Full Drive : Suzuki Celerio อีโค่คาร์ 1.0 ลิตรที่ดีกว่าที่คุณคิด....
- โดย : Autodeft
- 21 ส.ค. 57 00:00
- 61,540 อ่าน
พบบททดสอบรถยนต์อีโค่คาร์ Suzuki Celerio ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ขับแล้วเป็นอย่างไร ติดตามได้เลยที่นี่ที่ Autodeft.com
เรื่อง และทดสอบโดย Bonn , ณัฐยศ ชูบรรจง
“เป็นไงบอล เห็นรถต้นแบบแล้วชอบไหม”
บทสนทนาของ คุณวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กับผม เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ Suzuki เปิดตัวยนต์ต้นแบบ Suzuki A wind Concept รถต้นแบบที่จะมาเป็นเพชรน้ำงามในฐานะอีโค่คาร์รุ่นใหม่ของ Suzuki ในงาน Motor Expo 2013 งานมหกรรมยานยนต์ใหญ่ ส่งท้ายปีที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่ารถยนต์อีโค่คาร์ของ Suzuki ฉีกแนวจากการตลาดที่ รุ่นหนึ่ง 5 ประตู อีกรุ่นจะเป็นสี่ประตู ที่นิยามในค่ายผู้ผลิตรายอื่น
แต่การฉีกแนวในรุ่น 5 ประตู นั้นทำให้ Suzuki สร้างรากฐานบัญญัติใหม่ ซึ่งในความคิดตอนนั้น หลังชมการเปิดตัว ชนิดติดขอบเวที ซึ่งบ้านเราได้รักเกียรติเป็น world Premier ด้วยนั้น ก็ทำให้เราเริมสนใจรถคันนี้ ตอนนั้นสิง่ที่ตอบพี่วัลลภไป คือ
“ผมว่าโอเคนะ รถดูน่าสนใจดี”
“แล้วคิดว่าราคาประมาณเท่าไร”
ผมรีบเบิร์นรอมในสมองเพื่อประมวลผล จากสเป็คที่ออกมา ซึ่งมันน่าจะเป็นอีโค่คาร์ระดับ A segment ชนตรงกับ Honda Brio – Mitsubishi Mirage และเมื่อเดินต่ออีกสองก้าว ผมก็ตอบไปว่า
“ผมว่าน่าจะสักสองแสนปลายๆ หรือไม่ก็สามแสนต้น
ผมมองหน้าพี่วัลลภ พี่เขาแสยะยิ้มเหมือนเช่นเคย แล้วปรารภว่า “ถูกไปเปล่า คงไม่ถูกขนาดนั้น”
แน่นอนว่าคำตอบนั้น ทำเอาผมอึงไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะในแง่ของการตลาด การกำหนดราคารถยนต์สักคันนั้นมีหลายปัจจัยและองค์ประกอบที่เข้ามามีบทบาทต่างๆมากมาย แต่คงต้องยอมรับว่าภาพที่คนไทยมองเมื่อพูดว่า นี่เป็นรถยนต์อีโค่คาร์ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร แถมก่อนออกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ยังมีการเผยว่าราคามันจะถูกที่สุด ยิ่งทำให้หลายคน กระเหี้ยนกระหือรือติดตามข่าวการเปิดตัวรถคันนี้
ใช่แล้ว!!! รถที่เราพูดถึง ก็คือ Suzuki Celerio รถยนต์อีโค่คาร์รุ่นที่สองของ Suzuki ที่หลายคนเฝ้ารออย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หลายคนคาดหวัง หลังจากความสำเร็จมาแบบม้ามืดพุ่งแรงแซงทางโค้งของ Suzuki Swift ทำให้ตลาดมีความคาดหวังที่สูงมากขึ้น
และเมื่อในงานเปิดตัว ที่วันนั้น ผมยังฮาไม่หาย กับมาดอาจารย์ครูใหญ่ของพี่วัลลภ ที่ออกมาเผยราคาที่ครั้งนี้ มีแต่เสียงพูดกระซิบข้างๆหู ระหว่างผู้สื่อข่าวระหว่างกันว่า แอบแรงนะเนี่ย แต่ผมกลับเห็นมาตรการเด็ดของ Suzuki ที่จะมัดใจลูกค้าด้วยโปรโมชั่นที่หอมหวนมาก ด้วยอัตราผ่อน Suzuki Celerio ที่ไม่ต่างจากรถมอเตอร์ไซค์ 110 ซีซี ทั่วไป 1 คันที่ เดือนละ 2,222 บาทเท่านั้นเอง
จากวันนั้นจนวันนี้ที่เรามาอยู่กับ Suzuki celrio ก็ผ่านไป สองเดือนได้แล้วที่เรารู้สึกว่า หลายคนจะครหา Suzuki Celerio ดูถูกดูแคลนมัน อาจจะเพราะความไม่งามดูเท่ห์เท่า Suzuki Swift แถมเครื่องยนต์ยังบล็อกเล็กกว่า แต่ใครจะรู้เจ้ารถคันนี้อาจจะมีดีกว่าที่คิด โดยเฉพาะคนที่มองหา “รถจ่ายกับข้าว” ไม่ได้เน้นสมรรถนะมากมายนัก แค่ออกจากบ้าน โดยที่ไม่ต้องตากลมนั่งตบยุง ทนกลิ่นสาวคราบไคล คงพอจะช่วยยกระดับชีวิตได้
ตั้งแต่เปิดตัว ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่าหลายคนค่อนข้างที่จะคาดหวังกับรถยนต์ Suzuki Celerio มากในหลายๆเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนทุกคนจะติดภาพมาจากพี่ชายของมันเลยก็คือ ภาพของรถยนต์ซิตี้คาร์ที่มีดีทางด้านการออกแบบที่ลงตัวมากกว่ารถหลายรุ่นจากกลุ่มอีโค่คาร์ในตลาด
