Full Drive : New 2015 Mitsubishi Triton Plus 2.4 Mivec Clean diesel ที่สุดกระบะวันนี้ที่มีดีดั่งเก๋ง !!!
- โดย : Autodeft
- 2 ธ.ค. 57 00:00
- 94,255 อ่าน
พบกับครั้งแรกของเรากับการทดสอบเจ้า New Mitsubishi Triton Plus ใหม่เวอร์ชั่นขับสองยกสูงเป็นรายแรกของโลก หลังสัมผัสกระบะใหม่จะเป็นอย่างไร .บอกเลยว่าไม่ธรรมดา
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
การจะซื้อรถยนต์สักคัน คุณว่า รถที่ดีและคุ้มค่า จะต้องมากับอะไรบ้าง ...หลายคนคงคิดว่า
รูปร่างที่สวย
การออกแบบที่ดี
สมรรถนะที่ลงตัว
และยุคนี้เทคโนโลยีที่ต้องอัดแน่น ทั้งในการขับขี่และอำนวยความสะดวก
จริงไหม....เราหลายคนต่างรู้ดีกว่าทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นไปได้ยาก บนโลกกลมๆ นี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปเสียหมดได้เหมือนดั่งใจ ต้องการ....ปรารถนาไปทุกสิ่ แต่วันนี้ รถทีเรากำลังพูดถึงมีอยู่จริงในรถกระบะที่เราคุ้นเคยในราคาที่จับต้องได้ แม้จะมีความไม่ลงตัวบางประการทางด้านการออกแบบ ..ถามเลยว่า คุณจะว่ามันน่าสนใจไหม ???
เฉกเช่นคนทั่วไปในฐานะคนที่รักและชอบกระบะ เรียกว่าชีวิตนี้ของ บอนน์ เอง เกิดและโตมากับกระบะผ่านมาในทุกช่วงวัย จนกลายเป็นหนึ่งในคนไทยบ้านๆที่หลงใหลอทุกครั้งเมื่อเห็นกระบะใหม่ๆ ออกมาทำตลาด และเทียบกับเมื่อยุคก่อนก็ต้องเรียกว่ากระบะสมัยนี้มีดีไม่แพ้เก๋ง อย่า !! ดูถูกเครื่องยนต์ดีเซลสมัยนี้ ที่หลายคนมองว่าภาพลักษณ์กระบะ ไปดั่งประดุจรถอีโค่คาร์ ราคาถูก คุณภาพบ้านๆ จนน่าสมเพช ความคิดคนพวกนั้นที่มองโลกในกรอบแคบๆ ทั้งที่กระบะวันนี้ไปไกลกว่านั้นเยอะ แล้ว
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รถรุ่นที่เราได้รับข่าวสารมาบ่อยมากที่จริงมากกว่าพี่น้องแฝดคนละฝา ที่จับมือร่วมกันในช่วงต้น ก่อนที่จะแตกคอแล้วแยกวง เราหลายคนตั้งหน้าตั้งตาคอย New Mitsubishi Triton ใหม่ อย่างใจจดจ่อ ด้วยเส้นสายที่เราจินตนาการไว้อย่างสวยหรูว่า New Mitsubishi Triton จะต้องสวยสดงดงามครบองค์ประกอบในทุกด้าน
ซึ่งว่าที่กระบะใหม่คันนี้ เตรียมถอดร่างมาจาก Mitsubishi GR-PHEV ที่ส่งเข้ามาโชว์ตัวทำให้เรารู้สึกว่า Mitsubishi มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าในเรื่องการทำรถกระบะออกมา ให้โดนใจผู้บริโภคมากขึ้น โดยดีกรีที่เด็ดที่ฉีกรุ่นเดิมของ Mitsubishi triton ที่สวยจับใจผู้บริโภค จนบางคนกล่าวว่า ใช้กันอีก 20 ปี ก็ยังดูทันสมัยอยู่เลย
รถต้นแบบ Mitsubishi GR PHEV
การเฝ้ารอด้วยความหวังว่ามันจะดูดีนั้น กลับกลายเป็นฝันสลาย เมื่อเจ้าหนุ่มในโรงงานทรีไดมอนด์บางคน เห็นว่า มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด เขาเลยเอากล้องจากมือถือนี่แหละถ่ายมันออกมาจากสายการผลิต สดๆ อัพผ่านโลกไซเบอร์ ทำเอาหลายคนแทบร้องไห้เดินเข้าโชว์รูมเจ้าอื่นทันที โดยเฉพาะคู่แข่งพันธมิตรที่เปิดตัวออกมาด้วยเส้นสายดูดี ก่อนที่จะมีประกาศิตเรื่องห้ามเผยแพร่ ส่งต่อ แต่นาทีนั้น รูปก็มาอยู่ในมือเราแล้ว และยอมรับว่า มันไม่สวยอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้
18 พฤศจิกายน วันตัดสินชะตา ...Mitsubishi Triton วันนั้นบอกเลยว่าทำใจมาสักหน่อยแล้วว่ามันน่าจะเหมือนกับรูปที่ออกมาไม่มากก็น้อย ว่าแล้ว หลังรับชุดยังชีพนักข่าวด้วยข้อมูลข่าวสารจัดมาให้เป็นถุงกระบุงโกย เหมือนเช่นเคย Mitsubishi พยายามแต่งรูปกันมาสุดฤทธิ์ให้ออกแนวรถอวกาศสุดขั้น แต่นาทีนั้นก็พอจะรู้ว่า มันก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และเมื่อนาทีเผยผ้าคลุม ผมกล้าพูดเลยว่า .... Mitsubishi Triton ใหม่ ไม่ขี้เหร่อย่างที่คิด แบบที่เราเข้าใจผิดจากภาพของไอหนุ่มโรงงาน
เคยเป็นไหมครับ!! ที่เจอสาวบางคนที่เราเดินผ่านทุกวัน เจอประจำ ทีแรกแล้วมองว่า พวกเธอหน้าตาธรรมดาบ้านๆไม่โดน ก็แหงสิ !! พวกเธอไม่ใช่พริตตี้ ที่แต่งองค์ครบถ้วนทรงเครื่องมาเต็มที่...ถ้าคุณเคยมีความรู้สึกนี้ นี่แหละสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกกับ New Mitsubishi Triton ใหม่ หลังจากที่ขอมารับกลับไปเลี้ยงดูเป็นคู่ใจสักสองสามวัน เพื่อรู้จักกับเจ้ากระบะใหม่ล่าสุดในตลาดโลกคัน
ต้องยอมรับว่า ถ้ามองผิวเผิน บางคนอาจจะบอก เส้นสายการออกแบบ Mitsubishi Triton ดูค่อนข้างจะเดิม แต่ความจริงแล้ว จะบอกตามตรงว่าในความรู้สึก มันเหมือนร่างพัฒนา คล้ายๆ การเพิ่มพลังสะท้อนความทันสมัยมากขึ้น เริ่มจากทางด้านหน้าที่รถดูมีเสน่ห์ในการออกแบบมากขึ้น โคมไฟหน้าจัดรายละเอียดมาให้มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ รวมถึงไฟ Day Time Running Light หรือ DRL ที่ให้มาเสร็จสรรพ ครบครันดูแล้วให้ความรู้สึกที่เป็นเก๋งมากพอสมควร
การจัดวางตัวโคมทำได้ดีและลงตัวสอดรับเข้ากับกันชนหน้าที่ให้อารมณ์ดีกรีความสปอร์ต แต่ที่รู้สึกว่าหลายคนจะวิจารณ์หนักหน่วง รวมถึงเราเองก็เห็นด้วย คงไม่พ้นกระจังหน้าที่ไม่รู้ว่าทีมออกแบบ Mitsubishi คิดอะไร ตอนออกแบบรถคันนี้มาสู่โฉมขายจริง
