Hands On : Toyota Fortuner ผสมความหรูจากรุ่นใหญ่สู่ตัวตนที่เหนือกว่า
- โดย : Autodeft
- 2 ก.ย. 58 00:00
- 25,234 อ่าน
มาแล้วในที่สุดกับบททดสอบรถยนต์อเนกประสงค์ ที่หลายคนมองอยู่กับ Toyota Fortuner เมื่อเรามีโอกาสขับมันกว่า 300 ก.ม. ในแดนใต้ จะมีอะไรดีๆ ซ่อนอยุ่ในรถคันนี้บ้างนะ
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
กล่าวถึงรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่มที่พัฒนามาจากรถกระบะ หรือที่หลายคนรู้จักในนาม Pick Passenger Vehicle (PPV) ตามฉบับคนไทยนึกเอาใจว่า ชื่อเสียงของค่ายรถยนต์ Toyota ซึ่งแนะนำ Toyota Fortuner ออกมาถือว่าเป็นที่จับตามองมาโดยตลอด ด้วยความเป็นแบรนด์ผู้นำในตลาดรถยนต์ และตลอดหลายปีที่ผ่านมาในตลาดยานยนต์ รถยนต์อเนกประสงค์กลุ่มนี้ของพวกเขาก็จับใจลูกค้าอยู่หมัด
การแนะนำตัวตนใหม่ของ Toyota Fortuner ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อาจจะกล่าวได้เต็มปากว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้รถยนต์กลุ่มนี้ ยิ่งในครั้งนี้โตโยต้ามั่นอกมั่นใจอย่างมาก ว่า รถของพวกเขามีดีกรีไม่แพ้ใครในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ที่เปิดฉากอย่างดุเดือดในรอบปีที่ผ่านมา
คู่แข่งที่มากหน้าหลายตา แต่ Toyota ทำการบ้านในรถยนต์ Toyota Fortuner ของพวกเขามาอย่างดี ด้วยการให้รายละเอียด ซึ่งครั้งนี้ผิดไปจากเดิมด้วยรถยนต์ที่มีความงามสง่ามากขึ้น พวกเขาเน้นในการใช้เส้นสายการออกแบบที่มีความหรูหราในตัวตน จน Toyota กล้ากล่าวผ่านนิยามการสื่อสารทางการตลาดว่า “The legend of the pride”
แม้จะเห็นอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่เมื่อครั้นงานเปิดตัว แต่การบินไกลจากกรุงเทพฯสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ยังคงพาเราตื่นเต้นอยู่ดี เมื่อพบตัวตนรถยนต์ Toyota Fortuner ใหม่ ซึ่งหากเทียบระหว่างรุ่นเดิมกับรุ่นใหม่แล้ว จะเห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่เหลือกเค้าโคลงการออกแบบเดิมให้ติติง
ด้วยความงามสง่าในแบบรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมอย่าแปลกใจ ถ้าคิดว่ามันแลเผินๆเหมือนรถยนต์ Lexus ตระกูล RX ที่ให้ความสัมผัสในความสง่างามมาตั้งแต่ กระจังหน้าใหม่ แบบโครเมี่ยมบ่งบอกถึงความหรูหรา รับเข้ากับกันชนหน้าใหม่ที่ให้ความโฉบเฉี่ยว ตัวรถยังมาพร้อมกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ รุ่นใหญ่ได้ชุดไฟหน้า bi-Beam LED โฉบเฉี่ยวต่อเนื่อง ด้วยไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ให้ความรู้สึกที่ดูหรูหราตั้งแต่แรกเห็น
Toyota Fortuner 2.8 V 4WD
เส้นสายการออกแบบให้ความเรียบง่ายแต่ดูดี และยังคงเส้นสายของความเป็นรถอเนกประสงค์ขนานแม้ที่ต้องมีมัดกล้ามในตัวไม่แลดูติ๋มเกินไปเมื่อต้องใช้งานลุย แต่เส้นสายการออกแบบใน Toyota Fortuner รุ่นใหม่ถูกขัดเกลาให้มีความรู้สึกที่ดูมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น มองด้านข้างจะรู้สึกได้ถึงความปราดเปรียว
แต่เมื่อคุณตบเท้าไปทางด้านหลังของตัวรถจะค้นพบสไตล์การออกแบบที่ผสานทั้งความหรูหราและความทันสมัยอย่างลงตัว ด้วยชุดไฟท้าย LED แบบ Light Guide แสดงไฟยามค่ำคืนแบบเป็นแถบคล้ายรถยนต์นั่งหรูระดับชั้นนำ แต่ในความรู้สึกของเราอยากจะบอกกับ Toyota เหลือเกินว่าขนาดไฟท้ายดูเล็กไป เมื่อเทียบกับขนาดรถคันโต ตลอดจนเมื่อมองทั้งคันรถจะพบความลงตัวในตัวตนที่สุดความหรู ที่สื่อสารผ่านล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว จัดมาให้พร้อมยาง 265/60/ R18 ซึ่ง ในคันที่เราทดสอบมาพร้อมยาง Dunlop Grantrek PT
ตัวตนหรูหราและภูมิฐานในรุ่นใหม่ Toyota Fortuner มีการปรับขนาดตัวรถเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย โดยรุ่นใหม่มีการนำเสนอการออกแบบด้วยความยาว 4,795 มม. (ยาวขึ้น 90 มม.) กว้าง 1,855 มม. (กว้างขึ้น 15 มม.) และสูง 1,835 มม. (เตี้ยลงกว่าเดิม 15 มม.) และตอบโจทย์การขับขี่ด้วยระยะฐานล้อที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ยังคงจากการวิศวกรรมไว้ที่ 2,705 มม.