ถ้ามองดูผิวเผินแล้ว จะเป็นที่ชัดเจนมากว่า Suzuki Celerio เป็นรถที่ถูกทอนลดลงในเรื่องของการออกแบบจาก Suzuki Swift ค่อนข้างมาก หลายอย่างที่เราดูว่าลงตัวในรุ่นพี่ในรุ่นนี้มันกลับมาพร้อมเส้นสายที่เรียบง่ายไม่ต้องให้นิยามอะไรมากมาย
การออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายนี้เราสามารถสังเกตได้ตั้งแต่การออกแบบตั้งแต่ทางด้านหน้าของรถที่เน้นเบิกกว้าง รถ Suzuki Celerio นั้น ดูมีราศีดีมากถึงมากที่สุด ด้วยความลงตัวระหว่างชุดไฟหน้าแบบฮาโลเจนขนาดใหญ่ที่รับเข้ากับกันชนหน้า และลงตัวกับกระจังหน้าที่ออกแบบมาให้มีความลงตัวทางด้านหลักอากาศพลศาสตร์เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย
ทำให้ในบางครั้งบางคราวถ้าคุณเป็นคนช่างสังเกตเกินไปจะพบว่ารูระบายลมของกระจังหน้า บางส่วนจะปิดเอาไว้ บางส่วนจะเปิดรับลมทำเอาดูรู้สึกเหมือนคนฟันหลอไปบ้าง เหมือนกัน
เส้นสายทางด้านหน้าต่อเนื่องสู่ด้านข้างที่ให้ความลงตัวในแบบเรียบง่ายผ่านประตูทั้งสี่บาน ไปจนบั้นท้ายที่เน้นในระยะช่วงท้ายที่สั้นให้การขับขี่ง่าย จัดวางที่จับเปิดประตูหลังเอาไว้ตรงกลางอย่างง่ายๆ บนประตูบานหลังแต่ถ้ามองจากบั้นท้ายและเทียบกับ Swift
ก็จะพอรู้สึกได้ว่า รถคันนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทว่าในบางครั้ง คุณจะรู้สึกว่า Suzuki Celerio เหมือน Suzuki Swift วัยเด็ก ที่ขาดช่วงทรวดทรงองค์เอว ก่อนที่จะเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและบูม!! กลายเป็น Suzuki Swift ในที่สุด แต่เส้นสายที่เรียบง่ายนี้ทำให้มันมีความคล่องตัวกว่าชัดเจน ด้วยระยะระหว่างล้อและฐานล้อที่สั้นลงกว่าเดิม
การออกแบบที่ลงตัวในระดับที่น่าพอใจ มาพร้อมกับขนาดที่เหมาะต่อการใช้งานในเมือง ที่จริงแม้บ้านเราจะเมาะเอาว่ารถเครื่องเล็กเป็นอีโค่คาร์ทั้งหมด แต่ Suzuki Celerio จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งแบบ A segment Subcompact car ซึ่งเป็นกลุ่มรถซับคอมแพ็คคาร์ที่เล็กที่สุด ด้วยความตลอดรอบคัน 3,600 มม. กว้าง 1,600 มม. และ สูง 1,540 มม. และจัดวางฐานล้ออย่างลงตัวตอบความยาว 2,425 มม.
Suzuki Celerio M/T สมรรถนะเยี่ยมประหยัดสั่งได้
แม้ต้องยอมรับว่าเราหลายคนรักสบายอย่างมากในการมองหารถยนต์สักคันที่ตอบโจทย์ต่างๆ ได้ แต่ในความเป็นจริงข้อหนึ่ง ก็คือว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีงบประมาณในการหารถยนต์สักคัน แน่นอนว่า ใครหลายคนอาจจะบอกว่า ซื้อรถทั้งทีเป็นหนี้อีกหลายปี เอาให้คุ้มแบบนี้จะดีกว่า
แต่กลับบางคนพวกเขาเรียบง่ายสมถะ และ Suzuki Celerio ใหม่ ก็มีรุ่นเกียร์ธรรมดา ที่เข้ามาตอบโจทย์ด้วยราคาที่ถูก และจะไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาที่สบายกว่านี้มากขายแน่นอน
กายภายนอกรุ่นเกียร์ธรรมดาของ Suzuki Celerio ใหม่นั้น ไม่มีอะไรมาให้เลยทุกอย่างเรียกว่านี่คือตัวตนที่บ้านๆที่สุดขงรถอีโค่คาร์หนึ่งคันที่ไว้กันแดดบังลมคุณได้ ในรุ่น ทุกอย่างจะทำด้วยมือทั้งสิ้น โดยจุดสังเกตอยู่ที่ชุดล้อกระทะ ที่ไม่มีฝาครอบล้อมาให้ โดยมีต่างจากรุ่นกลางตรงที่มือจับเป็นสีดำสนิท รวมถึงกระจังหน้าไม่มีลัดคิ้วขอบโครเมี่ยมเลยสักนิด
การออกรุ่นเกียร์ธรรมดา อาจจะไม่ใช่แนวความคิดของใครหลายๆ คน แต่สำหรับบางคน มันเป็นเหมือนความต้องการส่วนยุคคล อาจจะไม่ใช่เพราะงบน้อย แต่อาจจะต้องการสมรรถนะสับมือมันส์กว่า ตามที่หลายคนพูด
แต่ถึงแบบนั้น คอให้จำไว้ว่า Suzuki Celerio รุ่น อัตโนมือนั้นไม่มีอะไรมาให้เลยจริงๆ ทุกอย่าง Always Manually !! ทั้งหมด ตั้งแต่ การปรับกระจกมองข้างที่ย้อยวันวานด้วยก้านกระดิกที่ติดมาให้ ทั้งฝั่งคนขับและคนนั่ง ที่ต้องเรียก เธอๆ ปรับกระจกให้หน่อย เหมาะสำหรับข้าวใหม่ปลามันเป็นอย่างดี รวมถึงกระจกทางด้านข้างนั้นเป็นแบบมือหมุนย้อนยุคให้นึกถึงชีวิตผมในวัยเด็ก ที่เพื่อนซื้อกระจกมือหมุน เป็นที่ไว้ของอย่างดี โดยเฉพาะถุงน้ำเป๊ปซี่