เป็นอีกครั้งที่ทีมออกแบบจัดการสำเร็จโทษด้านหน้า ด้วย กระจังหน้าโครเมี่ยม..อีกแล้ว... หลังจากที่ทีมออกแบบ ใช้การออกแบบในลักษณะเดียวกันใน Mitsubishi Attrage ( กำลังสงสัยว่าจะเป็นทีมเดียวกันหรือเปล่า)
ซึ่งในรถเก๋งหรือรถอเนกประสงค์ การให้กระจังหน้าโครเมี่ยมมันอาจจะทำให้รถคันนี้มีความรู้สึกของความหรูหราดูดีมีมูลค่า ...แต่กับกระบะม้าใช้ รถที่เน้นการขับขี่เพื่อการลุย ...เป็นสำคัญ มันไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย
ความจริงแล้วต้องบอกเลยว่าเจ้ากระจังหน้าโครเมี่ยมใหม่ ใน Mitsubishi Triton ใหม่ นอกจากจะดูไม่สวยแล้ว ผมมั่นใจกล้าวางเงินเดิมพันขำๆ กับทุกท่านเลยว่า จะมีคนจำนวนไม่น้อยคงคิดว่ามันเป็นกระจังหน้าจากคลองถม หรือเปล่า ด้วยความและดูคล้ายกระจังหน้า Hummer ของ Nissan Navara ตัวก่อน ซึ่งกลายเป็นว่าโครเมี่ยมที่จะน่าจะทำให้รถมีความดูดีกลับดูแย่ไป
นี่ยังไม่นับ ในช่วงขับขี่กลางคืนที่คุณต้องฝ่าฝูงห่ายุงกลับบ้าน อย่าแปลกใจเมื่อพบว่าตื่นเช้ามา คราบซากศพที่คุณสังหารยุงระหว่างจะเอาออกยาก และเมื่อนานไปโครเมี่ยมเหล่านี้จะเป็นจุดดำคล้ำ ใช้ครีมฝ้ากันแดด SPF สูง ก็ไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากจะต้องปล่อยไปตามยถากรรม ก่อนจะเอามันไปชุบใหม่อีกครั้งเมื่อยามที่มันเริ่มเน่าสนิท
กระจังหน้า ..อาจเป็นส่วนหลักที่ทำให้ Mitsubishi Triton ใหม่ ดูไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น อาจจะด้วยการตลาดเอง ที่มองว่าการลดต้นทุนเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้ First impression ของรถคันนี้อาจจะดูแย่ ในสายตาของใครหลายคน ยิ่งกว่านั้นเมื่อคุณถ่ายรูปออกมา ผิดมุมแล้วล่ะก็ มันจะไม่ต่างจากภาพของไอหนุ่มโรงงานที่มาเขย่าโลกไซเบอร์ ความสวยหาเจอยาด ประดุจหนุ่มหล่อหน้ามลที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้งตลอดเวลา
แต่กระนั้นเส้นสายหลักๆที่สวยงามของ Mitsubishi Triton จากตัวต้นแบบ Mitsubishi GR-PHEV ยังคงอยู่ไม่ว่าจะ Shoulder Line เส้นสายความคมจากโป่งล้อหน้าไปยังกระบะให้ความคมเข้มกว่าเดิม ก็ยังคงอยู่ รวมถึงที่ขาดไม่ได้ กับเส้นสายการออกแบบ J Line ที่ช่วงระหว่างหลังของหัวเก๋งห้องโดยสาร และท้ายกระบะ ก็ยังคงมาครบครัน ก็เป็นอะไรที่เราพอมองแล้วให้อภัยได้บ้าง
แต่ที่แอบตกใจเล็กๆ ใน Mitsubishi Trion ใหม่ คงไม่พ้นงานโป่งล้อครอบหรือ Over fender ซึ่งเชื่อเลยว่า จะมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่ามันเชยระเบิด เพราะกระบะสมัยนี้เกือบทั้งหมดใช้โป่งล้อปั้มขึ้นรูป ...กันมาหมดแล้ว แต่หากมองในเรื่องของการลดต้นทุนที่ดี การใช้ Over fender ในมุมมองส่วนตัวของผมกลับมองว่าเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมาก
ด้วยหลักสำคัญของการวิศวกรรมที่ต้องมาบรรจบกับการออกแบบและลงตัวในต้นทุนที่จำกัด การทำ Over Fender แทนการสร้างโมลขึ้นรูปตัวถัง ทั้งแก้มหน้าและกระบะท้ายน้อยลงนั้น ทำให้ค่ายรถยนต์มีเงินเหลือไปอัดออพชั่นอื่นๆมากกว่า แม้อาจจะดูแล้วล้าสมัยไปบ้าง แต่บางครั้งผมยอมรับว่าการที่เรา Practical หรือใช้ความเรียบง่ายกลับเป็นทางออกที่ดี และมันไม่ดูแปลกตาอะไร ยิ่งเมื่อเทียบกับล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว ลาย 12 ก้านคู่ พร้อมยาง Dunlop Grandtrek ขนาด 245/65/ R17 ด้านข้างรถก็ดูลงตัวที่สุดในการออกแบบ
ด้านหลังเส้นสายในตัวตนของการออกแบบ หันไปเน้นความทันสมัย ให้ลุคที่ดูแล้วแอบมีความสปอร์ตในตัวตน สร้างความแตกต่างด้วยพยายามให้เส้นสายที่คมสันดูดุดันเล็กๆในตัวตนมากขึ้น โดยเฉพาะการให้ไฟท้ายเหลี่ยมเป็นคมสันตัดจบลงตัวงานเสริมความดุดันในตัวตน แต่ถ้างานนี้คุรขับรถตามท้าย Mitsubishi Triton ใหม่อาจจะมองว่าไฟท้ายดูเล็กไปนิดหน่อยบ้าง
แต่ท้ายที่สุด Mitsubishi Triton ใหม่ มีการปรับตัวตนในเรื่องของขนาดตัวมันเองให้มีความลงตัวต่อการใช้งานมากขึ้น ด้วยความยาวตลอดคัน 5,280 มม . กว้าง 1,815 มม. และสูงเพียง 1,780 มม. รวมถึงมันยังมาพร้อมฐานล้อยาว 3,000 มม. และมีพิกัดน้ำหนักเพียง 1,760 กก. หรือหากเทียบกับรุ่นเดิม มันสั้นลง 5 มม. กว้างขึ้น 15 มม. และ ท้ายสุดแล้วมันเบาลงกว่าเดิมราว ๆ 20 กก. เลยทีเดียว
ห้องโดยสารตัวตนเก๋ง บอกตามตรงแอบยืมจากอีโค่คาร์
เปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร Mitsubishi Triton ใหม่ มาพร้อมการออกแบบนำเสนอในการตัวตนที่มีความเป็นเก๋งมากขึ้น แต่แน่นอนอย่างที่เราทราบกัน การออกรถรุ่นใหม่ควรจะเอาของใหม่หมดจดมาตอบโจทย์มากกว่า เอาการออกแบบที่เรารู้จักกันดีมาเขย่าเป่าเสก
ทว่า Mitsubishi อาจจะคิดว่า ก็มีของอยู่แล้ว จะทำงานใหม่ทำไม พวกเขาเลยจัดการนำเอาชุดพวงมาลัย และรายละเอียดอื่นๆยกจากรถเก๋งมาไว้ในกระบะ แต่เดี๋ยวก่อนครับ !! รถเก๋งทีเราพูดถึงนี้มันดันมาจากรถอีโค่คาร์เจ้าสองแสบ Mitsubishi Mirage และ Mitsubishi Attrage ที่น่าจะเรียกว่ามาทรวดทรงเดียวกันเป๊ะ!!
