Hands on : Mazda 3 แตกต่างกว่าที่คาด มีสไตล์กว่าที่คิด

มาแล้วก่อนใคร รีวิวรถยนต์ที่หลายคนรอคอยกับคอมแพ็คคาร์กระแสแรง All New Mazda 3 ใหม่ ขับแล้วเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลย

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

 

การจะหารถยนต์ดีๆในตลาดสักคัน ในทุกวันนี้ที่ตลาดมีการแข่งขัน  เราคงต้องยอมรับว่า รถที่ดีอาจจะมีราคาแพงและรถที่ใช่อาจจะไม่สามารถเอื้อมถึง แต่ถ้าทุกอย่างสามารถบรรจบลงตัวกันได้ คิดว่ามันจะน่าสนใจมากแค่ไหน

ตั้งแต่เปิดตัวออกมา  Mazda 3  เป็นรถที่มาแรงในด้านความสนใจของผู้บริโภค และต้องยอมรับครับว่ามันมาถึงเมืองไทยเร็วว่าที่คิด ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องยกประโยชน์ให้ทีมการตลาด  Mazda  เขาไป  และด้วยความสดใหม่ ทั้งเส้นสายการออกแบบที่ดียิ่งขึ้นในดีเอ็นเอ  KODO Design  ที่สะดุดตาคนทั่วไปได้ง่าย โฉบเฉี่ยวกว่าที่เคยและ เทคโนโลยีใหม่ๆ Sky Activ Technology  ที่เข้ามาตอบโจทย์ยิ่งขึ้นในการขับขี่ ก็ทำให้  Mazda  3  มาสะกดใจใครหลายๆ คน

ยอดจองที่พรั่งพรูมาตั้งแต่ช่วงเปิดตัวออกมา ที่ดังแบบพลุแตก จวบจนที่ Mazda  โชว์  Mazda 3  ใหม่ อีกครั้งในงาน มอเตอร์โชว์  2014  ที่ผ่านมา เชื่อเลยว่าหลายคนคงอยากจะจับจองเป็นเจ้าของมันไม่มากก็น้อย

เส้นสายการออกแบบใหม่ของ  Mazda 3  ภายใต้ DNA Kodo design อาจจะไม่ใช่ของใหม่ เมื่อนับว่าเราเคยเห็นมันมาก่อนในรถยนต์  MAZDA CX5  รถอเนกประสงค์ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้ต้องพูดตามตรงว่ามันคืออะไร ที่ใช่ เพราะเส้นสายจิตวิญญาณความเคลื่อนไหว ถูกหมกในความสปอร์ตมากขึ้น และนี่คือรถที่คนซื้อหรือจับจองเป็นเจ้าของ เป็นผู้เลือกและขับขี่ด้วยตัวเอง แถมส่วนใหญ่ก็มักเป็นรถใช้งานประจำ

ก็ไม่น่าแปลกใจนักที่ความสวยงามของเส้นสายการออกแบบ นั้นจะสะกดใจได้ดั่งมีเวทมนต์ ด้านหน้าให้สไตล์การออกแบบที่มีความลงตัวด้วย รายละเอียดกระจังหน้าขนาดใหญ่ ทรวดทรง  5  เหลี่ยมและ กริลสีดำ เพิ่มความสปอร์ตของตัวรถอย่างชัดเจน รวมถึงการออกแบบไฟหน้าที่ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถ้ามองด้านหน้าตรงๆ จะให้ความรู้สึกว่า รถ Mazda 3  จ้องมองคุณอยู่ มันประจันหน้าเหมือนเสือที่ดุร้ายพร้อมขย้ำคุณ

และเมื่อมองทางด้านข้างเป็นต้นมา โป่งล้อหน้าก็ให้รายละเอียดของความมีกล้าม เหมือนรถมีโป่งกว้าง ซึ่งบอกถึงความลงตัวในการให้ความสปอร์ต ต่อเนื่องผ่านประตู เช่นเดียวกับโป่งล้อหลัง ส่วนด้านหลังตอบความทันสมัย ด้วยไฟท้ายที่ดูคล้ายกับ ตาหุ่นยนต์ Auto Bot  แต่ในสายตาของผม ถ้าเทียบระหว่างรถ Mazda 3  รุ่น   4  และ 5  ประตู  จะพบว่า มัน ลงตัวกว่าในตัวซีดาน อาจจะเพราะเส้นสายของฝากระโปรงหลังช่วยให้มันมีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นของไฟท้าย

