Mitsubishi Attrage GA M/T ลองสมรรถนะอัตโนมือ ความเร้าใจสั่งได้
- โดย : Autodeft
- 11 ก.ย. 56 00:00
- 12,470 อ่าน
มาพบสมรรถนะสุดเร้าใจของบททดสอบรถยนต์ Mitsubishi Attrage ใหม่ ตะลุยริมโขงด้วยเกียร์ธรรมดา จะเร้าใจแค่ไหนกัน...
ตั้งแต่มีรถยนต์อีโค่คาร์เข้ามาทำตลาดในไทย คงต้องยอมรับครับ ว่าด้วยความเป็นรถยนต์ขนาดเล็กแถมภาพลักษณ์ที่ติดว่า ใช้งานง่ายในอเมืองทำให้รถยนต์กลุ่มนี้ได้รับความนิยมมมากในเกียร์โนมัติ จนแทบจะหาน้อยคนนักที่ใจรักเกียร์ธรรมดา
เมื่อสักหลายเดือนก่อนหน้านี้ ในระหว่างที่กำลังหัวฟูปั่นงาน พลันก็มีโทรศัพท์จากค่ายทรีไดมอนด์ ส่งตรงเข้าถึงมือถือผม แล้วคุยกันเป็นนัยถามกันขำๆนอกรอบว่า จะทำเยี่ยงไร ให้คนหันมาสนใจเกียร์ธรรมดามากขึ้นในรถยนต์นั่งขนาดเล็กกลุ่มนี้
ผมไม่รีรอ ที่จะต้องบอกว่า มันยากมาก!! เพราะคนไทย นักสบาย เป็นสำคัญ แถมครั้งจะซื้อเกียร์ธรรมดามาขับ จะมีออพชั่นแบบเกียร์อัตโนมัติ ตัวท็อปก็หาได้มีไม่ ไหนๆ จะเป็นหนี้ทั้งที จะมีสักกี่คน จะยอมจ่ายซื้อเกียร์ธรรมดา ถ้าคนๆนั้น ไม่ได้เป็นคนประเภทที่จะเอารถคันนั้รมาแต่งขับซิ่ง ติดในเมืองเมื่อยขาซ้ายก็ไม่หวั่น ก็คงจะเน้นขับทางไกลตามต่างจังหวัด ทางโล่งๆ ไม่ต้องเย่อคลัชท์บ่อย ก็น่าจะทำให้เป็นทางเลือกได้
การลัดฟ้า สู่อุดรธานี ..ของผมในการไปทดสอบ Mitsubishi Attarge น่าจะเรียกว่า เป็นครังที่ 2 ของการพบรถยนต์อีโค่คาร์ 4 ประตูคันนี้ ..ไม่สิ ที่จริงนี่เป็นครั้งที่ 3 ถ้านับงานเปิดตัวรถยนต์คันนี้ แต่จะขับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ลองจัดหนัก Exclusive City Test ไปแบบไม่ตั้งใจ ในเมือง ขับจริงติดจริง ก็ทำให้เราเริ่มรู้แกวบ้างแล้ว แต่ก็ยังขาดเจ้าตัวสมรรถนะในแบบ M/T
อันที่จริงแล้ว ในใจก็มีรางสังหรณ์...ตะหงิดๆ ว่าจะได้ขับในรุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่บ้าง อาจจะเป็นเพระาผม สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ด้วยการเดินทางครั้งนี้สื่อมวลชนรุ่นใหญ่เพียบ จนรู้สึกว่าสงสัยจะได้ ขับเกียร์ธรรมดากันอย่างไม่ต้องสงสัย
ว่าแล้วหลังฟังบรรยายสรุปเสร็จสรรพ เราก็พร้อมออกเดินทาง และก็เล่นเกมเหมือนแข่ง Edurance มาก่อนได้ก่อน พลันสื่อมวลชนชุลมุนชุลเกสักพักใหญ่ เราก็มาพบว่า เจ้าน้องเกียร์ธรรมดา ยังว่างอยู่!! …
