Hands on : Suzuki Celerio อีโค่คาร์ตัวจริงสมรรถนะได้ใจ
- โดย : Autodeft
- 23 พ.ค. 57 00:00
- 17,637 อ่าน
พบบททดสอบว่าที่อีโค่คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Suzuki กับ Suzuki Celerio ใหม่ สมรรถนะโดนใจในสไตล์รถประหยัด
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
พูดถึงตลาดรถยนต์ที่มีการเติบโตสูงช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์อีโค่คาร์ก็กลายเป็นที่คุ้นชินในตลาดบ้านเราและหนึ่งในรถยนต์ที่ขายดีสุดๆในกลุ่มนี้ น่าแปลกที่ Suzuki Swift กลายเป็นม้ามืดที่มาเขย่าตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ จนหลายคนไม่คาดคิดว่า ค่ายรถยนต์ Suzuki ที่ห่างในแนวหน้าตลาดรถยนต์ในไทยจะมีดีเหมือนกัน
การพลิกเกมคราวที่แล้วทำให้หลายคนจับตาว่าที่อีโค่คาร์รุ่นที่ 2 ของค่ายนี้ ที่มีกระแสข่าวว่าเตรียมออกมาทำตลาดในปีนี้ ด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ว่าจะเป็นซีดาน ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่แล้วทุกข่าวถูกสยบด้วยรถต้นแบบที่มาเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่บ้านเรา ในงาน Motor Expo 2013 ในนาม Suzuki A Wind Concept สายลมแห่งความหวังของ Suzuki
“เป็นอย่างไรบ้าง คิดว่าโอเคไหม” พี่ วัลลภ ตรีฤกษ์งาม แม่ทัพใหญ่ Suzuki เดินมาทักทายหลังการเปิดตัวผ่านพ้นไป และการพูดคุยครั้งนั้น ทำให้เราได้รับว่านี่จะเป็นว่าที่รถอีโค่คาร์รุ่นต่อไปที่สำคัญมันไม่ใช่ซีดาน แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเสียบลงทางด้านล่างของรถยนต์ Suzuki swift ที่ขายในปัจจุบัน ซึ่งคราวนั้นผมแอบแซวไปว่าราคาจะต่ำกว่า 3 แสนบาทหรือเปล่า
หน้าตาที่ดูดีตัวตนที่ดูทันสมัย ทำให้หลายคนสนใจว่าที่รถอีโค่คาร์ใหม่ล่าสุด แม้ว่าไทยจะโดนอินเดียปาดหน้ากลายเป็นเวทีแรกในการเปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็กคันใหม่ล่าสุดของ Suzuki ซึ่งมาจากรถต้นแบบคันนี้ โดยใช้ชื่อว่า Suzuki Celerio ก่อนจะต่อเนื่องบินไปอวดโฉมในงาน Geneva motor show ที่ยุโรป ช่วงต้นเดือนมีนาคม จนกระทั่งในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา Suzuki ก็ได้ฤกษ์ยามดีในการแนะนำชิมลาง ว่าที่รถเล็กใหม่ที่ จะเข้ามาเป็นอีโค่คาร์ใหม่ในบ้านเราในอีกไม่นานเกินรอ
ชื่อ Celerio เรียกยากไปนิด กระดกลิ้นบ่อยหน่อย มีความหมายว่า “แม่น้ำท้องฟ้า” หรือ celestial river ซึ่งทาง Suzuki บอกว่ามีรากศัพท์มาจากภาษาสเปน ถือเคล็ดกันเล็กๆน้อยๆ โดยในการออกแบบตั้งแต่ตั้งต้น Suzuki ต้องการให้ Suzuki Celerio เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีการออกแบบที่ลงตัวต่อการใช้งาน ตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนที่หลากหลายมองหารถยนต์ที่เดินทางง่าย มีความประหยัด ดูแลรักษาง่ายกว่าเดิมที่เคยเป็น ที่สำคัญ มันยังต้องมีราคาที่สามารถจับต้องได้มากขึ้นด้วย