ยังดีว่าอย่างน้อยขนาดวงพวงมาลัยมีการเพิ่มขนาดรอบขึ้นมานิดหน่อยเพื่อช่วยในการตอบโจทย์การขับขี่ เช่นเดียวกันกับปุ่มสตาร์ทที่มีมาให้แบบเดียวกับเจ้าอีโค่คาร์เป๊ะ !! ไม่ผิดเพี้ยนยังดีที่การจัดวางไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ไม่งั้นคงนึกว่าจากอีโค่คาร์ มันขยายร่างเป็นกระบะ ..555
ที่ขอออกปากชมเลย คือการออกแบบเบาะนั่งใหม่ที่ทำมาได้ค่อนข้างลงตัว อย่างน้อยที่สุด ทีมออกแบบภายในห้องโดยสาร Mitsubishi ก็ยังยังมีกระจิตกระใจที่จะละเลงวามสปอร์ตผสานความสบายในกระบะของพวงกเขา ตัวเบาะอาจจะไม่นุ่มมากมายนักแต่ก็ไม่แข็งกระด้างเหมือนรุ่นที่ผ่านมา รวมถึงตัวพนักผิงหลังออกแบบมาได้กระชับในระดับหนึ่งแต่ไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป ผมเองก็เป็นคนตัวใหญ่สามารถนั่งได้สบายๆ และจากการลองขับไปกลับต่างจังหวัดไม่มีอาการปวดหลังให้
ในขณะที่เบาะตอนหลังยังเรียกว่ารักษาความรู้สึกที่ดี จากรุ่นเดิมที่มีการทำท่านั่งได้ดีไม่รู้สึกชันหลังมากไป จำได้คลับคล้ายว่า Mitsubishi Triton รุ่นเดิมมีการปรับองศาเอนหลังเล็กน้อยราวๆ 25 องศา ซึ่งทำให้การโดยสารใน Mitsubishi Triton ใหม่ตัว double cab เองมีความลงตัวเหมือนกัน เช่นเดียวกับที่รุ่นก่อน
และถ้ากับตัวก่อนหน้า Mitsubishi Triton ใหม่นั้น มาพร้อมความลงตัวมากกว่าในการโดยสาร เริ่มจาก พื้นที่วางขารวมในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น 20 มม. พื้นที่เหนือหัวเพิ่มขึ้นอีก 5 มม. และเช่นเดียวกันช่วงไหล่ ยังกว้างกว่ารุ่นเดิม อีก 10 มม. แม้จะไม่มากมาย แต่บอกเลยว่าคุณจะรู้สกความลงตัวมากขึ้นในการโดยสารอย่างชัดเจน
แถมฟังชั่นการใช้งานต่างๆยังจัดมาให้อย่างครบครัน แม้เราอาจจะได้ทดสอบใน Mitsubishi Triton Plus แถมมันยังเป็นตัวเกียร์ธรรมดาอีกด้วย แต่กระนั้น ก็ยังมีระบบนำทางมาให้รวมถึงระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ไฟหน้าที่สามารถปรับสูงต่ำได้ถึง 3 ระดับ
รวมถึงที่ขาดจะไม่กล่าวถึงไม่ได้คือระบบ Etac หรือ Electronic Time and Alarm Control System ซึ่งเป็นระบบอำนวยความะดวกสิ่งละอันพันน้อยในรถเก๋งของค่ายก็ถูกหยิบยกมาใส่ไว้ให้ด้วย ซึ่งทำให้รถมีความสะดวกสบายมากขึ้นอีกเป็นกอง เช่นเดียวกับ ระบบกุญแจ KOS ช่วยในการตอบโจทย์มากขึ้นในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งาน ขึ้นลงรถเพียงแค่กด ที่ปุ่มเท่านั้น แต่เท่าที่ขับๆมาหลายวัน เจอปัญหาเล็กน้อย คือเมื่อรถมีคันใหญ่ขึ้นสัญญาณจากรีโมทหลายครั้งกลายเป็นไม่ถึงตัวรับสัญญาณ กลายเป็นเมื่อคุณเดินเข้าหารถยืนข้างๆ ลุคเท่ห์ๆ แล้วกดเปิดประตูเพียงแต่ดันหน้าแตกเสียนี่ ...
และเมื่อขึ้นนั่งในตำแหน่งเบาะคนขับ จะพบว่าทัศนวิสัยใน Mitsubishi Triton ใหม่ มีการปรับปรุงลงตัวมากขึ้นในหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะ Mitsubishi เผยว่าพวกเขาปรับปรุงเบาะนั่งช่วงสะโพกของคนขับใหม่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสันที่คุณสามารถมองเห็นตำแหน่งหน้าสุดของฝากระโปรงได้ดีขึ้นด้วย
คลีนดีเซล เครื่องยนต์บล็อกนี้ที่รอคอย
ได้เวลาเสียทีที่เราจะเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เตรียมตัวเดินทาง และแม้ว่าเราอาจจะพูดถึงรายละเอียดมากมายในการออกแบบที่ไม่ลงตัวอย่างที่ใจหวัง แต่ ในฐานะสาวก Mitsubishi มันไม่เคยทำให้เราผิดหวังในเรื่องสมรรถนะการขับขี่
หนนี้เจ้ากระบะสุดถึกกลับมาพร้อมความสปอร์ตสมรรถนะที่จริงแล้วยังได้อารมณ์การขับขี่ทีดีเกินคาด รู้สึกหลงทันทีตั้งแต่ที่นำมันออกมาจาก Mitsubishi ขับกลับมาบ้าน ด้วยเครื่องยนต์บล็อกใหม่ 4N15 ที่มีความลงตัวมากกว่าเดิมที่เคยแนะนำใน 4D56T
ต้นกำลังตัวใหม่นี้ Mitsubishi เคยนำมันออกมาโชว์เมื่อนานมาแล้ว หลายคนอาจจะลืมเครื่องยนต์บล็อกนี้ที่มองว่ามันเป็นเรื่องของอนาคตมากๆ ไปแล้ว เพราะ เมื่อตอนงาน BOi fair ครั้งล่าสุด Mitsubishi โชว์ผลงานเครื่องยนต์ตัวนี้ออกมาให้เราได้ชมกัน แต่ใครจะคิดว่าเครื่องยนต์ตัวนี้จะมาไวกว่าที่คาดคิดไว้
ตระกูลเครื่องยนต์ 4N1X เป็นเครื่องยนต์ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ Mitsubishi มาอย่างยาวนาน งานพัฒนาเครื่องบล็อกใหม่นี้ตั้งแต่ปี 2006 โดย Mitsubishi Motor เล็งเห็นว่าในอนาคต ยุโรปน่าจะมีแนวโน้มในการสร้างความเข้มข้นมากขึ้นในเรื่องมลภาวะไอเสีย ในตอนนั้นพวกเขาจึงประกาศความร่วมมือภายในกับ Mitsubishi heavy industry ในการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะส่งออกไปยังทั่วโลกในอีก 4 ปีต่อจากที่มีการประกาศ