เอ้าเว้ย !!! เกียร์มือก็ได้ ..ว่าแล้วก็ถามคู่หู เพื่อนร่วมทางจากฟากฝั่งวิทยุ ซึ่งเขาก็ไร้ปัญหา และขับก่อนที่ผมจะรับช่วงไม้สองกัน
เรือนร่าง M/T ลุคเดิมที่รู้สึกสปอร์ต
อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนก่อนหน้านี้ว่า การเจอ Mitsubishi Attarge ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งความจริงแล้ว ตอนก่อนหน้านี้ที่ผมขับเข้าเมืองก็ได้เคยลองแอบเล่นเกียร์ธรรมดา ไปแล้วสั้นๆ แต่การเย่อคลัทช์ตวัดพวงมาลัยในเมือง มันก็ไม่รู้สึกสนุกสนานเท่าไรนัก ความจริงมันแทนที่จะรู้สึกแย่ด้วยซ้ำ เพราะ จะขับให้สนุกเกียร์ธรรมดา มันต้องเค้นเน้นๆ จัดมันส์
หากแต่เมื่อพูดถึงเรือนร่างในรุ่นเกียร์ธรรมดาแล้ว ทรวดทรง 4 ประตู ที่ดูหรูหราจากเดิมในความรู้สึก เมื่อตอน เจอคำว่า BE Beyond ครั้งแรก กลับรู้สึกหายไป และความจริง มันดูมีหน้าตาแห่งความสปอร์ตเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป รวมถึงกลิ่นอายความสปอร์ตที่สัมผัสได้แอบมีออร่าในตัว
ผมอาจจะไม่ใช่ เจน ญานทิพย์ หรือ ริวจิตสัมผัส แต่ให้ตายเหอะ ถ้าคุณยืนตรงหน้ารถแล้วมองมัน สัมผัสความรู้สึกสปอร์ตไม่ไม่เคยห่างหายไปจากค่าย Mitsubishi จะรู้ว่า มันเป็นอะไรที่รู้สึกฟินมาก ตั้งแต่แรกเริ่ม
แม้กระจังหน้ารูปตัวเพชรทรวดทรง 5 เหลี่ยม สไตล์โครเมี่ยมจะขัดแย้งในตัวเองบ้าง เมื่อนับว่ากันชนหน้ายังออกมาสไตล์สปอร์ตก็ช่วยทำให้ Attrage ดูดี กลมกลืนลงตัวในความสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม เส้นสายที่คล้ายเจ้า Mirage ถูกปรับยืดให้มีความยาวขึ้นกว่าเดิม จนดูสง่าขึ้นทางด้านข้าง ส่วนด้านท้าย มาแบบสไตล์ท้ายสั้นเรื่องถนัดของค่ายทรีไดมอนด์ แถมไฟท้ายก้ทำให้เราพลันนึกถึงรถรุ่นหนึ่งขึ้นมาจับใจ
รถที่เรานึกถึงนี้ก็มาจากสังกัดเดียวกันและมันก็ไม่ใช่คันไหนอื่นไกล นอกจากเจ้า Lancer Cedia อดีตรุ่นพี่ที่ดูหลายๆที่ก็ยิ่งบอกว่าใช่..เลย .. ซึ่งกลิ่นอายที่ได้มาจาก อดีต Lancer เองก็เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้มันมีความสปอร์ตในสายพันธุ์มากขึ้น ซึ่งก็เหมือนคนเราเกิดในครอบครัวนักกีฬา จะอุปโลกว่าเป็นเด็กเรียนแฟนชั่นนิสต้า อันนี้ก็คงยากอยู่
ห้องโดยสารกว้างขวาง หวังเจ้าซิตี้คาร์
หลังจากถ่ายรูปหมู..เอ้ย หมู่ กันเสร็จสรรพเรียบร้อย ฟ้าฝนก็เหมือนท้าทายเทลงมา กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จนเราต้องเร่งมาหลบในรถกัน
