Hands On : TR Transformer ขับอีกทีรถคนไทย เท่โดนใจคอถึกขาลุย

อีกครั้งในปีนี้กับการทดสอบรถยนต์ TR Transformer 2014 รุ่นใหม่ดีกว่าอย่างไร พบบททดสอบจากเราได้เลย

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย  Bonn ,ณัฐยศ ชูบรรจง

ตั้งแต่ทำงานมาในวงการรถยนต์เป็นต้นมา หลายคนมักจะตั้งคำถามว่า พี่ๆ คนไทยเคยเผลิตรถยนต์มาขายหรือไม่ แม้ว่า เรากลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยนัก แต่ในอัตชีวประวัติปูมวางการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เราผ่านความพยายามรถยนต์มามากมาย และล่าสุดค่ายนักดัดแปลงที่เราคุ้นเคยในนาม “ไทยรุ่ง” ก็ขึ้นมาสู่การพยายามที่จะผันตัวเองมาสู่ผู้ผลิตยานยนต์

แม้ว่ารถที่เราพูดถึงนั้นจะไม่ใช่รถยนต์ที่ทางไทยรุ่งมีการพัฒนาในส่วนต่างๆเองแทบทั้งหมด แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นก้าวแรกของคนไทยที่พยายามท้าทายตลาดที่เราถูกครองโดยผู้ผลิต จากญี่ปุ่น อเมริกา และชาติ ตะวันตก ตลอดจนเกาหลี แต่อย่างน้อยสำหรับคนรักชาติ นี่เป็นวาระที่ดีที่เราจะพิสูจน์ตัวเอง และไทยรุ่งก็ไม่หวั่นด้วย  TR Transformer

ที่จริงต้องบอกก่อนว่า เมื่อปีกลายเราก็มาพิสูจน์เจ้ารถยนต์ TR Transformer กันไปแล้ว และในปีนี้ก็เป็นอีกครั้งทีเรากลับมาพบกันเจ้าบึกคันนี้ แต่ก่อนที่จะไปไกลเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยไม่น้อยว่า ทำไมต้องเอาชื่อภาพยนตร์มาตั้งเป็นชื่อรถ

เราต้องขอบอกว่ามันไม่เกี่ยวกันเลย แต่การที่รถยนต์ไทยรุ่งใหม่ ใช้ชื่อว่า  TR Transformer  นั้น เพราะแนวคิดตั้งต้นเจ้ารถคันนี้มาจากความต้องการที่พวกเขาจะทำให้มันเป็นรถที่เหมาะต่อการใช้งานในหลากรูปแบบ ตัวรถสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการขิงผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะงานเฉพาะเพื่อการสงคราม หรือจะใช้เข้าป่าเข้าพง ตลอดจนท้ายที่สุดการใช้เพื่องานใช้สอยทั่วไปรถคันนี้ก็ลงตัว

รุ่นใหม่นี้ เจ้ารถยนต์อเนกประสงค์  TR Transformer  ยังคงความบึกของตัวตนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยเส้นสายการออกแบบที่แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์ Hammer  จนบางคนหลุดปากเมื่อพบเห็นเจ้ารถคันนี้วิ่งไปตามทางว่ามันเป็น “ฮัมวี่คนไทย”

ด้วยเส้นสายที่ยังคงความบึกบึนแข็งแรง ทั้งคันทำให้มันถูกใจใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาลุย แต่การออกแบบ TR Transformer  ยังคงติดความเหลี่ยมของรถที่ดูมากไปนิดหน่อย ทำให้เวลาที่วิ่งบนถนนหลวงทางยาวเจอลมต้านหนักๆ มันดูจะเป็นรถที่สร้างความเซ็งในการขับขี่ อาจจะเพรา การออกแบบที่ตั้งกระจกเป็นหน้าฉาก แต่จะว่าไปมันก็ยังดีพอในการทำความเร็ว 140  ก.ม./ช.ม.

