Hands On : Nissan Xtrail 2.5 V 4WD ขับมันสุดติ่งคุ้มค่าเกินตัว
- โดย : Autodeft
- 11 ก.พ. 58 00:00
- 54,789 อ่าน
ในที่สุดก็ถึงคิวเราเสียทีกับการทดสอบรถยนต์ Nissan X- Trail ใหม่ อย่างเป็นทางการเจ้าอเนกประสงค์คันนี้จะมีดีแค่ไหน...ติดตามบททดสอบได้ที่นี่
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าในบ้านเราหรือจะในต่างประเทศเอวก็ดี ต้องยอมรับว่ารถยนต์อเนกประสงค์ต่างเข้ามามีบทบาทในการทำตลาดมากขึ้น ค่ายรถยนต์จำนวนมากเล็งเห็นถึงการเติบโตในรถยนต์กลุ่มนี้ โดยเฉพาะรถอย่าง Crossover หรือที่บ้านเราเรียกกันผิดๆ ตามทางการตลาดที่ยำไปมาเละเทะว่า SUV ก็ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่สร้างความต้องการให้ผู้บริโภคที่มองความลงตัวในการใช้งานและการขับขี่ ไปจนถึงความสะดวกสบายที่ครบครัน
แม้ที่ผ่านมาในช่วงหลายปีของการพยายามเข้ามาทำตลาดในไทย Nissan ปลุกปล้ำในการส่งรถยนต์ Nissan Xtrail เข้ามาสู่อ้อมอกของใครหลายคน เพื่อที่จะตอบสนองโจทย์การใช้บาน แต่อย่างที่คุณพอจะสัมผัสได้ มันกลายเป็นรถยนต์ที่ถูกหลายคนลืม จนคิดว่า Nissan ไม่มีรถยนต์อเนกประสงค์ ทั้งที่มันมีอยู่ในตลาดแต่ก็หาได้ยากเต็มทนบนถนน
การเข้ามาเปิดตัวรถยนต์ Nissan X Trail ส่งท้ายปีที่แล้ว เรียกว่าเป็นการแสดงถึงการเอาจริงเอาจังของรถยนต์อเนกประสงค์จากค่ายรถยนต์ Nissan มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความลงตัวต่อการใช้งาน ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังกล้าท้าทายตลาดด้วยราคาจำหน่ายที่ตั้งมาจนไม่ว่าใครก็คงต้องสนใจและมองหา เมื่อนิสสันตัดสินใจในการพลิกตลาดด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ของรถยนต์อเนกประสงค์ที่ครบครันที่สุดในตลาดก็ว่าได้
อันที่จริงแล้วเจ้ารถยนต์อเนกระสงค์ Nissan Xtrail ใหม่นี้ก็ไม่ใช่รถธรรมดาๆ แต่เมื่อตอนเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในปีกลายพวกเขาสามารถคว้ารางวัล SUV of the Year จากญี่ปุ่นมาไว้ครองได้ เป็นการการันตีคุณภาพของรถที่เหนือชั้น
ตั้งแต่พบกันครั้งแรกของรถยนต์ Nissan Xtrail ใหม่ เจ้าอเนกประสงค์คันนี้กลับมาพร้อมการฉีกทุกความจำเจ ของสองรุ่นก่อนหน้าที่ทำตัวรถออกมาครึ่งๆ กลางระหว่างอเนกประสงค์ขนาดกลางมที่ดูเรือนร่างก้ำกึ่งกับตัวตนของมันในสไตล์รถยนต์อเนกประสงค์คอมแพ็ค ที่แนะนำตัวเองออกมาตั้งแต่ปี 2000 และมันกลายเป็นรถยนต์ที่กลับไม่ได้รับความนิยมมากมายนักเท่าที่ควร
รุ่นใหม่ของ Nissan Xtrail จึงเริ่มกลายเป็นโจทย์ที่ยากยิ่งคู่แข่งบางรายจัดหนักจัดเต็มสมรรถนะหรือบ้างมีดีที่ออพชั่นในการขับขี่และการเดินทาง เจ้ารถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ก็ดูจะเจองานช้างปรายเซียน แต่ยังดีที่การตั้งต้นพัฒนารถยนต์ Nissan Xtrail ใหม่ไปได้สวยงามด้วยการหันมาใช้แพลทฟอร์มใหม่ล่าสุดจากการร่วมมือของ Nissan และ Renault ที่เรียกว่า Nissan –Renault Common Module family หรือ CMF แพลทฟอร์ม ทำให้รถคันนี้สดใหม่ที่สุดในตลาดรถยนต์บ้านเราจากค่ายรถยนต์นิสสัน