ตั้งแต่แรกที่ได้พบ Suzuki Celerio ในมอเตอร์โชว์จนมาครั้งนี้เรากำลังจะได้ย่ำมันเป็นครั้งแรก Suzuki Celerio ใหม่ เผยดีเอ็นเอของมันในการออกแบบที่ปรับลดความสปอร์ตจากพี่ใหญ่ Suzuki Swift แล้วปูความทันสมัยมากขึ้น
ใบหน้าฉีกตัวตนระหว่างกันเพื่อให้จำง่ายแนะนำเส้นสายการออกแบบที่เน้นในปัจเจกตัวตนของรถเล็กที่ดูดีตั้งแต่แรกเห็น กระจังหน้าพลาสติกสีดำ ถูกสอดแทรกด้วยโครเมี่ยมในรุ่นท๊อป GLX เบิกความโดดเด่นด้วยโคมไฟหน้าฮาโลเจนขนาดใหญ่ รับเข้ากันชนหน้าที่แอบความสปอร์ตด้วยช่องรับลมขนาดใหญ่ ให้รายละเอียดคมสันทางด้านข้างดูเพิ่มความคมโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ต่อเนื่องสู่ด้านข้างที่เน้นเส้นสายง่ายสะอาดตา ลงตัวด้วยล้อขนาด 14 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 165/65/R14 โดยในรุ่นท๊อปเป็นล้อแม็ก ส่วนรุ่นล่างอย่างเราในวันนี้ก็ล้อกระทะธรรมดาแถมไม่มีฝาครอบ ซึ่งจะให้มาในรุ่นกลาง
ด้านหลังของ Suzuki Celerio เน้นการออกแบบให้รถดูมีความน่าสนใจ มีรายละเอียดในสไตล์สปอร์ตมากขึ้น ในบางมุมรถคันนี้จะดูเหมือน Suzuki Swift ที่ขนาดช่วงเอวผายออกไป และทั้งหมดแพ็คในเรือนร่างเล็กในรถระดับ A segment subcompact car ให้ความยาว 3,600 ม.ม. กว้าง 1,600 ม.ม. และสูง 1,540 ม.ม. ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งที่มีในตลาดทุกรุ่น และจัดฐานล้อยาว 2,425 ม.ม. ตอบเรื่องสมรรถนะในการขับขี่
ความสูงที่มากกว่าอีโค่คาร์ทุกรุ่นในตลาดทำให้เราสัมผัสได้ถึงความกว้างได้ทันทีที่เปิดประตูแล้ว เหยียดขาหย่อนก้นลงไปนั่งใน Suzuki Celerio แม้นี่จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กแต่ก็ชัดถึงความโปร่งไม่รู้สึกอึดอัดอย่างที่คิด เบาะนั่งชิ้นเดียวออกแบบมาอย่างลงตัวมีความใหญ่มากพอในการรองรับคนที่มีช่วงตัวขนาดใหญ่อย่างผู้เขียน
เหลียวมองด้านหลังมีพื้นที่ว่างในการโดยสารอยู่บ้างแต่ไม่มากมายนัก ทว่าก็พอที่จะตอบโจทย์ในการเดินทางใกล้ๆได้ดี แต่ถ้าทางไกลอาจจะต้องบีบนวดลดความปวดเมื่อยกันบ้าง เพื่อความชัดเจนเลยออกลงไปลองนั่งหลังดูบ้าง และ Celerio ลุกเข้าออกสะดวก แต่เมื่อนั่งในท่าปกติช่วงเข่ากลับชิด ช่วงวางขาโอเค อาจจะเพราะผมมันส์ไซส์ยักษ์สูง 180 ซ.ม. เลยไม่เหมาะกับด้านหลัง แถมพนักพิงหลังก็ไม่ได้เน้นนุ่มนั่งสบายมากนัก ด้วยการออกแบบย้อนยุคสไตล์ Bench seat ซึ่งหมอนรองคอถูกทำเป็นชิ้นเดียวปรับไปไม่ได้