Toyota Fortuner 2.8 V 4WD
Toyota Fortuner 2.4 G M/T วัยรุ่นต้องขับรุ่นเริ่มต้น ...ก็ถือว่าลงตัว
ความหรูหราดูดี มีค่าเกินราคา ทุกอย่างมีความเหมือนกันทางภายนอก แม้ว่าวันนี้ Toyota จะจัดให้เราขับขี่ Toyota Fortuner รุ่น 2.4 G M/T ตัวเริ่มต้นของเจ้าอเนกประสงค์ยอดนิยมคันนี้
ภายนอกที่ไม่มีความแตกต่างเหมือนกันราวกับแกะ จะมีเพียงบางอย่างที่มีความแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย เริ่มตั้งแต่ในรุ่นเริ่มต้นนี้คุณจะได้ไฟฮาโลเจนธรรมดา รวมถึงไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัตโนมือไม่ใช่อัตโนมัติ ตลอดจน ยังไม่มีระบบ Welcome Light ส่องสว่างตอนรับคุณก่อนการขับขี่ รวมถึงประตูท้ายก็ไม่ใช่ระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ ซึ่งสองสามสิ่งที่ไม่ให้มานั้นจะมีให้รุ่นที่สูงว่ารุ่นเริ่มต้นทั้งหมด ... ถามว่ารับได้ไหม ...ก็ถือว่ารับได้ แต่ถ้าต้องการความสบายก็ก้าวผ่านไปเล่นรุ่นที่สูงกว่านี้จะดีกว่า
รัณ
นาย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ ประจำเว็บไซต์ Autodeft.com
ภายในห้องโดยสารในรุ่นเริ่มต้น Toyota Fortuner 2.4 G M/T ตอบโจทย์ในการออกแบบด้วยเรื่องของความสปอร์ต ตัวตนการออกแบบรุ่นใหม่นี้ มีความลงตัวในแบบฉบับที่อาจจะแตกต่างที่ทางค่ายโตโยต้านำเสนอไปบ้าง เริ่มจากเบาะนั่งปรับด้วยมือ ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจมากมายนัก รวมถึงตัวเบาะยังเป็นเบาะผ้าแต่ก็ไม่ใช่ผ้ากะโหลกกะลา เพราะเนื้อผ้าละเอียดยิบคุณภาพสูง ก็ถือว่าพอจะทำให้เราไม่ติติงได้
ความจริงแล้วในเรื่องวัสดุทำเบาะตัวเริ่มต้น เราอยากนำเสนอ Toyota ว่าน่าจะทำเบาะนั่งหนังผสมผ้าแทน ก็น่าจะออกมาดูดีกว่านี้ไม่น้อย ส่วนตัวเบาะมีขนาดใหญ่ใช้ได้ คนตัวใหญ่อย่างผู้เขียนที่มีความสูง 180 ซ.ม. หนัก 85 กก. สามารถนั่งได้อย่างสบายไร้ปัญหาใดๆ การออกแบบเบาะถือว่ากำลังดี สมค่าสมราคา
ส่วนเบาะนั่งแถวสองสามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 ทั้งยังสามารถปรับที่พักแขน และที่มีที่วางแก้วน้ำในตัว ส่วน เบาะแถวสามนั่นพับในอัตรา 50/50 สามารปรับเอนได้ แต่น่าเสียดายที่ Toyota ยังเชื่อมั่นว่าการพับเก็บเบาะทางด้านข้างแบบรถตู้ยังดีกว่าปรับพับรายเรียบ ทำให้เสียคะแนนความชื่นชอบตัวรถไปอย่างน่าเสียดาย
การเดินทางวันนี้ Toyota จับเอาสามเว็บไซต์ชั้นนำของเมืองไทยมาอยู่ด้วยกัน เริ่มจากผมนาย Bonn จากเว็บไซต์ Autodeft.com ตามมาด้วย นายโอ๊ตจาก Sanook.com และท้ายสุดน้องใหม่แห่งวงการนายโค้ก จาก Autospinn.com แล้วพวกเขายังใจดีส่งพีอาร์สาวสุดน่ารัก คุณโบว์มาเป็นเหยื่อของพวกเราตลอดการเดินทาง
ช่วงแรกในการทดสอบด้วยการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อย ตลอดจนเจองานเช้าหลายวันติดต่อกัน จึงตกลงใจยกให้นายโอ๊ตกับนายโค้กขับไปก่อน แน่นอนว่าการนั่งรถแบบนี้ตำแหน่งที่ดีที่สุดคงจะเป็นเบาะนั่งแถวสอง ซึ่งมันถูกออกแบบมาให้ตอบความสบายสูงสุดในการโดยสาร ซึ่งเมื่อขึ้นนั่งในความรู้สึกทางด้านการออกแบบตัวเบาะไม่ว่าจะที่รองนั่งหรือพนักผิงหลัง ถือว่า ลงตัว และดียิ่งขึ้นเมื่อปรับเบาะเอนไปข้างหลังเล็กน้อย
