Hands on : Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G กระบะวิญญาณ SUV ร่างถึกในสไตล์เก๋ง
- โดย : Autodeft
- 9 มิ.ย. 58 00:00
- 71,675 อ่าน
พบบทดสอบที่หลายคนรอคอยกับรถยนต์กระบะ Toyota Hilux Revo ใหม่ ร่างปฏิวัติตัวตนพัฒนาจากกระบะไปสู่ตัวตนในสไตล์อเนกประสงค์มากขึ้น
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
กล่าวถึงรถยนต์กระบะที่ตลาดประเทศไทยคุ้นเคยมานาน นึกถึงรถสักรุ่น คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากมายว่า Toyota เป็นตราสินค้าทางด้านยานยนต์ที่จับใจคนไทย เสมอมา การถ่ายทอดความเป็นรถยนต์ใช้งานจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นที่นิยมทำให้หลายคนจับตาอย่างมากถึงว่าที่รุ่นใหม่ว่าจะหงายไพ่ออกมาทางไหน ยิ่งรถยนต์กระบะวันนี้ผันไปต่างจากเดิมมากมาย
การมาของ Toyota Hilux Revo เป็นเกมการตลาดรถยนต์กระบะที่สำคัญ หลังจากคู่แข่งรายอื่นในตลาด เปิดตัวกระบะใหม่กันโครมครามตั้งแต่กลางปีกลาย บางเจ้าเปิดตัวล่วงหน้าย้อนไป 2-3 ปี จนจะปรับโฉมเล็กกันแล้ว ทำให้ โตโยต้า ต้องเร่งตีตื้นตลาด แม้ว่าบางที ..จริงที่หลายคนบอกว่า เอารถอะไรก็ได้มาแปะแบรนด์โยโยต้า ยังไงก็ขายได้ ทว่า สังคมทุกวันนี้มีการเปลี่ยนไป ต้องยอมรับว่าคนไทยชาญฉลาดขึ้นในการเลือกซื้อรถยนต์สักคันมาใช้งาน
จากงานเปิดตัวสุดอลังการยิ่งใหญ่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สู่วันนี้ที่เราบินตรงหนีฝนในกรุงเทพ มุ่งหน้าสู่เมืองพิษณุโลก มาพิสูจน์ตัวตนกระบะโฉมที่ 8 ของรถยนต์ Toyota Hilux Revo ใหม่ กลายเป็นบทละคร .วันนี้ที่รอคอย ...หลังจากรถเปิดตัวออกมา .. และมีคนไต่ถามว่าสมรรถนะ เป็นอย่างไร มันขับดีหรือ ไม่ ..
แต่ก่อนจะเริ่มบทความ ผมอยากจะขอ เรียนตามตรงว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโอกาสขับ Toyota Hilux Vigo มาก่อนสักครั้ง ทำให้สิ่งที่จะรับทราบในบทความรีวิวนี้ อาจจะต่างจากรีวิวของที่อื่น ซึ่งบางคนอาจจะมีประสบการณ์ในการขับ Toyota Hilux Vigo มาก่อน ทำให้เปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนในตัวตน
....
พบกันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากไปลูบๆ คลำๆ รถยนต์กระบะ Toyota Hilux Revo ใหม่ที่งานเปิดตัวมาแล้ว ซึ่งความจริงภายในงานมีการทดลองขับ แต่ก็ทำอย่างประเดี๋ยวประด๋าว ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่า ขับแบบนั้นจะต้องมานั่งเล่าเป็นฉากๆ ก็ดูอาจจะไม่ยุติธรรมต่อผู้อ่าน ต่อให้ผมติดต่อไปยังบางโชว์รูมรถยนต์ ที่พวกเขาอาจจะดีใจเปิดให้ทดลองขับได้ จากการใช้ความเป็นสื่อมวลชนต้อนรับขับสู้อย่างดีนั้น ก็อาจจะไม่พอที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของกระบะใหม่ของค่ายโตโยต้า
งานนี้ Autodeft.com เราจึงอาจจะช้ากว่าบางเว็บอยู่บ้าง แต่นี่คือการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน .. ซึ่งวันนี้ก็มาถึง เสียที ....
กายภายนอกตั้งแต่พบกันครั้งแรก Toyota Hilux Revo ใหม่ ลงตัวในมิติการออกแบบสร้างสรรค์ผลงานดีมีคุณภาพอีกแล้วครับท่าน..ผ่าน การสื่อสาร ที่พวกเขามั่นใจว่ามันมีความแตกต่างจากรุ่นเดินอย่างแน่นอน จนกล้าใช้คำว่า ปฎิวัติ มาพูด ในชื่อรุ่นที่ย่อคำว่า “Revolution” มาเหลือเพียงคำว่า “Revo” กลายเป็นโจทย์ตั้งต้นที่ทำให้หลายคนครุ่นคิดในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง
แนวทางปฎิวัติ ที่เริ่มสร้างตัวตนภายใต้ของมุมมองการออกแบบ ใหม่หมดจนขยับขยายเส้นสายจากเดิมที่เป็นกระบะลบเหลี่ยมทรวดทรงสปอร์ต จากเรือนร่างครั้งแรก ถูกทีมนักออกแบบฉีกทิ้งขยำมันลงถังขยะและขยับมาสู่การออกแบบที่เน้นในความหรูหรา
จะว่าไปส่วนตัวรู้สึกว่า Toyota Hilux Revo พยายามขยับจากตัวตนที่ดูสปอร์ตพร้อมลุย มาสู่ ความเป็นรถยนต์กระบะที่ดูดีสไตล์ของรถยนต์นั่งหรูมากขึ้นอย่างชัดเจน เริ่มจาก ใบหน้าของกระจังหน้าโครเมี่ยมใหม่ ปรับให้ดูเหมือนคู่แข่งแดนตะวันตก ที่ตีตื้นขึ้นมาในตลอดช่วยหลายปีที่ผ่านมา สอดประสานเส้นสายเข้ากับโคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ สามารถปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติได้ ภายในโคมยังมีชุดไฟ Daytime running Light แบบ LED ตอบความลงตัว ทำให้ หน้ารถมีความงามสง่า โดดเด่นนี่ยังไม่นับการให้ฟังชั่นเปิด-ปิด อัตโนมัติเพิ่มความรู้สึกพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น