แต่ในตัว  5  ประตู ก็ดูดีเช่นกัน และมันคล้ายรถไฮบริดหรูบางรุ่นด้วยซ้ำไป ซึ่งวันนี้ที่ขับในรุ่นท๊อปสุด เราได้สัมผัสกับล้ออัลลอย ขอบ   18 นิ้ว   พร้อมยาง   215 /45/R18  ตอบเรื่องความลงตัวในความสปอร์ต

กุญแจทรงเรียวคล้ายแท่งขนมเวเฟอร์ ทำให้เราสามารถก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ  Mazda  ได้ง่ายขึ้น ที่ต้อนรับด้วยการออกแบบให้มีความสปอร์ตทันสมัย  ตั้งแต่แรกสัมผัส เบาะนั่งทุกรุ่นปรับอัตโนมือตามใจฉัน เน้นความรู้สึกสปอร์ต ในรุ่นท็อปให้เบาะโทนขายสลับดำ ที่เรียกว่า off white leather  ความเห็นเราคือ รู้สึกว่ามันดูขัดๆ เพราะ ไปทางหรูมากกว่า ทว่าเมื่อเบาะเป็นสีดำกลับเย็บด้วยด้ายแดง  ที่ดูลงตัวกว่าอย่างชัดเจน

คอนโซลให้รายละเอียดที่มุ่งเน้นในเรื่องการตบแต่งที่ดูทันสมัยผนวกในกลิ่นอายความหรูถอดมาจากรถยุโรปที่สามารถสัมผัสได้ รายละเอียดในส่วนคอนโซลหน้า ถูกทำให้ดูมีความลงตัวการตบแต่งตัดด้วยวัสดุสีเงินที่ตัดลงตัวกับสีดำ

ตรงหน้าคนขับมาพร้อมชุดไมล์พื้นโทนเทาผสานการออกแบบที่ดูมีความทันสมัย วัดรอบเครื่องยนต์เป็นแบบอนาล็อกลงตัวแบบความคลาสสิคของสไตล์คนรักความเร็ว เรื่องความเร็วที่ใช้เป็นหน้าที่ของระบบแสดงผลดิจิตอล เช่นเดียวกับหลายๆอย่างที่ดูมีความลงตัวในสไตล์โมโนโทน ด้านชวา บอกเรื่องการแสดงข้อมูลต่าง เช่น อัตราการซดน้ำมัน ส่วนด้านซ้าย บอกเรื่องของตำแหน่งเกียร์เป็นสำคัญ และแน่นอนว่าตรงหน้า จะได้รับจอแสดงสุดทันสมัย ที่บ่งบอกด้วยชุดจออะคริลิค ดูคล้ายขับเคลื่อนบินแปลกตาดี

ตรงกลางแนะนำระบบ MZD Connect  ให้การเชื่อมต่อเพื่อความบันเทิงอย่างครบครัน การจัดวางดูแปลกเล็กน้อยเมื่อ มันเป็นหน้าแบบ  Tablet  วางแปะไว้ตรงกลาง ทำงานในระบบสัมผัส หรือถ้าไม่ถนัดจะใช้การทำงานผ่านระบบ  Center Command  ใช้งานง่ายได้ทั้งหมุน ทั้งผลัก ทั้งจิ้ม ตามแต่ใจปรารถนา 

โดยในระบบความบันเทิงนี้  สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง  Bluetooth  หรือ จะเลือกอ่านผ่าน USB  ที่ซุกไว้ในคอนโซลกลาง  รวมถึง มันยังเป็นหน่วยในการควบคุมสั่งการระบบบางส่วนในรถ  Mazda  3 อีกด้วย

ถ้ามองว่านี่เป็นความทันสมัยในการการออกแบบก็ใช้ ซึ่งเราอยากจะแนะว่า ถ้าจะทำจอให้ยื่นออกมาแบบนี้ น่าจะทำให้มันเป็น  tablet  ตัว เล็กที่เจ้าของ  Mazda 3  สามารถพกพาไปได้เลย ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย ส่วนถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ไม่เน้นความหวือ หวา และช่องใส่ DVD  ที่ซ่อนใต้ล่างก็ดูจะแหกกฎบางข้อไป

