Hands on : Mercedes Benz C 350 e AMG Dynamic หรูประหยัดเสียบปลั้กสมรรถนะพร้อมซิ่ง
- โดย : Autodeft
- 4 ก.พ. 59 00:00
- 99,033 อ่าน
พบบทดสอบรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กจากค่ายดาวสามแฉก กับครั้งแรกขงองตัวหรูที่ทั้งแรงและประหยัดสุดๆ Mercedes Benz C350 AMG Dynamic
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ทุกวันนี้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยียานยนต์ ทำให้ยานยนต์ในปัจจุบันได้ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ของการขับขี่ในยุคก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณพูดถึงรถแรงที่มาพร้อมความประหยัดในการขับขี่ เชื่อเลยว่าใครได้ยินก็ยังคงต้องคิดว่า มันจะเป็นไปได้จริง ๆ หรือ
โลกยุคใหม่ ยานยนต์ถูกสร้างภายใต้ความคิดใหม่ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องยนต์ไฮบริด กลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับขี่ของคนที่มองหาความประหยัดน้ำมันย่างแท้จริง แม้บ้านเราอาจจะไม่นิยมรถไฮบริดมากเท่าต่างประเทศ แต่กับคนที่มองรถยนต์ในกลุ่มรถยนต์นั่งสุดหรู ความทันสมัยจากเทคโนโลยีชั้นนำ ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้ลูกค้าสนใจและจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
Mercedes Benz ท้าทายตลาดรถยนต์ไทย ด้วยการส่ง รถยนต์ Mercedes Benz แบบไฮบริดเสียบปลั้กเข้าสู่ตลาดทันทีหลังจากรัฐบาลประกาศใช้แนวทางภาษีใหม่แบบคิดค่าภาษีจากการปล่อยไอเสียจากเครื่องยนต์ ด้วยแนวทางนี้ทำให้เทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังดาหน้าเข้าประเทศไทยมากขึ้น และเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ซื้อ
ความท้าทายนี้เป็นความกล้าด้วยการเปิดเจ้าตัวหรูเสียบปลั้กทำตลาด หลังช่วงปีที่ผ่านมา รถยนต์นั่งสุดหรูของ Mercedes Benz มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด สร้างความสนใจให้กับลูกค้าไม่น้อย ทั้งในเรื่องพละกำลังและความประหยัด แต่ท้ายสุดแล้วค่ายดาวสามแฉกก็ยืนยันว่า ... ในเรื่องสมรรถนะและความประหยัดเจ้าไฮบริดเสียบปลั้ก Mercedes Benz C 350e ก็มีดีกรีไม่แพ้พี่ชายของมัน
เจอหน้าค่าตาครั้งแรก Mercedes Benz C 350e เริ่มทักทายด้วยการออกแบบตามสไตล์ความหรูหรา ของ Mercedes Benz C class ใบหน้าที่คุ้นเคย ทำให้ผมนึกย้อนถึง Mercedes Benz C300 Estate ที่นำมาขับเมื่อปีที่แล้ว แม้วันนี้ทางเมอร์เซเดสจะจัดรุ่นซีดานมาให้ขับก็ตามที
กระจังหน้าโครเมี่ยม 3 แถบบอกเอกลักษณ์ของความหรูหราตามแบบฉบับ Mercedes Benz C class ตอบเรื่องความหรูหรา และทันสมัยลงตัวเข้ากับไฟหน้าแบบ LED ช่วยตอบโจทย์การออกแบบดูมีเสน่ห์ลงตัวมากยิ่งขึ้นในการออกแบบ ส่วนตัวกระจังหน้าเองก็ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Air Panel เมื่อขับด้วยความเร็วจะปิดกั้นลมเข้าหน้ากระจังเพื่อสร้างค่าสัมประสิทธิเสียดทานอากาศสูงสุดในระหว่างการขับขี่
ต่อเนื่องด้านข้างด้วยเส้นสายการออกแบบที่ดูภูมิฐาน ด้านท้ายรถยังความเป็น C Class รุ่นปกติไว้อย่างเหนียวแน่น อย่าแปลกใจที่รถทดสอบวันนี้ไร้ตราบอกหลังใดๆ นั่นเพราะค่ายเยอรมันไม่ต้องการให้ผู้สัญจรบนถนนเตะตารถที่เราขับ