ลุคหรูดูลุยเดิมถูกทีมออกแบบขยำทิ้งไปแล้วหันมาปรับตัวตนใหม่ที่ครั้งนี้นำเสนอในการออกแบบที่ให้ความรู้สึกดูเป็นรถยนต์พรีเมี่ยมมากขึ้นกว่าเดิม ตัวตนใหม่ของรถให้ความลงตัวมากยิ่งผ่านเส้นสายใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว แอบลุคสปอร์ตในการออกแบบ ที่ยังคงความทันสมัย
ตั้งแต่ใบหน้ารถที่ให้เอกลักษณ์กระจังหน้ารูปตัว V ลงตัวในแบบความหรูหราในสไตล์โครเมี่ยม ยังมาพร้อมเอกลักษณ์ใหม่ล่าสุดด้วยใบหน้าของ Nissan ที่ปรับไปทางความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าแบบ LED Projector ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวแอบดูสปอร์ต มันมาพร้อมไฟ Day Time Running Light ทรวดทรงบูมเมอร์แรงดูแล้วมีความกลมกลืนลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม และในรุ่น 2.5 ลิตร Nissan จัดการประกบการออกแบบด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วที่มาพร้อมยาง 225/60/R18
นอกจากนี้ความเท่ห์ยังเหนือชั้นสำหรับใครที่มองในรุ่น 2.5 ลิตร ด้วยหลังคาแบบ Panoramic Roof ที่กว้างยาวให้คุณและเพื่อสามารถสังเคราะห์แสงกับเพื่อพร้อมกัน โดยตอนหน้าสามารถเปิดรับลมได้เป็นสไตล์กึ่งมูนรูฟ ช่วยเพิ่มความลงตัว สำหรับใครต้องการความแตกต่าง
การออกแบบตัวรถให้ขึ้นมาเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางเต็มตัวด้วยความยาว 4,640 มม. กว้าง 1,820 มม. และสูง 1,720 มม. ตัวรถได้ฐานล้อยาว 2,705 มม.
ทำให้ Nissan Xtrail ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมของมันที่ออกมาจำหน่ายก่อนหน้านี้ สัมผัสความกว้างสบายเริ่มทันที่ที่เราเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร ซึ่งแม้ตัวรถในเจ้า Nissan Xtrail 2.5 V 4WD คันนี้จะมีภายในห้องโดยสารเป็นโทนสีดำ แต่มันก็ยังดูกว้างไม่เล็กอย่างที่คิด
เบาะคู่หน้าให้ความลงตัวด้วยการออกแบบในแนวคิดความสบายสูงสุดระหว่างการเดินทางหยิบเอาหลักสรีระศาสตร์มาผสมผสานในการใช้งานจริง หยิบยกเอา เบาะ Spinal Support Seat มาใช้ในรถยนต์อเนกประสงค์คันนี้ โดยในฝั่งคนขับมันปรับลงตัวด้วยเบาะไฟฟ้าปรับได้ 6 ทิศทางส่วนทางคนนั่งอาจจะปรับได้น้อยหน่อยเพียง 4 ทิศทาง แต่ถ้าถามหาความลงตัวแล้วมันก็โอเคไม่น้อย
เหลียวมองด้านหลัง ภายในห้องโดยสาร Nissan X Trail ใหม่ ถูกออกแบบให้ลงตัวด้วยการโดยสารสูงสุด 7 ที่นั่ง ในสไตล์ 5 +2 แต่ถ้าคุณอยากได้การเดินทางแบบสบายๆ ดูลุคและหรูหรา การนั่งสี่คนดูกำลังจะดีใน Nissan Xtrail ใหม่ ด้วยการสามารถพับส่วนกลางของเบาะ ลงมาเป็นคอนโซลกลางได้ ทำให้คุณได้ที่นั่งแบบ 2+2 คล้ายในเก๋งหรูชั้นนำในระดับพรีเมี่ยม
แถมเบาะนั่งตอนหลังของ Nissan Xtrail ยังลงตัวด้วยการเข้าออกง่ายดาย ประตูบานหลังเปิดได้กว้างถึง 80 องศา ช่วยในการเคลื่อนย้ายคนตัวใหญ่อย่างผม หรือ แม้แต่กับน้าตั๋ม On the Road ที่ตัวใหญ่ก็สามารถเข้าออกเดินทางได้ง่าย ที่เด็ดกว่านั้นและ Nissan ไม่เคยเขียนใส่ไปในโบรว์ชัวร์รถคือ เบาะนั่งหลังแถวสองนี้สามารถปรับเลื่อนหน้า-หลังได้อีกเล็กน้อย แต่ไม่มีข้อมูลเรื่องของระยะการเลื่อนว่าเท่าไร