น่าเสียดายที่วันนี้เราขับเป็นรถในรุ่นเกียร์ธรรมดารุ่นล่างสุดของ Suzuki Celerio ที่จะมีราคาถูกที่สุดในรุ่น GA รถรุ่นนี้ไม่เน้นออพชั่นหวือหวา แต่เน้นว่าคุณปลอดภัยขึ้นในการเดินทางไม่ต้องตากแดด แช่ลม เมื่อเทียบกับการเดินทางอื่นๆ ที่มีมากมายหลากหลายทางเลือก
ภายในห้องโดยสาร Suzuki Celerio รุ่น GA เกียร์ธรรมดา
ภายในห้องโดยสาร Suzuki Celerio รุ่น GLX เกียร์อัตโนมัติ
ยังดีที่การต้อนรับคนขับด้วยพวงมาลัยยูรีเทนขนาดกำลังเหมาะแอบหมุนตอนจอดนิ่งเล่นน้ำหนักค่อนข้างตึงมือไปบ้าง ตรงหน้าคนขับมาตรวัดในรุ่นล่างสุดนี้ให้ตัววัดความเร็วเพียงอย่างเดียวไร้รอบเครื่องยนต์ทั้งที่เป็นเกียร์ธรรมดา ยังดีที่ทุกรุ่นให้มาตรฐานจอแดสงผลอัจฉริยะแปะไว้ทางด้านล่างบอกข้อมูลการขับขี่ เช่นระยะทางหรือจะเป็นหน้าจอแสดงเรื่องความประหยัดที่ให้ความลงตัวต่อการใช้งานในที่เดียว
ออพชั่นอื่นๆในรุ่นล่างสุดของ Suzuki Celerio ไม่มีอะไรจะต้องพูดถึงมากมายนัก เพราะทุกอย่างเน้นความเรียบง่ายในการใช้งาน คุณจะพบการย้อนยุคไปยังปางก่อนเช่น รถไม่มีวิทยุมาให้ รวมถึงกระจกมือหมุน รวมถึงระบบปรับกระจกมองข้ามแบบขยับมือด้วยตัวเอง ที่ทำให้เรารู้สึกถึงวันวาน ยังดีเบาะนั่งตอนหลังสามารถปรับพับได้แต่ก็ทำได้แบบเดียวคือ 100% หรือว่าง่ายๆจะพับก็พับ พบกันครึ่งทางไม่ได้
แต่ถ้าคุณว่าเจ้า Suzuki Celerio รุ่นล่างมีอะไรๆน้อยไปใน รุ่นบน GLX นั้น ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ด้วยการวางตัวให้มีออพชั่นต่างเพิ่มเข้ามา โดยเฉพาะกระจกไฟฟ้าไปจนถึง เบาะนั่งหลังที่พับได้ในอัตรา 60/40 รวมถึงใครที่ชอบอะไรชิคๆ เบาะนั่งยังลงตัวมากขึ้นด้วยเบาะนั่งลวดลายเดียวกับสีภายนอก
ทุกอย่างพร้อม เครื่องยนต์ 3 สูบแถวเรียงขนาด 1.0 ลิตรถูกสตาร์ททิ้งเอาไว้รอเราลงไปย่ำทดสอบสมรรถนะ ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการรถยนต์ ด้วยการแนะนำเครื่องยนต์บล็อกที่เล็กลงกว่าที่เคยเป็นมาในกลุ่มรถอีโค่คาร์
ต้นกำลัง KB10 เจ้า 3 สูบ 1.0 ลิตร ให้ความแตกต่างมากกว่า ด้วยการทำกำลัง 68 แรงม้า สูงสุดที่ 6,200 รอบต่อนาที เช่นเดียวกัน ยังทำกำลังแรงบิดสูงถึง 90 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที ในรุ่นที่เราขับเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เน้นการขับขี่แบบเค้นสมรรถนะ ในขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติใช้เกียร์ CVT 7 สปีด เข้าใจว่าน่าจะเป็นลูกเดียวกับ Suzuki Swift
สับคลัทช์เดินหน้า ขอแอบบ่นว่า คลัทช์ Suzuki Celerio ค่อนข้างสูงไปนิดจนนึกว่าขับรถกระบะ เมื่อเทียบในตัวตนทางด้านความเป็นรถนั่งแถมยังเน้นในการขับในเมืองต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้ง การตั้งคลัทช์ที่สูงอาจจะทำให้ยากต่อการขับขี่ในบางจังหวะ โดยเฉพาะช่วงติดเนินติดสะพานนี่จะพาดับได้ง่าย ถ้าชักคลัทช์ผิดจังหวะ