หากที่ร้ายที่สุดของชีวิตสุดแมนนวล ก็คือการล็อคประตูที่เล่นเกมชิงไหวชิงพริบ เพราะไม่ได้ให้ระบบไฟฟ้าเซ็นทรัลล็อคมาด้วย พอลงจากรถทีก็เดินวนรอบรถเช็คหนึ่งรอบ ไม่เว้นกระทั่งฝาท้าย จนคนแถวๆนั้นอาจจะมองว่าคุณมองหาอะไรหรือเปล่าซึ่งถึงจะดูแปลกไปบ้างแต่คนที่ไม่ใส่เรื่องความสบาย ต้องการรถแบบเพื่อชีวิตพอเพียง Suzuki Celerio M/T ก็พอเหลือๆ
แม้การเป็นระบบอัตโนมือมันเสียทุกอย่างอาจจะฟังเหมือนข้อติ ทว่าขอบอกก่อนว่ามันไม่ใช่ข้อเสียเพียงแต่ เราเตือนแค่ว่าอย่าหวังว่าจะมีความสบายมาให้คุณได้ชมเชยติดปลายนวมมาบ้างจากโรงงาน
หากว่า สิ่งที่ดีที่สุดใน Suzuki Celerio ก็เบาะนั่งที่ทำออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด โดยเฉพาะเบาะคู่หน้าชิ้นเดียวแบบฟรีไซส์ ยัดได้ทั้งคนตัวเล็กตัวใหญ่เรียกว่า เป็นไฮไลท์ที่เราต้องยกนิ้ว เยี่ยม!!! ให้ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นรายนี้ ส่วนการนั่งตอนหลัง คนตัวใหญ่พอนั่งแอบอึดอัดนิดหน่อย ทว่าการขาดหัวหมอนเบาะหลัง แล้วใช้วิธีการขึ้นรูมาในส่วนของพนักพิงหลังนั้น ก็กลายเป็นจุดบอกที่ทำให้คนนั่งหลังไม่สบาย
ยังดีที่แม้แต่รุ่นล่างยังมีความสามารถในการพับเบาะได้ แต่ต้องพับพังพาบลงไปทั้งหมด และเมื่อเราลองดู มันสามารถยัดจักรยานได้สบายมากไร้ปัญหา
ส่วนตรงหน้าคนขับรุ่นสมถะคันนี้ ไม่เน้นของเล่นมาก ที่แย่สุดคือ Suzuki ไม่ให้ไมล์รอบเครื่องยนต์ ของจำเป็นสำหรับเกียร์ธรรมดามาด้วย ให้เพียงความเร็ว มาเท่านั้น ยังดีมี Trip Computer ที่บอกค่าของอัตราประหยัด และสิ่งที่ต้องใช้บางอย่างมา ก็พอจะสร้างเหตุผลที่ทำให้ลืมเรื่องของการไร้สัดรอบไปได้
ใต้ฝากระโปรง Suzuki Celerio ทุกรุ่นท้าทายตลาดด้วยการตัดอีก 200 ซีซี ออกไป แล้วพัฒนาตัวเองสู่เครื่องยนต์แบบ 3 สูบแถวเรียง ขนาด 1.0 ลิตร แต่ถึงดูๆ เจ้า Suzuki Celerio จะเสียเปรียบอีโค่คาร์รุ่นอื่นอย่างมาก ด้วยกำลัง 68 แรงม้า สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที สั่นสะท้านสู่ถนนด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้เลือกสับเอง
ที่จริงตอนไปทดสอบกลุ่มรถยนต์ Suzuki Celerio นั้น เราก็ได้ขับเกียร์ธรรมดา และการกลับมาพบมันอีกครั้ง ต้องยอมรัว่ามันไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่หลายคนคิด พวกเราหลายคนยังอาจจะจะยึดติดกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร จากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ออกมาก่อนแล้วเซทมาตรฐานว่ามันควรอยู่จุดๆ นี้
หากความเป็นจริงเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ก็เพียงพอต่อการใช้งานในเขตเมือง ซึ่งคุณมานั่งรถติดมากกว่า ที่จะได้ใช้ความเร็ว หรือถ้าขับด้วยความเร็ว จะมีสักกี่ครั้งที่เกิน 100 ก.ม./ช.ม. ยิ่งทุกวันนี้ก็ไม่ต้องพูดถึง และการมีเครื่องยนต์ที่เล็กกระทัดรัก แถมตัดออกไป 1 สูบ เมื่อเทียบกับพี่ชายมัน Suzuki Swift ก็สร้างข้อดีให้เราเห็น เมื่อจบการทดสอบในบทการขับขี่ในเมือง
อัตราประหยัดของ Suzuki Celerio M/T ด้วยการเติมคือถังนั้น ทำให้เราพบอัตราประหยัดถึง 15.8 ก.ม./ลิตร แม้ในสภาพการจราจรที่ติดขัดบ้าง แม้จะไม่เจอแบบอึดติดนรกมากนัก อาจจะด้วยการใช้ความคล่องตัวของรถในการเซาะ แซะ แทรกตัวไปท่ามกลางการจราจร ซึ่งรถใหญ่กว่านั้นยากที่จะทำ ทว่าในข้อดีก็มีข้อเสียอยู่เรื่อง
เพราะหลายครั้งที่รถทิ่มเข้ามาในเลน ในลักษณะที่จะปัดเข้ามา จะพบว่า พวกเขาจะทำเหมือนเราไม่อยู่ตรงนั้น อาจจะด้วยเรามีขนาดที่เล็กกว่า เหมือนน้องน้อยในถนน หรือไม่ มีอีกข้อคือเรื่องของจุดบอดบนกระจกมองข้าง ซึ่งเราสามารถหายตัวทั้งคันดั่งนินจา
อัตราประหยัดที่ดีเกินคาดทำให้ เราคือใหม่ทำใหม่ในบางเรื่องและขอแนะนำให้รู้จักกับครั้งแรก ของการเปิดตัว Bonn Test Mode โหมดการทดสอบอัตราประหยัดแบบ Routing ซึ่งต่อไปจะกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของการทดสอบอัตราประหยัดด้วยพื้นที่เดิม เปลี่ยนรถ ที่หมายเดิม เราจะพบกับนิยามใหม่ของอัตราประหยัด
