Hands On : All-New Mitsubishi Triton ความเชื่อเดิมๆ เปลี่ยนไปเมื่อเจอคันนี้

  • โดย : สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม
  • 9 ม.ค. 58 00:00
  • 34,130 อ่าน

All-New Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะ เจน 5 จากค่าย ทรีไดมอนด์ พร้อมที่จะเปลี่ยนความเชื่อเดิมๆของคุณ ทั้งดีไซน์ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง โดยพิสูจน์จากการทดสอบเส้นทางกรุงเทพฯ-จันทบุรี 285 กม.



เรื่องและขับทดสอบ โดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (Taey)

รถกระบะในยุคนี้ช่างแตกต่างจากสมัยก่อน 20-30 ปี ทั้งในเรื่องการใช้งาน ความคงทน ความสะดวกสบาย รถกระบะยุคนี้นอกจากจะใช้ในงานขนส่ง บรรทุกสินค้าจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งนั้น ยังสามารถใช้แทนรถเก๋งได้เพราะความสบายต่างๆที่เคยใช้ในรถยนต์มาจุติลงในกระบะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางทีอาจล้ำกว่ารถเก๋งด้วยซ้ำ

Mitsubishi ก็เช่นกัน เมื่อรถกระบะในค่ายอย่าง Triton ถึงปลายอายุและคู่แข่งแต่ละค่ายเริ่มเปิดตัวแบบใหม่หมดเมื่อ 2-4 ปีที่ผ่านมา ALL-New Triton จึงออกมาเพื่อลงสนามรถกระบะ อย่างเต็มภาคภูมิ โดยประเทศไทยเป็นที่แรกของโลกที่เปิดตัว

             

แต่ว่า Mitsubishi เลือกจะเปิดตัวรุ่น 4 ประตูก่อน มีให้เลือกทั้งรุ่นยกสูงPLUS และรุ่นขับสี่ 4X4 ส่วนรุ่นที่เหลืออย่าง 4 ประตูตัวเตี้ย,แค็ปตัวเตี้ย ยกสูงPLUS และ ตอนเดียว ตัวเตี้ยและรุ่นขับสี่ 178 แรงม้า จะเปิดตัวอีกทีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้

เมื่อมายืนต่อหน้ารถ All-New Triton ถึงการออกแบบได้รับอิทธิพลจากรถต้นแบบ รุ่น GR-PHEV ทำให้ดูมีเสน่ห์โดยเฉพาะ ไฟหน้า Projector แบบ HID พร้อมไฟ Daylight ที่อยู่ในโคมเดียวกันพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมคู่หน้าโดยมีกระจังหน้าโครเมี่ยมทั้งชิ้นรับกับกันชนหน้าอย่างเข้ารูปและดุดันได้ในระดับหนึ่งพร้อมเสาอากาศวิทยุตรงหน้าหลังคารถ

ด้านข้างยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะ 4 ประตูที่เส้นสายของ J-Line ออกแบบช่องไฟระหว่างด้านหลังตัวรถและแนวกระบะเป็นแนวทางเดียวกันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ตัวกระบะจะยื่นออกมานิดนึงทำให้ดูขัดๆไปบ้าง คิ้วขอบล้อ หรือ Over Fender ยังเป็นพลาสติกขึ้นรูปครอบเข้าบังโคลนล้อเหตุผลที่เป็นแบบนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นชิ้นใหม่ได้และลดเวลาในการซ่อมตัวถังรถ ล้อแม็กซ์ลาย 12 Spoke ดีไซน์ลงตัวขนาด 17 นิ้วพร้อมยางจาก Dunlop Grandtrek  AT 20  ขนาด 245/65/ R17

               

ด้านท้ายดูดีกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นๆ ทั้งชุดไฟท้ายแบบสปอร์ตดีไซน์แบบรูปตัว L คว่ำ กันชนท้ายที่ไม่มีแผ่นสะท้อนแสง ชุดเปิดประตูท้ายที่เมื่อก่อนเคยอยู่ในชุดเดียวกันกับไฟเบรคดวงที่ 3 ก็แยกออกจากกัน ดูเรียบร้อยขึ้น แต่ข้างๆที่เปิดประตูท้ายก็มีกล้องมองหลังขณะถอยจอดให้ ซึ่งถ้าจะให้ดีน่าจะทำแบบ Built-In เข้ารูปที่จุดใดจุดหนึ่งจะดูดีกว่า