ตัวรถที่เบาหวิว เริ่มต้นที่ 785 กก. อย่างที่เรากำลังขับในรุ่นเกียร์ธรรมดา ไปจนถึงรุ่นเกียร์อัตโนมัติที่มีน้ำหนักเริ่มต้นที่ 820 กก. และสูงสุดที่ 835 กก. ให้คำตอบทางด้านสมรรถนะที่ชัดเจนของ Suzuki Celerio ว่าเน้นความเบามากขึ้นเพื่อตอบโจทย์โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่
เมื่อจุ่มคันเร่งลงไป Suzuki Celerio เผยสมรรถนะของมันให้เราเห็น รถที่เบาเมื่อเจอเครื่องเล็ก 3 สูบ ก็เร่งได้จี๊ดจ๊าด ประกอบกับเสียงหวานๆของมัน เมื่อไม่มีวัดรอบเครื่องยนต์ ก็ไม่น่าแปลกใจที่คุณจะขับมันส์ๆ แล้วสะดุดหัวทิ่มจากการใช้รอบเกิน 6,000 เป็นการบ่งบอกว่าหมดความมันส์สับเกียร์ขึ้นได้แล้ว
มาตรวัด Suzuki Celrio รุ่นเกียร์ธรรมดา
ความเป็นจริงในรุ่นเกียร์ธรรมดา Suzuki น่าจะใส่วัดรอบเครื่องยนต์มาให้เนื่องจากมีคนจำนวนน้อยมากที่จะฟังเสียงเครื่องยนต์ออกหรือคิดเอาว่าพวกเขาควรจะเปลี่ยนเกียร์เมื่อไร หรือ ถ้าวัดรอบเครื่องยนต์มีราคาแพงไป อย่างน้อยไฟบอกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ เล็กบนหน้าปัดก็น่าจะช่วยได้ในเรื่องนี้ และไม่ทำให้เครื่องยนต์กลับบ้านเก่าเร็วเกินไปนัก
เมื่อได้ขับเจ้าจิ๋วนี้จริงๆ สิ่งหนึ่งที่ต้องชมเชย คืออัตราเร่งที่ทำได้สูสีกับรถอีโค่คาร์หลายรุ่นในตลาดที่เราเคยสัมผัสมา เครื่องยนต์ที่เล็กกว่าไม่ใช่ปัญหาในเรื่องการขับขี่เลยแม้แต่น้อย อาจจะมีบางในบางจังหวะถ้าคุณแซงรถแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่ด้วยตัวเบามันก็ง่ายที่จะผ่านจังหวะที่ยากไปในหลายๆครั้ง
ช่วงเขตเมืองเชียงใหม่ Suzuki Celerio โชว์ให้เห็นว่ามันมีดีสำหรับการขับขี่ในเมืองขนาดที่เล็กกะทัดรัดทำให้สอดแทรกรถไปท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งได้อย่างไม่ยากจนเกินไปนัก ข้อหนึ่งที่กังขาคงไม่พ้นเรื่องของน้ำหนักพวงมาลัยที่พอดีๆสำหรับชายชาตรี แต่สำหรับคุณผู้หญิงที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญคาดว่าจะหนักมือไปนิดหนึ่ง หากว่าการควบคุมนั้นก็ค่อนข้างชัดว่ามันสามารถตอบสนองได้อย่างดี มีจังหวะฟรีบ้างนิดหน่อย เพื่อไม่ให้หุนหันหันแล่นในการตัดสินใจ สร้างความปลอดภัยมากขึ้นในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามคับขัน อย่างเช่นการหักหลบรถอย่างรวดเร็ว ในรถเล็กน้ำหนักเบา มีความเป็นไปได้ที่จะเสียอาการจนเกิดอุบัติเหตุ