ซึ่งในการทดสอบนี้ เราแบ่งเส้นทางเป็นสองลักษณะคือ ถนนหลวง และ ถนนในเมือง ในอัตรา 50/50 โดยประมาณ และในการขับครั้งแรกนี้ Suzuki Celerio ก็ชี้ชัดว่ามันไม่ค่อยเอาอ่าวนักนอกเมือง เพราคุณอาจจะต้องบี้คันเร่งบ้าง บางช่วงจังหวะแซงมีโอกาสยากมาก แต่ในการทดสอบ ซึ่งใช้ความเร็วอยู่ในช่วง 90-120 ก.ม./ช.ม. และแต่สภาพการจราจร แถมระหว่างเจอด่านตรวจรถติดยาว
พอตำรวจพบหน้าตะเบ๊ะเสร็จปั้บ!! ก็ยื่นเครื่องเป่า แอลกอฮอล์มาให้ เฮ้ย!!! สงสัยหน้าเราจะขี้เมามาก แถมยังไม่เคยเป่ามาก่อน ตำรวจ มองหน้า เหมือนกับว่า “นี่มันกวนนี่หว่า” แต่เปล่าเลย ขับรถมาสิบปี นี่แหละที่เข้าด่านตรวจแอลกอฮอล์ครั้งแรกเลยก็ว่า ได้
ทว่าแม้ว่านอกเมืองจะพอจับจุดได้บ้างแต่เมื่อจบ Bonn Test mode เราเติมคืนถัง ก็พบว่าในภาพรวมของ Suzuki Celerio นั้น ทำได้ดีถึง 18.19 ก.ม./ลิตร โดยไม่ต้องนิยาย ไม่ต้องดราม่าว่า โอมปั้นตัวเลขบ้าบอกอะไร แค่ขับตามความรู้สึก ก็พอแล้ว แต่ลึกๆ เชื่อว่ามันจะประหยัดมากกว่านี้อีก ถ้า Suzuki ติด ระบบบอกว่าควรขึ้นเกียร์เมื่อไร เพื่อสร้างความประหยัดสูงสุดจะดีไม่น้อย
ความประหยัดที่เราเห็นได้จากตัวเลขที่ออกมาสองชด ก่อนหน้านี้ เชื่อเลยว่าหลายคน คงจะตั้งคำถามว่า พี่ครับ แล้วนอกเมือง!!! ถึงเวลาจะมีไม่มาก แต่เส้นทางไปชานเมือง หรือสถานที่เที่ยวไม่ไกลนัก อย่างอยุธยา ก็คงเป็นปลายทางที่คนเหล่ๆว่า เอ เราจะไปเที่ยวสักครั้งเมื่อมีรถ
ช่วงการขับขี่นอกเมือง Suzuki Celerio นั้น อาจจะต้องยอมรับว่ากำลังที่น้อย ทำให้อาจจะมีความยากลำบากบ้างในการแซง แต่ถ้าคุณขับไปเรื่อยๆ ตามถนน 2-3 เลน มาตรฐานทั่วไป ทางหลวงไทยสมัยนี้ มันก็สบายมาก คุณสามารถใช้ความเร็วได้พอตัว โดยที่ปล่อยให้เครื่องยนต์ครางๆ และพาคุณไป
แต่ที่น่าห่วงหน่อย คือการคุมพวงมาลัยในช่วงทางไกล ที่ออกมาเบามือมาก สำหรับมือใหม่ ผมบอกเลยว่า แอบออกไปทางอันตรายเพราะ ตัวรถก็เบาพวงมาลัยก็เบาะ ถ้าฉุกเฉินขาดสติในการควบคุม ฝากเลยสำหรับสุภาพสตรีทั้งหลาย ถ้าซื้อมาแล้วก็ให้ระวังให้ดี อย่าทะเลอเหวี่ยงพวงมาลัยเร็วแล้วกัน
อย่างไรก็ดี ตัวถังที่เบาทำให้มันมีข้อดีมากขึ้นในเรื่องอัตราเร่ง ซึ่งเราพบว่ารถ Suzuki Celerio พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยน้ำหนักเบานี่แหละ ที่ทำให้เครื่อง 1.0 ลิตรพาคุณขับบนความเร็วได้ แอบเอาชุด OBD มาจิ้มดูการทำงานเครื่องก็ถึงกับร้องโอ้ว!! พระเจ้า ด้วยที่เกียร์ 5 เครื่องยนต์ที่สั่นครางนั้นก็มาจาก กรใช้รอบเครื่องยนต์ สูงถึง 3,600 รบต่อนาที เข้าใจว่ามาจากการใช้เฟืองท้ายกระดูกเบอร์ให้ให้เร่งเร็วตอบสนองดี เพราะเดี๋ยวคนเขาจะหาว่า 1.0 ลิตรไม่มีน้ำยา
ระหว่าการเดินทาง ระบบช่วงล่างของ Suzuki Celerio เป็นอีกสิ่งที่น่าชมเชย เพราะ แม้รถจะเบาขนาดนี้ แถมพวงมาลัยก็เบามืออีก แต่เรื่องการเกาะถนนยังแน่นเหมือนเดิม แถมความรู้สึกก็คล้าย Suzuki Swift เพียงแต่เจ้านี่มันให้ช่วงระยะยุบมากขึ้น จากที่ขับเข้าใจว่าโช๊ค Suzuki Celerio เป็นสูตร โช๊คแบบช่วงยุบสั้น เพราะบางครั้งผ่านผิวขุรขระจะออกสะท้านสะเทือนพอตัว แต่บนถนนที่เรียบปริ๊บแล้วล่ะก็นุ่มสบาย
ท้ายสุดหลายคนคงกังขาว่า Suzuki Celrio เกียร์ธรรมดา ทำความเร็วสูงสุดได้เท่าไรตอบเลยว่า 162 ก.ม./ช.ม. แถมอัตราเร่งมันนั้น ก็ไม่ขี้เหร่เท่าที่คิด ดีสุดทำตัวเลข 0-100 ก.ม./ช.ม. ที่ 14.43 วินาที เลยทีเดียว และในเรื่องอัตราเราสรุปออกมาดังต่อไปนี้
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
0-100 ก.ม./ช.ม. |
14.72 |
15.18 |
14.43 |
14.81 |
80-120 ก.ม./ช.ม. |
10.10 |
11.10 |
11.80 |
11.45 |
หากว่าท้ายสุดแล้ว อัตราประหยัดนอกเมืองนั้นจบลงที่ การทำตัวเลข 16.12 ก.ม./ลิตร เฮ้ย!! นี่เองใช้รอบสูงขนาดนี้ยังทำได้ดี บอกเลยว่าเยี่ยมยอดมาก ข้าน้อยขอซูฮก
Suzuki Celrio A/T ตื้ดได้ใจเจ๋งกว่าที่คิด
มันคงจะอืด...ไม่น่าคงไม่ เพราะนี่เป็น CVT ที่เราคุ้นเคย ขุดเกียร์จาก Jatco ที่เตรียมออกมาสำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็กโดยเฉพาะ มี 7 สปีด ในใจคิดพินิจภาวนา หลังจากที่ดูตัวเลขอัตราทดเฟืองท้ายจากเว็บ Suzuki.co.th ก่อนที่จะนำรถไปเทิร์มาต่อเนื่องในทันที