ก่อนจะเริ่มต้นเส้นสาย DNA ใหม่ทาง Toyota ได้แนวคิดส่วนหนึ่งจากการสำรวจคนไทยว่า รถกระบนั้นต้องมีการออกแบบที่ดุดัน และยังต้องดูสปอร์ตไปพร้อมกัน จึงวางแนวทางการออกแบบรถให้มีเส้นสายเหลี่ยม ลงตัวในแบบความมีสันมีคม ให้ความสปอร์ตที่ดูมีความลงตัวในการออกแบบ และพร้อมกัน การปรับการออกแบบให้รถมีความถึกมาขึ้นช่วยให้มันดูแข็งแกร่งมากขึ้นจากด้านหน้า
ที่มีการปรับช่วงแก้มข้างใหม่หมดจดอย่างชัดเจน รวมถึงโบกมืออำลาฝากระโปรงหน้ามีจมูก โครตเกะกะสายตายามขับขี่ให้ความเรียบง่ายในการใช้งานที่ลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม
ช่วงด้านหน้าตัวรถ หากมองจากด้านข้างจะพบว่ารถ Toyota Hilux Revo ใหม่ มีความพยายามการออกแบบให้ช่วงห้องเครื่องยนต์ให้มีความยาวกว่ากระบะรุ่นอื่นๆ ส่วนหนึ่งที่เท่าที่มีข้อมูล คือการพยายามสร้างความปลอดภัยในจุดรับแรงกระแทกเมื่อเกิดการชนจากเหตุไม่คาดฝัน จากการเปิดเผยของ นาย ฮิโรกิ นากาจิม่า หัวหน้าโครงการพัฒนารถยนต์ Toyota Hilux รุ่นใหม่ และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ของ Toyota Motor Cooperation ที่ออกมากล่าวถึงรถยนต์กระบะใหม่ตั้งแต่งานเปิดตัวว่ามีการยืดความยาวรวมอีก 90 มม.
แต่นอกจากการเพิ่มโครงสร้างตัวถังตามที่นากาจิม่าบอกแล้ว การให้รายละเอียดด้วยกระโปรงหน้าที่ยืดยาว ยังตอบเรื่องความรู้สึกในการออกแบบให้ตรงตามหลังการอากาศพลศาสตร์มากขึ้นพร้อมกับเสาเอ ถูกเอนลาดเทลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ Toyota Hilux Vigo เมื่อรวมกับ การออกแบบฝากระโปรงหน้า รถ Toyota Hilux Revo ให้ความรู้สึกของความเป็นสปอร์ตปิกอัพอย่างแท้จริงมากขึ้น
ในขณะที่เรื่องของเส้นสายความดุดัน แข็งแกร่งถ่ายทอดออกสู่ด้านของตัวรถมันให้ลุคของความหรูหรา สอดผสานในการขับขี่ ผ่านกระจกมองข้างโครเมี่ยมมีไฟเลี้ยวในตัว เสริมความลงตัวมากขึ้นผ่านชุดบันไดข้าง และดุดันมากขึ้นด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วกับ ครั้งแรกในรถกระบะที่กล้าท้าทายด้วยการให้ยางแบบ All Terrain ขนาด 265/65/R17 มาจากโรงงาน
แต่ที่น่าจะขอติติงเล็กน้อยกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านบั้นท้ายที่ยังมีกลิ่นอายรุ่นเดิมอยู่มาก แม้ว่าชุดโป่งล้อจะใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม แล้วก็ตามที แต่การให้ไฟท้ายทั้งหมดเป็นไฟแบบฮาโลเจน ไร้ชุดไฟ LED ก็ทำให้รถขาดความทันสมัยไปอย่างน่าเสียดาย
กุญแจ Smart Key เป็นหนึ่งในความทันสมัยที่เข้ามาตอบโจทย์ในการใช้งาน เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G ตอบรายละเอียดด้วยความทันสมัยในการออกแบบมากกว่าเดิม ทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมดลดความเป็นกระบะจากที่คุ้นเคยมา
เริ่มตั้งแต่ในส่วนของการออกแบบ คอนโซลหน้าใหม่เน้นให้ความสะดวกสบายและดูภูมิฐานมากขึ้น ผ่านการตบแต่งโทนสีดำให้ความเคร่งขรึม สลับการตัดด้วยวัสดุสีเทาเมทัลลิคและโครเมี่ยม
หมายเหตุ รูปแทนจาก รุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ตรงหน้าคนขับให้พวงมาลัยมัลฟังชั่นสามก้าน คล้ายทรงซาลาเปาในรถ BMW ตัวสปอร์ต แต่แตกต่างด้วยการออกแบบแป้นแตร ให้เป็นทรงสี่เหลี่ยม ลึกเข้าไปข้างในเป็นมาตรวัดเรืองแสงสีฟ้าออกแบบมาให้รู้สึกว่ารถดูค่อนข้างทันสมัยในตัวพอสมควร ฝั่งซ้ายเป็นมาตรวัด ฝั่งขวาเป็นความเร็ว และยังมีจอแสดงผลข้อมูลในการขับขี่ขนาด 4.2 นิ้วไว้คอยตอบโจทย์บอกข้อมูลที่จำเป็น
ส่วนตรงกลางคอนโลหน้า ยาวไปถึงคอนโซลฝั่งคนนั้งออกแบบให้โค้งมล ช่วงกลางตัดการออกแบบ ด้วยการจัดวางระบบความบันเทิงแอบเยื้องเข้าหาคนขับเล็กน้อย เป็นแบบ DVD จอสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth มีระบบนำทางในตัวเสร็จสรรพ ขับผ่านลำโพง 6 ตัว สำหรับ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G กระบะคันนี้ยังก้าวล้ำมากขึ้น ด้วยช่องเสียบไฟแบบปลั้กเต้าเสียบที่บ้าน 220 V เผื่อใครจะต้องการความสามมารถการชาร์จไฟอย่างรวดเร็ว ก็จัดมาให้เสร็จสรรพ