อีกครั้ง ผมถูกแพ็ครวมกับพี่จิมมี่จาก Headlightmag.com และเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องโดยสาร Mercedes Benz C350e ตอบเรื่องการโดยสารอย่างที่คุ้นเคยกันมาตลอดตั้งแต่เคยผ่านมือมา เริ่มจากเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนังปรับไฟฟ้า พลันนึกถึงเจ้า Mercedes C300 Estate ขึ้นมาจับใจ
ตัวเบาะยังมาพร้อมความจำท่านั่ง ทั้งการปรับพวงมาลัยและเบาะนั่งมีให้ใช้เหมือนเดิม ตรงหน้าคนขับมาพร้อมพวงมาลัยสามก้านเหมือนเคย บนพวงมาลัยมีปุ่มต่างๆให้ใช้งานสั่งการเมนูต่างๆ ส่วนที่คอพวงมาลัยด้านซ้ายมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control มาให้
ส่วนเรื่องความสบายในรถ Mercedes Benz C350e AMG Dynamic ยังคงเติมมาด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Thermatic แยกอิสระซ้าย-ขวา ตามความชอบ ส่วนเบาะนั่งหลังยังสามารถปรับพับได้แบบ 1/3 และ 2/3 ถ้าต้องการ ไม่ลำบากถ้าตัวหรูต้องทำงานหนักบ้าง ตลอดจนฝาท้ายเปิดอัตโนมัติ ทั้งจากในรถและจากุญแจในมือคุณ รวมถึงยังมีระบบ Keyless Go อำนวยความสะดวกสบายในการเข้า-ออกรถ
เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทไว้แล้ว ไม้แรก...วันนี้พอผมบอกว่า ช่วงแรกมีทางโค้งเยอะ พี่ J!MMY ก็เลยออกตัวขอขับก่อน แต่ก็ดี เพราะเช้านี้เราบินมาไกลถึงเชียงใหม่ สัมผัสสบายนั่งนุ่มตูดก่อนขับก็คงจะดีไม่น้อย
หย่อนตัวลงนั่ง พร้อมสารถี เปิดรายการ “ J!MMY ขับให้นั่ง” วันนี้ Mercedes Benz C350e ต้อนรับด้วยความสะดวกสบายในการโดยสาร เบาะนั่งสัมผัสดีนั่งได้สบายตัวถือเป็นข้อดีที่ผมชมชอบในรถรุ่น C-Class มานาน แม้ว่า มันอาจจะไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับรุ่น E-Class ในเรื่องพื้นที่การโดยสาร แต่เรื่องความสบายไม่เป็นสองรองใคร
พี่จิมมี่เชื่อมต่อเพลงจากโทรศัพท์มือถือเพิ่มความสุนทรีย์ในการเดินทางจากเชียงใหม่ไปเชียงราย วันนี้ DJ เรา เปิดเพลงคลาสสิคและร่วมสมัยยมากมาย ผมบ้างรู้จัก บ้างไม่รู้จัก ทว่าน่าแปลกที่ผมรู้สึกดีกับพวกมัน ผ่านชุดเครื่องเสียงBurmester
ตัวลำโพงสามารถแยกโทนเสียงสูงกลางต่ำได้อย่างชัดเจน จนกล้าพูดว่าถ้าคุณเอาวงออเคสตร้ามาเปิดเพื่อความบันเทิงจะไม่มีเครื่องเล่นใดถูกลืมไปยามที่มันขับกล่อมออกมาในห้องโดยสาร แถมลำโพงที่ติดตั้งมิติเสียงรอบทิศทางมีเฉพาะใน Mercedes Benz C350e AMG Dynamic ก็ช่วยให้เจ้าหรูคันนี้ยิ่งสร้างความสุนทรีย์ในการขับขี่ จนคุณจะทึ่งกับพลังและมิติเสียงที่คุณสามารถสัมผัสผ่านหูของคุณ จนกล้าพูดว่า เครื่องเสียงคันนี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ
ฟังเพลงไปมา ผ่านหลายบทเพลง ท้ายที่สุดแล้วรอบขับพี่จิมมี่ก็จบลง และต่อไปนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะพาที่ท่านตะลุยเส้นทางแม่สรวย แล้วต่อไปยังสามเหลี่ยมทองคำ
เส้นทางวันนี้เป็นทางภูเขาและยังมีรูปแบบผสมผสานในการขับขี่ในเมืองทำให้เราอาจจะยังไม่สามารถวัดอัตราประหยัดจริงๆ ของ Mercedes Benz C350e Plug in Hybrid แต่เมื่อย้ายจากทางฝั่งคนนั่งมาเพื่อขับขี่ ความรู้สึกแรกสามารถบอกได้เลยถึงความทันสมัยของตัวรถ
ถ้าคุณมีเงินมากมาย คุณอาจจะซื้อรถอะไรก็ได้ แต่คงไม่ใช่ ถ้าคุณเพิ่งจะร่ำรวย เงินอาจจะต้องถูกใช้อย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ในการใช้งาน ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีความต้องการแตกต่างกันไป บ้างเน้นภาพลักษณ์ที่ดูดี บ้างเพื่อความหรูหรา แต่อะไรเลยคงไม่สู้กับ เพื่อความเร้าใจ และถ้าสามสิ่งนี้สามารถบรรจบกันได้ มันคงจะสุดยอดมากๆ
กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์หลังจากพักเบรก ทานกาแฟ และเค้ก เพิ่มความอ้วนกันเล็กน้อย ขุมพลังแบบ 4 สูบแถวเรียงขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบ เตรียมพร้อมทำงาน ... ควบคู่ระบบเครื่องยนต์ เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 60 กิโลวัตต์ ให้กำลังเทียบเท่า 82 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนยังคงส่งกำลังลงระบบเกียร์ 7G Tronic Plus มีระบบ Paddle Shift มาให้เลือกมันส์ตามอารมณ์ขับได้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ
สถิติอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.. ในเวลา 5.9 วินาที ที่ทางค่าย Mercedes Benz บอกมา ถือเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดา เมื่อเรากำลังนึกถึงรถยนต์นั่งหรูไฮบริด แต่ยามนี้ที่เรากำลังเตรียมพร้อมจะออกเดินทางด้วยความเร็วต่ำๆ ไหลไปหาถนนใหญ่ ...นี่คือข้อดีของระบบไฮบริด
การมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเครื่องยนต์ทำให้ เครื่องยนต์ไม่จำเป็นต้องสตาร์ทการทำงานตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ Start – Stop ช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน แต่การเป็นรถยนต์แบบไฮบริดเสียบปลักนั้นก็ทำให้มันมีความประหยัดมากขึ้นในยามลูกค้าซื้อไปใช้งานจริง
เมื่อเกิดมาเป็นรถยนต์ประเภท Plug in Hybrid รถยนต์ Mercedes Benz C350e จะมีข้อดีกว่ารถยนต์ไฮบริดทั่วไปคือมันสามารถวิ่งได้ด้วยระบบไฟฟ้าล้วนด้วยระยะทางถึง 31 กิโลเมตร มากพอที่จะทำให้คุณเดินทางไปทำงานโดยไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันด้วยซ้ำ แถมใครคิดว่าระยะทางขนาดนี้จะต้องคลานต้วมเตี้ยม ก็ไม่ใช่เพราะในโหมดไฟฟ้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 ก.ม./ช.ม. แต่เอาเข้าจริงชีวิตคนเมืองบ้านเรา จะขับได้ถึงความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. นี่แทบนับครั้งได้
ไหนๆ ผมก็กล่าวถึงโหมดการขับขี่แล้ว Mercedes Benz C350e ใหม่ มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งสิ้น 4 โหมด ด้วยกัน ด้วยค่าเริ่มต้นในตอนสตาร์ททุกครั้งจะถูกตั้งเป็น Hybrid Mode หรือโหมดที่ใช้ประสิทธิภาพสูงสุดจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า และถ้าต้องการผู้ใช้สามารถเลือกค่าอีก 3 โหมด การขับขี่ได้ผ่านปุ่มตรงคอนโซลกลาง เริ่มจาก
E-Mode - โหมดขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วน โดยระบบจะเน้นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ ซึ่งเมื่อแบตเตอร์รี่หมด จะกลับเข้าสู่ Hybrid mode
E-Save – โหมดประหยัดพลังงาน เพื่อใช้ไฟในแบตเตอร์รี่ให้น้อยที่สุด เก็บไว้สำหรับการขับขี่ในเมือง
E- charge - โหมดชาร์จไฟสำหรับชาร์จพลังงานแบตเตอร์รี่ให้เต็มประจุ เตรียมพร้อมสำหรับการขับขี่ในเมือง โดย Mercedes Benz เปิดเผยว่า รถจะใช้เวลาในการชาร์จไฟจนเต็มเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น หากขับขี่ด้วยความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม.