แต่ในมุมหนึ่งในการเดินทางในที่นั่งตอนหลัง เราพบว่าพื้นที่วางขาของ Toyota Fortuner ค่อนข้างแคบไปหน่อย ยิ่งถ้าเจอ คนตัวสูงนั่งหน้า และ คนตัวสูงนั่งข้างหลัง กล้าพูดเลยว่ามีอันจบข่าวอย่างแน่นอน เพราะอย่างการเดินทางครั้งนี้ผมให้ พีอาร์สาวเป็นตุ๊กตาหน้ารถตลอดการเดินทาง ยังพบว่าในท่าที่นางนั่งได้อย่างสบาย เรายังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ยังดีที่เมื่อปรับเบาะเอนลงไปแล้ว ท่านั่งที่เปลี่ยนไปมีความสบายมากยิ่งขึ้น จนดีพอที่จะนั่งทำงานไปได้
ระหว่างที่นั่งอยู่ทางตอนหลัง ปล่อยให้นายโอ๊ต เมามันส์กับเส้นทางบนถนน สัมผัสของช่วงล่างในรถยนต์ Toyota Fortuner ตอบโจทย์ในเรื่องความสบายได้อย่างดีเยี่ยม ลืมความรู้สึกกระแทกกระทั้นแบบรถกระบะมาเกลาใหม่ให้ความสบายแบบในรุ่นก่อนหน้าไปได้เลย เพราะใน Toyota Fortuner ใหม่ทางค่ายสามห่วงมีการปรับความลงตัวการใช้งานมากขึ้นกว่า แม้จะยังคงการเซทระบบกันสะเทือนแบบปีกนกอิสระคู่หน้า พร้อมคอยสปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังใช้ระบบกันสะเทือนแบบ โฟว์ลิงค์พร้อมคอยย์สปริงและเหล็กกันโคลง
แต่ทาง Toyota กล่าวในภายหลังว่า พวกเขามีการปรับปรุงระบบกันสะเทือนใหม่ ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง มีการปรับตำแหน่งจุดยึดต่างๆในช่วงล่างทางด้านหลังใหม่ ส่วนระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าบริษัทได้เอาการวิศวกรรมแบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่นใหญ่ Toyota Prado มาใช้ใน Toyota Fortuner
การผสมผสานในการวิศวกรรมนี่เอง น่าจะเป็นเรื่องที่เรียกว่าเป็นข้อโดดเด่นที่สุดของ Toyota Fortuner และเมื่อขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ ส่วนตัวเริ่มรู้สึกถึงความแปลกแตกต่างออกไป เมื่อเทียบกับ Toyota Hilux Revo ที่เคยขับรุ่นเกียร์ธรรมดามาก่อนหน้านี้ ประการแรกที่สำคัญคือ ด้ามเกียร์ธรรมดาของ Toyota Fortuner แลจะมีความสูงมากกว่า รวมถึงจังหวะเข้าเกียร์ Toyota พยายามทำให้ระยะโยนเกียร์สั้นลง จนมีความคล้ายด้ามควิกชิฟท์ที่ใช้ในรถสปอร์ต ส่งผลให้ด้ามเกียร์ดูแข็งกว่าที่เคยในกระบะเล็กน้อย
อย่าว่าแต่นายโค้ก เอาเข้าจริง ผมก็ออกตัวดับเช่นกัน ... แต่ไม่ใช่เพราะว่า ขับรถเกียร์ธรรมดาไม่เป็น แต่ว่าคันเกียร์ที่ออกแบบมาค่อนข้างแข็งในการเข้าตำแหน่งเกียร์ ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่เจ้า Toyota Fortuner ใหม่กลับไม่ใช่สัมผัสของความนุ่มสบาย ขัดกับบุคลิกหรูหราของมัน แต่เมื่อสตาร์ทเครื่องใหม่ ลองจับขับในความรู้สึกแบบสปอร์ต ออกตัวแบบกระชากคลัทช์อย่างรวดเร็ว เจ้า Toyota Fortuner กลับขับได้อย่างเชื่องเสียอย่างงั้น
ใต้เรือนร่างอันภูมิฐาน Toyota แนะนำเครื่องยนต์รหัส GD Efficient Boost รุ่นใหม่ล่าสุด เข้ามาตอบโจทย์ในการขับขี่ ด้วยขุมพลังดีเซลคอมมอนเรลขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า สูงสุดที่ 3,400 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร สูงสุดตั้งแต่ 1,600-2,000 รอบนาที ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีโอกาสที่จะขับเครื่องยนต์ตัวเดียวกันนี้ใน Toyota Hilux Revo Smart Cab ไปแล้ว
เมื่อมาอยู่ในร่างยักษ์ Toyota Fortuner กำลัง 150 แรงม้าใต้ฝากระโปรงนั้นไม่ได้อืดอย่างที่หลายคนคิด ด้วยการตอบสนองในการขับขี่ในระดับที่น่าพอใจ แม้จะไม่ปรู๊ดปร๊าดในการขับขี่อย่างที่ควรจะเป็นก็ตามที แต่ด้วยเราขับรุ่นเกียร์ธรรมดา ทำให้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ก็สามารถขับได้อย่างสนุกสนาน แม้ว่าเกียร์ธรรมดาอาจจะไม่สบายในการขับขี่มากนัก แต่ถนนทางยาวโล่งๆ ของสาย Southern Sea board ก็ทำให้เรารู้ว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่คิด