     

เปิดประตูรถได้สะดวกขึ้นจากุญแจ KOS โดยแค่กดปุ่มสีดำเล็กๆจากก้านที่เปิดประตูก็สามารถปลดล็อคได้สบายๆ พอก้าวเข้ามานั่งในห้องโดยสาร เริ่มจากเบาะนั่งทำจากวัสดุกึ่งหนังแท้ปรับระดับได้ 8 ทิศทาง ด้วยระบบธรรมดาในรุ่นยกสูง Plus และปรับไฟฟ้าในรุ่น 4X4 เมื่อนั่งเบาะหน้าตรงคนขับโอบกระชับขึ้นกว่าเดิมไม่อึดอัดเพราะตัวโครงสร้างเบาะมีขนาดใหญ่ขึ้นเบาะหลังยังเป็นจุดเด่นที่นั่งสบายสุดในอันดับต้นๆ พร้อมที่วางแขนและที่วางแก้วน้ำในตัว

              

แผงคอนโซลออกแบบใหม่หมดจัดวางฟังก์ชั่นการทำงานได้สะดวกไม่ว่า เครื่องเล่น DVD-Navi เครื่องปรับอากาศ Dual-Zone แยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องเสียบ USB กล่องคอนโซลกลางเปิดได้สองขั้น โดยชั้นล่างสุดจะเป็นที่สิงสถิตของช่องจ่ายไฟเสริม พร้อมขอบกล่องคอนโซลมีช่องเล็กๆเป็นรูปตัว U สำหรับวางสายชาร์จโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้สายชาร์จโดนกล่องคอนโซลทับจนสายเสียหาย

พวงมาลัยหุ้มหนังสามก้านพร้อม Multi-Function ควบคุมการทำงานของเครื่องเล่น DVD ในด้านซ้ายและปุ่ม Cruise Control ในด้านขวาแต่เฉพาะรุ่น เกียร์ Auto ซึ่งดีไซน์ของพวงมาลัยและแผงคอนโซลเกียร์ดูคุ้นตาซะหน่อยก็เพราะยกชุดมาจากECO Car ร่วมชายคาเดียวกันอย่าง
Attrage / Mirage นั่นเอง

             

การเก็บเสียงในช่วงความเร็ว 80-120 กม./ชม. เก็บเสียงได้ดีเยี่ยม แต่พอเข้า 130 กม.เป็นต้นไปก็มีเสียงลมเข้ามาปะทะบ้างนิดหน่อย เพราะทาง Mitsubishi ได้เพิ่มอุปกรณ์ดูดซับเสียงตามจุดต่างๆในห้องโดยสาร ที่ บริเวณคอนโซลหน้าและคอนโซลกลาง พื้นที่ภายในห้องดดยสาร พื้นที่ใต้ห้องโดยสารบริเวณฐานเกียร์ และที่ห้องเครื่องยนต์ บังโคลนหน้ารถ

             

เมื่อเปิดฝากระโปรง All-New Triton แล้ว คุณจะพบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เครื่อง Diesel Common-Rail VG Turbo.ใหม่ขนาด 2.4 ลิตร รหัสใหม่ 4N15 พร้อมระบบวาลว์แปรผัน Mivec ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้ง มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ Auto 5 สปีดพร้อมโหมด +/-  

เส้นทางที่ทดลองขับตลอด 2 วัน 1 คืนเป็นเส้นทาง กรุงเทพฯ-จันทบุรี โดยขับรุ่นยกสูง PLUS ทั้งเกียร์ออโต้และธรรมดาโดยวันแรกขับรุ่นเกียร์ออโต้ โดยผมเป็นไม้สอง ขับตั้งแต่จุดพักรถ ศูนย์บริการทางหลวง ตรง MotorWay-ที่พักเมืองจันทบุรี อัตราเร่งทำได้ดีมาก รอบมาไว ตั้งแต่ 2,500-4,500 รอบต่อนาที ถ้าเทียบกับบรรดาคู่แข่งในตอนนี้ ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