ออพชั่นครบครัน ลงตัวกับความสบาย และดูหรูหราดูดี โดยเฉพาะใน Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G ให้เบาะนั่งหนังแท้ผสมหนังสังเคราะห์สีน้ำตาล ดูดีทำความสะอาดง่ายไม่ปวดกบาลตามสไตล์รถใช้งาน ด้านคนขับอำนวยความสะดวกเต็มพิกัดด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้า
แต่จะว่าไป ราคาล้านกว่าบาทในกระบะคันนี้ คนนั่งยังต้องออกแรงในการปรับเบาะนั่งตัวเอง ผ่านระบบอัตโนมือ ซึ่งในส่วนของเบาะนั่งหลังมาแปลกด้วยความสามารถในการปรับพับแยกได้ในอัตรา 60/40 เหมือนรถเก๋ง แต่แลดูไม่มีความจำเป็นมากมายนัก ส่วนเรื่องการนั่งตอนหลัง หลังค่อนข้างชัน แต่มีพื้นที่วางขามาพอสำหรับคนตัวใหญ่ไซส์ฝรั่งที่นั่งได้อย่างสบายตลอดการเดินทาง
เส้นทางทดสอบ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G วันนี้ ทางค่ายรถยนต์ชั้นนำ เลือกการเดินทางจาก พิษณุโลกไปยังอุดรธานี มาเป็นโจทย์ การเดินทางผ่านเส้นทาง อำเภอ หล่มสัก ตัดขึ้นน้ำหนาว ไปยัง อุดรธานี เชื่อเลยว่าไม่ว่าใครก็คงพอจะทราบสภาพเส้นทางการขับขี่ และความหินของทางของเราในวันนี้
ทีแรกตัวผมเองก็กะว่า จะขับเป็นมือแรก แต่ว่า ปรากฎว่าพี่สื่อมวลชนท่านหนึ่งท่านขอมาขับด้วย และ ด้วยความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ ก็เลยให้ท่านจัดหนัก ก่อนที่เราจะขับขี่กัน
ใต้ฝากระโปรง Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G เป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาให้ตอบสนองการขับขี่ในชื่อ GD Efficient Boost โชว์สมรรถนะตามรายละเอียดทางเทคนิคอย่างเหนือชั้น ด้วยกำลังสูงสุด 177 แรงม้า สูงสุดที่ 3,400 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุดที่ 420 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,400 - 2,600 รอบต่อนาที
แม้ว่ากำลังดังกล่าวอาจจะไม่มากที่สุดในตลาดกระบะในเวลานี้ไม่ว่าจะแรงม้า หรือ แรงบิด แต่โตโยต้าเผยว่า พวกเขามองว่า กำลังที่ให้มามีศักยภาพที่มากพอในการขับขี่และการใช้งานอยู่แล้วในระดับที่น่าจะสร้างความประทับใจต่อกลุ่มลูกค้า
ซึ่งวันนี้เราเองก็ขับรถยนต์ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G อันเป็นรุ่นระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะที่มีความเหนือชั้นในการขับขี่ ด้วยการแนะนำระบบ I MT เข้ามาตอบโจทย์ด้วย
“พี่บัง” นั่นคือชื่อเรารู้จักกันมายาวนาน ของพี่สื่อมวลชนท่านนี้ ที่มาขับขี่กับเราด้วยในครั้งจนรถ Toyota Hilux Revo หมายเลข 7 ของเรามีผู้โดยสารสามคน อัดแน่นด้วยสัมภาระ จนน่าจะเทียบเท่าพิกัดผู้โดยสาร 4 คน เป็นโจทย์ที่เจ้ากระบะต้องพิสูจน์ตัวเองในวันนี้
ช่วงแรกในการขับขี่ ด้วยถนนแถวหล่มสักเพิ่มทำใหม่หมดๆ ขยับขยายจากถนนสองเลนสวน ซึ่งผมเคยมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน เป็นถนน สี่เลน ทำให้ เราได้เห็นสมรรถนะที่แท้จริง ของ เครืองยนต์รหัส 2GD-FTV มากพอสมควร หลังจากที่ผมหันไปบอกพี่บังว่า ขับจัดเต็มเลยนะพี่
เท่านั้นแหละ ผมเองที่นั่งเป็นเนวิกเกเตอร์ทางด้านหน้าตัวรถ ก็นั่งแบบสะพรึงเล็กๆ ส่วนนายโอ๊ตคู่ขาประจำของผม นั่งในเบาะตอนหลัง
ในการขับขี่ของพี่ท่านที่เค้นเอาสมรรนถะมาทำให้ผมได้เห็น จนส่วนตัวว่าคงไม่ต้องทดสอบกันแล้วในแมทช์นี้ คุณผู้อ่านคิดดูครับว่า ตั้งแต่ออกจากสนามบินมา เราก็ยืนพื้นที่ 140 ก.ม./ช.ม. มาโดยตลอด ซึ่งเครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำพอสมควร ที่เกียร์ 6 ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่ง พี่บังหันมาบอก ในฐานะที่ท่านคร่ำวอดในวงการ คลุกคลีกับ Toyota Hilux Vigo มากมายหลายครั้งว่า นี่ถือว่าดีกว่าเดิมนะ แต่ที่คุณจะทึ่งที่สุดคือ หากคุณแช่เกียร์ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม. ที่เกียร์ 4 รถก็จะใช้รอบเครื่องอยู่ที่ 3,500 รอบต่อนาที พอดี
ระหว่างทาง พี่บังยังช่วยผมทำงาน ในการค้นหาความเร็วสูงสุดคร่าวๆ เราขับจัดเต็มสมรรถนะ ไล่กับรถเจ้าหน้าที่ของ Toyota Motor Thailand ในรถยนต์ Toyota Fortuner 3.0 ซึ่ง Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G สามารถบี้ได้สบายมาก และก่อนทางหมด ...พี่บังทำได้ 183 ก.ม./ช.ม. จากที่ผมเหลือบตามองบนหน้าปัด...