ตารางแสดงอัตราทดเกียร์ Toyota Fortuner 2.4 G M/T
เกียร์ |
อัตราทด |
1 |
4.784 |
2 |
2.423 |
3 |
1.443 |
4 |
1.00 |
5 |
0.777 |
6 |
0.663 |
อัตราทดเฟืองท้าย |
3.583 |
ด้วยการเซทอัตราทดเกียร์ที่มีชุดเกียร์ในตำแหน่ง Overdrive มากถึง 2 ตำแหน่ง ทำให้ในช่วงทางยาวๆ แบบนี้ Toyota Fortuner 2.4 G M/T การตอบสนองเครื่องยนต์ที่มีกำลังไม่มากมายถือว่าค่อนข้างอยู่เกณฑ์ที่น่าพอใจยิ่งเมื่อนับว่า วันนี้เราจัดเต็มสัมภาระ แถมยังมีผู้โดยสารมากถึง 4 คน ซึ่งก็เป็นสภาวะที่คนส่วนใหญ่ใช้งานทั่วๆไป กับรถอเนกประสงค์แบบนี้
โดยในระหว่างการขับขี่ หากคุณต้องเร่งรีบในการเร่งแซงจริงๆ ยัดคันเร่งลงในระหว่างขับที่เกียร์ 6 เจ้า Toyota Fortuner 2.4 G M/T ก็ดีพอจะพาคุณเร่งแบบไหลไปเรื่อยๆ ได้ แต่ถ้าต้องการเอาแบบชัวร์ในสภาวะแบบนี้ลงเกียร์ 5 ก็ได้ความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าการใช้เกียร์ 6 เร่งแซง แต่ถ้าช่วงคับขันจริง แนะนำเกียร์ 4 จะดีกว่า แต่ผู้โดยสารอาจมีสะดุ้งบ้างเล็กน้อย
ระหว่างเส้นทางตรงยาวๆของถนนสายหลักเชื่อมระหว่างทะเลตะวันตกและทะเลตะวันของประเทศไทย Toyota Fortuner แสดงศักยภาพในการขับขี่ของมันออกมา โดยเฉพาะเรื่อความเงียบของห้องโดยสารที่ทางค่ายสามห่วงทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ตลอดเส้นทางต้องยอมรับว่าเราค่อนข้างใช้ความเร็วในการเดินทางพอสมควร โดยเฉลี่ยแล้วเราไม่ได้ใช้ความเร็วต่ำกว่า 100 ก.ม./ช.ม. แถมขบวนยังเดินทางด้วยความเร็วราวๆ 120-140 ก.ม./ช.ม. ทว่า ห้องโดยสารเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ท่ามกลางความเร็วที่เราใช้ระหว่างทางกลับสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบาย
ถ้าเปรียบเทียบกับกับคู่แข่งบางรุ่นที่เรามีโอกาสไปขับมาก่อนหน้านี้ เมื่อไม่นับว่าคู่แข่งบางเจ้ามีระบบตัดเสียงรบกวนด้วยคลื่นเสียง ห้องโดยสาร Toyota Fortuner ถือว่าเงียบมากในการขับขี่ แต่ความเงียบเกินไปบางครั้งก็เป็นหอกข้างแคร่ แม้ว่าเราจะไม่ประสบด้วยตัวเอง อาจจะจากการขับรถรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร หรือไม่ก็เราก็อาจจะเพราะเราขับตัวล่างสุด
แต่ในบรรดาสื่อมวลชนที่ไปทดสอบด้วยกันหลายท่านต่างให้ความเห็นตรงกันว่า บางครั้งพวกเขาได้ยินเสียงทำงานของเครื่องยนต์เข้าสู่ห้องโดยสารชัดเจนมาก โดยเฉพาะท่านที่ขับเคลื่อนรุ่น 2.8 ลิตร ซึ่ง Toyota ได้อธิบายว่านั่นเป็นเพราะพวกเขาบุเสียงห้องโดยสารให้ตัดเสียงลม และเสียงจากพื้นถนนออกไปมากที่สุด ดังนั้นเสียงที่เหลืออยู่จึงเป็นเพียงเครื่องยนต์เท่านั้น
แม้ว่าเราจะไม่เจอเรื่องดังกล่าวในรถยนต์ Toyota Fortuner 2.4 G M/T แต่สิ่งที่น่าชมเชยอีกประการในรถอเนกประสงค์คันนี้ก็ไม่พ้นระบบกันสะเทือนที่แม้จะใช้ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว แต่ก็ยังนุ่มอย่างน่าประทับใจ ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขายังคงใช้ยางแก้มสูงเพื่อตอบโจทย์เผื่อลูกค้าจะเอาไว้ลุย
หากว่าด้วยการเซทระบบกันสะเทือนที่ออกไปในทางรถหรู มีความนุ่มนวล แต่ยังสามารถรับช่วงกระแทกยืดและยุบอย่างรวดเร็วคล้ายรถหรูชั้นนำ ทำให้เจ้า Toyota Fortuner ใหม่ มีความลงตัวในการขับขี่มากขึ้น ตลอดจนการเซทพวงมาลัยยังคงให้ระยะฟรีในระดับหนึ่งแบบรถอเนกประสงค์ดังเดิม แต่เมื่อคัดทิศทางพวงมาลัยก็แม่นยำวางใจได้