ทำให้มันมีความลงตัวมากขึ้นในการโดยสาร โดยเฉพาะเบาะแถวสาม Nissan การันตีว่าคนตัวใหญ่ก็นั่งได เพียงแค่ปรับเลื่อนเบาะแถวสองเดินหน้าขึ้น แต่ในครั้งนี้ยังไม่มีเวลามากพอที่จะลอง
ส่วนท้ายรถประตูฝาท้ายก็สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า จนเรียกว่าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่มเดียวกันที่มีระบบนี้มาให้ถ้าไม่นับจากค่ายรถยนต์ยุโรป ซึ่งระบบนี้มีข้อดีที่คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกล้ามขนเปลี่ยนประตูหลังเป็นบาร์โหนสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพียงแค่กดปุ่มจากรีโมทของรถมันง่ายมากในการใช้งาน หรือถ้าคุณหิ้วของพะรุงพะรังมา เพียงเอามืออังที่ส่วนมือจับฝาท้ายด้านบนระบบฝาท้ายไฟฟ้าก็จะทำงานช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก น่าเสียดายที่มันยังมีเพียงในรุ่นท๊อปของทั้งตัว 2.0 และ 2.5 ลิตร เท่านั้น ส่วนรุ่นอื่นๆ อาจจะยังต้องใช้กล้ามแขนกันอยู่
ความสะดวกสบายที่สุดของที่สุดในห้องโดยสาร Nissan Xtrail จัดมาให้เต็มที่ไม่ว่าจะระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่มาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง แถมในความสบายยังลงตัวกับความทันสมัยกับระบบความบันเทิงล้ำสมัย ทำงานผ่านระบบหน้าจอสัมผัส ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Bluetooth และยังมีระบบนำทางในตัว
แต่ที่ล้ำกว่านั้นใน Nissan Xtrail ให้คุณเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถมากขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น Nissan Connect ให้ความสามารถในการเชื่อมต่อสังคมออนไลน์แบบ Real Time และในการขับขี่ยังสะดวกมากขึ้นด้วยระบบ Around View monitor ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ในยามที่ต้องไปในที่คับขัน เพิ่มความมั่นใจอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
การเดินทางวันนี้เส้นทางการขับขี่ง่ายๆ เราเดินทางไปที่ปลายทางเข้าใหญ่ แต่กว่าจะได้ขับผมรับมือเป็นคนสุดท้ายก่อนตีกลับเข้ากรุงเทพมหานคร เส้นทางถนนหลวงในช่วงต้นสัปดาห์ค่อนข้างโล่งพอสมควร หลังจากสลับปรับมือขับแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันสักที
ที่จริงระหว่างช่วงเช้าของการทดสอบ Nissan Xtrail ผมมีโอกาสเป็นผู้โดยสารอยู่ในระยะเวลามาพอสมควรที่พอจะบอกได้เลยว่า Nissan Xtrail ใหม่ โดยสารในการเดินทางได้ดีไม่แพ้รถยนต์จากค่ายยุโรปชั้นนำ โอเค ความหรูหราของมันอาจจะไม่เท่า แต่เรื่องความสบายในการนั่ง ด้วยตัวเบาะที่ใหญ่ จนส่วนตัวเป็นรถคันแรกที่ไม่มีคำติติงในเรื่องของคุณภาพในการโดยสาร
ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งตอนหน้าในตำแหน่งตุ๊กตาหนารถ หรือจะเปลี่ยนมาเป็นบอสใหญ่นั่งตอนหลังมันก็ดูลงตัว ที่จริงเบาะนั่งตอนหลังดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียว ช่วงสะโพกทีมออกแบบยังออกแบบมาได้ไม่กระชับเท่าที่ควร ทำให้ในยามเดินทาง เมื่อเจอทางโค้ง ตัวเราก็จะไหลโยกตามไปด้วย นี่ขนาดผมเป็นพวกติดคาดเข็มขัดนิรภัยนะ แล้วถ้ากับผู้ใช้จริง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่คาด คงจะเทกระจาดติดกระจกกันไปตั้งแต่โค้งแรกแล้วกระมัง
