Full Review : MG 5 turbo 1.5 X sunroof ..... ตัวตนแท้จริงวิญญาณซิ่งจากอังกฤษ
- โดย : Autodeft
- 4 พ.ค. 59 00:00
- 50,795 อ่าน
กล่าวถึงค่ายรถยนต์น้องใหม่ในประเทศไทย MG หรือ Morris Garage เป็นบริษัทรถยนต์ที่ได้รับการจับตามาโดยตลอด ด้วยกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของคนไทยจับมือกับบริษัท SAIC Motor ของประเทศจีน ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พวกเขาก้าวหน้ามากขึ้น จนเราเริ่มเห็นรถยนต์ยี่ห้อนี้บนถนน
ย้อนไปเมื่อปีกลาย MG 5 เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาทำให้ MG เริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังพวกเขาประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งจากรถยนต์ซับคอมแพ็คคาร์ MG 3 แต่ก็โดนครหาเรื่องระบบเกียร์ว่ายังใช้งานยาก และไม่เหมาะกับคนทั่วไปที่อาจจะไม่ใส่ใจเรื่องการเรียนรู้ระบบเครื่องยนต์กลไก หรือ มันดูกระดิ้นดุกดิกในยามความเร็วต่ำ ทำให้ MG 5 ในฐานะรถยนต์รุ่นใหม่ถูกจับตามองจากสังคม ด้วยราคาที่ไม่แพงเกินเอื้อม
เจอหน้าครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่ลองขับครั้งแรก งานเปิดตัว .. MG 5 เห็นปั๊ปก็รู้ทันทีว่ามันแตกต่างในการออกแบบจากรุ่นอื่นในค่าย แม้การปรับรถยนต์ Mg6 เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา จะทำให้มันมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น แต่ MG 5 กลับเป็นรถยนต์รหัสร้อนที่ดูสดใส และทันสมัยมากกว่า
ใบหน้าเริ่มต้นด้วยการออกแบบตามฉบับ MG เน้นความเรียบง่ายดูสปอร์ตมีกลิ่นอายความปราดเปรียว เส้นสายการออกแบบมีความคมเข้มมมากขึ้น โดยเฉพาะ ช่วงฝากระโปรงหน้ามีสันจมูก พร้อมตราสัญลักษณ์ MG ขนาดใหญ่บอกถึงตัวตนที่แท้จริง
โคมไฟหน้าให้แบบโปรเจคเตอร์ ปรับสูงต่ำได้ น่าเสียดาย MG ไม่ให้ไฟหน้าแบบ HID มาให้ลูกค้า รวมถึงการจัดออพชั่นก็ดูประหลาด ด้วยในรุ่นไหนก็ตามที่มีไฟ Day Time Running Light (DRL) มาให้ จะขาดไฟตัดหมอก แต่ถ้าคุณตัดสินใจว่าไฟตัดหมอกหน้าสำคัญสำหรับชีวิต คุณก็จะไม่ได้ไฟ DRL .... แถมยังหมดหล่อขาด ซันรูฟ น่าแปลกที่ออพชั่น ไม่สำคัญอย่างไฟตัดหมอกหลังมีมาให้ในทุกรุ่น เช่นเดียวกับกระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า รวมถึงปัดน้ำฝนหน่วงเวลาได้
ส่วนเส้นสายทางด้านข้างค่อนไปทางรุ่นพี่ MG 6 มองเผินๆ อาจจะนึกถึงเจ้า Lift Back ท้ายลาด ด้วยเส้นสายการออกแบบคล้ายกัน โดยเฉพาะช่วงตอนหลัง ออกทรงไปทางรถคูเป้ ดูสปอร์ตลงตัว พร้อมล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว กว้าง 6.5 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง 205/55/R16
น่าเสียดายทรวดทรงที่สวยงามและดูหล่อของมัน กลับเป็นรถสี่ประตูซีดานธรรมดา ยิ่งทำเอาหลายคนเซ็งไปตามๆ ผมเชื่อว่ารถจะดูหล่อได้มากกว่านี้ ถ้ามันออกแบบในสไตล์ Lift Back ท้ายลาดแบบพี่ชาย MG6
รับกุญแจพร้อมขับขี่เห็น...แล้ว พาลเอาเซ็งจิตไม่น้อย MG 5 ยังไม่ใช้ระบบ Keyless Entry เหมือนค่ายรถยนต์รายอื่นในตลาด การไร้ระบบ Keyless คุณเองก็เลยต้องเลิกหวังกับปุ่มสตาร์ท แล้วเปลืองแคลอรี่นิดหน่อยในการบิดกุญแจสตาร์ท ....อย่างน้อยก็รู้สึกดีกว่าใน MG6 ที่เป็นสไตล์ยัดกุญแจแล้วกด.