แนวทางการออกแบบระบบไฮบริดเป็นโหมดนี้ กลายเป็นหัวใจสำคัญของ Mercedes Benz C350e ด้วยความสามารถในการขับขี่ที่หลากหลายรูปแบบตรงใจ และมาเพียงการกำหนดรูปแบบจากเครื่องยนต์เท่านั้น แต่คุณยังมีโหมดการขับขี่เหมือนเดิม ซึ่งไม่ได้หายไปไหน ไม่ว่า จะ Comfort, Eco ,Sport และ ขาดไม่ได้ในโหมด Sport+ ที่พร้อมตามใจผู้ขับขี่เสมอ
หนทางช่วงแรก หลังจากสลับกับพี่จิมมีเป็นทางในเมือง การขับรถด้วย Hybrid Mode ทำให้เรารู้สึกชัดเจนถึงความทันสมัยของรถ แต่ก็ต้องยอมรับตามตรงว่า แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดเทคโนโลยีจากเยอรมัน แต่การตัดต่อการใช้กำลังระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้านั้นยังทำได้ไม่เนียน เท่ารถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นบางค่าย ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมากกับเจ้าหรูคันนี้
ขับมาได้หน่อยเส้นทางแบบนอกเมืองต้อนรับการเดินทาง ผมเริ่มใช้ความเร็วมากขึ้นสมเหตุสมผล กับถนนสองเลนสวน วันนี้พี่จิมมี่นั่งมาด้วย ขับไปคุยไปเพลินๆ ผมใช้ความเร็วไม่ได้เกิน 120 ก.ม./ช.ม. ซึ่งที่ความเร็วนี้ รอบเครื่องยนต์ป้วนเปี้ยนที่ 2,200 รอบต่อนาที ถือว่าไม่สูงจนเกินไปนัก ถ้าคุณต้องใช้รถเดินทางไกล
ยามเดินทางบนถนนเช่นนี้ระบบไฮบริดจะเน้นการใช้กำลังจากเครื่องยนต์เป็นสำคัญ และเจ้าขุมพลังใต้ร่างหรูคันนี้ก็พกสมรรถนะเร้าใจ สูงสุดถึง 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แต่ทีเด็ดของเครื่องยนต์นั้นอยู่ที่แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ปรู๊ดปร๊าดทันใจตั้งแต่แตะคันเร่ง จัดหนักมาตั้งแต่ 1,200 - 4,000 รอบต่อนาที เรียกเมื่อไรเป็นมา ยิ่งได้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในยามเร่งแซง
ไม่ว่าคุณจะเจอถนนที่มีความชันขนาดไหน หรือจังหวะใดที่ว่าในการขับขี่ ผมกล้าพูดตรงนี้ว่า Mercedes Benz C350e จะทำให้คุณลืมทุกอย่างไปสิ้น เพราะเพียงแต่คันเร่งร่างคุณก็จะเริ่มก้นจมเบาะ จนถ้าคุณไม่บอกคนนั่งข้างๆ เชื่อเถอะว่า เขาไม่รู้หรอกว่า นี่รถไฮบริด
ขับไปพักใหญ่ มาถึงช่วงดอยสะเก็ดต่อเนื่องไปยังอำเภอแม่สรวย ช่วงนี้เป็นทางโค้งค่อนข้างคดเคี้ยวใช้ความเร็วไม่ได้มากมายนัก ทว่า Mercedes Benz C350e ก็เริ่มโชว์ศักยภาพในการขับขี่ให้เห็น โดยเฉพาะสมดุลของการกระจายน้ำหนักรถที่ทำได้ดีกว่ารุ่น C Class ธรรมดา หรือจะเป็นรุ่นดีเซลไฮบริด อาการโยนน้อยกว่าชัดเจนและหนักแน่นยามเข้าโค้ง แต่ว่าหากเจอทางโค้งบ่อยๆ แบบนี้โหมดช่วงล่างแบบ Comfort คงจะตอบสนองได้ไม่ดีเท่าโหมดสปอร์ต ซึ่งปรับช่วงล่างให้แน่นกว่าเดิมจนมั่นใจ แถมพวงมาลัยก็เด็ดขาดเฉียบคมมากขึ้น จนเหมือนคุณได้รถสปอร์ตมาอยู่ในมือ