ปรับพนักแขนตรงกลางลงมา รถให้ดีกรีความหรูยิ่งขึ้น การทำแบบนี้ทำให้รถดูมีความลงตัวกว่าเดิมไม่น้อย เบาะนั่งกลายเป็นเบาะอิสระทำให้มีพื้นที่ส่วนตัวในการคิดทำอะไร ซึ่งก่อนหน้านั้นมีโอกาสเห็นในส่วนของภายในห้องโดยสารหลังจากเบาะหลังปรับพับในอัตรา 40/20/40 ต้องยอมรับว่ามันก็ค่อนข้างทำได้ราบ แต่ยังมีแอบเยงเล็กน้อย ทีมวิศวกรบอกว่ามาจากตัวช่วงลองนั่งที่ออกมาให้มีความสบายก็เลยอาจจะเอียงบ้างแต่ก็ดีพอในการใช้งาน
ได้เวลาเดินทาง...นาทีนี้นึกถึงเมื่อเช้า Nissan Xtrail ทำให้เราประทับใจในหลายสิ่งหลายอย่างแม้จะยังไม่ขับขี่ก็ตามที ความจริงแล้วตอนช่วงที่นั่งมีโอกาส เสียวแวบกับ Nissan X Trail เมื่ออหลังทานข้าวเที่ยงผมมีโอกาส สลับรถสั้นไปนั่งรถอีกคันกับพี่บัง
ตามปกติกับพี่บัง พี่แกขับขี่ค่อนข้างไว้วางใจ แต่วันนี้ดูเหมือนแกจะติดคุยนิดหน่อย ทำให้เพลินไปกับการขับขี่จนกระทั่งลืมมองโค้งที่ป้ายเตือนแล้วว่าเป็นโค้งหักศอกในเส้นทางจากแดรี่โฮมเข้าไปสู่ถนนธนะรัตน์ เช่นเดียวกันผมก็เห็น ทว่าใน Nissan Xtrail ใหม่อัดแน่นในเรื่องของเทคโนโลยีในการขับขี่ที่มากมายจนเกินคณานับ
ซึ่ง Nissan เรียกระบบทั้งหมดนี้ว่า Nissan Advance Chassis Control โดยผนวกรวมเอาระบบ Active ต่างที่พร้อมคอยช่วยเหลือคุณในการขับขี่เอาไว้มากมาย และยังมีบางระบบที่ยังไม่เคยมีใครคิดค้นมาก่อน ตั้งแต่
Active Engine Brake ระบบช่วยลดความเร็วในอัตโนมัติในยามที่ผู้ขับขี่ถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง ระบบเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับ ชุดเกียร์ Xtronic CVT ใหม่จาก Jatco เจ้าเดิมที่มาประจำการในรถยนต์คันนี้ โดยการเข้าโค้งนั้นยังมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นด้วยระบบ Active Trace Control ช่วยป้องกันการหลุดโค้ง โดยใช้เบรกเป็นตัวช่วยไปชะลอล้อด้านใน ของรถในยามที่คุณเลี้ยวเพื่อให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่นเคยมันยังมีระบบ Vehicle Dynamic Control ช่วยในการควบคุมการทรงตัว รวมถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction control ... ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เพราะยังมีอีกยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะระบบ Active Ride Control ช่วยลดอาการโยนตัวในทางขุรขระ ระบบช่วยออกตัวทางชันหรือ Hill Start Assisted ไปจนถึงระบบช่วยควบคุมการลงทางชันหรือ hill Decent Control แต่ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่ได้มีโอกาสลองในการทดสอบ