ภายในห้องโดยสาร MG 5 ถูกออกแบบให้มีความสปอร์ตมากมาย น่าเสียดายความสปอร์ตที่ทาง MG จัดชุดใหญ่ต้อนรับสาวก อาจจะกลายเป็นสิ่งที่บางคนรับไม่ได้
อย่างแรกที่เห็นคงไม่พ้นเบาะนั่งคู่หน้าทั้งหมดปรับอัตโนมือด้วยการหมุน ฝั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ไม่ว่าการปรับเบาะสูงต่ำหรือพนักผิงหลัง ทั้งหมดใช้วิธีการบิดหมุนคล้ายเบาะสปอร์ต ที่สำคัญทาง MG ให้ตัวดันหลัง Lumbar Support มาด้วย เท่าที่ลองใช้ดูมันแค่เพิ่มการดันช่วงก้นกบมาให้อีกนิดหน่อย พอที่คุณจะรู้สึกได้ ผมมองว่าฟังชั่นนี้อาจจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ถ้าหาก คุณนั่งและจัดท่านั่งในระหว่างขับขี่อย่างถูกต้อง และด้วยเงินที่ทำตัวดันหลังนี้ MG เอาไปใส่อย่างอื่นน่าจะดีกว่า
ด้านเบาะคนนั่งสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ตัวเบาะมีขนาดใหญ่พอสมควร ส่วนด้านหลังเบาะดูนั่งสบายในสายตามีระยะวางขาพอสมควร ตัวเบาะสามารถปรับพับได้แบบ 100% ไม่สามารถแยกพับได้ เหมือนรุ่นอื่นๆ แต่จะว่าไป ก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก หากเอาเข้าจริงก็แคบพอสมควร มีพื้นที่เพียงนั่งได้ ไม่หวือหวาเท่าที่คิดเท่าไรนัก
เรื่องการตบแต่งภายใน MG5 turbo 1.5 X Sunroof มาพร้อมการตบแต่งภายในสีดำ ตัวเบาะนั่งทั้งหมดให้ในสีครีมเบจ เพิ่มความรู้สึกว่าห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ ตรงหน้าคนขับให้ไมล์เรืองแสง บอกความเร็วสูงสุด 220 ก.ม./ช.ม. ในเรือนไมล์ตรงกลางมีหน้าจอแสดงผล พวงมาลัยสามารถปรับสูง-ต่ำได้ แต่ยืด-หดไม่ได้ รวมถึงเราหาที่เปิดฝากระโปรงหลังในรถไม่เจอ ก็ไม่รู้ว่ามันขาดไปได้อย่างไร และน่าจะมีมาให้
บังแดดให้กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องมาด้วย เป็นอะไรที่น่าจะถูกใจหนุ่มเจ้าสำอาง หรือสาวนักแต่งหน้าทั้งหลาย และใต้เบาะฝั่งคนนั่งยังมีที่เก็บของอีกด้วย
เรื่องความบันเทิง จัดมาเต็มความต้องการ ด้วยเครื่องเสียงทำงานผ่านหน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ทุกรุ่นมาพร้อมระบบ inkanet ฟังชั่นถูกใจแม่บ้านที่เรายังไม่ได้ลองเล่น ทุกรุ่นยังมีระบบนำทางในตัว รุ่นที่เราขับให้ลำโพงถึง 6 จุด เสียงขับกล่อมกระหึ่มมากพอในระดับที่น่าพอใจ แต่ถ้าคุณชอบความเร้าใจ ตึ๊บๆ เบสหนักๆ อาจจะต้องเพิ่มซับวูฟฟเฟอร์อีกหน่อย ...