เบาะนั่งออกแบบมาให้กระชับลงตัวรู้สึกถึงความสปอร์ตได้ตั้งแต่หย่อนตูด ปีกด้านข้างที่พนักผิงช่วยโอบกระชับบอกนัยยะสปอร์ต ยิ่งตรงหน้ามีพวงมาลัยขนาดกำลังเหมาะมือไม่ใหญ่ทะเล่อเต้อเกินไป ก็ยิ่งชัดเจนว่า Mazda 3  พยายามเติมจุดนี้มาตอบโจทย์ แต่เมื่อเหลียวไปข้างหลัง มีแอบงงเล็กน้อย ด้วยโพรงตรงกลางทอดยาวผ่านไปใต้เบาะนั่งตอนหลัง ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจุบัน ด้วยการวิศวกรรมรถใหม่ๆ ที่ดีขึ้น กอปรกับรถหลายรุ่นไม่ได้เป็นแพลทฟอร์มขับเคลื่อนล้อหลังที่ต้องต้องมีเพลาขับจากชุดเกียร์ไปปั่นเฟืองท้ายที่ด้านหลัง ทำให้คู่แข่งหลายเจ้ามาพร้อมกับพื้นห้องโดยสารเรียบแป้ว ใช้ในการโดยสารสะดวกมากขึ้น

เมื่อถามความตรงจาก  Mazda  ก็ได้ความว่า โพรงตรงกลางนี้ไม่ใช่โพรงเพลาขับ ..ก็แหงแซะ ...แต่มันเป็นโพรงท่อเสียบ ที่เก็บขึ้นมาจากด้านล่างเพื่อลดลมหมุนวนใต้ท้อง แม้จะฟังดูมีเหตุแต่ก็ต้องยอมรับว่าแปลก หากเมื่อก้มลงดูใต้ท้อง ก็เข้าใจทันที เพราะท่อไอเสียนั้นใหญ่มาพอสมควร น่าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้วได้ แต่ก็ไม่ได้มีแผ่นบังลมแต่อย่างใด เพียงแค่ยกมันขึ้นมาเพื่อไม่ให้ห้อยเต่อลงไปด้านล่างก็เท่านั้น

การมีโพรงตรงนี้ทำให้ เกิดข้างกังขาเรื่องการโดยสารใน Mazda 3  ซึ่งระหว่างทาง ก่อนที่จะขับขี่ก็ลองไปเป็นคุณชาย นั่งที่เบาะหลังฝั่งคนขับก็ได้คำตอบชัดเจนเลยว่า เจ้า Mazda 3  ใหม่ยังคงตัวตนเรื่องระยะวางขา และ ระยะเข่าที่ค่อนข้างประชิดเบาะหน้า ในตำแหน่งท่านั่งปกติที่ออกแนวแคบไปนิด เมื่อพูดคำว่า คอมแพ็คคาร์ และเช่นเดียวกันดูเหมือนทีมวิศวกร พยายามเซทให้รถนั่งได้พอดี  4  คนมากกว่า อาจจะเพราะเรื่องสมดุลในการเดินทางและไม่บรรทุกภาระน้ำหนักมากเกินไป ของเครื่องยนต์ รวมถึงยาง ซึ่งเมื่อเป็นยางสปอร์ตแก้มบางจะมารับศึกหนักขนสาวๆ ชุดใหญ่หลาย ก็คงจะยากอยู่ และค่อนข้างเสี่ยงอันตรายขณะเดินทางด้วยเช่นกัน

ไฮไลท์สำคัญใน 2014 Mazda 3  ในงวดนี้คงยกเป็นอะไรอื่นไม่ได้ นอกจากการท้าดวล เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร  Skyactiv G  ลงทำตลาดบล็อกเดียวในรถยนต์รุ่นนี้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจเด็ดขาดที่อาจจะว่าแปลก แต่กลับให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้บริโภค

ก่อนหน้านี้มีคนมาถามเรื่องเครื่องยนต์  Sky Activ G  2.0 ค่อนข้างมาก อาจจะเพราะเราเคยผ่านฝีเท้ามาแล้วกับ  Mazda CX-5  ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน ซึ่งใน Mazda 3  ใหม่นี้ ก็ไม่ได้ปรับจูนเรื่องกำลังอะไรเพิ่มเติม ยังคงให้กำลังสูงสุด 165  แรงม้า ที่  6,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด   210   นิวตันเมตรที่   4,000 รอบต่อนาที