Mitsubishi Attrage ใหม่ ถูกออกแบบให้เน้นในความเป็นรถยนต์นั่งอย่างแท้จริง มันมีการปรับขยายเรือนร่างจากรุ่น Mirage พอสมควร โดยเฉพาะการยืดเรือนร่างให้มีความยาวมากขึ้นจากเดิม มาอยู่ที่ 4,245 ม.ม. ช่วยให้เจ้า Attrage มีความสามารถการโดยสารที่ดีขึ้น การขึ้นลงตอนหลังก้สะดวกขึ้นในความเป็นรถยนต์นั่ง
แอบเปิดห้อมสัมภาระท้ายดูจุมากขึ้นถึง 450 ลิตร สำหรับพ่อนักขนทั้งหลาย แต่ที่รับไม่ได้ ขอแนะนำให้ปรับปรุงด่วนคือการนำฟิวเจอร์บอร์ดมาแปะไว้ตรงส่วนในสุดดูแล้วไม่ค่อยงามตา กลายเป็นของราคาถูก ไปโดยปริยาย
ในขณะตัวห้องโดยสารเองในรุ่น GLX M/T ก็ไม่ได้มีออพชั่นหวือหวามาก มันมาพร้อมเบาะผ้าสีดำ คู่หน้านั่งแล้ว รู้สึกว่าสบายขึ้นกว่ามิราจ เหมือนที่เคยได้ลองไปแล้ว ฝั่งคนขับปรับฐานสูงกว่าเดิมพอสมควร น่าจะเหมาะมากกับสาวๆ ทั้งหลายไซส์คนไทยตัวเล็ก คงจะชอบเบาะนั่งนี้ไม่น้อย
ส่วนคนตัวใหญ่ก็นั่งสบาย ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากที่เคยได้ขับ mirage คงไม่พ้นเบาะที่รองนั่งที่ใหญ่ขึ้นไม่ดูคับแคบหรือเล็ก แต่ในส่วนออพชั่นอื่นๆในรุ่นเล็ก ฉบับเกียร์สับมือก็ไม่มีอะไรมากมาย เพราะเน้นการเป็นรถยนต์ใช้งานมากกว่า แต่โดยรวมถือว่าสมราคา ที่ไม่ได้แพงไปนัก
สมรรถนะเร้าใจ ฉบับ เกียร์มือ
ในช่วงแรกการขับขี่ ด้วยความที่มันเป็นการขับในโหมดประหยัด ผมเลยออกอุบายให้เพื่อช่วยขับไปก่อน เพราะรู้ว่า ขับประหยัดในสภาวะฝนงี้เอามาใช้อะไรไม่ได้หรอก ด้วยช่วงที่เราไป มีมรสุมพอดี ..
ที่ฮาสุดคือ ในตอนที่นั่งเครื่องบินจะลงอุดรธานี เมฆมาก ดูเหมือนว่า สายการบินโลว์คอสเจ้าหนึ่งพาเราเหินฟ้ามาอุดร แถมระยะทางบนฟ้าเล็กน้อย บินเลยสนามบิน จนเลี้ยวตั้งฉากกลับสนามบินแทบไม่ทัน แล้วเจ้าเมฆเยอะที่ว่าก็คือฝน ของฝากและความท้าทายในทริปนี้
หลังนั่งมาพักใหญ่ ในที่สุดก็มาถึงช่วงการขับขี่ของผมเสียที และทันทีที่ขึ้นมาคุมบังเหียน ก็ได้เวลาจัดเต็มในสมรรถนะของ Mitsubishi Attrage กัน
เหยียบคลัทช์เข้าให้ ความรู้สึกที่มีระยฟรีน้อยและน้ำหนักเบา ช่วงเดินทางไม่สูงจนเกินงาม น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้ขับขี่ง่าย ไม่ว่าคุณจะเพศใดก็ตาม แม้การขับขี่เกียร์ธรรมดาอาจจะต้องอาศัยการเรียนรู้บ้าง แต่มันไม่ใช่เรื่องยากจนเกินเข้าใจ ยิ่งกับ Attrage ยิ่งมั่นใจว่า ใครได้ขับต้องรักมัน