ลองในเมือง..เร้าใจได้อารมณ์ แต่ค่อนข้างซดน้ำมัน
บิดกุญจสสตาร์ทเครื่องยนต์ MG 5 Turbo พร้อมสันทนากการยามขับขี่ด้วยขุมพลังแบบ 4 สูบแถวเรียง TCi Tech ควบระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จมาให้เร้าอารมณ์กว่าขุมพลังตัวอื่นๆ ขนาด 1.5 ลิตร เจ้าขุมพลังตัวนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 127 แรงม้าสูงสุดที่ 5,500 รอบต่อนาที ฟังดูแล้วก็ไม่ได้มากมายกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรเท่าไร หากว่ากำลังแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ให้สนุกสนานตั้งแต่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที เทียบเท่ากำลังแรงบิดจากเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ส่งลงระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมโหมดสปอร์ต
เริ่มต้นออกเดินทาง MG 5 ตอบความเร้าใจทันที เพียงคุณปล่อยเบรก รถก็จะแล่นอย่างรวดเร็ว ในย่านความเร็วต่ำ แม้นจะย่องด้วย Walking Speed โดยที่คุณไม่แตะคันเร่งมันก็มีความเร็วในระดับที่น่าประทับใจ 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง มากพอให้คุณจะไม่ต้องย่างเท้าไปแตะคันเร่งในชั่วโมงรถติดหนัก แค่คุมเบรกอย่างเดียว ก็เหลือๆในการใช้งาน ไหลตามไฟแดงรถคันข้างหน้า
พวงมาลัยเพาวเวอร์แบบไฟฟ้า ช่วยให้รถคล่องตัวมากขึ้นในการขับขี่ บุคลิกพวงมาลัยออกมาในทางความสปอร์ต มันแม่นยำในระดับหนึ่ง หากมันมีน้ำหนักพอตัวจนผมเผลอเข้าใจผิดว่าเป็นพวงมาลัยไฮดรอลิกธรรมดาด้วยซ้ำไป พวงมาลัยไร้ระยะฟรี ทำให้ควบคุมได้ตามความต้องการ แถมตัวรถที่มีขนาดระดับคอมแพ็คคาร์ด้วยความยาว 4,612 มม. กว้าง 1,804 ม.ม. และ สูง 1,488 มม. มาพร้อมฐานล้อยาว 2,650 มม. ใหญ่กว่า B Car ทั่วไป จนคิดว่าเป็นคอมแพ็คคาร์ และฝากระโปรงหลังจุถึง 480 ลิตร สบายใจสำหรับรรดาคนชอบเปลี่ยนรถเป็นบ้านทั้งหลาย ผมลองยังพิมพ์เดือนทดสอบก็สามารถนอนได้อย่าสบายเลยทีเดียว
ถึงจะเพียงไม่กี่มิลลิเมตรในเรื่องความยาวเทียบกับความยาวรถกลุ่มคอมแพ็คคาร์ หากมันมีผลมากถ้าคุณต้องมุดในยามขับขี่ หรือหาที่จอดรถตามข้างที่เริ่มหายากมากขึ้นทุกวัน แน่นอนมันอาจจะทำให้พื้นที่ในการโดยสารและการจัดท่านั่งให้ความสบายหายไปบ้าง แต่จะว่าไปก็ไม่มากมายจนคุณสังเกตได้ทันทีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
ถึงจะสั้นกว่าเมื่อเทียบกับคอมแพ็คคาร์ ทว่าเจ้า MG5 กลับเจอตอเข้าอย่างจังด้วยน้ำหนักตัวที่หนักอึ้งของมันถึง 1,315 กก. ทำให้เวลาขับขี่ด้วยความเร็วต่ำบางจังหวะอาจจะรู้สึกไม่คล่องตัวเท่าที่ควร