ชิบหาย!!! พี่บังลืมดูโค้ง รถตอนนี้เราอยู่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. เป็นปกติของการทดสอบพวกเรากลุ่มนักข่าว พี่ท่านยังคงสนทนากับน้องข้างคนนั่งด้านหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งนาทีสุดท้ายพี่ท่านเห็นพอดี จังหวะโค้งซ้ายลึก โชคดีเราไม่มีรถสวน Nissan Xtrail เข้าโค้งหักศอกเต็มความเร็ว โดยไม่แตะเบรก พี่บังอาจจะไม่รักษารถในเลนเพราะความเร็วที่เข้ามาได้ แต่ในขณะที่ผมนั่งหลังนี้บอกได้ว่า ระบบต่างๆทำงานกันอย่างขมีขมัน ช่วงล่างดูไม่มีอาการที่จะบ่งบอกว่ามันจะหลุดโค้ง ในขณะที่เสียงยางแซด!!! เอี้ยด!! ดังลั่นถนน
ตัวรถมีอาการโยนตัวในจังหวะดังกล่าวน้อยมาก แน่นอนว่าคุณยังอาจจะต้องรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงจากการเข้าโค้งผิดมนุษย์มนาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับรถคลาสเดียวกันรุ่นอื่นแล้ว เข้าโค้งแบบนี้...มีเสียวกว่านี้แน่นอน
ผมกระพริบตามองถนนยังจำเหตุการณ์ของพี่บังได้ดี มันทำให้ผมมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น ในรถยนต์อเนกประสงค์ Nissan Xtrail และในที่สุดก็ถึงเวลาเสียทีที่จะออกเดินทางในรถยนต์คันนี้
ใต้ฝากระโปรง Nissan X Trail 2.5 V มาพร้อมเครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียง มีความจุดตามปริมาตรจริง 2,498 ซีซี ตอบโจทย์การขับขี่ด้วยกำลังสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และยังมีแรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เหมือนเช่น Nissan ทุกรุ่นในชั่วโมงนี้ มันมาพร้อมระบบเกียร์ X Tronic CVT ใหม่ พร้อม Manual Mode 7 สปีด ตอบการเดินทาง
สัมผัสแรกของเรากับ Nissan Xtrail ใหม่ ยอมรับเลยว่า..มันเจ๋งจริงๆ แม้ในเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร หลายคนอาจจะครหาว่านี่มันเครื่องยนต์เก่ามาเล่าใหม่ เพราะมีมานานนมแล้วในประเทศไทย แต่แน่นอนว่า คงไม่ใช่กับเวอร์ชั่น 171 แรงม้าที่เรากำลังขับอยู่นี้แน่นอน
แม้จะน้อยกว่าคู่แข่งในตลาดอยู่บ้างพอสมควร แต่ 171 แรงม้า ใน Nissan Xtrail ก็เร่งได้สะใจน่าดู จนมันอาจจะทำให้คุณกลายเป็นคนขับรถเร็วไปโดยปริยาย จากอัตราเร่งที่เหลือเฟือ เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวเปล่าระดับ 1,638 กก. การขับขี่ค่อนข้างได้ความรู้สึกความสปอร์ตทุกครั่งที่เดินคันเร่ง แล้วดูเหมือนคุณแทบจะแซงรถทุกคันบนถนน
กำลังที่ออกมาในแบบที่ค่อนข้างเหลือเฟือในการใช้งานนั้น ทำให้การเร่งแซงบนถนนทางราบ อย่างถนนมิตรภาพ ช่วงสระบุรีมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครค่อนข้างมั่นใจ ที่จริงแล้วรถค่อนข้างพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว รวมถึงตัวชุดเกียร์ Xtronic CVT เองก็ค่อนข้างฉลาด และในระหว่างที่คนขับกำลังมันส์กับบนถนนในส่วนของห้องโดยสารก็นั่งได้อย่างสบายด้วย การไม่กระตุกเลยแม้แต่น้อยของชุดเกียร์ CVT
แต่แม้มันดูเหมือนจะมีดี แต่เราก็แอบกังวลโดยเฉพาะเรื่องของกำลังถีบตัวจากแรงบิด ถ้าถามแล้วค่อนข้างให้มาน้อยไปนิดและนั่นทำให้บางครั้งบางจังหวะแซงอาจจะมีความรู้สึกว่ารถเร่งช้าไปบ้างเนื่องจากแรงบิดมีเพียง 233 นิวตันเมตร เรายิ่งกังวลหนักเมื่อคือได้ว่าจะต้องมีคนจำนวนไม่น้อยเอาเจ้า Nissan Xtrail ไปขับท่องเที่ยวแบบขึ้นเขาลงห้วยอย่างแน่นอนในอนาคต