            

สำหรับเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ขับมาตั้งแต่ ออฟฟิศใหญ่ของ Mitsubishi ที่คลองหลวง ถึง ปั้มน้ำมัน ปตท.แกลง จ.ระยอง  โดยขับมารวม 230.9 กม แม้จะเปลี่ยนคนขับ โดยเติมกลับคืนถังไป 22.273 ลิตร ทำได้ 10.36 กม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในต่างจังหวัดโดยใช้ความเร็วเฉลี่ย 120 กม.แถมเป็นเกียร์ออโต้ 5 สปีด

พอวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นขากลับเข้ากรุงเทพฯ เปลี่ยนมาขับรุ่นยกสูง Plus เกียร์ธรรมดา 6 สปีด หลังจากสลับคนขับ มาเป็นผมอีกครั้งเหมือนขาไป ขับตั้งแต่ศูนย์บริการทางหลวง-ออฟฟิศ Mitsubishi คลองหลวง การใช้งานของเกียร์รุ่นนี้ ถึงเซ็ตอัตราทดเกียร์ให้เปลี่ยนเกียร์สั้นลง ช่วงเกียร์ 1-4 แรก ยอมรับว่าเปลี่ยนเกียร์ได้สนุกขึ้น มันส์ขึ้น แต่พอเปลี่ยนมาที่เกียร์ 5-6 ต้องใช้รอบ1,500-2,000 รอบ/นาทีในความเร็ว 100-120 กม./ชม. ถึงจะดีที่สุดและช่วยให้รอบเครื่องยนต์ไม่ทำงานหนักขึ้น สำหรับคลัตช์ของเกียร์ชุดนี้ ตอนออกตัวด้วยเกียร์ 1 ต้องค่อยๆปล่อยแล้วจึงเหยียบคันเร่งตาม เพราะคลัตช์ชุดนี้ไวมาก  โดยความเร็วสูงสุดของเกียร์ธรรมดาทำได้ 178 กม./ชม. ที่ 2,800 รอบ/นาที

ระบบพวงมาลัยของ All-New Triton เป็นแร็คแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์แบบน้ำมัน รัศมีวงเลี้ยวที่แคบ 5.9 เมตร โดยยังเป็นเอกลักษณ์จากรุ่นเดิมที่ตรงที่ควบคุมแม่นยำ น้ำหนักพวงมาลัยกลางๆ ระยะฟรีนิดนึง

                    

ช่วงล่างหน้าแบบปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง เหล็กกันโคลงและหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้ และชั่งโชคดีจริงๆที่ทาง Mitsubishi เลือกเส้นทางหลวงหมายเลข 344 บ้านบึง แกลง ระยอง ใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ปรากฏว่าช่วงล่างรอบรับแรงสะเทือนได้ดีเยี่ยมจริงๆ ถึงเส้นนี้จะเต็มไปด้วยสภาพถนนขุรขระ เป็นหลุมเป็นบ่อก็ตาม


สรุป……ความเชื่อที่มีต่อกระบะคันนี้ ดีขึ้นโดดเด่นขึ้น แต่บางอย่างปรับซักหน่อยก็จะดี

                 

ถึงมิติตัวรถอาจใกล้เคียงกลับรุ่นเดิมนั่นไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เส้นสายการออกแบบ เปลี่ยนแปลงในทางดีขึ้น สปอร์ตขึ้น โดยเฉพาะไฟหน้าที่รวมเอาทั้ง HID Projector Daylight ที่อยู่ในโคมเดียวกัน ดีกว่าบางเจ้าที่เอาโคมไฟหน้ากะ Daylight แยกออกจากกัน กระจังหน้า เอิ่ม!!!! ไมคุณพี่เล่นโครเมี่ยมทั้งชิ้นเลยหละครับ น่าจะเล่นสีสันแบบสีเดียวกับตัวรถผสมโครเมี่ยม ให้ดูดีหรือเอากระจังหน้ารุ่นตอนเดียวของโมเดลใหม่ ออกมาใช้แทนดีกว่าไหม คิ้วขอบล้อก็เช่นกันสมัยนี้รถกระบะเขาทำบังโคลนแบบ Built-In เพียงแต่ Triton ยังเป็นพลาสติกขึ้นรูปติดครอบทับไว้ถึงจะเชยไปหน่อยแต่ก็เผื่อไว้สำหรับพวกที่อยากเปลี่ยนล้อลายใหม่แบบวงล้อขนาด 19 นิ้วขึ้นไป แนวเกินซุ้มล้อนิดนึง เพื่อความเท่ห์ของตัวรถ
 