ยิ่งเมื่อคุณขับด้วยความเร็วระดับหนึ่งจะพบอาการเทอร์โบรอรอบในการทำงาน หรือ Turbolag ในช่วงช่วงระหว่าง 1,700-1,900 รอบต่อนาทีโดยประมาณ บ่อยครั้งในช่วงจังหวะเดียวกันเป็นช่วงเหมือนระบบเกียร์กำลังคิดว่าจะสับไปเกียร์ไหนดีอาจมีทำเสียอารมณ์ ทำให้คุณก็ยังต้องปรับตัวให้ชินกับจังหวะการทำงานของเทอร์โบทำงาน
ด้านช่วงล่างเซทมาด้วยด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม H Shape และคานขวางแบบ U Shape ทาง MG เซทช่วงล่างมาให้สปอร์ตจ๋าๆ เหมาะสำหรับคนชอบความเร็ว นักมุดแห่งท้องถนนหรือ นักซิ่งยามรัตติกาลตัวจริง คุณสามารถโยนโค้งได้สบายใจหายห่วงและสนุกไปกับมัน หรือจะต้องรีบประชุมแบบด่วน ไปด้วยความเร็วในแบบที่คุณไม่เสียวสันหลังวาป เมื่อกระโดดจากเลนซ้ายสุดไปเลนขวาสุด หรือเจอลูกเนินลูกระโดดที่ความเร็วสูง เกิน 140 กม./ช.ม. ขึ้นไป
แถมในยามขับขี่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบวิ่งอย่างเร้าใจ แรงบิดของมัน จะทำให้คุณหายไปท่ามกระแสจราจรของพวกช้าชิดขวาอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเจ้าของซีดานกลางบางรุ่นอาจจะกัดฟันกรอด ...และที่สำคัญ ความเร็ว 160 กม/ชม เป็นเรื่อธรรมดาๆ ที่คุณทำได้ทุกวัน แต่ถ้าอยากทำถึง 200 ก.ม./ช.ม. ตามที่ MG เคลม อาจจะต้องใช้เวลาและระยะสักหน่อย
อย่างไรก็ดีเบื้องหลังการท้าชิงความเป็นเจ้าถนนสุดท้าทาย คุณก็จำต้องแลกมาด้วยค่าน้ำมันแสนแพงลากเลือดเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรด้วยอัตราประหยัด 8.59 ก.ม./ลิตร จะว่าไปซดเท่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเช่นกัน
นอกเมืองเร้าใจ ขับสนุก แต่ไม่สบาย
เวลาของคนเมืองผ่านพ้นไป การหาคำตอบกับรถยนต์ MG5 ไปสู่โจทย์ต่อไป ด้วยการเดินทางนอกเมือง....
วันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีกระมัง ผมได้แขกพิเศษมานั่งเต็มรถ โดยมีพี่ชาย และคุณพ่อของเดือน มาเดินทางไปพร้อมกับเรา มีปลายทางอยู่ที่หัวหิน ชายทะเลยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่อยากจะไปพักผ่อนในวันหยุด
การเดินทางของเรายังคงใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ด้วยเส้นทางปกติ ถนน พระราม 2 มหาชัย วังมะนาว ต่อไปยังเพชรบุรี แต่เพื่อหลบเลี่ยงการจราจรอันหนาแน่น ประกอบกับ เราตั้งใจจะไปเข้าวัดทำบุญที่วัดห้วยมงคล กราบไหว้ หลวงพ่อทวด ผมจึงแยกเข้าไปยังถนนหนองหญ้าปล้อง ตั้งแต่ช่วงเพชรบุรี แล้ววิ่งยาวๆสบายๆ ไปยัง หนองพลับ อำเภอหัวหิน
ตลอดเส้นทางสิ่งที่ประทับใจ MG5 ยังคงเป็นกำลังเครื่องยนต์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รถตอบสนองดี โดยเฉพาะยามที่คุณขับรถใช้รอบเครื่องยนต์เดิน 2000 รอบต่อนาทีขึ้นไป ผ่าจุดเทอร์โบรอรอรอบมาแล้ว รถจะตอบสนองต่อการเร่งดีมาก จนทำให้ บางครั้ง เหลียวมองหน้าปัด แวบเดียว คุณไปยืนอยู่ที่ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม.