ระหว่างทางที่มีการพัฒนาเครื่องยนต์คลีนดีเซล มีการออกโชว์ในต้นแบบเครื่องยนต์ใหม่ต่างๆ เริ่มจากบล็อกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ที่กลายเป็นเครื่องยนต์บล็อกแรกที่ประจำการใน Mitsubishi ASX หรือ อีกชื่อในนาม Mitsubishi RVR
ก่อนที่ในปี 2008 เครื่องยนต์คลีนดีเซลใหม่ จะมีการเปิดตัวในเครื่องยนต์บล็อก 2.2 ลิตร ซึ่งท้ายที่สุดมีการขยายเป็นบล็อก 2.3 ลิตร ใส่ในรถยนต์ Mitsubishi Outlander และ Mitsubishi Delica
และด้วยทั้งหมดที่มีการพยายามในการทำเครื่องยนต์ดีเซลให้มีความสะอาดที่สุดในการปล่อยไอเสีย ทำให้ Mitsubishi ตั้งธงเครื่องยนต์ดีเซลใหม่นี้ จะมีความสามารถในการลดมลภาวะจนผ่านสามารถมาตรฐานยูโร 5 เพื่อการตอบโจทย์ระยะยาวในการทำตลาดรถยนต์ทั่วโลก อย่างน้อยก็ในสิ้นทศวรษนี้
เครื่องยนต์บล็อกใหม่ Mitsubishi Clean diesel มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาเพื่อตอบแนวคิดที่วางเอาไว้ เริ่มจากการปรับเปลี่ยนบล็อกเครื่องยนต์ใหม่มาใช้ อลูมินั่มอัลลอย ซึ่งเราอาจะพบพวกมันในรถยนต์สมรรถนะสูงเสียมาก แต่การมาอยู่ในเครื่องยนต์บ้านๆมีข้อดีในเรื่องของน้ำหนักที่เบาลง และเช่นเดียวกันยังให้ผลดีต่อการระบายความร้อนของเครื่องยนต์
แต่ทีเด็ดของเครื่องยนต์บล็อกนี้กลับอยู่ที่การแนะนำระบบวาล์วแปรผัน Mivec ซึ่งเรามักพบในรถยนต์เครื่องเบนซินของ Mitsubishi ทว่างวดนี้เข้ามาติดตั้งในเจ้าเครื่องยนต์ดีเซลในทางฝั่งไอดี เช่นเดียวกันยังแนะนำระบบ VG Turbo ที่มาพร้อมระบบ Variable diffuser ตอบโจทย์เรื่องการขี่ให้เต็มเปี่ยมสมรรถนะ
จนทำให้ Mitsubishi Triton ใหม่ มาพร้อมสมรรถนะที่ลงตัวมากขึ้น เทียบกับเครื่องยนต์ High output 4D56T เจ้าต้นกำลังบล็อกใหม่ 4N15 ใหม่ มีการตอบสนองที่ดีกว่าเดิม ด้วยกำลังอัดที่สูงถึง 15.5: 1 และทำกำลังสูงสุดเพิ่มเป็น 181 แรงม้า สูงสุดที่ 3,500 รอบต่อนาที รวมถึงมันยังทำกำลังแรงบิดดีขึ้นเพิ่มเป็น 430 นิวตันเมตร ที่ 2500 รอบต่อนาที
ในรุ่นที่วางจำหน่ายในไทย ยังมาพร้อมระบบหมุนเวียนไอเสีย EGR แต่เพียงแค่อาจจะยังไม่ได้พัฒนาเครื่องยนต์ให้ถึงระดับ Euro 5 แต่ก็มีความสามารถรองรับและพร้อมทำได้ทันทีในอนาคต ถ้าเกิดว่ารัฐมีแนวโน้มจะบีบรัดเรื่องไอเสีย
หากจะว่าไปสมรรถนะที่มากขึ้น ตัวตนที่เบาลง อย่าแปลกใจถ้าคุณรู้สึกว่า อยู่นอกตัวรถขณะที่เครื่องยนต์ทำงานเดินเบาเทียบกับรุ่นเดิมเครื่องยนต์ใหม่มีเสียงดังขึ้นกว่าเล็กน้อย ด้วยทีมวิศวกรตัดสินใจหันมาใช้โซราวลิ้นแทนสายพานแบบเดิมที่ต้องหมั่นขยันแกะเครื่องยนต์มาเปลี่ยน เมื่อถึงเวลาดูแลรักษา ทำให้เครื่องยนต์มีความทนทานต่ำ และเมื่ออกเดินทางเจ้า Mitsubishi Triton ก็ตอบทุกอย่างในตัวตนของมัน
อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า หัวใจสำคัญของ Mitsubishi Triton ใหม่นั้นอยู่ที่การเติมเทคโนโลยีในการวิศวกรรมเครื่องยนต์เข้ามาตอบโจทย์คนใช้รถ แต่ใครจะคิดว่าเพียงไม่กี่เทคโนโลยีใหม่ใหม่เพียงไม่กี่อย่าง ที่ท้าทายความเชื่อของเครื่องยนต์ดีเซล มันกลับกลายเป็นการปฏิวัติความรู้สึกไปโดยสิ้นเชิง
ตัวตนเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ๆ แม้จะมีความพยายามในการพัฒนาอย่างมากมาย แต่ปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือว่าไม่ว่าเทอร์โบจะเทพแค่ไหน ถ้ารถคันนั้นยังใช้เทอร์โบแบบกลไก (ไม่ใช่เทอร์โบไฟฟ้า) ต่อให้มันมีระบบแปรผัน Variable geometry ก็ยังจะต้องพบกับอาการรอรอบของเทอร์โบชาร์จอยู่ดี
เรากล้าพูดเลยว่า Mitsubishi Triton ใหม่ เป็นรถครื่องยนต์ดีเซลคันแรกที่ให้ความลงตัวมากกว่าในการขับขี่ ด้วยการนำเสนอระบบวาล์วแปรผันที่เครื่องยนต์เข้ามาตอบสนองในการทำงานช่วงต้น ทำเครื่องยนต์สามารถขับได้อย่างลงตัวมากกว่า ในสไตล์ของเครื่องยนต์แบบ N/A แต่กระนั้นสมรรถนะความแรงจากเทอร์โบก็ตอบสนองในอัตราเร่งที่ดีกว่า จนน่าพอใจและทำให้การขับขี่ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ใครที่ขับรถแรงบ่อยๆ มีแรงบิดเยอะ ก็มักจะหวั่นใจว่า แรงบิดที่มากจนแทบจะออกตัวหน้ายกและก้าวร้าวจนจะพุ่งใส่คันหน้าในยามขับขี่ในเมือง จะทำให้รถคันนั้นขับยาก ทว่านั่นไม่ใช่นิสัยของเครื่องยนต์ใหม่ใน Mitsubishi Triton แต่ถ้าใครมาขอแว้นซ์ หรือะทำซ่ากับคุณตอนติดไฟแดงแล้วล่ะก็ ถ้าเขาไม่มีแรงม้าเกินกว่า 200 ตัว มั่นใจเลยว่าเดิมๆ ของ Mitsubishi Triton สามารถปราบเกรียนบนถนนพวกนี้อย่างสบาย