ถึงตลอดทางจะขับด้วยความเร็วมาตลอด... แต่เรื่องหนึ่งที่ยอมรับตั้งแต่เริ่มนั่งใน Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G คือการพยายามสร้างความสบายในการโดยสาร สูงสุด เริ่มจากสิ่งที่ใกล้ตัวง่ายๆ อย่างเบาะนั่งที่มีขนาดใหญ่ พอๆ กับ Toyota Camry ที่จริงแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นทรงเบาะเดียวกัน เพียงแต่ไม่ได้ทำให้นั่งสบายเทียบเท่าก็เท่านั้นเอง
ในขณะที่การบุเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร โตโยต้า ทำการบ้านใน Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G มาอย่างดี รถค่อนข้างมีความเงียบในระหว่างการเดินทาง ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงค์มาจากการวิศวกรรมเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่ให้มีความเงียบ อยู่แล้ว ... ทำให้รถมีความสุขุมมากขึ้นในตัวอย่างชัดเจน
และท้ายที่สุด ถ้า....คุณเป็นคนนั่งมีแฟนเป็นพวกขับตีนผียมพบาลยังส่ายหน้าแบบพวกผมเวลาทดสอบ เชื่อเลยว่าคุณจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความเร็วมากนัก จากการนั่ง สัมผัสได้พอสมควรว่า การเซทช่วงล่างของ Toyota Hilux Revo ใหม่ ออกไปในทางความเป็นเก๋งมากขึ้น ช่วงล่างจะไม่ตึงตังแบบกระบะดั้งเดิม ... เลยแม้แต่น้อย
จนต้องยอมรับว่ามีความคล้ายความรู้สึกที่พอจะสัมผัสได้จากรถ SUV จากการเซทติ้งในรถกระบะที่เราคุ้นเคย ด้วยระบบกันสะเทือนแบบช่วงล่างอิสระปีกนกคู่ ทางด้านหน้า มาพร้อมคอยย์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วน ระบบกันสะเทือนทางด้านหลังยังคงเป็นแหนบแผ่นซ้อนไม่มีผิดเพี้ยน
และจากระยะทาง 140 ก.ม/ช.ม. .....ในฐานะคนนั่ง ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง อยากนั่งคอหักหลับระหว่างเดินทาง Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G ถือว่าเซทมาได้ลงตัวพอสมควร
หลังข้าวเที่ยงอิ่มหมีพลีมัน เป็นเวลาที่ผมจะมารับบทบาทพลขับ เจ้า Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G ...ความจริงแล้วสารภาพตามตรงเลยครับ ว่าตั้งใจจะจอง Stage ที่สองของการทดสอบ ซึ่งเริ่มจาก ภัตราคารเมืองหล่ม ที่พักทานข้าว ร้านอาหารสไตล์จีนๆ ไปยัง ปั้มปตท. อำเภอ ชุมแพ ซึ่งเส้นทางตรงนี้ เป็นจุดที่โหดหินในเส้นทางพอสมควร มีการผสมผสานระหว่าง รูปแบบ เส้นทาง 4 เลน และ สองเลนสวน ซึ่งบอกเลยว่าไม่เคยมาเส้นทางนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ...
ขึ้นประทับตำแหน่งคนขับ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G การให้เบาะไฟฟ้า ทำให้มีความสบายในการปรับท่านั่ง และตัวเบาะนั่งมีขนาดใหญ่พอสมควร เหมือนที่ผมประทับใจในตำแหน่งคนนั่งมาแล้ว ไม่ว่าจะช่วงพนักพิงหลังหรือที่รองนั่ง ชุดเบาะออกแบบมาได้อย่างลงตัวในการใช้งานได้การเดินทาง
ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ส่วนตัวเลย ก็หนีไม่พ้นการปรับชุดพวงมาลัย ที่สามารถทำได้ 4 ทิศทาง ได้แก่ ขึ้นลง และยังสามารถยืดเข้าและออก ทำให้ คุณเลือกจะปรับขับท่านั่งได้ตามต้องการ
เหยียบคลัทช์สับเกียร์ 1 รอออกตัวก็ต้องประหลาดใจ อย่างมาก ความรู้สึกชุดคลัทช์และแป้นเหยียบตัวรถ ค่อนข้างทำออกมาได้นุ่มนวล คล้ายสัมผัสมาในรถยนต์นั่งหลายรุ่น ระยะคลัทช์ที่กำลังพอดีในจังหวะกด ดีพอที่คุณจะสามารถเลี้ยงคลัทช์เย่อเอาไว้รอออกตัว ได้กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผมรู้สึกว่า รถยนต์ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G มีดีในตัวกว่าคำพูดเสียอีก
เลี้ยวซ้ายออกจากร้านอาหาร ถนนที่มีจังหวะว่างในระดับหนึ่ง ผมลองบี้แป้นคันเร่งสุดๆ เข็มวัดรอบพุ่งเร็วจี๋ที่เกียร์ 1 กวาดจาก 1,500 รอบโดยประมาณ ไปยังรอบแรงม้าสูงสุด 3,400 รอบต่อนาที ผมสับเข้าเกียร์ 2 Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G โชว์สมรรถนะแรงบิดจัดหนัก ด้วยการฟรีล้อทิ้ง จนเสียงยาง A/T บดลั่นถนน .. บ่งบอกถึงแรงบิดที่เหลือเฟือของมัน