แวบแรกที่เห็นรถ Suzuki Celerio รุ่นเกียร์อัตโนมัติตัวท๊อปนั้นต้องยอมรับว่ามันเด่นสะดุดตามากกว่า ตัวสมถะบ้านที่เราขับมาคืน พี่วัลลภที่ Suzuki ซึ่งในรุ่น GLX นั้น กลับกลายเป็นรุ่นที่น่าจะดึงดูดคนได้มากที่สุด อาจจะด้วยราคาจำหน่ายที่ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด ต่ำกว่า 5 แสน แต่ของครบ
ยิ่งภายนอกเห็นแล้วมาพร้อมชุดแต่งเสร็จสรรพ สะกดใจ ซึ่งทีแรกนึกว่า Suzuki แต่งเพิ่มให้รถมันดูดี ตอนเอาไปถ่ายรูป แต่ไม่ใช่ ...นี่คือชุดแต่งมาตรฐานที่ลูกค้าได้ เมื่อซื้อรถทันทีไม่มีอะไรต้องเพิ่มเงินเลยสักบาทเดียว
เหลียวกลับไปมอง เจ้าน้องแม่นวลที่เราทิ้งมา แล้วชะแวบย้ายมาดู Suzuki Celerio GLX CVT คันนี้ มันช่างต่างกันอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ชุดกุญแจที่จับหมับไอหยาเป็นรีโมทแล้ว แต่ไม่ใช่แบบ Keyless Entry ตรงนี้น่าเสียดายไปนิดหนึ่ง
ทว่ากายภายนอกในตัวท๊อปนั้น ก็ให้อะไรมากกว่า ซึ่งนอกจากชุดแต่งที่บอกไปแล้ว ก็มีล้ออัลอยขอบ 14 ที่ให้มาติดตัวจากโรงงาน พร้อมยาว 165/65/R14 มาตรฐานเดียวกันในรถทุกรุ่น ซึ่งมันก็ไม่แย่น่าแคบอะไรมากมายนัก เมื่อเทียบกับรถยนต์บางรุ่นที่ให้ยางไซส์เดียวกัน เนื่องจาก Suzuki Celerio นั้น มีช่วงตัวแคบกว่า และสั้นกว่า
ส่วนทางด้านกระจังหน้าสีดำล้วนเลาะด้วยขอบคิ้วโครเมี่ยมเพิ่มความลงตัวมากขึ้น และบั้นท้ายยังมาพร้อมกับสปอร์ยเลอร์หลังคาติดเป็นทรงหมวกแก๊บมาทางด้านหลังเสร็จสรรพ ดูแล้วลงตัว
ปิ๊ปๆ เปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร Suzuki Celerio ในรุ่น GLX ภายในดูดีกว่ารุ่นเดิมมากพอตัว โดยเฉพาะเชื่อว่าสิ่งที่สาวๆที่ชอบอะไรชิคๆ กิ๊บเก๋ๆ นั้น คงจะถูใจ ผ้าหุ้มเบาะและแผงประตูที่เป็นลวดลายสีสัน จัดมาให้จากแนวคิด ตอนที่พัฒนารถยนต์ Suzuki A Wind ซึ่งเราบอกเลยว่าเป็นแนวคิดที่เข้าท่า และซื้อใจลูกค้าได้มากพอตัว
ในขณะที่เบาะนั่งยังสบายเหมือนเช่นเคย เบาะทางด้านหลังนั้น ก็ยังคงทรวดทรงเดียวกัน ต่างกันเพียงในรุ่นนี้การพับมีความสามารถมากขึ้น สามารถพับในอัตรา 60/40 ได้ เรื่องพื้นที่การใช้สอยมีเท่ากันทุกระเบียบนิ้ว
รวมถึงของเล่นใหม่เพิ่มเข้ามา ดีหน่อยที่ลดดีกรีความเงียบในสไตล์รถคู่รักที่ไร้การสื่อสารใดๆจากโลกภายนอกในรุ่นแม่นวลลงไป ด้วยวิทยุ 2 Din หน้าเต็ม มาตรวัดในรุ่นเกียร์ออโต้กลับกลายเป็นมีมาตรวัดรอบเครื่องมาให้เสียงั้น สงสัยวิศวกรคงหาออพชั่นอื่นไม่ได้ และคงมีระบบคอมพิวเตอร์เช่นกัน และมันให้ระบบกระจกไฟฟ้า รวมถึงระบบเซ็นทรัลล็อค จบหมดนี้คือความแตกต่างที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มค่าตัวอีกพอสมควร แต่ถ้าถามก็ตอบเลยว่า คุ้มค่าดี
เช่นเดิม เครื่องยนต์ในรุ่นนี้ ยังเป็นสามสูบ 1.0 ลิตร คงไม่ต้องสาธยายเรื่องสมรรถนะกันอีกแล้ว แต่ในรุ่นนี้ปรับตัวตนเพื่อความสบายมากขึ้นใช้ชุดเกียร์เดียวกับ Suzuki Swift ยก Jatco 7 สปีดมาประจำการ มีช่วงอัตราทดอยู่ที่ 4.006-0.550 ปั้นลงเฟืองท้าย 3.757 ที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว
ออกเดินทางเหยียบคันเร่งปุ๊ป ก็ใช้ได้นะ!! Suzuki Celerio CVT ไม่ได้มีความอืดอย่างที่หลายคนคิด แม้จะครหาเรื่องเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ยังเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Suzuki ต้องจูงใจลูกค้ามาขับแล้วรอการตัดสินใจพลิกมาเป็นยอดจอง จากความไม่เชื่อมั่นในเรื่องขนาดของเครื่องยนต์ที่ต้องบอกว่ามีความสามารถเกินตัว
กลับรถขึ้นวงแหวนรอบนอกขับชิวไปถึงด่านจ่ายเงิน เพียงเท่านี้บอกเลยว่ามันไม่แพ้ใครแน่ แม้ถ้าเทียบ M/T มันจะออกตัวอย่างสะใจกว่า แต่คันนี้ไปนิ่งๆเนียบๆ แต่ก็เร่งขึ้น จ่ายเงินช่วงก่อนด่านเสรีไทย เราก็ขับมาเรื่อยพอดี เลนกลางมีรถเขยิบใช้เลนขวา มองแล้วไม่มีใครมาข้างหลัง ก็ขับมันไปเรื่อยๆ ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม.