ทางโค้งผ่านไป อีกไม่นานเราจะเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย เย็นแบบนี้ไม่ต้องสืบเรื่องสภาพจราจรกลางเมือง ...จะให้รถซดน้ำมันทำไม ในเมืองเราสามารถใช้ไฟฟ้าได้ ผมกดเข้าสู่โหมด E-Charge
การเข้าสู่โหมด E-Charge นั้นไม่ยาก แต่ที่ผมรู้สึกว่าไม่ลงตัว คงไม่พ้นเจ้าปุ่มโหมด ดันหลบไปอยู่หลัง Touch Pad ฝั่งคนนั่ง จะใช้ทีค่อนข้างลำบากพอสมควร งานนี้เลยต้องสะกิดพี่จิมมี่ช่วยเปลี่ยนโหมดให้ง่ายกว่าเยอะ .. แต่คงจะดีกว่าถ้าปุ่มอยู่ติดข้างคนขับ
ในโหมดนี้เครื่องยนต์จะทำงานตลอดเวลา แต่การทำงานของเครื่องยนต์นั้นนอกจากมันจะให้กำลังขับเคลื่อนแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟไปพร้อมกัน ตัวเลขประจุแบตเตอร์รี่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นเรื่องที่ดีถ้าคุณเป็นคนชอบวางแผนในการเดินทางแบบผมเอง
ด้วยความชาญฉลาดของนักขับที่รู้จักวางแผนนี้เมื่อเข้าสู่เขตตัวเมืองเชียงรายผม หันมาใช้ E-Mode หรือ โหมดไฟฟ้าล้วน ซึ่งเครื่องยนต์จะไม่ทำงานเลย ไม่ว่าคุณจะเร่งเต็มบาทาเพียงไหน แต่มีข้อแม้เดียวว่าคุณต้องขับในโหมดอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่กลุ่มสปอร์ต ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์ทำงานน้อยลงก็หมายความว่า มันน่าจะประหยัดน้ำมันขึ้น
Mercedes Benz C350e ดีที่เสียบปลั้ก ความไฮเทคที่คบหาได้
ถ้าคุณมีเงินสามล้านจะซื้อรถทั้งทีจะซื้อรถอะไร....คำถามแบบนี้ผมเชื่อว่าเศรษฐีใหม่หลายคนครุ่นคิด... มากมายหลายหลากตัวเลือก ไม่ว่าจะตามเพื่อ เอาดูสมฐานะ หรือจะเอาสไตล์ตัวเอง ... แต่ท้ายสุดแล้วการใช้เงินอย่างชาญฉลาดนี่สิครับ ..ที่สำคัญที่สุด
ตลอดเวลาที่ผมอยู่บน Mercedes Benz C350e ยอมรับว่า นี่คือรถยนต์ในราคา 3-4 ล้านที่มีฟังชั่นครบครันคุ้มค่า ไม่ว่าจะความสง่าแบบ Mercedes Benz หรือลูกเล่นภายในที่ลงตัวไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป สำหรับคนรักความสบาย และที่ขอยกรางวัลยอดเยี่ยมชนะเลิศไปเลย คงไม่พ้นเครื่องเสียง Burmester ที่ขับกล่องเสียงดีมีคุณภาพ สุดยอด!! มากๆ จนพี่จิมมี่ บอกผมว่า “เครื่องเสียงรถคันนี้ถือว่าจบนะ .สำหรับพี่” ข้อนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
เช่นเดียวกันสมรรถนะจากระบบขับเคลื่อนเองก็ไม่เป็นสองรองใคร แม้จะชื่อว่าเป็นไฮบริด แต่ก็สามารถจัดหยักสมรรถนะแบบสปอร์ตได้อย่างที่คนข้างๆจะไม่รู้เลยว่าคุณพาเขานั่งรถไฮบริด ถ้าคุณไม่เฉลยให้ฟัง แต่แม้จะเป็นระบบไฮบริดเสียบปลั้กที่หลายคนอาจจะคิดว่ามันน่าจะประหยัดมากกว่าไฮบริดทั่วไป ...คำตอบสำหรับผมตอนนี้คือใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