ไม่นานนัก เราเริ่มเข้าสู่สภาวะถนนสองเลน ถนนเส้นหลัก พี่บังที่ตอนนี้ไปนั่งแทนที่ผมฝั่งคนนั่งกล่าวว่า เป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อระหว่าง อุดรธานี ขอนแก่น และ พิษณุโลก เป็นเส้นทางหลักที่สำคัญ เส้นหนึ่งเลยก็ว่าได้
การขับขี่รถยนต์ในช่วงถนนสองเลน ถือเป็นบทสำคัญของการพิสูจน์สมรรถนะในการขับขี่ของเครื่องยนต์และระบบกันสะเทือนของ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าในด้านเครื่องยนต์ GD ใหม่ แม้ว่าหลายคนอาจจะกังขาว่า มีการปรับลดขนาดเครื่องยนต์ ลงมาจากเดิมที่ใช้บล็อก 2.5 และ 3.0 ลิตรในรุ่นท๊อปลงมาเหลือเพียง 2.4 และ 2.8 ลิตร อย่างที่เราขับในวันนี้
แต่เรื่องสมรรถนะในการขับขี่ โดยเฉพาะสาวก Toyota ท่านใด ที่ชอบเหลือเกินเรื่องความบ้าพลังของเครื่องยนต์จากค่าย Toyota เจ้า Toyota Hilux Revo โดยเฉพาะ ตัว 2.8 ลิตร ที่เราขับขี่ในตอนนี้มันมีกำลังเหลือเฟือมากมาย แม้จะมีขนาดความจุเครื่องยนต์เล็กลงกว่าเดิม หลายจังหวะการแซงรถ ในช่วงเลนสวน เราสามารถทำได้อย่างมั่นใจ
ยิ่งใครชอบแซงรถแบบห่ามๆ เช่น รูดขวา แซง 10 ล้อ 2 คัน หรือ บรรดารถเล็กที่วิ่งติดกันเป็นแพยาวๆ ต่อท้ายรถบรรทุก ไปตามๆ กัน เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 177 แรงม้า ก็พร้อมจะโชว์สมรรถนะของมัน ออกมา ให้ความเร้าใจ แต่ไม่ได้ออกมาในสไตล์รถกระบะสูตรซิ่งที่เร่งแล้วหลังจะต้องติดเบาะให้สาวเจ้ารู้สึกเสียว
แต่มันเป็นความรู้สึกของความนิ่มนวลในการขับขี่มากกว่า คนขับมั่นใจ คนนั่งสบายใจ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันมากมาย ส่วนหนึ่งที่สำคัญของการขับขี่คงไม่พ้นคู่หูระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ก็มีการปรับตั้งจูนใหม่ ให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอัตราทดเกียร์ที่ปรับให้แตกต่างจากเดิม ดังนี้
ตำแหน่งเกียร์ |
อัตราทด |
เกียร์ 1 |
4.784 |
เกียร์ 2 |
2.423 |
เกียร์ 3 |
1.443 |
เกียร์ 4 |
1.000 |
เกียร์ 5 |
0.842 |
เกียร์ 6 |
0.642 |
อัตราทดเฟืองท้าย |
3.583 |
หากแต่ในเวลาขับขี่กลับรู้สึกดี จนเป็นอีกจุดที่ขอชมทีมวิศวกรที่ห้าวหาญในความคืด คือการทำระยะโยนเกียร์ให้สั้นลงกว่าเดิม แต่ไม่ถึงขนาดเป็นก้ามเกียร์แบบ Quick Shift แบบบางค่าย ซึ่งการลดระยะโยนใน Toyota Hilux ทำจังหวะออกมาได้ดีพอสมควร ตัวด้ามเกียร์เอง วางในตำแหน่งที่มือสามารถปัดไปสับได้ตลอดเวลา
หากจะว่าไปแล้ว ผมมองว่า Toyota พยายามออกแบบฝั่งคนขับให้มีการใช้งานถูกหลักสรีระศาสตร์หรือ Ergonomic มากขึ้น สังเกตได้จากการพยายามทำหน้าปัดในตำแหน่งที่ต่ำบังคับให้คนไม่มาเหลียวมองหน้าปัดมาก ด้ามเกียร์ปรับตำแหน่งให้ต่ำลงเล็กน้อย รวมถึงที่หลายคนอาจจะไม่สังเกต คือ จอเครื่องเสียงเอง ก็เอียงเข้าหาผู้ขับขี่เล็กน้อยด้วย ทำให้ใช้งานง่าย และตัวเครื่องเสียงเองพยายามวางระบบให้ใช้งานง่ายในปุ่มสองปุ่มเท่านั้น
ด้ามเกียร์ที่เปลี่ยนไปจังหวะที่สับง่าย ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น จนรู้สึกประทับใจใน Toyota Hilux Revo มากพอสมควร และสำหรับใครที่ไม่เก่งกาจในการขับเกียร์ธรรมดา ครั้งนี้ Toyota ภูมิใจอย่างมากในการนำเสนอ ระบบผู้ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ iMT ซึ่งคุณสามารถกดใช้งานก็ได้ หรือปิดมันไปก็ได้ เพียงสัมผัสปุ่ม ถัดจากด้ามเกียร์ลงมา
คือระบบที่ช่วยให้คุณขับรถเกียร์ธรรมดาได้ตรงจังหวะการขับขี่ที่ควรจะเป็นมากขึ้น ระบบนี้ จะทำการคำนวนจังหวะที่สัมพันธของเกียร์และเครื่องยนต์ โดยระบบจะทำการเร่งรอบให้สัมพันธ์ไปก่อนหน้า ซึ่งคล้ายกับการ เร่งคันเร่งค้างแล้วสับเกียร์ แต่เมื่อคุณเย่อคลัทช์เข้าตำแหน่งเกียร์ สมมุติจาก 2 ไป 3 เมื่อเปิดระบบนี้ ระบบจะทำการเร่งรอบไปเล็กน้อย คล้ายคุณ แว้ว เครื่อง
( สื่อมวลชนบางท่านบอกมันคล้ายการ Heel & Toe แต่ผมว่าพวกเขาเข้าใจผิด เพราะ Heel and Toe คือการใช้เท้าขวาหยียบคันเบรกและคันเร่ง พร้อมกัน ถ้าทำแบบ Heel & Toe ซึงผมทำประจำยามขับรถดริฟท์ส่วนตัว มันจะมีอาการหน้าเบรกหัวทิ่ม และรอบเร่งขึ้นอย่างรุนแรง เนื่องจากเราใช้ปลายเท้าด้านขวา ตะบันคันเร่งจนสุด ไม่เชื่อลองดูได้ )