อย่างไรก็ดี ถึงจะตอบสนองในการเร่งดีเมื่อผ่านช่วงรอรอบ ตั้งแต่ความเร็ว 110 กม./ช.ม. ขึ้นไป เนื่องจากความเร็วรอบเครื่องจะป้วนเปี้ยนที่ 2100 รอบต่อนาที หากยามที่คุณเจอรถช้าข้างหน้าในยามขับรถบนถนน 2 เลน สวน หรือ ลดความเร็วต่ำเกินไป เราพบว่า รถจะออกอาการกำลังห้อย สาเหตุจากการรอรอบเทอร์โบทำงานถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม แต่เจ้าเกียร์ที่สามารถช่วยได้ ในการลดตำแหน่งเพิ่มอัตราทด กลับไม่ตอบสนอง หรือกว่าจะตอบสนองก็ช้ารำไร มีให้เห็นบ่อยครั้ง
ระบบกันสะเทือนจากที่ขับสนุกสนานในเมือง เปี่ยมความสปอร์ตในการใช้งาน เข้าโค้งสุดมันส์ ก็ยังวางใจได้เหมือนเดิม ข่าวร้ายคือ มันไม่ถูกใจพ่อตาแม่ยายคุณแน่เมื่อนั่งทางไกลมากๆ รถค่อนข้างกระเทือนมากกว่ารถคอมแพ็คคาร์ ทว่าก็มั่นใจกว่าซับคอมแพ็คคาร์ระดับเดียวกัน ด้วยต้นสายปลายเหตุจากการเซทช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ประหยัดงบประมาณทำระบบช่วงล่าง
ถึงจะต้องยอมรับว่ามันมีดีกว่าซิตี้คาร์หรือกลุ่มซับคอมแพ็คคาร์ แต่ท้ายที่สุดแล้วความสามารถในการซับแรงกระแทกของระบบช่วงล่างทอร์ชั่นบีมก็มีข้อจำกัดในระดับหนึ่งเท่านั้น แน่นอนมันนั่งไม่สบายถ้าเจอถนนไม่เรียบ ยังดีที่ระบบช่วงล่างนี้รองรับความเร็วสูง มันยังมีบุคลิกความสปอร์ต แม้จะออกไปทางแข็งกระด้าง แต่โช๊คและสปริง ตอบสนองการยุบและคืนตัวอย่างรวดเร็ว หลุมบ่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว และทุกคนก็จะรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนจากถนนพอๆกัน
ด้านการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ถือว่ากลางๆ ไม่หวือหวา ยังดีที่เสียงจี๊ดเทอร์โบจากเครื่องยนต์ไม่วี๊ดลั่นตลอดทางให้รำคาญใจจนเสียสมาธิในการขับขี่
อย่างไรก็ดีในเรื่องการโดยสาร เริ่มส่อเค้าปัญหามากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเบาะคนขับอาจจะทำให้เมื่อยล้ามากขึ้น เมื่อขับรถต่อเนื่องเป็นเวลานาน ถึงจะมีระบบดันหลังหากมันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น คำแนะนำผมคือ จอดทุก 150-180 กิโลเมตร จะช่วยได้มาก ส่วนฝั่งคนนั่งก็มีเสียงจากเดือนว่า มันนั่งไม่สบายสักเท่าไร เมื่อเดินทางไกล
ที่นั่งตอนหลังที่ดูด้วยสายตาค่อนข้างกว้าง และนั่งสั้นๆ อยู่ในระดับที่โอเค พอเดินทางไกลกลับกลายเป็นไม่น่าจะนั่งสบาย โดยเฉพาะใครที่มีเพื่อนสูงใหญ่ หลังคาทรงคูเป้นั้น อาจจะทำให้หัวเกือบถึงหลัง นั่งแล้วรู้สึกว่าเหมือนอัดในที่แคบ ยังดีณมีพื้นที่ห้องสัมภาระท้ายมโหราฬ มากพอจะยัดกระเป๋าทุกคนเข้าไปได้ในยามเดินทางไกล
MG5 Turbo ...สมรรถนะลงตัว..ฟังชั่นไม่โอเค
อยู่กับ MG5 มาหลายวัน ถ้าถามว่า รถคันนี้มีความประทับใจอะไรบ้าง คงต้องกล่าวว่า มันลงตัวมากกว่าที่ตาเห็นด้วยการออกแบบที่ดูทันสมัย อันที่จริงผมว่ามันเหมือน MG6 ย่อส่วนด้วยซ้ำไป
ตัวรถดูสปอร์ต ด้วยแนวทางการออกแบบง่ายๆ แม้หลายคนอาจะตะขิดตะขวงใจเรื่องรถมีทรวดทรงยาว แต่จะว่าไป MG ก็ไม่ใช่เจ้าแรกที่เป็นแบบนี้ ที่สำคัญพวกเข้าทำออกมาได้