หากแต่การปรับเปลี่ยนนั้นมาอยู่ที่ระบบเกียร์  sky Activ Drive  ที่ยังคงมาดมั่นว่าจะมีแต่เกียร์อัตโนมัติให้เลือกพร้อมแม่นวลโหมด  Activematic ให้ดันขึ้นลงได้เองตามต้องการ และในรุ่นท๊อปแบบนี้ Mazda  เติม Paddle Shift  มาให้คุณได้ฟิตนิ้ว กระดิกเปลี่ยนเกียร์ที่คอพวงมาลัย ให้อารมณ์สปอร์ตมากยิ่งกว่า

แต่เมื่อเทียบกันระหว่างความรู้สึกที่เคยได้เจอมาใน Mazda CX-5  ที่ใช้เครื่องยนต์ Skyactiv 2.0 G เหมือนกันเป๊ะ เมื่อถึงคราวเราได้ลองสัมผัส  Mazda 3  มันกลับให้ความรู้สึกที่ดีกว่า รถดูมีมาดสปอร์ตมากกว่าอย่างชัดเจน อาจจะเพราะ  Mazda 3  มีขนาดที่เล็กลง เมื่อเทียบกับ  Mazda CX-5  ซึ่งคราวนั้น พูดตามตรงเลยว่า แค่พอไปวัดไปวา ทว่าครั้งนี้เหมือนหนังคนละม้วน

รถสามารถให้ความรู้สึกที่ดี ทันที่ฝ่าบาทาสัมผัสแป้นคันเร่ง มันก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นปัจจัยทางด้านน้ำหนักก็มีส่วนสำคัญด้วย  Mazda 3  Hatchback   อย่างที่ได้ขับวันนี้มีพิกัดเพียง   1,297 กิโลกรัม (  Mazda CX-5 2.0 หนัก 1,459 กก. หายไปกว่าเกือบ 200 กก.) และเมื่อกางรายละเอียดทางเทคนิคดูระหว่างจอดพัก มันต่างเพียงสิ่งเดียวที่ชี้ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง Mazda CX-5  และ  Mazda 3  ประกอบขึ้นด้วยสองคำสั้นๆว่า “เฟืองท้าย”

อัตราทดเฟืองท้ายที่ ต่างกันมาก ระหว่าง 4.624  ใน Mazda CX-5  กับ  3.812  ใน Mazda 3  สิ่งทีเกิดขึ้นเป็นความอัศจรรย์ในความรู้สึกการขับขี่ที่ให้ความลงตัวกว่าชัดเจน รถพุ่งดีจนน่าเหลือเชื่อ ถ้าไม่มีใครทักว่านี่มันเครื่องยนต์เดียวกันเลย คงจะคิดเป็นอื่น เพราะตลอดทางมันให้ความสปอร์ตเร้าอารมณ์มาก

แม้ต้องยอมรับว่า แรงม้าของมันจะยังไม่ใช่ตัวเลขมากที่สุดในตลาดรถคอมแพ็คคาร์  2.0 ลิตร แต่การเซทระบบส่งกำลังที่ออกมาดีเว่อเกินคาด ก็ทำให้รถมีความลงตัวมากกว่าจากการส่งกำลังไปสู่ล้อที่ทำออกมาได้ลงตัว ชุดเกียร์ Sky Activ Drive  ค่อนข้างมีความแม่นยำ ให้ความรู้สึกในแรงพุ่งที่ดี แต่ไม่กระด้างและยังนิ่มนวล มันคือการเอาข้อดีของชุดเกียร์อัตโนมัติชั้นนำมารวมกัน

และเช่นกันมันยังตอบความสปอร์ตด้วยการเร่งที่พุ่งพล่าน เมื่อคุณพ้น  3  พันรอบต่อนาทีขึ้นไป เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่แล้วในความรู้สึกที่รถมีแรงเหลือๆ เครื่องยนต์เร่งได้ยันรอบเส้นแดง แต่ไม่ถึงกับดุดันมากมายนัก เพียงแต่ จะไม่มีจังหวะไหนเลยก็ว่าได้ที่รู้สึกว่ารถหมดกำลังหรือ ดูแล้วตันจนไม่สามารถจะทำกำลังได้ดี แต่การเซทแบบนี้ทำให้ช่วงรอบต้นก่อนจะ 3000 รอบต่อนาที รถจะดูแร่งได้อย่างเชื่องช้า แต่วิ่งไหม...วิ่งนะ หากจะไม่เร้าใจเต็มความสปอร์ต จวบจนได้รอบ เท่านั้นแหละกดเป็นมาตลอดเลย