คงไมต้องจินตนาการ ถึงผู้โดยสาร เจ็ดขนพร้อมสัมภาระเต็มรถยัดไว้บนแล็คเหนือหลังคา แค่เพียงคิดแล้วนึกถึงแรงบิดสูงสุดที่ให้มาก็ตระหนักได้เลยว่ามันน้อยไปนิด จริง ๆ
ยิ่งชั่วโทงนี้คนไทยช่างเลือก ดูเหมือน Nissan X Trail ใหม่ในรุ่น 2.0 ลิตร กับเครื่องยนต์ใหม่รหัส MR20DD ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นระบบ Direct injection แล้ว ดูจะมีภาษีมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป โอเค...แรงม้ากับแรงบิดอาจจะน้อยกว่า ยิ่งเมื่อบวกลบแล้วมันน้อยกว่าอยู่ราวๆ 27 แรงม้า และแรงบิดก็น้อยกว่า 33 นิวตันเมตรเท่านั้น
แต่กลับกันในการที่จะซื้อเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ระหว่างรุ่นท๊อปด้วยกัน กลับมีราคาแตกต่างกัน 226,000 บาท แต่ที่เพิ่มมามีเพียง หลังคา Panoramic Roof และถุงลมนิรภัยทางด้านข้าง Side AirBag ท้ายสุดก็แค่จุเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ก็คงดุจะไม่ใช่ตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่มองหาในประเด็นดังกล่าวในรถยนต์ Nissan Xtrail ยิ่งถ้าคุณรู้ว่ามันมีแรงม้าและแรงบิดต่างกันเพียงนิดเดียว ส่วนตัวว่าก็น่าจะไปปรับสมรรถนะเครื่องยนต์มากกว่านี้อีกหน่อยน่าจะดีกว่านี้ได้อีก
ระหว่างการเดินทางผมค่อนข้างใช้ความเร็วสูงเล็กน้อยรีบฮ่อกลับกทม. เพราะไม่อยากเจอรถติดแถวรังสิต โดยความเร็วที่ใช้อยู่แถว 110-130 ก.ม./ช.ม. แล้วแต่สภาพการจราจร แต่เมื่อมองรอบเครื่องยนต์ไปแล้วถือว่า Nissan Xtrail 2.5 นี้ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำมากที่ตำแหน่งเกียร์ 7 ในระหว่างการเดินทางที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. เหลียวมองอย่างไว เรารอบเครื่องยนต์อยู่เพียง 1900 รอบต่อนาทีเท่านั้น และที่ความเร็ว 100 ก.ม. จะใช้อยู่เพียง 1600 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง
ที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันคงไม่พ้นระบบกันสะเทือนที่เซทออกมาได้อย่างลงตัว คุณจะรู้สึกถึงความเบาในระหว่างการขับขี่แต่ยังมั่นใจได้ในสไตล์ของความสปอร์ตในตัวรถยนต์ Nissan Xtrail
ความรู้สึกเดียวกันนี้ผมแอบกระซับถามทีมวิศวกรว่าทำไม พวกถึงเซทรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีความพรีเมี่ยมราคาระดับล้านกลางๆ ให้มีความรู้สึกช่วงล่างออกไปในทางปราดเปรียวคล่องตัว จนมันทำให้เราหวนนึกถึงรถยนต์ Nissan juke น้องชายของมัน แม้ว่าการเซทระบบกันสะเทือนจะความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ด้วย Nissan XTrail ออกมาด้วยระบบกันสะเทือนในแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้าและด้านหลังเลือกใช้แบบมัลติลิงค์ แน่นอนว่ามันให้สัมผัสที่สบายกว่าในโดยสาร
เราได้รับคำตอบจากทีมวิศวกรว่า แม้จะเป็นรถหรูแต่พวกเขาก็ต้องการให้ขับสนุก ไม่ว่าท่านผู้ชายจะขับไปทำงานหรือคุณผู้หญิงจะขับไปรับลูกมันก็ลงตัวในทุกความต้องการในการขับขี่