แต่นี่รอบแค่เร่งไปนิดหน่อย ในจังหวะหนึ่ง เนื่องจากระบบไม่ต้องการให้มีเสียกำลัง รอบตกลงไปเกินกว่ารอบกำลัง เมื่อเกียร์เข้าตำแหน่งก็เท่านั้น
วีดีโอสาธิต ระบบ iMT
เช่นเดียวกัน ในยามที่คุณสับเกียร์ลง ระบบจะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน แค่ในชัววินาที ทำให้ไม่สะดุดรอบตอบตกจนสูญเปล่าระหว่างกระบวนการเปลี่ยน ระบบลักษณะนี้เหมาะมาก สำหรับผู้ที่เพิ่งหัดเริ่มต้นขับรถเกียร์ธรรมดา เรียกว่าเป็น instructor ที่ดีเลยทีเดียว แต่สำหรับมือเก๋าก็สามารถใช้ได้ ยามที่ต้องการให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ตลอดการเดินทาง
ด้านข้างระบบ iMT ,เจ้า Toyota Hilux Revo ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ Eco และ PWR หรือ Power โหมด เป็นครั้งแรกที่มีลูกเล่นแบบนี้ในกระบะ ความจริงที่หลายคนไม่ตระหนัก คือนอกจากสองโหมดดังกล่าวมันยังมีโหมด Normal ที่เราขับอยู่ในปัจจุบัน โดยการจะกลับเข้าสู่โหมด Normal คือการกดปุ่มซ้ำที่ PWR หรือ Eco
เมื่อกด Power โหมด บุคคลิกการขับขี่ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G จะเปลี่ยนไปในทันที คันเร่งตอบสนองติดเท้ารถดูจะกระชับกระเฉงขึ้นพร้อมที่รวบรวมกำลังมาแสดงอิทธิฤทธิ์ในยามขับขี่ แทบจะทันใด
ในความรู้สึกของเราเมื่อเข้าสู่โหมด ทั้ง PWR หรือ ECO เจ้า Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G จะเปลี่ยนการตอบสนองคันเร่งเปลี่ยนไป ระหว่างติดเท้ามากขึ้น กับ นุ่มนวลขับได้สบายจนคนนั่งอาจจะพล้อยหลับไป มันมากพอที่จะรู้สึกได้ทันทีที่กดปุ่มให้มีการตอบสนองในระหว่างการเดินทาง
แต่แม้ทั้งหมดที่เรารุู้สึกจะเกิดขึ้นกับการตอบสนองของตัวรถผ่านคันเร่งในยามขับขี่ แต่ Toyota ดูเหมือนพวกเขาพยายามที่จะอธิบายในภายหลังจากการทดสอบว่า ปุ่มดังกล่าวไม่ใช่แค่คันเร่งตามความรู้สึกเรา แต่มีการปรับการสั่งจ่ายน้ำมัน จังหวะการยกหัวฉีด และ การอ่านค่าของเซ็นเซอร์ต่างๆ หมายรวมถึง เซ็นเซอร์คันเร่ง เพื่อให้มีการตอบสนองที่ต่างกัน
แม้ว่าเคล็ดลับในลูกเล่นส่วนนี้จะไม่ชัดเจนจนตอบข้อสงสัยได้ 100% แต่ในยามที่เราขับบนถนนสองเลน ซึ่งต้องการแซงรถแบบมาดมั่นบอกเลยว่า PWR มีส่วนช่วยสำคัญ แต่ก็แลกมากับอัตราประหยัดที่ถอยหนีลงไปตามจังหวะการเดินคันเร่งจนรู้สึกได้ ยืนยันว่ามันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของการตอบสนองคันเร่งไฟฟ้าอย่างที่บางคนเข้าใจแน่นอน
ตลอดระหว่างทางที่เราขับระบบกันสะเทือนของ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G ให้ความนุ่มนวลขับสบายก็ยังให้ความมั่นใจในการขับขี่ไปพร้อมกัน เรายังยืนยันความรู้สึกที่นุ่มนวลผ่านการตอบสนองของช๊อคอัพและสปริงอย่างรวดเร็วในปีกนกอิสระสองชั้นคู่หน้า และด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน
ทว่าในหลายจังหวะเรากลับรู้สึกว่า ความนิ่มนวลไปทางด้านหลังอาจจะก่อปัญหาได้ในภายภาคหน้า เช่นคุณขับรถมาบนผิวทางเรียบ ปรากฎว่าข้างหน้าอาจจะมีถนนปะซ่อม หรือพื้นผิวทางชำรุด คุณขับผ่านมันด้วยล้อหน้าในความรู้สึกที่มั่นใจ แต่เมื่อล้อเพลาหลังผ่าน ระบบกันสะเทือนทำงานซับแรงกระแทก ปรากฏว่า ช่วงล่างพยายามจะออกอาการโยนตัวเล็กๆ
ส่วนตัวผมเรียกอาการแบบนี้ว่า “ช่วงล่างดื้น” อาจจะเพราะว่ามีความนุ่มนวลของชุดแหนบมากไป แต่อาการดิ้นดังกล่าวไม่ได้โยนตัว เหวี่ยงตัวจนท้ายจะออกอาการสไลด์ แต่ความรู้สึกจะเหมือน ช่วงล่างมีอาการนุ่มนวลแล้วเกิดการตอบสนองอย่างไวในการซับแรงกระแทก
อาจจะด้วยตามที่ Toyota พยายามบอกเราคือพวกเขาเปลี่ยนระบบกันสะเทือนหลังให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น โดยมีการยืดความยาวชุดแหนบออกไป เพื่อให้มีความเสถียรในการขับขี่และนิ่มนวลในการซับแรงกระแทกมากขึ้น ทว่าจากการจับอาการในลักษณะนี้หลายต่อหลายรอบ ระหว่างการขับขี่ กลับรู้สึกว่า