การขับเกียร์ธรรมดาใน Mitsubishi Triton ทำให้เรารับรู้สมรรถนะที่มากกว่าการขับเกียร์อัตโนมัติ ก่อนอื่นเลยในรุ่นใหม่ เกียร์ธรรมดา ถูกเพิ่มเป็น 6 สปีดแล้ว ชุดเกียร์เองก็มีการออกแบบใหม่เพื่อการตอบสนองการขับขี่ที่ดี ด้วยการลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์จากการออกแบบฟลายวีลใหม่ลดแรงสั่นสะเทือนให้ความนุ่มนวลมากขึ้นในการใช้ชุดคลัทช์ รวมถึงยังปรับเปลี่ยนชุดซิงโครเมทเกียร์ ที่หันมาใช้ของดีสมรรถนะสูงแบบ Tripple cone ในช่วงเกียร์ที่ 1-3 ช่วยให้ความรู้สึกเปลี่ยนเกียร์ที่สั้นกว่าในช่วง 3 เกียร์แรก เพิ่มความรุ้สึกสปอร์ตตอนออกตัวมากขึ้น
และส่วนตัวเลยยอมรับว่า ความรู้สึกนี้มันใช่ และดีกว่ากระบะบางเจ้าที่หันมาใช้ด้ามเกียร์ Short Shifter ที่เน้นให้ความสปอร์ตระยะโยนสั้น ซึ่งแม้จะให้ความสปอร์ตเต็มอารมณ์ แต่กับคนทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยในเรื่องการขับขี่สไตล์สปอร์ต อาการรแข็งๆ ขืนๆ ของคันเกียร์ ไม่เคยตอบโจทย์ในการขับขี่ ที่ต้องคำนึงถึงการใช้งานทั่วไป
ในช่วงแรกของการขับขี่ Mitsubishi Triton ในเมืองถ้าถามถึงรถกระบะสมัยใหม่ Mitsubishi Triton กลายเป็นรถที่เราชอบความรู้สึกอย่างมากในการเอามันท่องไปในเมือง ด้วยการไม่ปรับขนาดตัวเลย แถมตัวตนของมันยังเบากว่าเดิมอีกด้วย ช่วยให้ความรู้สึกในการขับขี่ในเมืองนั้นกลายเป็นง่ายกว่าเดิม ด้วยการผสานกำลังจากเครื่องยนต์ 181 แรงม้า และเกียร์ที่เข้าง่ายในช่วงตำแหน่ง 2-3 เปิดโอกาสให้คุณสนุกสนานมากขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดของตัวรถ
แถมที่ต้องออกปากชมอีกประการเลยก็คงไม่พ้นระบบพวงมาลัย ซึ่ง Mitsubishi Triton Plus ยังเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมวงเลี้ยวแคบที่สุดเหนือชั้นกว่าคู่แข่งด้วยระยะมุมเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร ดีสุดในกลุ่มรุ่นขับสองยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งการตอบสนองดังกล่าวมาจากการปรับตั้งในส่วนของระบบช่วยผ่อนแรงใหม่ ทำให้มีความลงตัวมากขึ้น ในการขับขี่ ไม่ว่าจะในช่วงที่หยุดนิ่ง ลดการให้ผู้ขับขี่ต้องมานั่งออกแรงในการเย่อพวงมาลัยก่อนที่ระบบจะตอบสนอง หรือจะเป็นในย่านความเร็วต่ำก็ตามที แต่เมื่อขับความเร็วสูงหน่อยระบบจะเพิ่มน้ำหนักพวงมาลัยมากขึ้นเล็กน้อย ให้ความรู้สึกคล้ายพวงมาลัยไฟฟ้า แต่ด้วยระบบแร็คแอนด์พินเนียน ที่ใช้การผ่อนแรงนี้ช่วยการบังคับเลี้ยวตอบโจทย์ตรงกว่า
ทำให้ Mitsubishi Triton ค่อนข้างได้อารมณ์การขับขี่แบบเก๋งมากพอสมควรแต่ยังคงความเป็นกระบ คุณจะรู้สึกฟินเฟ่อ เวลาขับ Mitsubishi Triton ไปในเมืองแล้วเจอการจราจรที่ติดขัด คุณอยากจะมุด ก็เพียงแค่กว้านพวงมาลัยไม่มากมายด้วยการเปลี่ยนอัตราทดในตัวแร็คพวงมาลัยให้ต่ำลงไปอีก ทำให้การคุมทิศทางทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องสาวพวงมาลัยมากประดุจจะขับ สิบล้อเข้ากรุง ยิ่งกว่านั้นความรู้สึกยังให้ความแม่นยำที่ดีกว่า และระยะฟรีของพวงมาลัยมีน้อยมาก จนคอสปอร์ตจะพอใจ
การขับทดสอบในเมืองของเรากับ Mitsubishi Triton ค่อนข้างจะทำให้เราอมยื้มว่านี่แหละเป็นกระบะที่เหมาะขับในเมืองที่สุดในตลาดตอนนี้ ด้วยความคล่องตัว ความง่ายในการใช้พวงมาลัยและวงเลี้ยว และท้ายที่สุดเครื่องยนต์อันทรงสมรรถนะเร้าใจ แต่ถึงแบบนั้นบนสภาพการใช้งานจริง ขับจริงติดจริง ขึ้นลงที่จอดรถห้างเดินเที่ยวกับคนรู้ใจเสร็จสรรพ
เราใช้ Mitsubishi Triton ไปทำการกิจมากกว่า 77 กิโลเมตร เราเติมน้ำมันดีเซลจากปั้ม ปตท.เจ้าประจำแถวบ้านคืนถังไป 9.53 ลิตร เราได้ 8.07 ก.ม./ลิตร กับการขับขี่ในเมือง ซึงเทียบกับตัวเดิมใน 4D56T เราก็ได้อัตราประหยัดที่ใกล้เคียงกันในการขับขี่
แต่ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมเครื่องใหม่น่าจะประหยัดกว่าเดิมหรือไม่ คำตอบคือใช่ แต่ที่มันอาจจะไม่ได้ดีขึ้นแบบเห็นค่าชัดเจนนั้น ส่วนหนึ่งบอกเลยว่า การจราจรในเมืองกรุงอย่างเย็นวันศุกร์หรรษาเงินเดือนออกของใครหลายคน อีกประการหลังจากเราเสียบ OBD Scan ดูการทำงานของเครื่องยนต์ เราพบว่า boost สูงสุดมาเร็วมาก และมันทำแรงดันสูงถึง 22.3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว หรือ 1.5 บาร์โดยประมาณ ซึ่งอาจจะปกติสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล แต่บูสต์มาเร็วหมายถึงเครื่องต้องสั่งน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