ส่วนตัวพวงมาลัยเองก็ให้ความมั่นใจมาก ถ้าให้พูดมันเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีระยะฟรีพวงมาลัยน้อยที่สุดในรถยนต์กลุ่มเดียวกัน ความจริงมันให้สัมผัสในเรื่องของน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ตึงมือกำลังพอดีอาจจะแอบเบาไปนิดสำหรับท่านชายหลายคน แต่ผมว่ามันจะลงตัวกับผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังหวัดไกลได้อย่างคมเกินคาด จนแอบสงสัยว่านี่ไปยึดเอาแร็คพวงมาลัยของ 370 Z มาใช้หรือเปล่า โดยเฉพาะจังหวะที่คุณต้องมุด ซึ่งเรามีโอกาสได้ลองระหว่างที่การจราจรคับคั่ง คุณไม่ต้องพะวงอะไรมากมาย พวงมาลัยมีอัตราทดในระดับที่เยี่ยม จนเบ้พวงมาลัยไม่เคยเกิน 1 ใน 4 ของรอบวงและเมื่อรวมกับพละกำลังของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เจ้ารถยนต์ Nissan Xtrail ใหม่ ก็เปี่ยมด้วยความลงตัว
แถมเจ้าเครื่องยนต์บล็อกนี้ยังมีดีเรื่องของการทำความเร็ว ระหว่างทางบนโทล์เวย์เมื่อตรงยาวรถว่างๆ เราลองเหยียบจากความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม.ไปยันความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ขนาดไปไม่สุด เหยียบไม่มิดถนนหมด พร้อมผู้โดยสารสามคน ยังได้ 200 ก.ม./ช.ม. ท่ามกลางยามกลางวันแสกๆ นี่แหละ .. และท้ายสุดขับโหดเฆี่ยนเสียขนาดนี้จบลงมาเรายังได้อัตราประหยัด 12.8 ก.ม./ลิตรเลยทีเดียว
สรุป ดีทุกอย่าง แต่ยังไม่เพอร์เฟค
สมบูรณ์แบบ...ถามว่าคุณนิยามรถยนต์ที่มีความลงตัวในทุกด้านอย่างไร แน่นอนว่า Nissan Xtrail ค่อนข้างจะตอบทุกโจทย์ลงตัวมากพอสมควร จนอาจจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เราติน้อยที่สุดในการขับทดสอบเลยก็ว่าได้
แม้ว่าหลายปัจจัยในการพัฒนาจะทำให้รถยนต์คันนี้เป็นรถที่มีภาษีมากที่สุดในค่าย Nissan จนถึงตอนนี้มันมียอดจองเข้ามาแล้วกว่า 3,000 คัน แต่กระนั้นก็อาจจะยังต้องมีการปรับปรุงบางส่วนต่อไปที่เราคาดหวังว่าน่าจะได้เห็นในอนาคต
สิ่งแรกที่เรารับไม่ได้เลยคือการตบแต่งภายในห้องโดยสาร ด้วยพลาสติกที่ทำออกมาเหมือนคาร์บอนไฟเบอร์ ในทั้งส่วนของแผงประตูและที่คอนโซลหน้า...ตรงนี้ผมยอมรับนะว่าไอเดียดีมากๆ แต่ว่าลายคาร์บอนเคฟลาร์ที่ทำออกมาไม่เพียงดูแล้วเฟคๆ แต่มันดูเหมือนสติกเกอร์ราคาถูกจนรู้สึกว่า .เอ้ย!! นี่รถราคาล้านกว่าบาทเชียวนะ ทำชิ้นงานแบบนี้ได้ไง ...ซึ่งความจริงแล้วถ้าไหนๆจะทำนะ ...ก็เอาคาร์บอนไฟเบอร์เคฟล่าร์แท้มาลงเลยดีกว่าไหม น่าจะดูลงตัวกว่าเยอะ ถึงแม้ราคามันอาจจะแพงแต่ไอที่ตบแต่งก็มีไม่เยอะมากมาย
หรือถ้าคิดว่าแพงไปทำมันให้เป็น Piano Black แบบหน้ากากตรงวิทยุก็ยังจะดูดีเสียกว่า หรือจะเอาแบบที่นิสสันชอบทำ นำเสนอลายไม้ มีสีเทาในเทียน่านี่เอามาสิ ตรงนี้ก็น่าจะเยี่ยมไม่น้อย
ส่วนเบาะหลังเองก็อยากให้มันเป็นหลุมในส่วนของที่รองนั่งลงไปสักหน่อย ก็จะช่วยซัพพอร์ทในการนั่งได้เยอะ แม้ต้องยอมรับว่าคนนั่งตรงกลางอาจจะไม่สบายบ้างก็ตามที