เรื่องภายในห้องโดยสารออกแบบมาได้โอเค ติดตรงที่เบาะนั่งคนขับนั่งไม่สบายปรับหาท่านั่งยากชิบหาย!! กว่าผมจะนั่งจนไม่ต้องปรับเบาะก็ใช้เวลานานหลายวัน เรื่องระบบดันหลังมีมาให้ก็ดี แต่ใช้งานแล้วบอกเลยว่า ไม่มีเสียดีกว่า เอาเงินที่ทำระบบนี้ไปออกแบบเบาะใหม่ให้ลงตัวมากขึ้น ให้คนขับนั่งสบาย หรือจะจัดเบาะสปอร์ตมาเลยก็เป็นความคิดที่เข้าท่าไม่น้อย
ส่วนฝั่งคนนั่ง และผู้โดยสารตอนหลังนั่งสบายถ้าเดินทางในเมืองหรือไปใกล้ๆ แต่ถ้าคิดว่าจะนำ MG 5 ท้าคนอึดเดินทางไกลอยากบอกว่า ควรเตรียมตัวเตรียมใจรับคำบ่นให้ดี
ถึงจะนั่งไม่ค่อยโอเค แต่ถ้าคุณอยู่ในฐานะโชเฟอร์ รับรองว่าจะรัก MG5 อย่างไม่ต้องสงสัยถ้าเทียบความสามารถของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบใน MG5 ใหม่ กับรุ่นอื่นๆ ต้องพูดตามตรงว่ามันน้อยกว่า กำลังสูงสุดเพียง 127 แรงม้า ไม่ต่างจากเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ทั่วๆไป ยังดีที่วิศวกรปรับกำลังออกมาจากเครื่องยนต์ 210 นิวตันเมตร มันมีดีมากพอๆกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร และทำให้คุณมั่นใจในการแซงรถดีกว่าเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรธรรมดาทั่วไป
ระบบเกียร์อัตโนมัติธรรมดา 6 สปีด ผมเองก็เคยชมว่ามันดีมากกว่า Selematic ในน้องเล็ก MG3 หรือระบบเกียร์คลัทช์คู่ใน MG6 แต่เอาเข้าจริงก็ยังเหลือรายละเอียดเล็กๆ ที่ยังต้องปรับเสริมเติมแต่ในเรื่องความฉลาดของเกียร์ หรือไม่ก็อาจจะเพราะระบบเกียร์ต้องอาศัยการเรียนรู้ในการขับขี่ระยะยาว ซึ่งเราอาจจะต้องขับมันเป็นเดือนระบบถึงจะจดจำจังหวะของผู้ใช้
อันที่จริงแล้ว ผมคิดว่าปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่ระบบเกียร์ด้วยซ้ำ แต่อาจจะอยู่ที่เครื่องยนต์ที่มีอาการรอรอบของเทอร์โบชาร์จในจังหวะช่วง 1,500-1,900 รอบต่อนาที เป็นช่วงเทอร์โบกำลังจะเริ่มกำลังการทำงาน เพียงแต่เมื่อกำลังจะเริ่มแล้วช่วงคุณขับมา ปรากฏ บูสต์ร่วงต่ำกว่าช่วงเทอร์โบทำงาน เกียร์จะคิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่า เฮ้ย ฉันควรจะคงเกียร์ไว้หรือสับเกียร์ลงแล้วให้มันเร่งปรู๊ด!! ไป หรือทำไงเจ้ากเกียร์ชุดนี้ก็เลยปล่อบให้คุณห้อยเกียร์สัก 4-5 วินาที ฟังดูอาจจะไม่เยอะมากมาย แต่ถ้าคุณขับเร็ว มีเพื่อนตามมาซิ่งด้วย แค่ช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจจะทำให้เพื่อคุณแซงปลิวหายไปกับการจราจร
ทางออก..รึ ..สำหรับผม อยากนำเสนอให้ MG จูนเครื่องยนต์เพิ่มกำลังอีกนิดหน่อยเป็น 130 แรงม้า กลางๆ ก็น่าจะหมดปัญหานี้ได้ หรือไม่ ถ้าเน้นงานเนียนเอาใจสาวกจริง ทีมวิศวกร MG ก็น่าจะหาเทอร์โบที่มีขนาดเล็กกว่านี้ เพื่อลดการรอรอบ เนื่องจาก MG 5 บูสต์แค่ 14.5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว มันไม่มากมายเท่าคู่แข่ง ผมเลยไม่หวังกับการใส่เทอร์โบแปรผัน เพราะมันทำให้ความสนุกสนานในการขับขี่หดหายไปด้วย และทำให้รถดูไม่แรงในความรู้สึกเวลาขับขี่ .... และเมื่อลดการรอรอบอัตราเร่งจะรวดเร็วขึ้น .... 1-2 วินาที มีผลเสมอในการขับขี่ ....