ทำให้เมื่อมองรวมจากความเงียบของห้องโดยสาร ตลอดจนพวงมาลัยและช่วงล่างของ Toyota Fortuner สามารถตอบได้ว่าเจ้ารถอเนกประสงค์คันนี้ ตอบเรื่องความภูมิฐานในการขับขี่ มากกว่าตัวตนทางด้านสมรรถนะความสปอร์ตเหมือนที่คู่แข่งตั้งใจนำเสนอมา
และท้ายสุดในเส้นทางยาวบนถนนเมืองใต้แห่งนี้ Toyota Fortuner รุ่นเกียร์ธรรมดา นั่งสี่คนพร้อมสัมภาระ ตอบเรื่องการขับขี่ ด้วยอัตราประหยัด 12.4 ก.ม./ลิตร บนหน้าปัด
ลองสั้น ออฟโรด ประลองทางโหดจำลอง
เมื่อกล่าวถึงรถยนต์ประเภทอเนกประสงค์แบบ PPV แล้ว จุดเด่นที่สำคัญของรถยนต์กลุ่มนี้คือ มันพร้อมที่จะพาคุณและผู้โดยสารบุกตะลุยในการขับขี่เส้นทางที่เต็มด้วยอุปสรรคการขับขี่ รถยนต์ประเภทนี้แต่เดิมถูกขนานนามว่า “รถตรวจการณ์”
ใน Toyota Fortuner ทางค่ายรถยนต์ Toyota ได้ชูระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดที่พวกเขามันใจอย่างมากว่ามันจะสร้างความโดดเด่นในการขับขี่ทางออฟโรด ซึงถูกขนานนามว่า “Sigma4” ระบบขับเคลื่อน ซึ่งลงตัวพร้อมการขับขี่ที่สนองตอบต่อทุนสภาวะการลุย
โดย Sigma 4 เป็นการสัมทับในการรวมเอาระบบขับเคลื่อนและระบบช่วยเหลือในการขับขี่ต่างๆ เข้ามาไว้ด้วยกันในการเดินทางเริ่มจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่พร้อมสำหรับการลุย ยังมาครบทั้งตำแหน่ง 2H,4H และ 4L แต่ Sigma ถ้าคุณเป็นเด็กเนิร์ดบ้าพวกวิทยาศาสตร์ คงพอจะทราบว่า มันคือผลรวมของทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ซึ่งในความหมายของโตโยต้า พวกเขาได้รวมเอาระบบช่วยเหลือในการขับขี่มาไว้ให้คุณได้ใช้ โดยเฉพาะการติดตั้งระบบ ช่วยออกตัวในทางชัน Hill Assisted Control ,ระบบช่วยลงในทางลาดชัน Down Hill Assisted Control และท้ายสุดระบบที่ทางโตโยต้ามั่นใจว่ามีพวกเขาเจ้าเดียวที่มีระบบดังกล่าว คงไม่มีอะไรพ้นระบบ Active Traction Control หรือระบบ A-TRC
การลองหนทางลุยใน Toyota Fortuner Toyota ยึดเอาป่าละเมาะข้างโชว์รูมของพวกเขาแล้วจัดการเนรมิต ให้มันเป็นเส้นทางสั้นเพื่อให้เราเรียกรู้ระบบต่างๆ เพียงพอที่จะสามารถบอกได้
โดยตั้งแต่ตอนที่ขับขี่ในสภาวะออนโรดใน Toyota Fortuner 2.4 G M/T ด้วยการเซทพวงมาลัยและระบบช่วงล่าง เราไม่ค่อยห่วงต่อสภาวะการลุย เรื่องจากรถดูเหมือนจะถูกเตรียมพร้อมไว้แล้วเรื่องนี้ และเรามั่นใจก่อนได้มีโอกาสทดลองพอสมควรว่า Toyota Fortuner ใหม่จะมีเป็นอเนกประสงค์ที่ลุยได้ดีรุ่นหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องระบบขับเคลื่อนมากเท่าคู่แข่งที่มาหนักจัดเต็มทั้งคู่
ความเรียบง่ายไร้ความโดเด่นนี้ ทาง Toyota ได้ ส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขามาบอกเล่าเก้าสิบก่อนการทดสอบออฟโรด และเราจับใจความได้ว่า นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องมั่นใจระบบต่างๆ ก่อนผู้ใช้ แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าที่คิด แต่ด้วยหลักการของโตโยต้าที่ยึดมั่นใน สามอักษร หลักอันได้แก่ QDR ซึ่งจำแนกออกเป็น
Q-Quality หมายถึงคุณภาพ
D-Durability หมายถึง ความทนทาน
และ R- Reliability หมายถึงความไว้วางใจได้ ในทุกการขับขี่
ทำให้การนำเสนอระบบ Sigma 4 ของเขา ตลอดจนการพัฒนารถคันนี้อาจจะดูไม่หวือหวาเท่าคู่แข่ง แต่กลับกันทุกครั้งที่ขับขี่สามารถมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง
จากรุ่นโลว์สุดวันวาน วันนี้ในการทดสอบออฟโรด เรามีโอกาสขับ Toyota Fortuner 2.8 V 4X4 ซึ่งมองภายนอกระหว่างรุ่นท๊อปกับรุนต่ำสุดอาจะเหมือนกัน แต่เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร เจ้าอเนกประสงค์คันนี้เติมความอลังการมากกว่า
เริ่มจากเบาะผ้าหายไปเปลี่ยนเป็นเบาะนั่งหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลออกไปทางสีเบจ ตัดกับการประดับประดาด้วยสีน้ำตาล ซึ่งก็ดีมีความลงตัวพอสมควร ส่วนตรงบานเกียร์ให้ลายไม้สีดำ ด้านเบาะนั่งคู่หน้ากลายเป็นแบบ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รวมถึงระบบปรับอากาศยังเปลี่ยนเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้วย
ทุกอย่างพร้อมเราออกตะลุยพร้อมครูฝึกและนายโอ๊ตที่มาเป็นเหยื่อในการเดินทางครั้งนี้ ใส่ตำแหน่ง 4L เราออกตะลุยสถานีแรก Toyota Fortuner โชว์ความเก๋าด้วยระบบช่วยออกตัวทางชัน ซึ่งมันก็ไม่ระบบที่หวือหวาแล้วในสมัยนี้ แต่ในระว่างทางเราเจออุปสรรคสำคัญ อย่างการลุยถนนที่เป็นทางโคลนและทางเลน เนื่องจากก่อนวันทดสอบมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และด้วยสภาพดินที่เป็นทรายของสนามทดสอบ ทำให้มีความยากลำบากในการขับขี่เล็กน้อย แต่เจ้ายักษ์ตัวหรูก็สามารถไปได้เรื่อยโดยไม่ติดปัญหาใดๆ
ไฮไลท์เด็ดของ Toyota Fortuner คงหนีไม่พ้นการพยายามโชว์ศักยภาพของระบบ A-TRC ถ้านึกไม่ออกให้คุณจินตนาการถึงเนินสลับ ซึ่งนาทีนี้เปี่ยมด้วยโคลนเต็มไปหมด จากสภาพฝ้าฝนที่ไม่เป็นใจ หนทางที่ลื่นทำให้การขับขี่ของเรายากมากยิ่งขึ้น แต่ระบบ A-TRC ก็กลายเป็นพระเอกขวัญใจของเรา
ลักษณะการทำงานของระบบ A-TRC เป็นการอาศัยระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยประมวลผลในการถ่ายเทกำลังจากล้อใดล้อหนึ่งที่หมุนฟรี มาสู่ล้อที่เหลือโดย Skid ECU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลนั้น จะทำการส่งแรงดันน้ำเบรกไปจับล้อที่ฟรีดังกล่าว เพื่อทำให้กำลังไม่สูญเปล่า และถ่ายทอดมายังล้อที่เหลือ ซึ่งกำลังผ่านอุปสรรค
การทำงานดังกล่าวทำให้กำลังเครื่องยนต์ไม่สูญเสียเมื่อล้อปั่นฟรีในล้อใดล้อหนึ่ง จะว่าไปคล้ายกับลักษณะทำงานของเฟืองท้ายแบบ Limited Slip แต่แทนที่จะอาศัยกลไกลวุ่นวาย ก็หันมาใช้การอ่านค่าล้อหมุนฟรี แล้วหนีบเบรกแทน และทำให้รถสามารถผ่านอุปสรรคไปได้ อย่างในการจำลองระบบนี้ ทาง Toyota ใช้เนินสลับขั้นพื้นฐานแสดงศักยภาพ ซึ่งมันก็สร้างสามารถให้เราเห็นถึงพื้นฐานดังกล่าว และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบขับเคลื่อนของ Toyota มีดีกว่าแค่เพียงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อธรรมดาทั่วไป
อันที่จริงหลังจากลอง Toyota Fortuner ส่วนตัวมีโอกาสค้นคว้าข้อมูลของ ระบบ A-TRC เพิ่มเติม ระบบดังกล่าวดั้งเดิมมีติดตั้งใน Toyota Land Cruiser และ Toyota Prado ซึ่งวันนี้มาอยู่ใน Toyota Fortuner
โดยส่วนหนึ่งจากการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมระบบ A-TRC ไม่ได้มีประโยชน์แค่บนเส้นทางออฟโรดเท่านั้น แต่มันยังสามารถควบคุมการขับเคลื่อนของรถ ในกรณีที่ล้อมีอาการหมุนฟรีในกรณีต่างๆได้มากกว่าที่คุณคิด (แนะนำให้ดูวีดีโอประกอบ) อย่างเช่นกรณีออกตัวบนสภาพถนนลื่น หรือจะขับผ่านแอ่งน้ำเจ้าระบบ A-TRC สามารถจะควบคุมล้อที่เกิดการลื่นไถลและส่งไปยังล้อที่ยังสามารถยึดเกาะถนนได้ด้วย