และท้ายสุดในส่วนของเครื่องยนต์ QR25DE นั้นก็น่าจะปรับกำลังแรงบิดเพิ่มอีกหน่อยก็น่าจะดีกว่านี้ โดยเฉพาะที่น่าเป็นห่วงก็ไม่พ้นเรื่องของแรงบิด ซึ่งจะมีผลต่อการเดินทางโดยเฉพาะในยามที่ขึ้นเขาลงห้วย ... ลักษณะการใช้งานที่นั่งโดยสารเต็มเอาไปเที่ยว เชื่อเลยว่าเราจะได้เห็นใน Nissan Xtrail
อย่างไรก็ดีถ้าจะกล่าวถึงเรื่องของการทำพละกำลังแล้วไหนๆ ก็ไหนๆ อยากออกไอเดียให้นำเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาซึ่งในยุโรปมีวางจำหน่ายกับเครื่องยนต์ R9M ต้นกำลังขนาด 1.6 ลิตรพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ ซึ่งให้กำลัง 130 แรงม้า แต่ให้แรงบิดสูงถึง 320 นิวตันเมตร น่าจะสามารถตอบสนองลูกค้าหลายกลุ่มได้ ยิ่งในตลาดตอนนี้คู่แข่งเองก็มีการเอารถเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาประจำการในรถยนต์อเนกประสงค์ ก็น่าจะเป็นอีกโจทย์ที่ต้องกลับไปมอง
ภาพรวมของ Nisan Xtrail ใหม่ เป็นรถคันแรกที่ใกล้เคียงคำว่า “สมบูรณ์แบบ” มากที่สุดในอเนกประสงค์ มันขับสนุก มันปลอดภัย มันเร้าใจ ทั้งยังสะดวกสบายและทันสมัย แถมถ้าคิดว่าครบขนาดนี้ราคาจะแพง ก็คงต้องคิดใหม่ เพราะอย่างรุ่นที่เราขับซึ่งเป็นรุ่นท๊อป ราคาก็แค่ล้านห้าแสนบาทเท่านั้น
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ Nissan X Trail ใหม่
รถทดสอบ Nissan X Trail 2.5V 4WD
ราคาจำหน่าย 1,551,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> ความสะดวกสบายในการเดินทาง การโดยสาร และเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดี รวมถึงระบบช่วงล่างและระบบช่วยในการขับขี่ที่ทำให้รถคันนี้รู้สึกได้ถึงความปลอดภัย
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ลายคาร์บอนเคฟล่าร์ที่ดูราคาถูกไป และเบาะหลังที่ราบเกินไปในการโดยสาร
สิ่งที่อยากให้มี >> ลองพิจารณาการนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาจำหน่าย รวมถึงแรงขนาดนี้จัดทำ Nismo มาขายสักรุ่นดีไหมครับ Nissan
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> เป็นอีกหนึ่งรถที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังในการคบหา แม้มันจะยังขาดบาองย่างในตัวบ้างก็ตาม แต่เกือบทั้งหมดเมื่อนั่งบนหลังพวงมาลัยเชื่อเลยว่าคุณจะรักมัน ..และคิดว่าคุ้มที่สุดแล้วที่เสียงเงินซื้อมาใช้
สิ่งที่ยังไม่ได้ทำการทดสอบ >> เรายังไม่ได้ขับรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และยังไม่ได้ลองทดสอบโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อของ Nissan Xtrail ใหม่
รายงานการทดสอบ
การทำงานของเครื่องยนต์ Nissan Xtrail 2.5 V 4WD
ความเร็วที่เดินทาง (ก.ม./ช.ม.) |
การทำงานของรอบเครื่องยนต์ โดยประมาณ |
90 |
1450 |
100 |
1600 |
110 |
1750 |
120 |
1900 |
ความเร็วสูงสุดในระหว่างการเดินทาง 200 ก.ม./ช.ม. (บนโทลล์เวย์)
ความประหยัดเฉลี่ยจากการขับทดสอบ 12.8 ก.ม./ลิตร
(สภาวะการขับขี่ อากาศปกติ พร้อมผู้โดยสารสามคน และใช้ความเร็ว 110-120 ก.ม./ช.ม. รวมถึงทำความเร็วสูงสุด 1 ครั้ง )
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1102]