้ามาในแก่งกระจานได้ โดยที่ไม่น่าเชื่อว่าเรือนร่างหรูๆ จะมีสมรรถนะที่เปี่ยมล้นขนาดนี้
สรุป ...เยี่ยมกว่าน้องชาย แต่ซดกว่ากันเยอะพอสมควร
หลังจากขับตลอดสองวันเต็ม ทั้งบนถนน ทั้งลุยใน Subaru Outback ใหม่ เราก็พอจะเห็นภาพการขับขี่ของรถอเนกประสงค์ร่างหรูที่พร้อมลุยคันนี้พอสมควร
ในแง่หนึ่ง เจ้า Subaru Outback อาจจะดูเริ่มเอ้าท์ และเมื่อเทียบกับน้องชายมัน ที่ดูเท่ห์สปอร์ตและลงตัวมากกว่า การออกแบบ Subaru Outback ดูจะเริ่มโบราณไปเสียแล้ว เมื่อนับว่า ค่ายดาวลูกไก่ มีเส้นสายใหม่มาแนะนำ และ เรือนร่างของว่าที่ Subaru Legacy รุ่นต่อไป ก็ออกมาเผยโฉมต้นแบบแล้ว ทว่า เจ้าไก่ลุยคันนี้ ก็ยังให้ความหรูหราที่มากกว่าและยังเป็นทุนที่ทำให้หลายคนชายตามองมั่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ในแง่สมรรถนะการขับขี่เองก็ดี เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เร่งได้เร้าใจมากกว่าพอสมควร ถึงจะเป็นเครื่องเจนเก่า หากแต่แรงม้าที่สูงกว่า และแรงบิดที่ดีกว่า รวมถึงความลงตัวในเรื่องของระบบส่งกำลังและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่แบ่งกำลัง ในอัตรา 60/40 ก็แสดงศักยภาพดีดีเยี่ยม ทั้งการเข้าโค้งเอง ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยขับรถระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจจะรู้สึกแปลกๆ หากแต่ยังล้นด้วยการเกาะถนนหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแกตราเวเบอร์
แถมเรื่องการลุยก็ทำได้ดี แม้ช่วงลุยจะมีดีดก็ต้องมีแย่บ้างในเรื่องระบบกันสะเทือนที่เน้นทางเรียบมากกว่า ทำให้ หลายครั้ง รถจะกระโดดโยกหัวทั้งคนนั่งและคนขับไปมา แต่ก็สามารถไปในได้ในทางออฟโรดยากระดับ 2 คือ พวกทางหิน ทางชัน ทางที่ขอนไม้ ไม่มีหลุมมาก พอไหวอยู่ แต่ถ้าท่านประสงค์เอาเข้ารถเข้าพงจริงๆ คงจะเกินความสามารถมัน
ทีนี้ได้เวลาเฉลย อัตราประหยัด ซึ่ง บอกเลยว่า Subaru Outback ไม่ใช่รถที่เราเน้นขับประหยัดเลย การเดินทางบนทางหลวง ใช้ความเร็ว พอประมาณ 120-140 ก.ม./ช.ม.ด้วยผู้โดยสาร 3 คน แถมยังนำขึ้นไปลุยกันอีก เราสรุปตัวเลขที่ 9.1 กิโลเมตร/ลิตร ......ถ้าถามว่าซดไหม กับการลุยที่เร่งเครื่องตลอดเวลา การเดินทางด้วยความเร็วสูงเกือบตลอดเส้นทาง ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คาดกว่าที่คิด
อย่างไรก็ดี Subaru Outback อาจะมีข้อดีมากจนเปี่ยมล้น แต่อย่างที่เอ่ยๆไปว่า Subaru มีเส้นสายใหม่ที่เตรียมแนะนำสู่ Subaru Legacy นั่นรวมถึง Subaru Outback ด้วย ซึ่งถ้าคุณไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น มันคือรถที่ดีในเรื่องหรู ลุย อีกหนึ่งคัน... สวัสดี
เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง ,
ติดตามความเคลื่อนไหวการทดสอบได้รถได้ที่ Facebook หรือแนะนำติชมได้ที่ [email protected]
นำเสนอบน Autodeft.com
สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้ โดยมิได้รับอนุญาต
ขอบคุณ คุณตะวัน คำฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องรถทดสอบ Subaru outback
สรุปผลการทดสอบ Subaru outback
รถยนต์ทดสอบ Subaru outback 2.5i
ราคาจำหน่าย 2,590,000 บาท
การทำงานของเครื่องยนต์ ที่เกียร์สูงสุด
ความเร็ว (ก.ม./ช.ม.) |
รอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) |
100 |
1500 |
110 |
1700 |
120 |
1900 |
130 |
2100 |
140 |
2400 |
อัตราความเร็วสูงสุดระหว่างทดสอบ 182 ก.ม./ช.ม.
สถิติอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน 12.0 วินาที ,80-120 ก.ม. /ช.ม. ใน 8.0 วินาที
อัตราประหยัดเฉลี่ยรวม 9.1 ก.ม/ลิตร
[GALLERY194]
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com