การออกแบบเครื่องยนต์และชุดเกียร์ให้ความรู้สึกแบบนี้มีข้อดีคือว่า ในกรณีที่คุณอยากขับประหยัดก็ทำได้ และเมื่ออยากสปอร์ตเร้าใจก็เพียงลากรอบขึ้นไป เพื่อสนองความรู้สึกทางด้านความเร็วของตัวเองทำง่ายต่อการแยกยะในการใช้งาน ซึ่งเกือบตลอดในช่วงขับขี่  Mazda 3  Hatchback  จากระนองมายังสุราษฏร์ธานี

ด้วยขบวนของเราใช้ความเร็วสูงพอประมาณ การเดินทางด้วยความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ถือว่าปกติมาก และเราขับกันชนิดที่คนธรรมดามักไม่ขับกันยืนพื้นความเร็ว  140  ก.ม./ช.ม. เกือบตลอดทาง  เครื่องยนต์ถูกลากรอบอัพตั้งแต่  3000 รอบต่อนาที เกือบตลอดเวลา ทำให้เราได้ความรู้สึกใหม่ๆเข้ามา

“จินบะ  อิไต” ...ผู้อ่านอย่าคิดว่าผู้เขียนทะลึ่ง เพราะไอคำว่า “อิไต” นี่น่าจะคุ้นหูกันประจำ 555 แต่ว่านี่คือความโดดเด่นที่ผมได้พบว่า Mazda 3  ตอบโจทย์คนที่รักความสปอร์ตได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

วลีนี้ หมายถึงทีเด็ดในเรื่องการทำให้ผู้ขับขี่กับรถมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากที่สุด ซึ่งมาสด้ายึดเอามาเป็นปรัชญาในการออกแบบรถที่พวกเขา พยายามที่จะใส่ความสปอร์ตลงไปใสรถทุกคัน เราขับรถของ  Mazda  มาก็หลายรุ่นพอสมควร แต่นี่คือที่สุดจริงๆ

คันเร่งที่เหยียบลงไปเร้าใจในเครื่องยนต์  Mazda Sky Activ G 2.0 ลิตร แป้น Paddle Shift  ที่วางอยู่ที่หลังพวงมาลัยพร้อมตอบสนองทุกเมื่อที่ต้องการ พวงมาลัยขนาดวงกลมเล็กนิดหน่อยทรงสปอร์ต จับเหมาะมือ เบาะนั่งสปอร์ต ที่วางตำแหน่งให้เตี้ยกว่ารถคอมแพ็คคาร์รุ่นอื่นๆ รวมถึงล้อและยางขอบ 18 นิ้ว ไม่เว้นกระทั่ง Head up Cockpit ทั้งหมดนี้คือปัจจัย ในการผสมผสานความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถที่แท้จริง

ระหว่างขับขี่ความรู้สึกตางจะพรั่งพรูเข้ามารบกวนสมาธิของผู้ขับ โดยเฉพาะ ยิ่งคุณขับเร็วเท่าไร การสนองต่อความรู้สึกต่างๆ ก็เร็วเท่านั้น แต่  Mazda  ทำให้คุณมีสมาธิในการขับขี่มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนกล้าที่จะเดินคันเร่งต่อไป แม้จะใช้ความเร็วแล้วก็ตาม ปัจจัยหลักที่ยอมรับว่ามีส่วนมากคงไม่พ้น ไอเจ้าจอเครื่องบิน  head up Cock Pit  ที่ให้ความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างเรากับรถ  Human Machine interface 

ตัวจอสามารถแสดงผลความเร็วในการเดินทาง เป็นได้ทั้งระบบนำทางบอกทิศทางที่จะไป รวมถึงยังบอกการทำงานของระบบช่วยหยุดอัตโนมัติด้วย แต่มันก็มีข้อจำกัดเล็กน้อยว่า หากรถ  Mazda 3  ของคุณ เป็นรถที่ใช้ 2  มือ ระหว่างคุณและผู้ใช้อีกท่าน เจ้าจอนี้ จะต้องตั้งค่าใหม่ ในตำแหน่งการมองเห็น ทุกครั้งที่ผู้ขับขี่ใหม่ขึ้นขับ เนื่องจากระยะท่านั่งและ ความสูง ช่วงตัวแต่ละคนไม่เท่ากัน การปรับก็เพียงเข้า การตั้งค่าในระบบควบคุมสั่งการในระบบความบันเทิง