มันน่าจะเกี่ยวเนื่องมาจากการพยายามทำให้แหนบหลังนิ่มนวลเพื่อความสบายในการโดยสารยิ่งขึ้น ซึ่งดีทีเดียวในสิ่งที่พวกเขาพยายามทำ แต่เมื่อโช๊คอัพมีการปรับขนาดให้โตขึ้นตามการบอกเล่าเก้าสิบของ Toyota โช๊คอัพที่โตขึ้นหมายความถึงการตอบสนองเรื่องการซับแรงกระแทกดีขึ้น หมายรวมถึงการตอบสนองในจังหวะยืดและยุบเร็วขึ้น
ลองจินตนาการถึงสิ่งที่ผมกล่าวมาตลอด 3-4 ย่อหน้า แหนบนุ่ม พบโช๊คอัพซับแรงกระแทกได้ดี (ค่อนข้างแข็ง)ไม่น่าแปลกใจ ที่เวลาเราผ่านอุปสรรคเล็กๆ แล้วรถจะแอบมีอาการดิ้นเล็กๆ เนื่องจาก โช๊คสามารถตอบสนองได้ดี แต่ชุดแหนบนิ่มนวลในการเซทติ้ง ทำให้แรงกระทำจากพื้นถนนที่สะท้านจากยางล้อ มายังชุดเพลา ส่งไปแหนบกลับไปโช๊คอัพ ปรากฎ ว่าโช๊คอัพซับแรงดี ตอบสนองเร็ว กลับกลายเป็นแรงกลับมาอย่างรวดเร็วผ่านชุดแหนบไปยังเพลาและถนนอีกครั้ง ทำให้การเกาะถนนเหมือนจะมีการกระดอนโยนตัวเกินจังหวะที่ควรจะเป็น แต่ถามว่าอันตรายจนน่ากลัวหรือไม่ ....ขอตอบว่า ไม่ !!! เพราะ ระบบกันสะเทือนเอาอยู่ และไม่มีอาการอันใดที่เป็นอันตรายต่อการขับขี่ เพียงแต่อาจจะรู้สึกแปลกเวลาขับขี่บ้างเท่านั้นเอง แต่ในข้อนี้เราอาจจะต้องนำรถมาทดสอบเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
แปะ ...แปะ...แปะ ....ซ่า!!!!! งานมา ..แต่เป็นโอกาสอันดีที่เราจะมีโอกาสทดสอบ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G ท่ามกลางสายฝน ซึ่งหลายคน อาจจะกังขาในเรื่องของระบบกันสะเทือนของรถกระบะจากค่ายนี้ ....
แต่นาทีนี้เราอยู่ท่ามกลางป่าเขา Green Hell ของเมืองไทย น้ำหนาวบนสภาพถนนสองเลนสวนที่ดูสวยงาม ก็มีโค้งบังตาและใช่เล่นเลยกับการขับขี่ที่จะต้องตอบโจทย์ในประสิทธิภาพการขับขี่ของรถ นี่ยังไม่นับในเรืองของชุดยางแบบ AT ซึ่งจะรีดน้ำไม่สู้ยางแบบ HT ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดในการขับขี่
ยิ่งอาการช่วงล่างหลังดื้นที่เราอาจจะพูดถึงไปก่อนหน้าฟังดูจะแฝงความรู้สึกประหลาด แต่ยามฝนตก Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G กลับขับขี่ได้อย่างมั่นใจไม่น่าเชื่อ ตัวรถมีเสถียรภาพในการขับขี่ค่อนข้างมาก ด้านท้ายรถ แม้จะมีความนิ่มนวลแต่กลับไม่มีอาการท้ายปัดแม้แต่น้อย แถมเรื่องอาการของหลังดิ้นก็กลับนิ่งเนียนเป็นปกติอย่างน่าประหลาดใจ เข้าใจว่าอาจจะ เพราะ ระบบ limited slip เข้ามาทำงานคอยตอบสนองในการขับขี่
ถึงเวลานี้เราจะใช้ความเร็วในการขับขี่มากพอสมควร จนกล้าพูดว่าสถานการณ์กลางฝน บนโค้งน้ำหนาวที่ยากเย็นแสนเข็ญและโหดหินในระดับหนึ่ง Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G ยังมั่นใจได้เกินตัว
สรุป ...ปฏิวัติสมรรถนะ ให้ลงตัวขึ้น
เราหนีฝนจนมาถึงปลายทางที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ชุมแพ จุดเปลี่ยนตัวสุดท้ายของการทดสอบ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G หลังจากลงจากรถมานั่งจิบกาแฟ ก็ได้เวลาทบทวนตัวตนที่แตกต่งออกไปจากเดิมในกระบะคันนี้
ในหลายๆ มุม Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G มีความลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบมที่มีการปรับปรุงเพิ่มความลงตัวเสริมกล้ามมัดให้ความดุดัน และดูหรูหราประดุจเก๋ง หลายมุมดูเหมือนมันผสมพันธุ์กับ Toyota Altis บ้างพานึกถึงกระบะจากค่ายเยอรมัน ทว่าการปรับด้านท้ายในส่วนกระบะที่น้อยไปนิด ทำให้ยังมีกลิ่นอายรุ่นเดิมอยู่บ้างพอสมควร
แต่เรื่องที่น่าสนใจในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กลับกลายเป็นสมรรถนะในการขับขี่ที่มีความลงตัวจัดเต็มยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเครืองยนต์ GD บล็อกใหม่ล่าสุด อย่างที่สัมผัสในบล็อก 2.8 ลิตรวันนี้มีความลงตัวในสมรรถนะมากขึ้น 177 แรงม้า และ 420 นิวตันเมตร ถือว่ามีความลงตัวพอเหมาะพอดีในการใช้งาน ยิ่งการให้แรงบิดต่อเนื่องแบบ Flat Torque และ การเซทระบบส่งกำลังปรับอัตราทดใหม่