สักพักมองกระจกอีกที เออมี Nissan March มาแต่เลนกลางยังไม่ว่าง และสิ่งที่คิดไว้แล้ว มันก็เกิดขึ้นครับคุณผู้อ่าน อีมาร์ชนี่บ้าพลัง มันคงรู้ว่า Suzuki Celerio เครื่องพันซีซี ของมันพันสองซีซี เออไม่เป็นไรวันนี้ยอม พอพ้นรถที่ขับเลนกลางก็หลบให้ แต่มิวายครับ มันไปจี้ข้างหน้า ...เอ้ย พันสองมันแรง!!! มาก
ว่าแล้วตะบะแตก เข้าสู่โหมดปราบเกรียน.. ปี๊ด!! แตก กระแทกคันเร่งลง เครื่องสามสูบล็อกเล็กรีดรอบเร่งอย่างขยันประกอบกับชุดเกียร์ CVT ที่คุ้นมืออยู่แล้วไม่นานก็เข้าระยะประชิดเกรียนมาร์ช บ้าพันสอง
เราไม่ยกไฟสูง แต่จี้ให้มันรู้ว่าไม่ว่ามันจะเร่งความเร็วเท่าไร แล้วมันก็หนีไม่พันซีซี ได้ เจ้ามาร์ช เริ่มใช้กลยุทธ์มุด แต่ความคล่องตัวของ Suzuki Celerio เหนือกว่า เราสามารถแทรกได้ดีกว่า คนละไลน์ก็ยังทันอยู่ ตอนนี้ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม. รถเริ่มเบามือแต่เราคุ้นชินยังจี้มันต่อ ต้องเอาให้หายซ่า ว่าแล้วมันก็พยายามเร่งหนีเค้นเครื่อง 1.2 ลิตร ให้ฉีก แต่มันไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น
แม้จะมี 78 แรงม้า และเรามี 68 แรงม้า ม้าต่างกัน 10 ตัว แต่พิกัด เราเบาะกว่า ตัวเปล่าเพียง 835 กก. ว่าแล้ว มนก็ขับรถบรมมาโง่ จี้ชาวบ้านเขาไปเรื่อย ทางออกผมเข้ามาใกล้แล้ว เลยตวัดซ้ายเข้าเลนกลางเร่งหนีที่ 150 ก.ม./ช.ม. ให้มันรู้ว่า พันซีซี ก็ไม่ใช่ขี้ๆที่ 1200 คิดว่าจะบี้ได้ง่ายเช่นกัน
ผมเข้าทางออก Nissan march บ้าพันสองถึงกับต้องชิดซ้ายเลนในทางมุ่งหน้าบางปะอิน มันคงกัดฟันกรอด ..นี่เราโดนตัวพันซีซี เล่นเข้าให้แล้วแต่นี่พิสูจน์ชัดเจนว่า เครื่องยนต์ 1000 กับ 1200 ซีซี ไม่ต่างกันมาก ด้วยปัจจัยน้ำหนักที่เบากว่า เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่หลายคนมองข้ามไปอย่างน่าเสีย
ปราบเกรียนเรียบร้อยออกทางมาศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ติดสะบัดเป็นปกติ แต่การไร้คลัทช์ทำให้ Suzuki Celerio CVT ขับง่ายมาก และมันยิ่งทำให้นิสัยจอมมุดเพิ่มทวีคุณ ด้วยพวงมาลัยที่เบาและความคล่องตัวที่เหมาะต่อรถคนเมือง รวมถึงมันยังง่ายต่อการหาที่จอด ในการที่จะพาตัวเองไปซื้อของเข้าบ้าน เรียกว่านี่คือรถที่ลงตัว สำหรับจ่ายกับข้าวตัวจริงมุมไหนเสียบได้เสียบ
ฟังดู วันนั้นเจอของโหดมากพอตัวเช่นกัน แต่กระนั้นเมื่อจบการทดสอบในเมือง บวกความเร็วที่เราซัดกับ อีมาร์ชบ้าพันสองนั้น เรากลับประหลาดใจอัตราของ Suzuki Celerio เมื่อเติมด้วยตัวเลขที่ทำเอาอึ้ง เพราะเจอโหดขนาดนี้ยัง 20.9 ก.ม./ลิตร
ประเดี๋ยวนะ....จริงดิ ไม่ผิด ดีดตัวเลข ก็ไม่ผิด นี่ขนาดติดโหดขับโหดมันทำได้ขนาดนี้ทีเดียวเชียวว่าแล้วก็เอาเข้าสู่การทดสอบ Bonn Test Mode เหมือนคันแรก วิ่งรูทเดิม ช่วงเวลาเดิม สภาพหารเหมือนเดิม แค่ด่านเป่าแอลกอฮลล์ย้ายที่ ทำเอารถติดหนักกว่าเดิม ไปอีก แต่เมื่อวนมายังที่เดิม เจ้า Suzuki Celerio ตอบคำถามความประหยัดอัตราเฉลี่ย ภายใต้การทดสอบของเราที่ 19 ก.ม./ลิตร สนับสนุนอัตราประหยัดในเมืองที่เราทำได้มา
แต่กระนั้นถึงจะมีข้อดีมากมายในเรื่องความประหยัด แต่เราก็ยังไม่ลืมว่าเส้นทางนอกเมืองนั้น เป็นบททดสอบที่สำคัญไม่แพ้กัน ถึงแม้ภายนอก Suzuki Celerio GlX CVT จะมีเพียงชุดแต่งไม่กี่ชิ้น จนบางคนบอกมันจะช่วยอะไรได้ แต่เมื่อวิ่งบนถนนหลวงแล้ว กลับพบว่าการแกว่งของรถนั้นน้อยลงค่อนข้างมาก
การปรับตัวชุดเกียร์เป็น CVT 7 สปีด เองก็ให้ความลงตัวมากกว่าในการใช้รอบเครื่องยนต์ โดยที่ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. 1,700 รอต่อนาที และ ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,300 รอบต่อนาที ช่วยสนับสนุนความประหยัดมากขึ้น แต่ดูเหมือนมันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น เพราะ หลายครั้งที่ต้องการกำลังเครื่องยนต์นั้น เราต้องเค้นอัตราเร่งเพิ่มขึ้นไปเพื่อตอบโจทย์ต่อการขับขี่
เมื่อเทียบกับการตอบสนองรุ่นเกียร์ธรรมดานั้นถือว่าค่อนข้างเสียเปรียบกว่าอย่างมาก อาจจะมาจากรอบเครื่องยนต์ ที่ไกลจากจุดที่ทำแรงบิดสูงสุด มาพอสมควร เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดาที่ในช่วงนั้นพอ ซึ่งสามารถรีดกำลังได้ทันที รวมถึงเหมือนท้ายก็เน้นไปทีการเซทให้ต่ำลง ให้ความลงตัวในการขับทางยาวมากกว่า แต่หมายถึงคุณต้องไปเรื่อยๆ
และท้ายสุดเราจบการทดสอบทางด้านความประหยัดนอกเมืองด้วยตัวเลขที่ยังความประทับใจที่ 16.5 /ลิตร ดีกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดานิดหน่อย แต่ไม่มากพอที่จะบอกว่า น่าคบหามากกว่า ถ้ามองเรื่องความประหยัด แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เน้นเอาความสบายเข้าว่าแล้วล่ะก็ได้เลย ...