ความเมามันส์ในเมืองกับ Suzuki Celerio ค่อนข้างจะมากพอสมควร เราเดินทางตัดผ่านเข้าไปดูสาวๆในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึง ตัดมาเที่ยววิ่งริมคูเมือง เจ้าอีโค่คาร์คันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่ามันมีความลงตัวในเมือง ด้วยความคล่องตัวจากพวงมาลัย เครื่องยนต์ที่ตอบสนองแรงบิดดี เมื่อประกอบกับน้ำหนักเบาหวิว ของมัน นี่คือรถคนเมืองอย่างแท้จริง
บทบาทคนเมืองต่อเนื่องด้วยเส้นทางถนนหลวง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ในการขับขี่ได้ดีไม่แพ้กัน ยิ่งเล็กยิ่งเบาขนาดนี้หลายคนคงเริ่มกังวลในเรื่องของระบบกันสะเทือนของรถ แต่ Suzuki Celerio กลับโชคดีที่มันได้ตัวตนดีเอ็นเอความสปอร์ตจากรุ่นพี่มาอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยการเซทช่วงล่างที่มาสไตล์ที่คล้ายกัน
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตัรททางด้านหน้า และทอร์ชั่นบีมทางด้านหลัง จัดว่าเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วของรถเล็กในยุคนี้ และ Suzuki Celerio ให้ความรู้สึกที่มั่นใจในการขับขี่มากพอสมควร ช่วงทำความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. จะไม่มีความรู้สึกว่ารถร่อนเลย ทั้งที่ใช้ยางขนาดเล็ก หน้ากว้างเพียง 165 ระบบช่วงล่างให้ความรู้สึกแน่นกนับแต่มีความนิ่มนวลขิงช่วงล่างมากกว่า Suzuki Swift
แต่เมื่อเราถูกพาเข้าสู่ถนนที่คดเคี้ยว รถก็เริ่มออกอาการโยนตัวพอสมควร ส่วนหนึ่งก็มาจากยางที่แคบ 165 แถมแก้มยางที่สูง 65 ยิ่งเมื่อประกอบกับการออกแบบโครงสร้างรถให้มีความสูงกว่ารถอีโค่คาร์รุ่นอื่น แถมยังมีฐานล้อที่สั้นกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับบางรุ่น ก็เลยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถมีอาการโยนตัวมากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้ออกอาการเหวี่ยงเทโคลงไปมา จากการออกแบบระบบช่วงล่างที่เซทให้มีความหนึบในการขับขี่ ด้วยฟีลลิ่งที่นิ่วเนียนตลอดเวลาในแบบ Go kart like ทำให้แม้จะโยนตัวเวลาเข้าโค้งมากแต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด .. แถมรถเบาแบบนี้ ขับเกียร์ธรรมดา อัตราเร่งก็ใช้ได้ คุณก็จะรู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้นในการขับขี่ แต่ระวังคนขับอาจจะมันส์แต่คนนั่งอาจจะไม่มันอย่างที่คิด
ผ่านทางโค้งมาได้ก็ได้เวลาช่วงโปรโมชั่น ซึ่งทีมงานท้าให้เราลองความเร็วสูง คุณคิดว่าเจ้าเครื่อง 3 สูบ 1.0 ลิตร จะทำความเร็วได้เท่าไรกัน
แน่นอนว่าเราหลายคนคงซื้ออีโค่คาร์มาขับประหยัดมากกว่าสมรรถนะ แต่บางครั้งธุระปะปังที่มาก เราอาจจะต้องใช้ความเร็วบ้างเป็นบางเวลา และ ถ้ามั่นใจมากพอ ความเร็วสูงสุดบนพื้นราบที่ 162 ก.ม./ช.ม. ถือว่ามากเกินพอสำหรับรถเล็กไซส์นี้ ที่แทบจะติดปีกบินได้เมื่อใช้ความเร็วๆ สูง จากพิกัดตัวมัน แม้ช่วงล่างจะยังให้ความมั่นใจก็ตามที ทว่าหน้ายางที่เล็กรถที่สูง ก็ต้องยอมรับตามตรงว่ามันไม่ใช่รถที่ออกแบบมาเพื่อขับเร็วมากมายอะไรนัก