การทำให้คนขับมีสมาธินับเป็นเรื่องดีของมาสด้า  3  จริงๆ ยอมรับว่า การขับรถคันนี้ ตอบโจทย์เรื่องของความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จากการออกแบบท่านั่งต่างๆ และช่วยให้ผู้ขับขี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เหลียวมองหน้าปัดเล็กน้อย ที่ความเร็ว  130 ก.ม./ช.ม. บนถนนลาดยางวิ่งมุ่งหน้าผ่าไปทางเขาสก สุราษฏร์ธานี  เราใช้รอบเครื่องเพียง   2500 รอบต่อนาที ซึ่งหมายความว่าที่เกียร์  6  ของ  Mazda 3  ในช่วง 3000 รอบต่อนาที น่าจะเดินได้ถึง  เกือบ 150 ก.ม./ช.ม.

มีทางตรงสั้นๆ ไม่มากนักตรงหน้า เพื่อนคู่หูพล้อยหลับไปแล้ว แม้จะขับด้วยความเร็วสูงพอตัว ฝ่าโค้งแปลกๆก็มากมาย ช่วงล่าง ที่ผ่านการวิศวกรรมมาอย่างดีร่วมกับการท้าทายความเชื่อเดิม เซทมุมช่วงล่างใหม่เข้ามา และ อาร์มล่างชิ้นเดียวดีไซน์เฉพาะตัว ทำให้ ระบบช่วงล่างในการเข้าโค้งของ  Mazda 3  แน่น จนกล้าที่จะทะยานเข้าไปด้วยความเร็วสูง

สไตล์ช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต ดูแน่น แต่ในความรู้สึกลึกๆ มันทั้งยืดและหดยุบตัวเร็ว สปริงมีความแน่นเป็นพิเศษ ตอบโจทย์ ทั้งโค้ง และการใช้ความเร็วสูง ซึ่งเป็นความลงตัวเมื่อพูดถึงสปอร์ตคอมแพ็คตัวจริง

และบนทางตรงที่กำลังวิ่งอยู่นี้ก็ได้เวลาในการทำความเร็วสูงดูสมรรถนะประมาณการสายตา ทางตรงนี้มีความยาว  1.6   ก.ม. พอดี สุดทางตรงเป็นโค้งขวา ตามป้ายบอกที่มองเห็นไกล เราเดินคันเร่งลงไป ชุดเกียร์ตบลง จาก 5  ไป 4  เพื่อให้เครื่องยนต์  Mazda Sky Active G  โชว์พลังออกมาเต็มพิกัด 165 ม้าที่หลับใหลฟื้นมามีชีวิตชีวา หัวใจเราสูบฉีดมากขึ้นตอบเรื่องความเร็วที่ไหลเพิ่มขึ้นบนหน้าจอ ตรงหน้า

เรายืนถึง 170 แบบไม่ยากก่อนที่เครื่องจะขึ้นเกียร์สู่เกียร์  6  เพื่อเดินฝีเท้าต่อ อีกระยะ 600 เมตร โดยประมาณ เราต้องเริ่มเบรก ก่อนเทเข้าโค้ง ขวา ตามสัญญาป้าย เครื่องยังเร่งต่อไป ในแบบที่เร้าใจว่า 4000 รอบต่อนาที ก็บ่ยั่น เราถึงจุดที่ต้องลดความเร็วแล้ว การทดสอบความเร็วนี้ได้ 182 ก.ม./ช.ม ยังไหลได้อีก และ ไม่ต้องสงสัยว่า น่าจะได้ 200 เศษๆ แน่นอน

เราเบรกลดความเร็ว ซึ่งระบบเบรกของ  Mazda 3  ใหม่ ที่ใช้ระบบดิสก์เบรก 4  ล้อ คู่หน้าใช้จานระบายความร้อน ก็น่าชมเชยว่ามันปราบความรู้สึกเสียวซ่านได้อยู่หมัดเราลดความเร็วจากความเร็วสูงสุดในระยะ 400 เมตร เหลือ  140 ก.ม./ช.ม. อย่างง่ายดาย  โดยไม่ต้องกดน้ำหนักมากเกิน  50%  ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องพะวงว่ามาเร็วเบรกจะเอาไม่อยู่เหมือนรถบางรุ่น แต่ไม่ขอบอกค่าย ที่เคยสัมผัสมาว่า เครื่องดีเกียร์ดี สุดท้ายเบรกเอาไม่อยู่ความบรรลัยมันจะบังเกิด...