ถึงแม้จะต้องกล่าวตามตรงว่าคนที่ซื้อรถเกียร์ออโต้คงไม่มองเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่อะไรมากมายนัก แต่เพื่อชี้ว่าที่จริง รถทั้งสองไม่ได้แตกต่างมาก เราเลยจับมันทำอัตราเร่ง เพื่อชี้วัด ซึ่งจากการทำอัตราเร่ง 3 ครั้ง ได้ผลดังนี้
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
0-100 ก.ม./ช.ม. |
14.76 |
15.07 |
15.10 |
15.09 |
90-120 ก.ม./ช.ม. |
11.20 |
11.50 |
11.40 |
11.45 |
เมื่อเปรียบเทียบโดยวัดกันที่ค่าเฉลี่ของอัตราเร่งนั้น เราจะพบว่าที่จริงแล้วรถเกียร์ธรรมดา สามารถออกตัวได้จี๊ดจ๊าดว่า ด้วยอัตราเฉลี่ย 14.81 วินาทีในการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. แต่ในเกียร์ CVT ก็อืดอาดกว่าไม่มากมายนัก เพียงแค่ 15.09 วินาที เท่านั้น
แต่จากการขับขี่ในการทดสอบอัตราเร่ง เป็นที่น่ายินดีที่จะบอกว่ารถยนต์ Suzuki Celerio ไม่ว่าคุณจะเลือกคบเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ มันต่างก็มีอัตราเร่งในช่วงกลางๆ 80-120 ก.ม./ช.ม.เท่ากันที่ 11.45 วินาที ตามค่าเฉลี่ยที่ได้จากการทดสอบ ทั้งหมด
Suzuki Celerio 1.0 ลิตรที่อย่าดูแคลน
ทุกงานเลี้ยงย่อมวันเลิกลา และเราก้าวเท้าลงจาก Suzuki Celerio ในวันสุดท้ายของการทดสอบอีกครั้งที่Suzuki แต่วันนี้หลังจากจบงานต้องโบกแท็กซี่กลับบ้านเองอีกตามเคย
ก่อนส่งมอบกุญแจคืนน้องแตงกว่า PR ของ Suzuki นั้น ระหว่างทางเรานั่งนึกมาเสมอว่า Suzuki Celerio มีอะไรดีเด่นที่เป็นไฮไลท์สำคัญมั่ง จากการทดสอบทั้งสองรุ่นไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ
ซึ่งเราสามารถสรุปจุดเด่นที่สำคัญๆ ของรถรุ่นนี้ได้ที่การทำระบบช่วงล่างให้มีความเหมาะสมมาก มีการเกาะถนนที่ดี ยังนั่งได้อย่างสบาย เป็นสิ่งที่ลงตัวอย่างมาก กับรถอีโค่คาร์ขนาดเล็ก ที่บอกเลยว่า ทำได้แค่นี้ก็ซื้อแล้ว
เช่นเดียวกับการที่ Suzuki น้อมนำเอาคำตีจากนักทดสอบอย่างกระผมและท่านอื่นๆ มาปรับปรุง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระบบบังคับเลี้ยวที่ไม่เหมือนตอนเชียงใหม่ที่รู้สึกขัดขืนมากกว่านี้หน่อย แต่ที่สำคัญพระเอกของเรื่องเครื่องยนต์สามสูบ บล็อก 1.0 ลิตรนั้น ตอบโจทย์ได้ลงตัว ยิ่งกับประเด็นหลักในความประหยัด ถือว่าสอบผ่าน!! ในระดับดีเยี่ยม เราเห็นตัวเลข สิบกลางๆตลอด จนเป็นรถที่รู้สึกว่ามันประหยัดไปเปล่า ??