ไม่เป็นไรในเมืองพอให้อภัยเพราะอย่างเสียรถกระบะก็ไม่ใช่ที่โปรดปรานของใครหลายคนเอามันเข้าเมืองในสมัยนี้ด้วยที่จอดนั้นหายากมาก ไหนจะการจราจรที่ติดขัด แทบจะตอบเลยว่านั่งรถไฟฟ้าไปทำงานยังเร็วกว่าด้วยซ้ำไป จนกระบะสมัยใหม่ คุณอาจจะเอาไว้ซ่าในช่วงเสาร์-อาทิตย์
แต่การเอา Mitsubishi Triton เข้าสู่โหมดการทดสอบพิเศษ Bonn Test mode นั้น ก็ทำให้เรารู้ซึ้งว่าที่จริงแล้วเครื่องยนต์บล็อกใหม่อาจจะมีดีกว่าที่คาด ด้วยการทดสอบในงวดนี้ยามค่ำคืนที่อากาศเย็นรับลมหนาวบนระยะทาง 45.6 กิโลเมตร ใช้ความเร็วช่วงนอกเมือง 110 ก.ม./ช.ม. โดยเฉลี่ย ไม่เกิน 120 ก.ม./ช.ม. และช่วยในเมืองแอบเจอการจราจรติดขัดนิดหน่อย แล้วขับในเมืองที่มาตรฐานไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม. จากการทดสอบ แม้จะเหลือเชื่อแต่ตัวเลขจากการทดสอบนี้ได้ออกมาที่ 16.2 ก.ม./ลิตร เลยทีเดียว
อัตราประหยัดที่น่าตกใจนี้คาดว่าอาจจะมาจากสภาพอากาศที่เย็นเป็นพิเศษในวันทดสอบ รวมถึงในวันนั้นเหมือนพี่ตำรวจจะเป็นใจเราไม่พบด่านตรวจเป่าแอลกอฮอลบนถนนราชพฤกษ์เลย รวมถึงเส้นทางโดยส่วนใหญ่ก็เดินทางได้อย่างคล่องตัว และยิ่งกว่านั้นจากการขับของเราพบว่า การตอบสนองที่ดีของเครื่องยนต์ทำให้เราไม่ต้องจุ่มคันเร่งมากจนเกินไป และ ถ้าคุณกำลังคิดว่าจะเอา อัตราประหยัดของเราเทียบกับเว็บของพี่จิมมี่ headlightmag.com ขอบอกก่อนนะว่า ของเราเป็นตัวขับเคลื่อนสองล้อยกสูง Mitsubishi Triton Plus นะครับ
ขับจริงมุ่งหน้าเมืองกาญฯ สมรรถนะที่ดีกว่าคาดคิด
ไม่เป็นไรครับในโหมดทดสอบอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่ชีวิตจริงของเรายังดำเนินต่อไป เมื่อเราขับมันไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรีเส้นทางใกล้ ที่ใครก็ไปได้ ในยามที่ธรรมชาติเรียกร้อง
กว่าจะหลุดจากบางบัวทองมาได้ก็นานโขอยู่ แต่เมื่อออกมานอกเมืองเจ้า Mitsubishi Triton ก็เริ่มโชว์ระบบกันสะเทือนที่ดีกว่าคู่แข่งในหลายคันที่ออกมาทำตลาดด้วยความรู้สึกที่ทำได้ดีประดุจรถยนต์เก๋งมาสิงห์ร่างในเจ้ากระบะคันโต ถึงระบบกันสะเทือนจะไม่ได้มีการเซทติ้งอะไรจากคู่แข่งมากมายนัก
ด้วยชุดช่วงล่างทางด้านหน้าแบบปีกนกอิสระสองชั้น พร้อมเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า ส่วนด้านหลังยังเป็นแบบแหนบหลายแผ่นซ้อนพร้อมโช๊คอัพไขว้ แต่ทว่า Mitsubishi Triton ใหม่ตอบความรู้สึกด้วยความลงตัวมากกว่าในการเดินทาง
ความนุ่มนวลเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ทันที และแม้จะทราบดีว่าเราขับกระบะอยู่ แต่มันทำให้เรานึกถึงความรู้สึกเดียวกับช่วงล่างของระบบกันสะเทือนใน Mitsubishi Lancer EX ตัว 2.0 ที่นุ่มแน่นหนึบ แล้วมีแอบกระด้างเล็กๆ ไว้ตอบสนองในยามที่คุณต้องการเล่นแรงกับทางโค้ง อย่างการวาดโค้งบนถนน 346 เส้นทางมุ่งไปยังกำแพงแสนที่ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม. หรือจะตอบโจทย์ดียิ่งขึ้นเมื่อขับบนสภาวะความเร็วสูง ที่ 130-140 ก.ม./ช.ม. ในระหว่างการเดินทาง ไปจนกระทั่งความเร็วสูงสุด 185 ก.ม./ช.ม. ระบบกันสะเทือนก็ยังมั่นใจได้ทุกสภาวการณ์ในการขับขี่ แม้ความกระด้างและนุ่มอาจจะมีบางเวลา โดยเฉพาะการกระโดดสะพานที่ดูน่ากลัว แต่ว่าด้วยการตอบสนองที่เร็วของชุดโช๊คทำให้มันมั่นใจ และเมื่อจับจังหวะได้ การรูดหลุม หรือคุณการกระโดดข้ามทางรถไฟ ก็จะเป็นเรื่องที่ทำได้ อย่างไร้กังวลใน New Mitsubishi Triton
เมื่อขับขี่ทางไกลเช่นนี้สิ่งที่น่าสนใจอีกประการ คือเรื่องการเก็บเสียงในห้องโดยสาร หลายคนบ่นมาว่ารุ่นที่แล้วยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ New Mitsubishi Tritonคุณสบายใจได้หายห่วงว่าห้องโดยสารให้ความสบายในการโดยสารสูงสุด นอกจากจะมีความนุ่มจากช่วงล่างที่เซทมาเหมือนรถเก๋งแล้ว ยังเงียบมากจนต้องตะลึง ว่าแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาที่ค่อยข้างดังภายนอก ยังได้ยินเบามาก และเมื่อใช้ความเร็วตามปกติ ช่วง 100-120 ก.ม./ช.ม. ในการเดินทางไกล สุนทรีย์ในการสนทนากับเพื่อนหรือคนที่รัก หรือจะฟังเพลงโปรดก็สบายหู เสียงยางจากถนนก็แทบไม่มี จวบจนเมื่อเริ่มก้าวข้ามเข้าสู่ย่านความเร็วสูงที่ 140 ก.ม./ช.ม เมื่อนั้นแหละเสียงลมจึงจะเริ่มเข้ามาเตือนใจว่า คุณกำลังเร็วแล้วนะ ...