ตารางผลการทดสอบอัตราเร่ง รถยนต์ MG5
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ช.ม. |
9.966 |
10.400 |
9.990 |
10.119 |
อัตราเร่ง 80-120 กม./ช.ม |
7.000 |
8.000 |
7.000 |
7.333 |
หมายเหตุทดสอบด้วยน้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 95 ถนนลาดยาง ผู้โดยสาร 2 คน
สำหรับผม MG5 คือ ตัวตน MG ในแบบที่พวกเขาอยากเป็นมานาน มันคือรถคอมแพ็ค... เอ๊ะ!! แต่ผมถาม MG ย้ำความแน่นอนกับทางการตลาด พวกเขายอมรับว่า MG5 เป็นเพียงซับคอมแพ็คคาร์ที่เพียงแค่มีเรือน่างใหญ่เท่าคอมแพ็คคาร์ .... เท่านั้น
เรื่องนี้ผมเห็นด้วย ไม่ใช่ในแง่ของกำลังการขับขี่ หากเป็นเรื่องของระบบช่วงล่างที่ให้มาในแบบทอร์ชั่นบีม ตลอดจนออพชั่นหลายอย่างที่ขาดหายไปในรถคันนี้ และห้องโดยสารที่ยังต้องการการพัฒนาต่อไปในเรื่องความสบายในการโดยสาร ตลอดจนพื้นที่โดยสาร ซึ่งราคา 759,000 บาท เป็นค่างวดที่ค่อนข้างแรงกับรถซับคอมแพ็คคาร์คันนี้ แต่ถ้าคุณมีโอกาสสัมผัสจะค้นพบนิยามแตกต่างในการขับขี่ มันเร้าใจ มันสนุกสนาน และไม่สบายในการเดินทาง หากมันส์ในอารมณ์ทุกครั้งที่หัวเราะเยาะรถแต่งหรือ รถซิ่งที่รู้สึกกระสันคันมืออยากจะลองรถที่มีป้ายแปะว่า “Turbo” ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบจากโรงงาน
ผมเสริมให้ MG อีกอย่างเป็นของแถม ผมมองว่า MG น่าจะทำรุ่นเกียร์ธรรมดาของเครื่องยนต์เทอร์โบมาลองตอบตลาดบ้าง ...จริงอยู่ที่มันอาจจะขายได้น้อย แต่มันจะมีราคาถูกว่านี้ และสำหรับคนบ้ารถอยากได้รถที่มีสมรรถนะดีไปขับ เชื่อเลยว่า พวกเขาจะซื้อ และมันจะทำให้ชื่อ MG5 รู้จักดีมากขึ้นในฐานะรถยนต์ที่มีชื่อเสียง ในราคาที่คบหาได้ ไม่ใช่พูด MG ..กับคนทั่วไป อย่างเช่นพ่อของเดือน “อ่อ รถซีพี ..รถจีนอ่ะหรอ”.. นั่นคือความจริงที่โหดร้าย !! จนผมอดที่จะตั้งฉายาจากคำกล่าวนี้ว่า MG-5 Real Spirit of China Racing
MG 5 คือรถยนต์ซับคอมแพ็คคาร์ ที่เปี่ยมสมรรถนะ แต่ดันขาดบางฟังชั่นที่จำเป็นไปอย่างน่าเสียดาย ราคา 759,000 บาท ไม่ได้แรง เมื่อนับสมรรถนะในการขับขี่ ที่ดีมากเกินตัว ยิ่งถ้าคุณเป็นคนชอบแต่งรถบอกเลยว่า MG5 คือตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งในชั่วโมงนี้ มันเหมาะที่จะมาใส่แม็กใหญ่ทำท่อ ใส่เบาะซิ่ง และเพิ่มกำลัง (ถ้ามีงบมากพอ) หากคุณจะขาดหลายฟังชั่นในการใช้งาน แต่คุณจะได้ความเร้าใจทุกครั้งที่ขับมันไปบนถนน....และเป็นเสน่หืที่คุณจะหาไม่ได้จากรถคันอื่นในราคาเดียวกัน..
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@awnattayodc), Blog ส่วนตัว
เสียงจากพิมพ์เดือน ...