อย่างไรก็ดี ก็มีบางเรื่องที่ควรปรับปรุง ข้อแรก หลังจากที่เห็นในเรื่องของกระจังหน้าที่รู้สึกเหมือนคนฟันหลอ ต้องยอมรับว่ามันรู้สึกแปลกๆ และก็เป็นเช่นกันในรุ่นเกียร์ออโต้ ซึ่งเราเข้าใจว่ามาจากการวิศวกรรมเพื่อให้ตรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่มอำนาจในความประหยัดในการขับขี่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันดูตลกพอสมควร และยิ่งเมื่อสังเกตเห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ในการสังเกตต่อไป
ในขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดานั้น เรามองว่าความมัธยัสถ์อาจจะเป็นประเด็นที่ดีของ Suzuki เมื่อพวกเขาพูดว่า รถคันนี้ทำออกมาเอาใจคนต้องความประหยัดขนานแท้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว บางครั้งก็ควรตอบโจทย์อะไรมากกว่า เช่นระบบเซ็นทรัลล็อคที่ราคาไม่กี่ตังค์ ถ้าอนาคตสามารถปรับปรุงได้จะดีกว่า เนื่องจากการเดินวนออกกำลังกายเดินเช็คประตูทุกบานนั้นคงไม่ใช่เรื่องสนุกนัก
อีกเรื่องที่ดูจะเป็นเหตุผลที่เราเชื่อว่าควรจะปรับปรุงอย่างมากนั้น คือ ตำแหน่งของที่กดกระจกไฟฟ้าทางด้านข้าง ที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ด้วยปกติจากการขับขี่เรามักจะละมือจากพวงมาลัยถอยหลัง ทำให้หลายครั้งพบว่า การกดกระจกไฟฟ้า ข้างหน้าข้างคนขับ เช่นกรณีจ่ายสตางค์นั้น กลับกลายเป็นไปกดปุ่มกระจกข้างหลัง ซึ่งพบบ่อยมากจน เราถูกพนักงานทางด้วนมองค้อนว่า นี่เล่นอะไรเนี่ย ซึ่งถ้าปรับแก้ได้ มันก็จะลงตัวต่อการใช้งานมากขึ้น
ถ้าถามว่าภาพรวม Suzuki Celerio เป็นอย่างไร ก็คงต้องตอบเรียนตามตรงว่ามันเป็นรถอีโค่คาร์ ที่เป็นรถที่ผมและเพื่อนในวงการบางคนเรียกว่า Real Eco car เกิดมาเพื่อจับต้องได้ง่าย ขับสบายประหยัดน้ำมัน เน้นพื้นฐานการใช้งานทั่วไป ตามฉบับ รถจ่ายกับข้าวไม่เน้นสมรรถนะที่หวือหวา แต่จะเอาก็พอได้อยู่ นี่แหละ คือสิ่งที่ Suzuki Celerio เป็น และมันยังเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ต้องยอมรับว่ามันประหยัดน้ำมันมากเอาการ จนคุณไม่ต้องพบหน้าเด็กปั้มบ่อยมากเกินความจำเป็น เชื่อเราเหอะว่า 1000 ซีซี ดีกว่าที่คุณคิดจริงๆนะ
เรื่อง และทดสอบโดย Bonn , ณัฐยศ ชูบรรจง
ติดตามผู้ทดสอบ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
รายงานการทดสอบ Suzuki Celerio
รถทดสอบ Suzuki Celerio GA M/T ราคาจำหน่าย 359,000 บาท
รถทดสอบ Suzuki Celerio GLX CVT ราคาจำหน่าย 488,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >> สมรรถนะการขับขี่ของเครื่องยนต์สามสูบ 1.0 ลิตร ที่ตอบโจทย์ได้ดีกว่าที่คาดด้วยความลงตัวที่เข้ามาในเรื่องของความประหยัด และระบบกันสะเทือนที่ปรับมาได้อย่างลงตัวมากในการออกแบบ
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> การออกแบบที่อาจจะดีได้มากกว่านี้ในรุ่นเกียร์ธรรมดา เช่นการให้ฝาครอบล้อมาเพิ่มบ้างทำให้รถมีความดูดีมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนรุ่นเกียร์ออโต้ ค่อนข้างมีความลงตัวกว่า แต่ก็ยังขาดของเล่นทันสมัย เช่นระบบนำทางในรุ่นท๊อปสุด และการจัดวางตำแหน่งกระจกไฟฟ้ายังไม่ดีเท่าที่ควร
สิ่งที่อยากให้มี >>> ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ขอตอบว่าต้องมีเลยคือระบบเซ็นทรัลล็อคอย่างแรง เพราะผู้ใช้จริงาจจะไม่รอบคอบเหมือนผู้ทดสอบรถ ส่วนรุ่นเกียร์ออโต้ อยากให้พิจารณาในการเอาระบบนำทางเข้ามาประกบติด
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >> ถ้าสมถะ จงเลือกเกียร์ธรรมดา แต่อย่างคาดหวังมากมายกับเงินที่จ่ายไป แต่ถ้าคิดเอาซื้อมาใช้งานจริงจังในเมือง เราแนะนำเกียร์ CVT ของ Suzuki Celerio มากกว่า เพราะมันมีความลงตัวมากกว่าทั้งในเรื่องความประหยัด ความสบาย ราคา ออพชั้น และความสวยงาม
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
รายงานทางด้านสมรรถนะ รถยนต์ Suzuki Celerio
การทำงานของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ใน Suzuki Celerio
|
M/T 5 speed |
CVT 7 Speed |
|
Suzuki Celerio GA |
Suzuki Celerio GLX |
ความเร็วที่เดินทาง 90 ก.ม./ช.ม. |
2700 |
1700 |
ความเร็วที่เดินทาง 100 ก.ม./ช.ม. |
3000 |
1900 |
ความเร็วที่เดินทาง 110 ก.ม./ช.ม. |
3300 |
2100 |
ความเร็วที่เดินทาง 120 ก.ม./ช.ม. |
3600 |
2300 |
อัตราประหยัด
|
Suzuki Celerio M/T |
Suzuki Celerio CVT |
ในเมือง (ก.ม./ลิตร) |
15.8 |
20.90 |
นอกเมือง (ก.ม./ลิตร) |
16.12 |
16.5 |
Bonn Test Mode (ก.ม./ลิตร) |
18.9 |
19 |
ทดสอบด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95
รายงานการทดสอบอัตราเร่ง
|
Suzuki Celerio M/T |
Suzuki Celerio CVT |
Suzuki Celerio M/T |
Suzuki Celerio CVT |
ครั้งที่ 1 |
14.72 |
10.10 |
14.76 |
11.20 |
ครั้งที่ 2 |
15.18 |
11.10 |
15.07 |
11.50 |
ครั้งที่ 3 |
14.43 |
11.80 |
15.10 |
11.40 |
เฉลี่ย |
14.81 |
11.45 |
15.09 |
11.45 |
[GALLERY696]
[GALLERY695]
[GALLERY146]