ตัวตนที่แท้จริงของ  TR Transformer  นั้น ที่จริงชื่อของมันมาจากอีกแนวคิดในการเปลี่ยนย้ายถ่ายร่างรถ  TR Transformer  ไปใช้แพลทฟอร์มต่างๆ ที่มีในรถกระบะในปัจจุบันได้ ซึ่งปัจจุบัน  TR Transformer  ใช้แพลทฟอร์มจากรถยนต์กระบะ  Toyota Vigo   ทำให้มันมีร่างและตัวตนที่ลงตัวในความคุ้นเคยกับคนไทย

แต่ไทยรุ่งเผยว่าถ้าจำเป็นในอนาคต ด้วยโครงสร้างและการวิศวกรรมที่ออกแบบไว้จากรุ่นนี้สามารถถ่ายไปยังกระบะรุ่นอื่นๆที่พวกเขาคิดว่าสมควรจะใช้ได้

การใช้แพลทฟอร์ม Toyota Vigo  ใหม่นั้นมีข้อดีที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการดูแลรักษาที่ง่ายของรถ แม้ว่าหน้าตาภายนอกของ  TR Transformer  จะเป็นฮัมเมอร์ที่เราคุ้นหน้าตากันดี แต่ภายในไทยรุ่งก็ไม่คิดมากเรื่องการออกแบบ ยกเอาเหลาจาก  Toyota Vigo  แทบทั้งสิ้น

ตั้งแต่ชุดคอนเซลหน้า พวงมาลัย เบาะนั่งนี่ก็ใช้ แต่ด้วยการออกแบบโครงสร้างรถใหม่ ทำให้งานภายในหลายอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะหลายชิ้นส่วนในห้องโดยสารใช้การเปลือยวัสดุแทนการหุ้มพลาสติก แต่ดีว่ามันมีร่างที่มีความสูงทำให้ได้ห้องโดยสารที่โปร่งสบาย พื้นที่ด้านหลังก็เห็บสัมภาระได้มาก รวมถึงเบาะนั่งตอนหลัง ก็มีที่เหลือเฟือในการวางขา และ การมีความกว้างของรถที่มากกว่ากระบะดั้งเดิม ยิ่งทำให้รถมีความลงตัวต่อการใช้งานมากขึ้นอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี หากในความคิดไทยรุ่ง คิดจะเอาจริงเอาจังรถ  TR Transformer มากขึ้น การบ้านที่ต้องการกลับไปทำอย่างแรง เลยคือการหาตัวตนภายใน จะว่าไป ตั้งแต่งวดที่แล้วเราก็เคยเอ่ยปากไปว่า น่าจะมีการพยายามในการออกแบบภายในเป็นของตัวเอง เหมือนที่เคยทำกับการเอารถรุ่นนั้น รุ่นนี้มาดัดแปลงเพิ่มความสามารถ ซึ่งจะว่าไปไม่เกินความสามารถของ บริษัท ไทยรุ่ง ยูเนี่ยนคาร์มากมายนัก อย่างที่คิด เพียงแต่ว่าอาจจะยกตรงที่ ไทยรุ่งต้องค้นหาตัวเองว่าจะอายังไงกันแน่น รวมถึง อาจจะต้องมีการคิดวางระบบใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะตู้แอร์ทางด้านหลังถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่สมควรปรับปรุงเอาแนวคิดที่ครำครึออกไป

แม้ว่าจะโดนติติงด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสารจากเรา แต่ ด้วยความที่ TR Transformer เป็นร่างทรงของ  Toyota Vigo  ทำให้เรื่องสมรรถนะการขับขี่ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร ด้วยเครื่องยนต์คอมมอนเรล ดีเซล  D4D  ที่อยู่ในใต้ฝากระโปรง เจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้ มันส่งตรงมาจากค่ายสามห่วง ซึ่งมีสมรรถนะพอตัวอยู่เป็นทุนเดิม แถมยังมีให้เลือกทั้งรุ่น 3.0 ลิตร  สำหรับขาลุยเข้ารกเข้าพงตัวจริง และ ท้ายสุดหลังจากที่ถามไถ่กันมานาน  TR Transformer ก็ได้เครื่องยนต์  2.5  ลิตร มาประจำการกันเสียที