เราเข้าเกียร์ออกเดินทางกันต่อ โดยช่วงแรก ผมและคู่หูยังเจอฝนอยู่ แต่รู้สึกว่าหนักกว่าเดิมเล็กน้อยในระหว่างที่ผมขับ แต่ด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ของ Attarge เองช่วยให้มันขับง่ายยิ่งขึ้น เราขับไปเพลินๆชิว ขบวนวิ่งกันที่ความเร็ว 100 กม./ช.ม. เหลียวมองรอบเครื่องยนต์ อาจจะใช้รอบมากไปสักหน่อยที่ 2900 รอบต่อนาที
เสียงเครื่องสามสูบฟังดูมีความทรงพลังในตัวก็ชวนหอมวานยามสายฝน แม้รถเปล่าจะมีน้ำหนักเบาหวิวเพียง 885 ก.ก. รวมผมและคู่หู ก็น่าจะได้ราวๆ 900 ก.ก. ปลายๆ ไม่นับอาหารมื้อเช้าที่สวาปาม มาจนพุงกาง แต่อัตราเร่งของ Attrage ก็ยังทำให้เราประทับใจได้อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเร่งเครื่องขึ้นไปอีก ที่ 110 ก.ม./ช.ม. เราได้รอบเครื่องยนต์ที่ 3250 ก.ก. และที่ 120 ก.ม./ช.ม. เราได้ 3500 รอบต่อนาที ถือว่ามากแต่เข้าใจว่าคงต้องการให้ใช้แรงบิดมากขึ้น
นอกจากเครื่องยนต์ Mitsubishi Attrage ยังน่าซูฮกมากไปกว่าระบบกันสะเทือน ที่ดีขึ้นผิดหูผิด ตา เราสามารถรู้สึกได้ทันทีว่าช่วงล่าง Attrage นิ่งกว่า Mirage มาก แม้ในตัวเกียร์ธรรมดานี้จะยังเป็นล้อเหล็กขอบ 14 นิ้ว ส่วนยางเอง ก็ใหญ่กว่าแค่เบอร์เดียวใช้ 175/65/R14 แต่การทรงตัวดีกว่าเยอะ แม้ในขณะนี้จะขับกันท่ามกลางสายฝนก็ตาม
การปรับแต่งระบบช่วงล่าง Mitsubishi Attrage ใหม่นี้ เริ่มด้วยการยัดเหล็กกันโคลงเข้ามาที่ระบบช่วงล่างแม็คเฟอร์นสตรัท ทางด้านหน้า ทำให้รถมีความนิ่งและเนียนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างชัดเจน ส่วนด้านท้ายพอจะรู้ว่ามีการปรับชุดสปริงใหม่ ให้ความหนึบมากขึ้นลดความกระด้างลง แต่ยิ่งไปกว่านั้น ถังน้ำมัน 42 ลิตร ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักนั่งบนช่วงล่างแบบทอร์ชั่นบีม ให้ความลงตัวมากขึ้น แม้ถนนจะลื่นปรื้ดก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ขับมาได้สักระยะ ถนน เริ่มแห้งทางเริ่มโล่ง เราได้มีโอกาส ลองทำความเร็วสูงสุดขำๆ สับกันไวๆ ไปแบบ ควอเตอร์ไมล์ นั่งสอง ตอนนี้ก่อนที่จะสิ้นสุดถนนวิ่ง ได้ตัวเลข 167 ก.ม./ช.ม. ซึ่งก็น่าพอใจแล้ว จนพี่จ่าอาจจะเริ่มเสียวแทน