สรุป Toyota Fortuner ยกระดับสู่ความหรู แต่ของยังขาด เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ผมนั่งอยู่ในรถกับนายโอ๊ต ในวันก่อนที่จะเขียนบททดสอบนี้ในขณะที่เรากำลังเดินทางไปยังงานที่สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตพัทยา พร้อมปรารภเกี่ยวกับการเขียนบททดสอบ Toyota Fortuner ว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้บททดสอบนี้กลายเป็นอีกบททดสอบสุดหินไปโดยปริยาย
เมื่อมอง Toyota Fortuner ใหม่ เมื่อเทียบกับรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่มเดียวกันที่เปิดตัวออกมาทำตลาดในปีนี้ เราจะเห็นได้ว่า Toyota Fortuner ใหม่ มุ่งเน้นไปสู่การออกแบบเน้นความทันสมัย และความหรูหรามากขึ้น ความลงตัวในความปราดเปรียวตั้งแต่ด้านหน้าไปจรดบั้นท้าย ต่างมีความเป็นปัจเจกที่เหนือชั้น ซึ่งเรื่องการออกแบบบางคนอาจจะถูกใจและบ้างอาจจะรู้สึกเฉยๆ ไปบ้าง ไม่ว่าจะภายนอกและภายในห้องโดยสาร ที่ทั้งหมดชี้ไปในทิศทางของความภูมิฐานเพิ่มเติมจากรุ่นเดิมที่ผ่านมา
สิ่งที่ดีงามใน Toyota Fortuner ใหม่ ถ้ากล่าวโดยสรุปแล้ว คงหนีไม่พ้นเรื่องความเงียบของห้องโดยสารที่ดีขึ้นจนน่าประทับใจ แม้ไม่ได้ใช้ระบบตัดเสียงรบกวนแบบค่ายรถยนต์ทางฝั่งตะวันตกก็ตามที แต่ในความดีนี้ก็ยังต้องกลับไปทำการบ้านบางส่วน เช่นการบุผนังระหว่างห้องเครื่อง กับ ผนังห้องโดยสาร หรือในส่วนของ firewall ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มในการควบคุม Noise and Vibration แต่เรื่องการเก็บเสียงจากลมและพื้นถนน ถือว่าทำได้ดีแล้ว
นอกจากการเก็บเสียงแล้ว ระบบกันสะเทือนที่นุ่มนวลและยังตอบสนองได้ดีถือเป็นอีกความโดดเด่นที่ยกให้ใน Toyota Fortuner ด้วยการตอบสนองที่มีรวดเร็ว แต่พร้อมกันยังให้ความลงตัว ที่จริงจากการฟังข้อมูลจากโตโยต้า พวกเขาใช้การเล่นแร่แปรธาตุภายในค่าย ด้วยการจับการวิศวกรรมรุ่นใหญ่ จาก Toyota Prado , Toyota Land cruiser ลงมาสู่ Toyota Fortuner หรืออีกนัยคือ Toyota Fortuner มีการพัฒนาศักยภาพสูงขึ้นจากเดิมที่ผ่านมา
ในด้านเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ถือว่ายังเป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจ การลดขนาดเครื่องยนต์แต่ได้กำลังมากขึ้น ถือเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายต่อการวิศวกรรม แต่ก็ทำออกมาได้อย่างสมค่าสมราคา น่าเสียดายที่ Toyota กลับมองค่าเรื่องความสะดวกสบายเล็กน้อยออกไปอย่างเช่น การติดตั้งระบบ iMT ซึ่งมีในรถกระบะ Toyota Hilux revo เข้ามาในรุ่นเริ่มต้นของ Toyota Fortuner ซึ่งมีราคาสูงกว่ากระบะรุ่นท๊อปของโตโยต้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการขับขี่ต่อผู้ใช้งาน ซึ่งในมุมมองของเราถือว่าเรื่องนี้เป็นส่วนที่ทำให้ Toyota Fortuner รุ่นล่างมีความน่าสนใจมากขึ้น แม้อาจจะจริงว่าจะมีสักกี่คนที่ซื้อรุ่นเริ่มต้น แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วถ้ามีก็จะทำให้คนสนใจรถรุ่นนี้มากขึ้น (แม้ว่า iMT จะมีแนะนำในเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรก็ตาม)