อีกครั้งที่เรามาพบ  TR Transformer  รุ่นเครื่องยนต์ 3.0  ลิตร ซึ่ง ใต้ฝากระโปรงคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ปรับสมรรถนะให้จัดจ้านตามการวิศวกรรมของ Toyota  ให้กำลังสูงสุด  171  แรงม้า ที่ 3,400  รอบต่อนาที แต่ยังคงแรงบิด 343  นิวตันเมตรที่จัดมาให้ใช้งานต่อเนื่องตั้งแต่   1,400 – 3,400 รอบต่อนาที มันยังคงมาพร้อมระบบเกียร์ธรรมดา  5  สปีดที่เราคุ้นเคย

การขับครั้งนี้เรารับช่วงที่สองจากสิงห์บุรี โดยบ่ายหน้าปลายทางเพชรบูรณ์ ซึ่งระหว่างทางการทำความเร็วใน TR Transformer  ง่ายขึ้นกว่ารุ่นก่อนนิดหน่อย แต่อย่าหวังว่ามันจะเร่งแรง เพราะน้ำหนักตัวที่มาทำให้มันไปแบบถึกๆ ที่ใครเห็นก้ต้องมีหลบกันบ้าง

การเดินทางในครั้งนี้เราไปกันเป็นขบวน คนตามต่างจังหวัดมักจะมองว่ามันเป็นรถท่านผู้ว่ามาตรวจงาน ยิ่งในขบวนมีคันหนึ่งทำสีเขียวขี้ม้า มาด้วยคงมีหลายคิดว่านี่มันขบวนทหารมาตรวจงานแหงๆ

จริงๆ เรื่องนี้เราเคยได้ยินจากชาวบ้านจริง ซึ่งตอนนั้น น้าตั๋ม On The Road  ผู้ใหญ่ที่รู้จักมักจี่เราเป็นอย่าง เล่าให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งน้าขับเจ้ารถยนต์  TR Transformer  ขับยังโรงเรียน ซึ่งจะว่าไปไม่กันดารมากโรงเรียนนี้อยู่ที่เขาใหญ่ เพื่อติดต่องานการบางอย่าง น้าบอกว่า เมื่อเลี้ยวเขาไปในโรงเรียน บรรดาครูแทบจะวิ่งรูกันออกมา เพียงเพราะว่า นึกว่าผู้ว่าแอบมาตรวจงาน ทำเอาผ.อ. ถึงกับอ้าปากค้าง จนแทบจะติดต่องานไม่ได้เลยทีเดียว

เส้นทางที่เราเดินทางในวันนี้ เราต้องผ่านอำเภอชนแดนเพื่อข้ามภูเขาไปยังเส้นทางที่มุ่งหน้า เพชรบูรณ์เมืองมะขามป้อม และเมื่อเราขึ้นเขา เจ้าเครื่องยนต์ 3.0  ลิตร นั้น ก็ตอบเรื่องแรงบิดดีไม่มีปัญหาทางด้านการขับขี่เลยแม้แต่น้อยทางด้านกำลัง

ถึงวันทดสอบ เราจะมีเพื่อนสื่อนั่งกันมาด้วยรวมกันเป็น 4  ผู้โดยสาร พร้อมสัมภาระและอาการกลางวันเต็มกระเพาะ แต่รถก็ทำได้ดีไม่มีกำลังหดหาย ขึ้นเขาลงห้วยได้อย่างสบายไม่น่าห่วงอย่างที่คิด

