Full Drive : 2014 Mitsubishi Pajero sport 2014 สุดท้ายก่อนเปลี่ยนโฉม ตัวตนที่ยังลงตัว

มาแล้วอย่างไว บททดสอบ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่ โฉมปี 2014 รุ่นสุดท้ายแล้วก่อนเปลี่ยนโฉมปีหน้า

 

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

“ปรับโฉมอีกแล้ว” .... ผมเผลอสบถ ออกไปท่ามกลางบรรยากาศในที่ทำงานที่วุ่นวาย จนทุกคนที่ต่างกำลังพัลวัน หันมาหาผม ถามว่ามีอะไรหรือ!!  หลังจากงง ก็กลายเป็นเสียงหัวเราะ

จะว่าไปการปรับโฉมในยุคนี้สมัยนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเรียกว่ามากันรายปีเพิ่มออพชั่นตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นและแม้  Mitsubishi Pajero Sport รุ่นปี 2014  จะไม่ใช่รุ่นใหม่รับโฉม แต่การปรับหน้าตาครั้งสุดท้าย แล้ว (มั้ง!!) ก่อนที่จะปรับตัวตนในปีหน้า ก็ยังดูลงตัว

ที่จริงภารกิจการขับทดสอบ  Mitsubishi Pajero Sport   ดูจะเป็นบังเอิญเล็กน้อย ด้วยเพราะทุกอย่างลงตัวอย่างเหมาะเจาะ แถมเหมือนเป็นการไถ่บาป จากที่ไม่ได้ไปร่วมทดสอบกลุ่มกับพวกเขา แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เพราะการมาขับเองทำให้เราได้อะไรหลายอย่างมากว่าผ่านมาผ่านไปแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

กายภายนอก  Mitsubishi Pajero Sport 2014  ยังคงตัวตนพี่บึ้กที่ดูสปอร์ต เรียกว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ครบทุกสิ่งในเส้นสายการออกแบบตั้งแต่เปิดตัวมา

หน้าตามีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อให้ดูทันสมัยขึ้นกว่าเดิม การเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ เป็นโครเมี่ยมเส้นตรงยาวทำให้รถดูโฉบเฉี่ยวมีความสปอร์ตมากขึ้น พร้อมโคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และไฟแบบ  HID (High Intensive discharge) หรือศัพท์ชาวบ้าน “ไฟซีนอน” พร้อมระบบฉีดล้างไฟหน้า ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบความทันสมัย ส่วนตัวผมให้ฉายารุ่นนี้ว่า "หน้า Outlander"  เพราะมีความเหมือนกับรุ่นพี่ใหญ่ Mitsubishi Outlander  ขาดแค่ปลายหางตาอีกเล็กน้อย ก็จะดูสมบูรณ์ขึ้นมากกว่านี้

ด้านข้าง Mitsubishi Pajero Sport 2014  มาพร้อมล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 17  นิ้ว พร้อมยาง 245/65/R17 ดูเต็มมากขึ้น เพิ่มดีกรีความสปอร์ตอีกหน่อย มาพร้อม กระจกข้างที่มีไฟเลี้ยวในตัว ลงตัวกับเส้นสายการออกแบบมากขึ้น ส่วนบั้นท้ายดูโดดเด่นมากด้วยไฟท้ายที่เปลี่ยนเป็นโคมขาวแดงแทนแบบเดิมดูแล้วมีความลงตัวเรื่องสปอร์ตได้ใจไปเต็มๆ

กระโดดเข้ามาภายในห้องโดยสาร  Mitsubishi Pajero Sport2014  ใหม่ การออกแบบที่ปรับตัวตนเดิมเพิ่มความทันสมัยที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น

การให้รายละเอียดด้วยภายในสีดำทำให้มันดุสปอร์ตลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างชัดแจ้ง รวมถึงยังตอบโจทย์เรื่องของความทันสมัย ด้วยเบาะนั่งคูหน้าปรับไฟฟ้า คงถูกใจสำหรับคนชอบออพชั่นหรูหลายๆ คน คอนโซลหน้าให้รายละเอียดด้วยการตบแต่งที่พยายามให้มีความคล้ายคาร์บอนเคฟล่าร์แต่ก็ต้องยอกรับว่ามันยังดูไม่เหมืนอย่างที่คาดนัก สำหรับใครที่คาดหวังตรงนี้

ส่วนการเพิ่มออพชั่นหลักๆ อยู่ที่ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และระบบความบันเทิงภายในรถที่ให้ระบบเครื่องเสียงใหม่ล่าสุด Mitsubishi Multi Entertainment system  รองรับ DVD,CD, MP3 ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว และยังมีระบบนำทางในตัวเอง  ผู้โดยสารตอนหลังมีจอเพดานเอาไว้ดูวีดีโอแยกส่วนไปเลย และทั้งหมดในห้องโดยสารกระหึ่มด้วยลำโพง 8 จุดในห้องโดยสาร มาพร้อมชุดขยายสัญญาณเสียงพาวเวอร์แอมป์ขนาด  420  วัตต์