แต่ท้ายที่สุดแล้วการเดินทางไกล สมรรถนะที่ไว้ใจได้ก็เป็นโจทย์ ที่สำคัญและเจ้าขุมพลัง 4N15 ให้กำลัง 181 แรงม้า ก็มีดีพอที่จะรีดทุกสมรรถนะมาใช้ทุกย่านความเร็ว ยิ่งในยามสองเลนสวนเดินทางลึกเข้าไปในตัวเมืองกาญจนบุรี ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นว่า Mitsubishi Triton เปี่ยมล้นด้วสมรรถนะที่พร้อมตอบสนอง
แม้ปัญหาในการขับขี่จะมีปัญหาต้องปรับจูนความคิดบ้าง โดยเฉพาะชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้อัตราทด Over Drive มากถึงสองตำแหน่งในการเดินทาง ถึงเราอาจจะยอมรับว่าเครื่องยนต์เร่งดีตอบสนองดี แต่ยิ่งจำนวนมากเกียร์เองก็ทำให้มึนตึ๊บต้องมานั่งขยันสับเช่นกัน
อัตราทดเกียร์ Mitsubishi Triton
เกียร์ที่ 1 ....................4.280
เกียร์ที่ 2 ....................2.298
เกียร์ที่ 3 ....................1.437
เกียร์ที่ 4 ....................1.000
เกียร์ที่ 5 ....................0.776
เกียร์ที่ 6 ....................0.651
เกียร์ถอยหลัง ....................4.280
อัตราทดเฟืองท้าย.........3.692
หลายครั้งถนนสองเลนเช่นทางเข้าไปน้ำตกไทรโยค คุณอาจจะใช้เพียงพอแค่เกียร์ 5 ไม่ต้องมานั่งโยกอะไรกันบ่อยๆยิ่งเจอพวก Sunday Driving ขับช้ากินลมไปเรื่อย คุณสามารถลากเกียร์ 5 ยาวๆ สบายๆ ได้
ส่วนเกียร์ 6 จากการขับขี่เราพบว่าจะดีกว่าถ้าใช้เมื่อความเร็ว 100 ก.ม. /ช.ม. ขึ้นไป ด้วยจากการสังเกตพบว่า ต้นกำลังจะทำงานด้วยรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำมากๆ เพียง 1500 รอบโดยประมาณที่ 90 ก.ม./ช.ม. และที่ความเร็ว 120 ก.ม/ ช.ม. มันใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1900 รอบต่อนาทีโดยประมาณ ซึ่งเท่ากับว่ามันน่าจะประหยัดมากๆ ในการเดินทาง และตอบโจทย์ไปคร่าวๆ ว่าทำไมเราได้ตัวเลขที่ประหยัดเกินคาดในการขับขี่ Bonn Test mode นั้นเพราะ เราใช้รอบเครื่องต่ำกว่า 1500 รอบเสียอีกในช่วงการขับขี่ทดสอบในเมือง
แต่ท้ายสุดจากการขับเร็วสูงสุด การเดินทางด้วยความเร็วที่ทำให้คุณไม่ง่วงหนาวหาวนอน ที่ 110-140 ก.ม./ช.ม. ทริปเที่ยวสุดฟินใน Mitsubishi Triton ใหม่ จบลงด้วยอัตราประหยัดที่เราดีดตัวเลขจากการเดินทางที่ 241.8 ก.ม.และระยะทางที่เหลือ 660 ก.ม. เราได้อัตราประหยัดที่ 12.024 ก.ม./ลิตรพอดี นับว่าไม่เลวร้าย และน่าจะดีกว่านี้ถ้าคุณขับตามกฎหมายกำหนด
สมรรถนะดียอดเยี่ยม....การออกแบบควรปรับปรุง
เสร็จการทดสอบเรานำเจ้ากระบะน้องใหม่ไปคืน Mitsubishi ก่อนกลับมากระโดดขึ้น Mitsubishi Mirage กลับบ้าน ก็ได้เวลานั่งทบทวนอะไรหลายๆ อย่างในกระบะที่ มาพร้อมวลีเด็ดทางการตลาดสุดกล้าหาญว่า “เปลี่ยนทุกความเชื่อ”
คุณเคยเป็นไหมว่า บางครั้งราต้องการทำอะไรแปลกแตกต่างจากชาวบ้าน มีทั้งคำชมและคำด่าไปพร้อมกัน ..ภายใต้คำว่าอิสระทางความคิดไม่ยึดติดต่อความนิยมชมชมตามเทรนด์สมัย ..หรือสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “อินดี้”..นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดใน Mitsubishi Triton ใหม่ ซึ่งพวกเขามั่นใจว่าแนวทางที่ทางบริษัทนำเสนอรถมานั้นดีและลงตัวที่สุด เป็นแพ็คเกจที่ยอดเยี่ยมสุดและเหมาะสมคุ้มค่าคุ้มราคาที่ลูกค้าจ่ายไป
ในเรื่องสมรรถนะส่วนตัวของยกนิ้วเยี่ยมให้เลยกับความกล้าหาญชาญชัยในการเปลี่ยน ด้วยการลดขนาดเครื่องยนต์แต่ได้กำลังแรงม้าและแรงบิดมากขึ้น เครื่องยนต์เผาไหม้สะอาดมากขึ้น แต่ขับสนุกและง่ายในสไตล์เครื่อง N/A ที่เร้าใจแบบ Turbo โดยเฉพาะการยกเอาความคิดวาล์วแปรผันมาใช้ในเครื่องยนต์ดีเซล เป็นไอเดียที่ผมว่าดีในแง่ของวิศวกรรม ที่ตอบเรื่องการลดอาการรอรอบเครื่องยนต์ได้ดีเยี่ยมจริงๆ
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องลองสมรรถนะทางวิศวกรรมจริงๆ บนถนนจริงไม่มีแสตนอินในการทดสอบอัตราเร่งของ เครื่องยนต์ 4N 15 ด้วยโปรแกรมง่ายๆ torque ที่คุณสามารถโหลดได้บนมือถือ เราได้ตัวเลขสมรรถนะมาตอบโจทย์ดังนี้
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม |
10.69 |
10.43 |
10.01 |
10.38 |
อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม |
7.20 |
7.00 |
6.90 |
7.03 |
จากการทดสอบ เป็นอันชัดเจนว่า ดีเซลบล็อกใหม่ใน Mitsubishi Triton มีสมรรถนะในเรื่องการขับขี่ดีเยี่ยมจนน่าประทับใจ แม้ฟีลลิ่งที่ออกมาในสไตล์ใกล้เคียงการขับขี่เครื่องยนต์ N/A อาจจะทำให้ผู้คนสงสัยว่ามันจะแรงเร้าใจได้อย่างไร แต่อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ดีที่สุดได้ 10.01 วินาที และ เร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ดีที่สุดใน 6.9 วินาที เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ตลอดจนระบบกันสะเทือนที่ให้ความประทับใจในความเป็นเก๋งภายใต้การวิศวกรรมแบบกระบะ ซึ่งไม่ว่าใครก็คงต้องบอกหลังได้สัมผัสว่า นี่แหละคือคำว่าใช้ของการขับขี่นั่งนุ่มสบายแต่ยังหนึบ มีแอบกระด้างให้รู้สึกสปอร์ตบ้างรวมถึงพวงมาลัยที่คมกริบเป็นอันดับต้นๆ ของรถกระบะสมัยนี้ จนกล้าบอกว่าคนที่ชอบการขับขี่สมรรถนะจะต้องพอใจ Mitsubishi Triton ใหม่ อย่างแน่นอน