แม้ว่าเราอาจจะพูดว่ารถคันนี้เป็นรถยนต์ที่พัฒนาบนแพลทฟอร์ม  Toyota Vigo   ที่หลายคนอาจจะๆ ไม่มั่นใจนักในเรื่องระบบช่วงล่าง แต่จากการขับขี่บนถนนหนทางอำเภอชนแดนนี้ ต้องยอมรับว่ามันมีดีกว่าที่คาด ซึ่ง ชื่อว่าทางไทยรุ่ง น่าจะมีการปรับเซทระบบช่วงล่างใหม่เพื่อความเหมาะสมจากน้ำหนักตัวถังที่มากขึ้นกว่าเดิม พอสมควร และจะว่าไปมันก็นุ่มนวลสมเป็นรถนั่งสบายทั้งคนขับ และคนนั่ง ต่างก็คงจะพอใจ

Tr Transformer มีดีมากขึ้น แต่ยังต้องพัฒนาต่อไป

 

หลังจากผ่านลงมายังเพชรบูรณ์แล้วต่อเองไปยงเขาค้อ  TR Transformer  พิสูจน์ความดีความชอบหลายๆ อย่างในตัวของมันเอง ซึ่งมันลงตัวในสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะยิ่งเราพูดว่ามันพัฒนาจากรถยนต์  Toyota Vigo   ซึ่งเป็นรถที่หลายคนคุ้นเคย

ในด้านการออกแบบ  TR Transformer  อาจจะเป็นด้านหลักที่ ไทยรุ่งสมควรที่จะพัฒนามันต่อไปในอนาคต เนื่องจากรถที่แท้จริงต้องการเอกลักษณ์อย่างมาก หลายสิ่งหลายอย่างยังติดในเรื่องตัวตนที่ต้องความหากันต่อไป เนื่องจากรถยนต์ที่ดีโดนจะต้องมีความโดนใจในการออกแบบ แม้จะต้องยอมรับว่าเป็นงานยาก ทว่าท้ายสุดในการออกแบบคือส่งที่ซื้อใจคนมากนักต่อนักแล้ว

นอกจากภายนอกแล้วงานที่สำคัญที่ควรทำต่อไปนั้น คือการวางภายในใหม่ในเรื่องการออกแบบ เนื่องจากปัจจุบัน งานภายในหลายอย่างยังคงเป็น Toyota ซึ่งควรจะปรับให้เป็นไทยรุ่งเหมือนที่ผ่านมาที่เคยทำ และย่าจะทำให้หลายคนดีใจมากขึ้นและเราหวังว่าจะเห็นในรุ่นต่อไป

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ดีที่สุดในการ TR Tansformer  ต้องยอมรับว่ามันคือสมรถนะการขับขี่ที่ดีเกินหน้าตาของมัน ไม่ว่าจะเข้าโค้งหรืออัตราเร่ง อยู่ในเกณฑ์ดี แม้มันจะไม่เร้าใจแบบรถสปอร์ตแต่ดูจากขนาดและพิกัดตัวตน ทำได้เท่านี้ก็ต้องบอกว่าพอใจแล้วล่ะแถมอัตราประหยัดก็ไม่ขี้เหร่ เพราะอยู่ที่ราวๆ  10-11 ก.ม./ลิตร แต่นั่นก็เป็นอัตราประหยัดนอกเมือง

ในปีนี้ส่วนหนึ่งของการพัฒนารถยนต์  TR Transformer   ใหม่ คือการเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์  2.5  ลิตร เข้ามา ซึ่งเราต้องยอมรับว่ายังไม่มีโอกาสได้สัมผัส แต่อย่างน้อย เราก็รู้ว่าพวกเขาต้องการเอาจริงเอาจังกับรถคันนี้มากขึ้น และเราก็หวังว่า เจ้ารถคันนี้จะเป็นหัวหอกของคำว่า รถยนต์เพื่อคนไทย

 

ขอบคุณ บริษัท ไทยรุ่ง ยูเนี่ยน คาร์ จำกัด มหาชน ที่เชิญร่วมการทดสอบรถยนต์  TR Tansformer เส้นทาง กรุงเทพ -เพชรบูรณ์

ติดตามนักทดสอบรถยนต์ Autodeft.com Bonn, หรือ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)

 

รถทดสอบ TR Transformer 4X4 M/T

TR Transformer 4X4 M/T

ราคาจำหน่าย 1,485,000 บาท 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY677]