การโดยสารตอนหลังยังคงความสบายเรื่องพื้นที่นั่งไม่เปลี่ยนแปลงเบาะนั่งตอน 2  สามารถปรับเอนได้ 2  ระดับ หายห่วงเรื่องพื้นที่วางขา แต่ถ้าเมื่อไร ที่คุณต้องยัดคน 7  คน เข้าไปในรถ ซึ่งก็คงน้อยครั้งมาก การชักเอาเบาะแถว 3  ขึ้นมายังคงต้องพึ่งมันสมองค่อนข้างมาก แต่ถ้าคุณใช้บ่อยจนรู้ก็จะไร้ปัญหาข้อนี้

เช่นเดิมใต้ฝากระโปรง Mitsubishi  ยังคงเส้นคงวาด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5  ลิตร VG Turbo   สมรรถนะเป็นเยี่ยมด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ดีที่สุดในกลุ่มเครื่องยนต์ 2.5  ลิตรดีเซล ทั้งหมด และยังให้แรงบิดสูงสุด 350  นิวตันเมตร ตั้งแต่  1,800-3,500 รอบต่อนาที เรียกเป็นมา ขับง่ายด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ  5 สปีด พร้อมระบบควบคุมอัจฉริยะ  Invect II Sporttronic  ซึ่งยังมี Paddle Shift  ติดปลายนวมมาให้ได้ใช้กันอีกด้วย

ไม่นานสงสัยที่ทำไมหลายคนยังประทับใจปาเจโรสปอร์ต นั่นเพรากำลังที่ดีเรียกว่าไม่อายหน้ารถยนต์อเนกประสงค์ประเภทเดียวกันที่ออกมาใหม่ๆ ในเรื่องของกำลังที่เทออกมาหมดหน้าตัก ตั้งแต่จุ่มคันเร่งเดินทางเข้าเมืองจากมิตซูบิชิ เจ้า  Mitsubishi Pajero Sport  ก็เป็นรถที่ให้ความลงตัวสมรรถนะอย่างชัดเจน ช่วงถนนวิภาวดีรังสิต การเร่งแซงในจังหวะช่วงสั้นทำได้ง่ายมาก จะเบี่ยงซ้ายแปรขวา ก็ค่อนข้างทำได้ลงตัว

น่าเสียดายที่พวงมาลัยของรถออกแนวหนักมือไปหน่อยในช่วงความเร็วต่ำมากๆ ทำให้เมื่อต้องเข้าจอดในที่จอดรถในห้าง ซึ่งมีความแคบ ประกอบกันรถมีความยาวพอตัว ทำได้ยากเสียหน่อย แต่มันก็ปกติของรถยนต์กลุ่มนี้ที่จะเน้นในเรื่องการควบคุมช่วงความเร็วสูงอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

การขับในเมืองอุปสรรค์เองขนาดตัวไม่ใช่ปัญหาเลยของ  Mitsubishi Pajero Sport  และเป็นหนึ่งในข้อดีของรถรุ่นนี้ มันสามารถขับได้หายห่วงไร้กังวลว่า จะแจกสีรถไปให้ชาวบ้านเพื่อนร่วมทางได้ขับรถไล่ตามมาโบกมือฝักกวักมือจอดข้างทาง

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามประเด็นที่ยังน่าเป็นห่วงก็คือในเรื่องอัตราประหยัดน้ำมัน ซึ่งก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แม้ Mitsubishi Pajero Sport  ใหม่ จะเป็นรถที่สำหรับเอาไว้เดินทางเวลาออกต่างจังหวัดมากกว่า แต่ท้ายที่สุดก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้มันขับเข้าเมืองประดุจเป็นรถโชว์ฐานะ และจากการขับขี่ของเราในเมืองผ่านวิภาวดีไปสุขุมวิท และสุขุมวิทกลับมาถนนแจ้งวัฒนะ ในวันศุกร์แห่งชาติ ที่มีการจราจรติดขัด ระยะทางกว่า 104 ก.ม. ในการเดินทาง การเติมน้ำมันคืนไป 420 บาท ได้มา  14 ลิตร ก็ทำให้กระอักกระอ่วนได้เหมือนกัน เมื่อรู้ว่ารถ Mitsubishi Pajero Sport  มีอัตราประหยัด  7.2 ลิตร/กิโลเมตรเลยทีเดียว