ถึงแม้เยี่ยมยุทธสมรรถนะ แต่ย้อนกลับมาอีกฝั่งในเรื่องการออกแบบ น่าเสียดายว่า Mitsubishi กลับขาดทีมออกแบบที่เก่งทางด้านการเอาศิลปะจากตัวต้นแบบมาสู่ในโลกของความเป็นจริง หรือไม่แน่ก็ ทีมออกแบบไม่กล้าเถียงการตลาดรึเปล่า...อันนี้ผมไม่แน่ใจ
ทำให้ Mitsubishi Triton ใหม่ ออกมาในแบบมาในโทนที่ดูแล้วรู้เลยว่าทำแบบนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะจุดที่ร้ายที่สุดในการออกแบบเห็นทีจะไม่พ้นกระจังหน้าโครเมี่ยม ที่เชื่อว่าไม่ว่าใครก็คงชี้ว่าไม่เอาได้ไหม....บอกเลยว่าคนที่คลองถม ป่านนี้นั่งยิ้มสบายใจ ..หวานหมูล่ะตู ซึ่งส่วนตัวมองว่าอาจจะเพราะความต้องการสื่อสารในเรื่องความหรูหราแต่ถ้ารถคันนี้ออกในสไตล์แกร่งนำสมัย โครเมี่ยมคงไม่ใช่โจทย์ที่ต้องตอบ..ในเรื่องของการออกแบบ
อีกเรื่องที่จะไม่กล่าวเลยก็ไม่ได้ คือการออกแบบภายในที่มีการใช้ลักษณะการออกแบบบางประการจากอีโค่คาร์ จุดนี้พอจะเข้าใจได้ว่าต้องการเอาความเป็นรถนั่งเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า และตัวตนที่อัพเดทที่สุดในการออกแบบภายในแบบเก๋ง ก็คือรถยนต์อีโค่คาร์ โดยเฉพาะ Mitsubishi Attrage เจ้าของเดียวกับ Mitsubishi Mirage ซึ่งในรุ่นขับสองยกสูงนี้ ถือว่าโอเค พอไปวัดไปวาได้ จากคุณภาพวัสดุที่ดีกว่าเดิมจนสัมผัสได้
แต่ในรุ่นที่สูงกว่านี้ ถามผม จะจ่ายรถคันละ 9 แสนขึ้นไปจนรุ่นท๊อปที่แตะล้านกับอีกแปดพันบาท ถ้าจะต้องมาเจอแถมฟรี พวงมาลัย Mitsubishi Mirage นั้นคงจะทำใจยากดูชม และถึงจะพอเข้าใจได้ว่าต้องการลดต้นทุนการผลิต ทว่าบางครั้งการออกแบบที่สื่อตัวตนที่เป็นปัจเจกก็เป็นสำคัญ เช่นกัน
เรื่องนี้ทำให้ผมย้อนนึกถึงตอนคุยกับ พี่จิม PR Mitsubishi ที่ส่งหมายตอนทดสอบ Mitsubishi Triton เมื่อสองปีก่อนสมัยตอนยังอยู่ Sanook.com และผมยังจำได้ดีตอนอ่านหมายครั้งแรกอย่างตกใจปนความฮา จนน้ำตาเล็ด ไม่รู้พี่เขาจะยังจำได้หรือเปล่าว่า
“เชิญทดสอบ Mitsubishi Triton Mirage” จนผมแอบถามว่า อ่อพี่ Mitsubishi Triton ใหม่จะออกมาเป็นแบบนั้นหรือ ..... แล้วพี่เราท่านก็ตอบมาว่า ไม่ใช่แล้วเอ็ง พร้อมหัวเราะขำก๊ากกันทั้งคู่...
นั่นทำให้เรานึกถึงในวันนี้เมื่อ Mitsubishi Triton มาถึงมือเราและมันมาพร้อมภายในห้องโดยสาร ที่บางส่วนขุดเอาจาก Mitsubishi Mirage เหตุการณ์นั้นทำผมนั่งอมยิ้มตลอดทาง โดยเฉพาะตอนเล่าเรื่องนี้ให้พื่อนๆ ฟังก็ไม่คิดว่า ท้ายที่สุด ทีมออกแบบ Mitsubishi จะเอาจริง!! และนั่นทำให้รถขาดบุคลิกเป็นของตัวเองเลยเมื่อออกวางจำหน่ายจริง และเราอยากจะวิงวอน ส่งถึงท่าน โคมิชิ นามิกิ ผู้จัดการทั่วไปที่ดูแลโครงการพัฒนารถยนต์ Mitsubishi Triton ให้กลับไปทำการบ้านคิดเรื่องการออกแบบทั้งภายนอกและภายในบางส่วนให้ตอบโจทย์มากกว่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของกระจังหน้าโครเมี่ยม และพวงมาลัยจากอีโค่คาร์นี่ขอเลยว่า รีบเร่งกลับไปคิดมาใหม่ หรือจะหาพวงมาลัยแต่งดูซิ่งมาขายสาวกผมว่าก็ยังดีกว่า
เพราะณ จุดนี้ ...มิตซูบิชิมีดีอยู่แล้วเรื่องสมรรถนะการขับขี่ที่ลงตัวแบบที่โฆษณา ว่า “เปลี่ยนทุกความเชื่อ” ขอเพียงการออกแบบที่คิดให้มีความเป็นตัวตนมากขึ้นกว่านี้อีกนิด เชื่อว่า Mitsubishi Trion จะตอบโจทย์ลูกค้าได้เกินคาด
ถ้าถามว่า Mitsubishi Triton ใหม่ มีอะไร เป็นทีเด็ด คำเดียวสั้นๆ เลยคือ “สมรรถนะ” ที่ลองขับแล้วจะติดใจทันที ..คุณจะหลงรักจิตวิญญาณของมัน แต่ก่อนหน้านั้น ต้องคิดให้ตกว่าคุณจะผ่านด่านอรหันต์ในการมองข้ามการออกแบบที่ไม่ลงตัวบางอย่างได้หรือไม่ และเมื่อคุณผ่านมันมาได้จะได้สัมผัสกับกระบะที่กล้าแตกต่างอย่างมีสไตล์ .....
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
รถทดสอบ Mitsubishi Trion
Mitsubishi Trion Plus GLS Navi 2WD
ราคาจำหน่าย 881,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นของ เครื่องยนต์ใหม่ และระบบกันสะเทือน ที่เซทออกมาอย่างลงตัวเกินคาดจนทำให้กระบะคันนี้น่าหลงใกล้เมื่อได้สัมผัสสมรรถนะ
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ที่สุดเลยคือกระจังหน้าโครเมี่ยมที่ดูไม่เข้าท่า อย่างที่สองบ่องตรงอยากเปลี่ยนถ้าเป็นไปได้ แต่ยังพอไปวัดไปวาได้กับพวงมาลัยทรงเดียวกับ Mitsubishi Mirage
สิ่งที่อยากให้มี >>> เราค้นพบสัจจะธรรม ว่า Mitsubishi Trion เกียร์ธรรมดาไม่มีระบบ Cruise Control ทำให้ลูกค้าอาจจะต้องอดทนหน่อยในการขับขี่ รวมถึง ไฟ Shift light ช่วยบอกตำแหน่งการขึ้นเกียร์ ก็เป็นอีกสิ่งที่อยากให้เสริมเติมเข้ามา
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>> ถ้าคุณสามารถมองข้ามภาพลักษณ์ภายนอกที่ไม่ลงตัวบางประการไปได้ และมีโอกาสได้ลองขับขี่ สมรรถนะที่ลงตัวของ New Mitsubishi Triton อาจจะทำให้คุณอยากเป็นเจ้าของมัน
รายงานการทำงานของเครื่องยนต์ New Mitsubishi Triton เครื่องยนต์ 2.4 Mivec Clean Diesel
ความเร็วที่ใช้ (ก.ม./ช.ม.) |
รอบเครื่องยนต์มที่ตำแหน่งเกียร์ 6 |
90 |
1500 |
100 |
1700 |
110 |
1850 |
120 |
2000 |
ความเร็วสูงสุดขณะทดสอบ 185 ก.ม./ช.ม. (ควบคุมล็อคความเร็ว)
อัตราประหยัด New Mitsubishi Triton Plus 6M/T
ในเมือง |
8.07 ก.ม./ลิตร |
นอกเมือง |
12.024 ก.ม./ลิตร |
Bonn test mode |
16.2 ก.ม./ลิตร |
[GALLERY925]