การซื้อรถไฮบริดเสียบปลั้กนั้น ข้อดีของความประหยัดอยู่ที่การใช้ปลั้กไฟบ้านธรรมดาๆ 220V นี่แหละชาร์จไฟให้กับรถ อารมณ์ของมันคล้ายกับคุณใช้สมาร์ทโฟนนี่แหละ การจะทำให้รถไฮบริดเสียบปลั้กประหยัดคุ้มค่าที่สุดคือการชาร์จไฟแบตเตอร์รี่จากไฟบ้าน ผสมผสานกับการใช้ไฟฟ้าขับขี่ให้มากที่สุด ... คุณจึงจะพิชิตความประหยัดได้มากกว่ารถไฮบริดแบบอื่นๆ
ต้องยอมรับว่า ในการทดสอบครั้งนี้เราขับขี่นอกเมืองเสียส่วนใหญ่ ก่อนลงจากรถผมเห็นอัตราประหยัด 7.5 ก.ม./100 ก.ม. หรือคิดเป็น 13.33 ก.ม./ลิตร จากการขับขี่มากกว่า 150 กิโลเมตร โดยผมไม่ใช่เครื่องยนต์ขับขี่มากถึง 37 กิโลเมตร ..นั่นคือเหตุผลหลักของการสร้างความประหยัดในการขับขี่ กลับกันในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ก็หายห่วงแรงสะใจพอสมควร ดีเท่ารถสปอร์ตบางรุ่นด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีรุ่นไฮบริดเสียบปลั้กออกมา แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความหลังกับ Mercedes Benz C300 Bluetec Hybrid เจ้าดีเซลไฮบริดที่ทำตลาดเมื่อปีที่แล้ว ในแง่ของระบบแล้วต้องยอมรับว่า ไฮบริดเสียบปลั้กดีกว่า มันใช้ไฟฟ้ามากกว่าเมื่อขับในเมือง ทำให้คุณประหยัดมากขึ้น อย่างไม่ต้องสงสัย
หากเมื่อมองถึงสมรรถนะการขับขี่ Mercedes Benz C350e มีพละกำลังขับเคลื่อนรวมถึง 211+80 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุดรวมถึง 350+340 นิวตันเมตร แถมมาให้ยาวๆด้วย ส่วนทาง Mercedes Benz C300h นั้น มีพละกำลังระบบ 204+27 แรงม้า แต่ทางด้านแรงบิดแล้วนิสัยของเครื่องยนต์ดีเซลจะมีหนักแน่นมากถึง 500 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ และยังได้อีก 250 นิวตันเมตรจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้า อาจจะจริงที่ในภาพรวมยังไง Mercedes Benz C350e มีสมรรถนะที่ดีกว่าจากรายละเอียดทางเทคนิค ถึง 26% แต่ในแง่ของความรู้สึกแล้ว เรากลับรู้สึกถึงความเร้าใจมากกว่าจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด
ระหว่างทางเป็นโชคดีที่พี่จิมมีลองสมรรถนะอัตราเร่ง ในช่วงถนนว่างๆ ทางเรียบ เรากดเพื่อให้หายกังขาเรื่องสมรรถนะการขับขี่ Mercedes Benz C350e ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ช.ม. ในสภาพขับขี่จริงบนถนนคอนกรีต ได้ 6.997 วินาที และอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม.ได้ 4.0 วินาที และเมื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับการทดสอบอัตราเร่งระหว่างดีเซลไฮบริดเดิม และไฮบริดเสียบปลั้ก ผลปรากฏดังนี้.