ทำให้เราได้เห็นว่า ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. มันใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1800 รอบต่อนาที หรือ ที่ความเร็ว 100 ก.ม/ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,400 รอบต่อนาที แถมยังมีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นเดิมในเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร อยู่มากพอสมควร
ส่วนในระบบกันสะเทือนรุ่น Double Cab ก็ทำมาให้มีความเป็นรถยนต์นั่งมากขึ้น ลงตัวต่อโจทย์ที่ผู้ใช้รถยนต์กลุ่มนี้นำรถไปใช้งาน แม้ว่าเราจะกังขาเรื่องท้ายดิ้นยามผ่านถนนปะ หรือ ถนนเสียที่มีมากมายในบ้านเรา ซึ่งที่จริงก็อยากให้ทำให้รู้สึกว่ามันไร้อาการนี้ไปเลยจะดีกว่า จากที่สังเกตและตามคำกล่าวโตโยต้าที่เพิ่มขนาดความยาวของแหนบทำให้นุ่มอาจจะเป็นโจทย์สำคัญ
ซึ่งหลังจากทดสอบมีโอกาสก้มลงไปดูด้านล่างมาแล้ว คลุกฝุ่นดูด้วยตาตัวเอง พบว่า เหมือนโตโยต้าตัดแหนบบรรทุกออกไปเลย ก่อให้เกิดคำถามว่า ถ้ามีแหนบบรรทุกตัวสั้นมันจะขับได้ดีกว่านี้หรือไม่ ท้ายจะไม่ดิ้นยามเจอถนนปะหรือเปล่า ....ก็อาจจะเป็นไปได้
นี่ผมยังไม่นับในเรื่องของภาวะการใช้งานจริงกระบะสี่ประตูสำหรับหลายคนที่จะเขามักจะนำไปใส่หลังคาแครี่บอย ซึ่งมีน้ำหนักกดทับเพิ่ม แหนบหลังที่นิ่มนวล จะนิ่มลงไปอีกเมื่อมีน้ำหนักกดทับเพิ่ม จากชุดหลังคา ....ก็เป็นเรื่องที่น่าขบคิดให้กับค่ายโตโยต้าเช่นกัน
ทว่าภายใต้การขับขี่แม้ในยามความเร็วสูง Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 iM/T 2.8 G มันก็ยังลงตัว อยู่ในอาณัติการควบคุมอย่างมั่นใจ ถือว่าตอบโจทย์อย่างครบครันมั่นใจ ซึ่งถ้าแก้อาการที่ผมมองเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ รถกระบะคันนี้จะมีความสมบูรณ์แบบคันหนึ่งในตลาด
และท้ายสุด จากการขับขี่ตลอดทางกว่า 100 ก.ม ด้วยความเร็วยืนพื้นกว่า 130-140 เกือบตลอดเส้นทาง เว้นช่วงฝนตกถนนลื่น บนเขาทางโค้ง ที่เดี๋ยวเร่ง เดี๋ยวเบรก เดี๋ยวแซง เจ้า Revo คันที่เราขับ โชว์ตัวเลข 10.7 ก.ม./ลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้ในระดับที่น่่าพอใจ
การปฏิวัติในรุ่นที่ 8 ของ Toyota Hilux Revo มีความก้าวหน้าไปมากพอสมควรในระดับที่คุณๆ จะพอใจ ภายใต้การใส่ความเป็นรถยนต์นั่งเข้ามากระบะมากขึ้นตามฉบับของ Toyota เพียงแต่ในตัวตนที่ดีขึ้นยังมีรายละเอียดบางอย่างที่อาจจะยังไม่ลงตัว และถ้าไม่คิดมากมองข้ามได้ เหมือนคุณมองนิสัยเสียของแฟนคุณเป็นเรื่องปกตในชีวิต เชื่อเลยว่า Toyota Hilux Revo จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในกระบะปัจจุบัน
รถทดสอบ Toyota Hilux Revo Double cab 4X4 M/T 2.8 G
ราคาจำหน่าย 1,069,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>>> การออกแบบที่สวยงาม เข้ากับความลงตัวทันสมัยและ ดุดันในตัวรถ ทำให้ Toyota Hilux Revo มีเสน่ห์ที่ลงตัวขึ้น รวมถึงสมรรถนะในการขับขี่ในภาพรวมดีขึ้นจนน่าประทับใจ โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์ที่อาจจะไม่ต้องแรงสูงสุดในตลาด แต่ก็สามารถชนะใจในทุกด้าน
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ความรู้สึกในเรื่องของระบบช่วงล่างตอนหลัง ทำให้ขุนมัวจิตใจเวลาขับขี่อยู่บ้าง ในความรู้สึกท้ายดิ้นเล็กๆ เวลาถนนขุรขระ ในความคิดเรามันสามารถที่จะปรับปรุงได้
สิ่งที่อยากให้มี >>>> ระบบ VSC น่าจะมีมาให้ได้แล้วในรุ่นนี้ และอยากให้มีทางเลือกสำหรับยางแบบ Hi Way Terrain สำหรับลูกค้า
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>>> ภาพรวมนี่คือรถกระบะที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด มันคือความพยายามในภาพรวมของค่ายรถยนต์ Toyota ในการทำให้กระบะของพวกเขาเหนือคู่แข่ง และพวกเขาทำสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในเรื่องของการสร้างความสบายสูงสุดในการขับขี่ จนคุณสามารถจะขับได้อย่างบ้าพลัง ขณะที่ผู้โดยสารพล้อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว แต่แน่นอน โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ความสบายบางครั้งต้องแลกกับความไม่ลงตัวในบางประการในตัวรถ ก็เท่านั้น
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1422]