ตัวจริงอีโค่คาร์ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เหลือเพียงราคาที่จะตัดสิน
ท้ายที่สุดเราเดินทางมาถึงพระธาตุจอมทอง ปลายทางของการทดสอบในวันนี้ก่อนที่เราจะต้องสลับกับเพื่อนสื่อมวลชนท่านอื่นที่ต้องลองสมรรถนะแล้วมาบอกเล่าเก้าสิบให้ท่านผู้อ่านเช่นกัน
ในภาพรวม Suzuki Celerio มีความลงตัวในแบบของมันในคำว่า “อีโค่คาร์” และด้วยการบรรจบร่างเล็กน้ำหนักเบา ด้วยเครื่องที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ช่วงล่างที่โอเค และอยากตะโกนหลังจากลงมาจากรถให้โลกรู้ว่า ....นี่แหละคือสิ่งที่อุดมการณ์ของโครงการรถอีโค่คาร์ที่ทำมาตั้งแต่แรก ของภาครัฐบาล
แม้ว่าการขับขี่ของเราจะใช้ความเร็วพอประมาณยืนความเร็วที่ 100 ก.ม./ช.ม. เกือบตลอดทาง แถมยังมีการทำความเร็วสูง แต่ก่อนลงจากรถเราแอบเห็นเลขประหยัด แม้จะขับโหด ตีนผีกันเสียขนาดนี้ แต่ Suzuki Celerio ยังพิชิตตัวเลข 21.8 ก.ม./ลิตรได้สบายๆ และ นี่แหละคือเนื้อแท้ของรถอีโค่คาร์ ซึ่งทุกอย่างจะตัดสินโดยราคาจำหน่ายและโปรโมชั่น ที่ Suzuki ตั้งใจมากที่จะทำให้รถคันนี้เป็นรถที่ทุกคนจับต้องได้แท้จริง
อย่างไรก็ดีน่าเสียดายที่รุ่นเกียร์ธรรมดานั้นจะไม่มีรุ่นที่มาพร้อมวิทยุหรือกระจกไฟฟ้า สำหรับคนที่ชอบสมรรถนะและความประหยัดอัตโนมือ แต่ก็ต้องการของเล่นที่มาตอบโจทย์มากกว่านี้ จึงอยากที่จะฝากไปเป็นการบ้านพิจารณาในอนาคตด้วย รวมถึงเรายังไม่มีโอกาสลองตัวเกียร์ CVT ซึ่งคงมีโอกาสในเร็วๆนี้
Suzuki Celerio อาจจะไม่ใช่อีโค่คาร์ที่หวือหวา มีออพชั่นเยอะลูกเล่นเพียบในแบบที่หลายคนเคยเห็นในSuzuki Swift มาก่อนหน้านี้ แต่ด้วยความเรียบง่ายของรถ ที่เน้นในการเป็นรถใช้งานที่แท้จริง สำหรับทุกคน เจ้านี่ คือ สิ่งที่จะปฏิวัติคำว่า “อีโค่คาร์” ในตลาดบ้านเรา
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญร่วมคาราวานทดสอบ Suzuki Celerio
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
ผลการทดสอบ Suzuki Celerio
รถทดสอบ Suzuki Celrio M/T
ราคาจำหน่าย ยังไม่ประกาศราคา
ความเร็วสูงสุดในระหว่างการทดสอบ 162 ก.ม./ช.ม.
อัตราประหยัดในระหว่างการทดสอบ 21.8 ก.ม./ช.ม.
สิ่งที่ชอบ : น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ขับขี่ในเมืองคล่องตัว เครื่องยนต์กำลังดี
สิ่งที่ไม่ชอบ : คลัทช์สูงไปไปในรุ่นเกียร์ธรรมดา
สิ่งที่อยากให้มี : วัดรอบในรุ่นเกียร์ธรรมดา หรือไฟบอกตำแหน่งเกียร์ นอกจากนี้ควรพิจารณารุ่นเกียร์ธรรมดา มีกระจกไฟฟ้าด้วย
[GALLERY508]