สวัสดีค่ะ ..เดือนค่ะ ... MG5 เป็นรถที่เดือนอยากลองมานาน เห็นทีแรกยอมรับนะว่าการออกแบบรุ่นนี้ของ MG ดูดี เสียดายดันเป็นซีดานค่ะ เดือนว่า เป็น Lift Back ก็น่าสนใจไม่น้อยนะคะ .. แถมตัวรถดูใหญ่พอกับคอมแพ็คคาร์บางรุ่นเลยนะ
เรื่องภายในเดือนไม่ชอบความเป็นทูโทน .. และเบาะนั่งคนขับก็หาท่ายากมาก!! มันเป็นรถที่ขับแล้วต้องปรับเบาะทุกไฟแดง กลับกันเบาะคนนั่งดันนั่งสบายหายห่วงเสียอย่างงั้น ทว่าเอาเข้าจริงนั่งทางไกลก็เมื่อยอยู่ แถมเบาะแถวหลังดูกว้างในสบาย นั่งเข้าจริงก็ไม่ต่างจากซิตี้คาร์รุ่นอื่น คุณภาพการนั่งอยู่ในระดับกลางไม่หวือหวา หากที่น่าแปลกใจกลับเป็นห้องเก็บสัมภาระท้ายมันกว้างมา เดือนสามารถเข้าไปนอนได้อย่างสบาย
ส่วนเรื่องการขับขี่เดือนว่าน่าจะถูกใจคนชอบรถซิ่ง ขับรถแรงๆ เครื่อง 1.5 เทอร์โบ อาจจะฟังดูแรง เอาเข้าจริงก็ไม่เท่าที่เพื่อนอาจจะต้องการจากคำว่า “เทอร์โบ” แต่เดือนอยากจะบอกว่า อย่างน้อยี่สุดช่วงล่าง MG5 ก็ไว้ใจได้สมความเป้นรถเทอร์โบมากวก่าคู่แข่งบางรุ่นที่ Bonn เคยเอามาลองไปแล้ว เข้าโค้งมั่นใจ ความเร็วสูงก็ยังมั่นใจ
และท้ายสุดเพื่อนๆก็ต้องทำใจเรื่องอัตราประหยัดน้ำมันบ้างนะคะ ... โดยเฉพาะในเมือง แต่มันไม่เลวร้ายถึงขนาดน้ำมันหายตัว
รถทดสอบ MG 1.5 Turbo X Sunroof
ราคาจำหน่าย 759,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> การออกแบบที่สปอร์ตสวยงาม ความลงตัวที่งามสง่า และสมรรถนะในการขับขี่ของเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> เบาะนั่งที่ปรับหาท่านั่งยาก และฟังชั่นที่เปรียบเพียงเท่ารถคอมแพ็คคาร์ เครื่องยนต์ยังมีอาการรอรอบเล็กน้อยในระหว่างการขับขี่ และระบบเกียร์ที่อาจจะยังต้องมีการปรับจูนอีกหน่อย
สิ่งที่อยากให้มี >> ฝากเสนอ ระบบ Paddle Shift , ระบบ Cruise Control รวมถึงจูนเครื่องยนต์ลดอาการรอรอรอบอีกหน่อยน่าจะดี และ ถ้าวิศวกรว่างพอ ผมว่า รุ่นนี้ทำ Lift Back มาขาย น่าจะเข้าท่าไม่หยอกเลยทีเดียว ... เชียวล่ะ
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >> นี่คือรถซับคอมแพ็คคาร์ ที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่น่าพอใจ มันคือ MG ที่ดีที่สุดในชั่วโมงนี้ ในระดับราคาไม่เกินล้านบาท สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม เสียเพียงคุณจะขาดฟังชั่นหลายอย่าง และการโดยสารก็ไม่สบายเท่าที่คิด ..จงตัดสินใจในการเลือกซื้อให้ดี
เรื่องที่ไม่ได้ลองในการทดสอบครั้งนี้ >>>> ระบบ inkanet
สรุป อัตราประหยัดในระหว่างการทดสอบ
อัตราประหยัด |
กิโลเมตร/ลิตร |
ในเมือง |
8.59 |
นอกเมือง |
12.32 |
Bonn Test Mode |
13.59 |
สรุป การทำงานของเครื่องยนต์
ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง (กิโลเมตร/ชั่วโมง) |
รอบเครื่องยนต์ที่เกียร์สูงสุด (6) |
90 |
1700 |
100 |
1900 |
110 |
2100 |
120 |
2300 |