ตารางเปรียบเทียบ สมรรถนะอัตราเร่งระหว่าง Mercedes Benz C350e Vs. Mercedes Benz C300 bluetec hybrid
|
Mercedes Benz C350e |
Mercedes Benz C300 bluetec hybrid |
0-100 ก.ม./ช.ม. (วินาที) |
6.997 |
5.94 |
80-120 ก.ม./ช.ม (วินาที) |
4.0 |
6.0 |
จากการเปรียบเทียบข้อมูล พบว่า เจ้าดีเซลไฮบริดจะออกตัวได้กว่าอย่างชัดเจน ถ้าคุณต้องชิงไฟกับเพื่อน 1 วินาทีก็คงมีความหมาย แต่ถ้าคุณต้องการเร่งแซงเร็วๆ Mercedes Benz C350e มีความเฉียบคมมากกว่าอย่างชัดเจน
ทว่าน่าเสียดายที่การมาของเจ้าเสียบปลัก ทำให้ Mercedes Benz ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งและในแง่ของความทันสมัยของระบบและความประหยัด บวกกับราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น เวอร์ชั่นเสียบปลั้กดูจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าจริงๆ
ลงจาก Mercedes Benz C350e นาทีนี้ในหมู่รถราคา 3 ล้านที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ คงไม่มีใครพ้นเสียบปลั้กเยอรมันคันนี้ ที่มีความครบครันในตัวจนเข้าขั้นสมบูรณ์แบบ ...ผมยอมรับว่าทางค่ายดาวสามแฉกเดินเกมการตลาดแบบมีกึ๋น การแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นทางออกที่น่าสนใจ และการแนะนำของใหม่ๆ พร้อมราคาที่สมเหตุสมผลมากพอที่จะทำให้ลูกค้าหันมาใช้ และ Benz ทำให้รถไฮบริดเสียบปลั้กวันนี้ไม่ไกลเกินจะเป็นเจ้าของ...อีกต่อไป
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@nattayodc)
ขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับการเชิญเข้าร่วมการทดสอบรถยนต์ Mercedes Benz C350e เส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย
รถทดสอบ Mercedes Benz C350e Saloon
ราคาจำหน่าย 2,990,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >> ความประหยัดจากระบบเสียบปลั้กไฮบริด และสมรรถนะการขับขี่ที่เปี่ยมด้วยความเร้าใจ ทำให้คุณได้ทั้งรถประหยัดและแรง .. และความสมบูรณ์แบบของระบบเครื่องเสียง Burmester
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ไม่มี
สิ่งที่อยากให้มี >>> สถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับลูกค้า เพื่อทำให้เทคโนโลยีนี้ก้าวไกลต่อไป
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >> ถ้าคุณชอบความหรู ชอบความทันสมัย นี่คือรถที่ไม่ควรพลาดในราคาไม่เกินสามล้านในรุ่นสี่ประตู ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าขบคิดไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีรุ่น Estate จำหน่ายในราคา 3,690,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com