อย่างไรก็ดีท้ายที่สุดแล้ว เราก็พูดกล่าวกันตรงๆว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งอีกสองเจ้าที่มีในตลาด Toyota Fortuner ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรที่พอจะมาเป็นไฮไลท์เรียกลูกค้า ให้สนใจ ซึ่งเรามองว่าคนจะสนใจรถคันนี้ก็มีเพียงอย่างเดียว คือ การออกแบบที่ดูดีมีราคา เหมือนคุณซื้อรถยนต์จากแบรนด์ Lexus ที่จำแลงมาแปะตรา Toyota ตลอดจนความคุ้มค่าการวิศวกรรมหลายๆด้านที่ประดุจคุณขับรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะ Toyota Land Cruiser, FJ Cruiser, หรือ Toyota Prado ซึ่งทั้งหมดขมวดลงใน Toyota Fortuner
Q-D-R ฟังดูอาจเป็นคำแก้ตัวจาก Toyota ต่อการวางแนวทางในการพัฒนารถยนต์ Toyota Fortuner ใหม่ ที่มองว่าเทคโนโลยีชั้นนำระดับแถวหน้า อาจจะไม่จำเป็นต้องนำเสนอ ขอเพียงการวิศวกรรมที่ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ในรถยนต์คู่กายของพวกเขาตลอดการเดินทางก็พอแล้ว
แต่ในวันนี้ Toyota เห็นทีต้องยอมรับว่า ลูกค้ามีการเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์ต่างไปจากเดิม พวกเขามีการศึกษาข้อมูลโดยละเอียด มีการเปรียบเทียบเชิงลึกถึงความคุ้มค่าต่อเงินที่จ่าย และที่สำคัญ พวกเขาเปิดกว้างมากขึ้นต่อเทคโนโลยีชั้นนำใหม่ ที่ตอบโจทย์ในสไตล์และความต้องการของตัวเอง....แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะซื้อมาไม่ได้ใช้ก็ตามที.... แต่หลายคนมักจะคิดว่า “มีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” ซึ่งถึงเวลาที่จะต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก ในเรื่องออพชั่นอันทันสมัย ซึ่งถ้ามีใน Toyota Fortuner เชือว่า จะทำให้รถคันนี้ไร้ที่ติ จากลูกค้า
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
ขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเอเชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมการทดสอบรถยนต์ Toyota Fortuner ใหม่ บนเส้นทาง สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต
รถทดสอบ Toyota Fortuner 2.4 G M/T
ราคาจำหน่าย 1,199,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> สมรรถนะการขับขี่ของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ตลอดจน การเก็บเสียงในห้องโดยสาร เป็นเรื่องที่ดีที่สุดใน Toyota Fortuner ใหม่ จนน่าประทับใจยิ่งในระหว่างการขับขี่ และที่สำคัญ ถ้ามองการวิศวกรรมให้ลึก รถคันนี้ได้รับการถ่ายทอดวิศวกรรมจากรุ่นใหญ่ ก็เป็นเรื่องดีคุณจ่ายน้อยแต่ได้อะไรมากกว่าในตัวตน
สิ่งที่ไม่ชอบ >> ด้ามเกียร์ธรรมดาเข้ายาก และแข็งไปสำหรับการใช้ความรู้สึกนุ่มสบายในการขับขี่ ทำให้รถเสียตัวตนเรื่องความสบายไป แต่เรื่องร้ายจะกลายเป็นดีถ้าคุณซื้อเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งให้ความนุ่มนวลและมั่นใจในการขับขี่มากกว่า
สิ่งที่อยากให้มี >>> ในรุ่นเกียร์ธรรมดา เรามองว่าระบบ iMT น่าจะมีติดตั้งเข้ามาถ้าเป็นไปได้ เนื่องจากระบบจะช่วยการขับขี่มีความนุ่มนวลมากขึ้น ตลอดจนโตโยต้าควรกลับไปทำการบ้านอย่างแรงในเรื่องการสร้างจุดเด่นให้กับตัวรถ โดยเฉพาพวกออพชั่นล้ำสมัย น่าจะใส่มาให้ได้แล้ว
คำแนะนำสำหรับผู้สนใจ >>> เทียบกับคู่แข่ง ก็กล่าวตามตรงว่า Toyota Fortuner ดูจะไม่มีความโดเด่นมากกว่าการออกแบบที่มีความลงตัวในความหรูหรา จนน่าสนใจ ตัวรถดูสง่าบนถนน ในขณะที่การวิศวกรรมด้วยระบบเครื่องยนต์และชุดเกียร์ใหม่ก็มีความลงตัวเรื่องสมรรถนะการขับขี่ แต่อย่าถามหาพวกลูกเล่นของตัวรถมาก เพรานาทีนั้นคุณจะรู้สึกว่า รถคันนี้ไม่มีอะไรมากมายตอบเงินที่กำลังจะจ่ายนัก
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1609]