ภายใน มีจุดเด่นเรื่องเบาะหน้าที่นั่งสบายขึ้นโอบกระชับขึ้นไม่อึดอัด แต่ก้านปรับเลื่อนตัวเบาะของรุ่น ยกสูง PLUS กลับเป็นก้านสั้นๆ ทำให้การปรับเลื่อนเบาะดูขัดๆไม่สะดวก แถมด้านหลังของชุดเบาะหน้ากลับไม่มีช่องใส่เอกสาร ยังดีที่เบาะหลังนั่งสบายๆทั้ง Headroom และ Legroomประหนึ่งนั่งรถเก๋ง พวงมาลัยแบบ Multii-Function กลับไม่มีปุ่มกดรับโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าสำคัญมากๆในการใช้โทรศัพท์ขณะขัรถ เครื่องเล่น DVD-NAVI ให้เสียงที่ค่อนข้างทุ้มเมื่อฟังจากแผ่นซีดีเพลง การทำงานของระบบเนวี่ ค่อนข้างแม่นยำในการค้นหาสถานที่ต่างและจุดหมายปลายทาง

เครื่องยนต์ที่ปรับสมรรถนะ แรงขึ้นรอบมาไวขึ้นจากรุ่นเดิม การทำงานของเกียร์ออโต้ที่สบายและสนุกขึ้น เกียร์ธรรมดาที่สนุกไม่แพ้กับเกียร์ออโต้แถมเปลี่ยนเกียร์ช่วงเกียร์ต้นๆ สั้นลงในเวลารวดเร็วช่วงล่างที่นุ่ม หนึบ รองรับแรงกระแทกในย่านความเร็วสูง ระบบเบรกทำงานดีขึ้นกว่าเก่า เมื่อเหยียบแป้นเบรกไปแล้ว 30 % เบรกทันใจขึ้น ส่วนนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นอันดับต้นๆเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้วยกัน

                 

ความเชื่อที่มีต่อ All-New Triton คันนี้ ทำให้เปลี่ยนความหมายเดิมๆของรถกระบะ ไปอย่างโดยสิ้นเชิง มีทั้งความทันสมัยและความเชยผสมกันของตัวรถ ห้องโดยสารด้านหลัง เครื่องยนต์ ช่วงล่าง การเก็บเสียง เบรค เป็นจุดแข็ง ที่ทาง Mitsubishi ทำการบ้านได้อย่างดีจริงๆ ถ้าอยากสัมผัสกับกระบะคันนี้แบบเต็มๆ ยังมี Deft Drive Full Test All-New Triton PLUS GLS NAVI M/T ให้อ่านกันด้วย

ราคา All-New Mitsubishi Triton Double Cab

รุ่น Double Cab 4WD
– 2.4 GLS LTD Mivec  5 Auto  ราคา  1,008,000.-
– 2.4 GLS LTD Mivec             ราคา    950,000.-
– 2.4 GLS Mivec                    ราคา    837,000.-

รุ่น Double Cab PLUS
– 2.4 GLS Navi Mivec  5 Auto   ราคา    925,000.-
– 2.4 GLS Navi Mivec              ราคา     881,000.-
– 2.4 GLS Mivec  5 Auto          ราคา     882,000.-
– 2.4 GLS Mivec                     ราคา     838,000.-
– 2.4 GLX Mivec                     ราคา     791,000.-
– 2.4 GLS Gasoline                 ราคา     791,000.-

             

เรื่องและขับทดสอบ โดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (Taey)

ขอบคุณ บจก.มิตซูบิชิมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน  autodeft.com เข้าร่วมทดสอบ All-New Triton                   

                  


ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY1006]

5 เรื่องน่าสนใจ