อย่างที่บอกว่า รถยนต์อเนกประสงค์ถูกออกแบบมาให้เป็นรถเดินทางมากกว่า แต่จะมีสักกี่ครั้งที่เราจะบรรทุกเต็มๆ จัดแบบหนักๆ ในการใช้จริง สำหรับ ผู้ที่ซื้อรถกลุ่มนี้หลายคนคงน้อยจริงๆ ทว่าการทดสอบครั้งนี้ของเรา กลับเป็นเกมสุดหินที่สุดของรถ  Mitsubishi Pajero Sport

 

อีกครั้งที่เรามาพบกับทีมจักรยาน Dramtical Rider  นักปั่นสายแข็ง ที่ครั้งนี้พวกเขาจะไปพิชิตเส้นทางถนนชนบทนาเกลือ ซึ่งตัดจากคลองโคลน ก่อนช่วงวังมะนาว แล้วอ้อมข้างหลังไปยังจังหวัดชะอำ

ที่นี่ลมแรงสุดขั้ว เส้นทางสุดไกล แดดร้อนได้ใจ เหมาะสำหรับนักปั่นสายแข็งตัวจริงเสียงจริง ..งวดนี้พวกเขาขาดรถเดินทางไปยังจุดหมาย เราจึงอาสาในการนำพา 7 นักปั่นไปยังปลายทาง โดยนอกจาก  7 เพื่อนรักนักปั่นแล้วยังพ่วงจักรยานอีก 2  คัน ห้อยท้ายไปด้วยแร็คขนจักรยานที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านจักรยานทั่วไปในราคาไม่เกิน   3,000 บาท พร้อมสัมภาระอีกนิดหน่อยติดตัวไปตามทาง

สิ่งที่ยากของการปรับรถ  Mitsubishi Pajero Sport  ให้เป็นรถ 7 ที่นั่ง คือการ ปรับพับเบาะแถว 3  ซึ่งต้องใช้วิชามารการเรียนรู้พอสมควร เลือกที่มีสองเส้นทำให้เรางงตอนจะปรับพับไปเหมือนกัน แต่เมื่อเข้าใจการใช้งานก็ง่าย หากเราหวังว่าในรุ่นใหม่ ซึ่ง  Mitsubishi วางหมากไว้ในปีหน้า น่าจะต้องพัฒนาในจุดนี้เป็นการด่วน

หากไม่ใช้เบาะนั่งแถว 3 และไม่ต้องบรรทุก 7 คน Mitsubishi Pajero Sport ใหม่  ก็ค่อนข้างตอบโจทย์เรื่องความอเนกประสงค์ได้ดี สามารถขนจักรยานเสือหมอบสองคัน แต่ต้องถอดล้อหน้าหลัง ถ้าไม่อยากห้อยต่องแต่งไว้ข้างนอกตัวรถ

แต่ ณ ตอนนี้ผู้โดยสารเราขึ้นรถครบแล้ว การเดินทางสู้ปลายทางคลองโคนก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งตั้งแต่ทดสอบ Pajero Sport  มายอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่นั่งเต็มพิกัดจริงๆ

ข้อดีของการบรรทุกผู้โดยสารเต็มเหยียดของ  Mitsubishi Pajero Sport ที่ชัดเจนเลยคงต้องยกให้ระบบกันสะเทือน ที่เลือกเซทด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเลือกใช้แบบทรีลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง ผสานโครงสร้างที่ได้ดีกรีมาจากกระบะ เน้นความสมบุกสมบันและรับน้ำหนักมา ทำให้พอขนผู้โดยสารเต็มอัตราเช่นนี้รถเลยดูมีการขับขี่ที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“เอ้ย Mitsubishi Pajero Sport” มันนิ่มขนาดนี้เชียวหรอ พี่นักปั่นคนหนึ่งพูดขึ้น ผู้เขียนก็เลยจัดแจงสาธยายให้ฟัง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันนิ่มกว่าจริงๆ ไร้ความกระด้าง ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับครอสโอเวอร์ แต่กระนั้นอำนาจการควบคุมก็ยังง่ายดาย  

เมื่อใช้ความเร็วพวงมาลัยจากหนักเริ่มมีน้ำหนักเหมาะมือมากขึ้น  Mitsubishi   เซทพวงมาลัยออกมาค่อนข้างคมมีระยะฟรีน้อย แต่ยังเผื่อนิดหน่อยตามสไตล์รถยนต์อเนกประสงค์ ที่ไม่ควรหักปั๊ปเลี้ยวเลยเราไม่งั้นคว่ำแน่ๆ  แต่ที่น่าชมเชยอีกประการ คงเป็นระบบเบรก ซึ่งแปลกที่มันไม่เบรกดีหน้าทิ่มตลอดเวลาเหมือนก่อน แต่มีความนิ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อถึงที่หมายเราลงจากรถมาสังเกตก็ไม่แปลกใจเลยเพราะในรุ่นใหม่ Mitsubishi Pajero Sport GT  ได้เปลี่ยนจากระบบเบรกหน้าดิสก์-หลังดรัมเป็นดิสก์  4  ล้อเรียบร้อย พร้อมจานเบรกระบายความร้อน แต่เท่าที่ถามจากทรีไดมอนด์มาจะมีเฉพาะในรุ่น  GT  และยังคงให้ระบบความปลอดภัยทั้งเบรกป้องกันล้อล็อค ABS  และ ระบบกระจายน้ำหนักแรงเบรก  EBD มาด้วย