เราลงมาจาก  Mazda 3  ใหม่ รุ่น แฮทช์แบ็คที่ใช้ในการทดสอบงวดนี้บนเส้นทางดินแดนใต้ที่ท้าทายเหมือนภาคเหนือ ระหว่าง จังหวัดระนองไปยัง สุราษฏร์ธานี พร้อมความรู้สึกที่ปราบปลื้มในรถ  Mazda 3  ที่ถ่ายทอดความสปอร์ตอย่างลงเกินคาด แต่อย่าเพิ่งถามเรื่องอัตราประหยัด เพราะตะบันขนาดนี้เห็นตัวเลขไวๆที่ 9.6 ลิตร/ 100 ก.ม./ช.ม.  (10.4 ก.ม./ลิตร)

ด้วยความสดใหม่ แนวคิดใหม่ที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ต่าง แต่ยังมุ่งมั่นในการทำรถที่ดีตอบโจทย์ลูกค้า ในราคาที่ทุกคนจับต้องได้ นี่คือโจทย์ที่ส่วนตัวขอส่งตรงถึงทีมวิศวกรรม ตลอดจน ทีมการตลาดที่กล้าคิดกล้าทำ กล้าท้าทายคู่แข่ง ทำให้ยอดจอง Mazda 3  ตั้งแต่เปิดตัวมาค่อนข้างมาแรง!!! มาก และเมื่อได้ขับมันไม่ทำให้เราผิดหวังต่อความรู้สึกในเรื่องสมรรถนะเลยแม้แต่น้อย ...

ท้ายสุดก็ต้องยอมรับว่าสำหรับคนที่มองหารถคอมแพ็คคาร์สไตล์สปอร์ต  Mazda 3  นั้นจะตอบโจทย์ของคุณได้อย่างแท้จริงแน่นอน ด้วยราคาเริ่มต้นที่น่าโดนไปจนถึงรุ่นท๊อปที่มาพร้อมลูกเล่นมากมาย นี่แหละ คือการเปลี่ยนแปลงที่สุดแล้วในคำว่า ....เราใส่ความสปอร์ตไปในรถทุกคันที่เราผลิต ...ของค่ายรถยนต์จากฮิโรชิม่า .. ในนาม  Mazda

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

สามารถติดต่อพูดคุย สอบถามได้ที่ [email protected] / www.facebook.com/nattayodc

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 

ผลการทดสอบ  Mazda 3 2014

 

ความเร็วสูงสุด ที่ทำได้ 182  ก.ม./ช.ม.

อัตราประหยัดจากการทดสอบ 9.6  ลิตร /100  ก.ม.

กาทำงานเครื่องยนต์

ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง (ก.ม./ช.ม.)	รอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่เกียร์  6 (รอบต่อนาที)
90	1500
100	1850
110	2050
120	2300

 

สิ่งที่ชอบ การออกแบบ ภายนอกที่ดูสง่า เครื่องยนตืที่ขับดีเยี่ยม ช่วงล่างที่แน่นเกินคาด ประดุจรถยุโรป

สิ่งที่ไม่ชอบ โพรง ..ท่อไอเสียตรงกลางรถ ทำให้ดูล้าสมัยไปหน่อย ในการออกแบบภายในห้องโดยสาร

สิ่งที่อยากให้มี รุ่นเกียร์ธรรมดา สำหรับคอสปอร์ตตัวจริง

 

ขอบคุณ บริษัท  มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด  ที่ให้เกียรติเชิญทีมงานเข้าร่วมการทดสอบ  Mazda 3  ใหม่ เส้นทางระนอง –สุราษฏร์ธานี

ขอบคุณ พี่ซู สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี  – พี่อุทัย เรืองศักดิ์  และทีมงานมาสด้า ที่อำนวยความสะดวกสบาย ในระหว่างการเดินทาง และการทดสอบในครั้งนี้ครับ

[GALLERY466]