และท้ายสุดหลังจากกลับจากปั่นจักรยานที่คลองโคน เรากลับเข้ามาเมือง พร้อมด้วยผู้โดยสาร  7  คนและจักรยาน 2  คัน เช่นเดิม  และยังเหลือน้ำมันอีก 1 ขีด พอจะวิ่งใช้ในเมืองอีกเล็กน้อย ทำให้อัตราประหยัดที่จะได้ออกมานี้ ไม่ใช่นอกเมือง 100 %  ซึ่งท้ายสุดด้วยความที่ยังไม่มีระบบตรวจสอบระยะทางที่เหลือได้เราจึงขับจนไฟโชว์เติมน้ำมันในระดับต่ำและ เราได้ระยะทาง 573.5  ก.ม. จากคู่มือของรถไฟเตือนจะแสดงเมื่อน้ำมันมีเหลือในถังเพียง  10 ลิตร ถัง Mitsubishi Pajero Sport มีขนาด 70  ลิตร  ลบออกไป 10 ลิตร  เหลือ  60  ลิตร และเราได้อัตราประหยัดที่ 9.5  ก.ม./ลิตร จากการเดินทางแบบเต็มพิกัดครั้งนี้

 

ยังโอเคอยู่สำหรับความอเนกประสงค์ แต่ถ้าไม่รีบปีหน้ารุ่นใหม่มาแน่!!

 

หลังจากส่งกุญแจคืน Mitsubishi จากบททดสอบครั้งนี่ คำถามแรกที่มักจะเจอเลยจากการขับรถใหม่ที่ขายมานานในตลาดกิยู่ที่ความคุ้มค่าในการจับจองเป็นเข้าของ ยิ่งรุ่นสุดท้ายก่อนปรับโฉม มักจะเป็นอะไรที่ตัดสินใจได้ยากมาก สำหรับลูกค้า

ถ้าถาม กับ  Mitsubishi Pajero Sport  ยังคงเป็นรถที่โอเคอยู่ ในแง่ของฟังชั่นการใช้งานในรุ่นโฉมปี  2014  นี้ เพิ่มระบบความบันเทิง  Mitsubishi Multi entertainment system   เข้ามาพร้อมระบบนำทางถือว่ามีความลงตัวมากขึ้น การปรับภายนอกก็ดูดีมากขึ้น ที่จริงดูดีกว่า Mitsubishi Triton ซึ่งก็ใช้กระจังหน้าแบบเดียวกัน  และการเปลี่ยนไฟท้ายใหม่นิดเดียวก็เปลี่ยนสไตล์ของรถไปได้อย่างไม่น่าเชื่อจริง

โจทย์ของ  Mitsubishi Pajero sport นั้นกับกลายเป็นการตีแสกหน้าคู่แข่งด้วยคำว่า ความคุ้มค่าที่จะเป็นเจ้าของ ซึ่งยอมรับว่าฟังชั่นต่างที่ให้มา สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง  ทำให้มันยังเป็นรถที่น่ามองในการใช้งาน ตบราคาแล้วอยู่ที่ 1,225,000 บาท ถ้าคุณรับได้ก็ซื้อเลย

อย่างไรก็ดี แม้รถจะดีคุ้มค่า แต่เมื่อปีกลาย Mitsubishi เผยแผนใหม่ว่าในปี 2015  จะแนะนำ  Mitsubishi pajero Sport  ใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าคุณไม่รีบผมขอแนะนำให้รอดูดีกว่า ...

 

เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

 

ขอบคุณรถทดสอบ  Mitsubishi Pajero Sport MY 2014 จากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

 

รถทดสอบ Mitsubishi Pajero sport MY(Model Year) 2014

Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT 

ราคาจำหน่าย 1,225,000 บาท

อัตราประหยัดในเมือง	7.2 ก.ม./ลิตร
อัตราประหยัดนอกเมือง	9.5 ก.ม./ลิตร

 

การทำงานของเครื่องยนต์ 2.5 VG Turbo

ความเร็วที่เดินทาง	รอบเครื่องยนต์
80	1500
90	1700
100	1900
110	2100
120	2300

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY351]