หากแต่หลังขับตามมาท้ายขบวนไม่นาน อยู่ดีๆ คันหน้าก็หลบอย่างรวดเร็ว พลันทันใดนั้น ผมร้องตะโกน … เฮ้ย!! หมา ว่าแล้ว ก็ตวัดพวงมาลัยซ้าย สามารถหลบน้องหมาพ้น ซึ่งรถก็ไม่ได้เสียอาการแค่เรือนร่างเบา อาจจะทำให้คนแก่ตกใจได้บ้าง เหลียวมองกระจกหลัง หมาไทยมันหยอกกันไม่ได้ดูรถ ตัวแรกที่ผมหลบผ่านไปได้ รอดตัวไป แต่ตัวที่สองรอดใต้ท้องวีโก้ที่ตามมาห่างๆ เลนซ้าย แต่ไม่ตาย ทว่าก็คงจะขาหักเพราะความขี้เล่นของมัน
ถนนแถวอุดรธานีไปนครพนมนี่ก็ไม่รู้อะไรนักหนากับน้องหมา ยิ่งพอถึง 2 แลนสวน หมาแถวนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยกลัวรถ จนเราต้องใช้วิธีการ บีบแตรแล้วหลบเพื่อไม่ทำอันตรายเขา แต่ไม่วาย เรื่องน้องหมาก็มาอีกจนได้
ครั้งนี้ มันกลัวรถเมล์ เลยรับวิ่งข้ามมาตรงกลาง แต่คงลืมมองเจ้าน้องดำ Mitsubishi Attrage คันที่ผมขับอยู่นี้ ว่าแล้วผมก็บีบแตร พร้อมหักหลบซ้ายหนีมันอีกเล็กน้อย แต่แล้วพลันไปเจอคน ที่ไหล่ทาง ว่าแล้ว ผมก็ตวัดขวาอีกที แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาทีเสียว แต่ Mitsubishi Attrage ช่วงล่างบอก..เอาอยู่ สบายๆ …
พิสูจน์จัดหนัก 4 วอรัส ใน Attarge
หลังผ่านศึกมหกรรมหลบหมา ณ อุดรมาได้ ในวันรุ่งขึ้น ตื่น มาเราก็มาพบว่า เจ้าน้อง M/T เราหนีกลับบ้านไปก่อนแล้ว ทำให้ผมต้องอาศัยรถพี่ๆ สื่อมวลชนท่านอื่นๆ แต่แม้ไม่ได้ขับ มันก็มีเรื่องมันส์ๆ ทำกัน
ลองคิดดูว่า Mitsubishi Attrage ใหม่ จะรับคนตัวใหญ่ 4 คนไหวไหม พลัน พี่ฝัน อาจารย์นักจัดรายการวิทยุก็บอกว่า แบบนี้เราต้องจัด 4 วอรัส ยัดในคันเดียว ว่าแล้ว ผมในฐานะที่ตัวใหญ่ในคณะสื่อ รุ่นเยาว์ พร้อมน้าตั๋ม รวมถึง พี่ฝัน และพี่โย่งที่ทั้งหมด ทุกคนมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 90 ก.ก. ก็ถูกยัดเข้ามาในรถ Mitsubishi Attrage GLS. Ltd CVT เพื่อทดสอบความสามารถกัน
การลงมานั่งก็เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะครั้งนี้ผมได้นั่งตอนหลังแบบเต็มๆ ก็ขอยอมรับว่า Mitsubishi Attrage ใหม่ มีพื้นที่วางขาที่ดี แม้คนนั่งหน้าจะถอยเบาสุดแล้ว คนที่ขายาว อย่างผม ที่ต้องสั่งที่นั่ง Long leg บนเที่ยวบินประจำ ยังสามารถนั่งได้อย่างสบาย อาจจะไม่ถึงขนาดว่า กระดิกขาไขว้ห้างได้ แต่ก็มากพอ
ชุดเบาะนี้ก็เช่นกัน ด้วยเบาะนั่งในรุ่นท็อปเป็นดบาะหนังสีครีมดูแล้วความแตกต่างพอสมควร แต่ที่ชอบมากเป็นความนิ่มสบาย อาจจะต้องยอมรับว่าสีเบจ หรือครีม อาจจะสร้างความสกปรกได้ง่ายกว่าที่คาดเอาไว้ แต่คุณภาพ ทั้งที่รองและพนักพิงตอนหลัง นี้ถือว่าทำได้อย่างเยี่ยมยุทธ
การขึ้นลงเอง คิดถึง คนตัวใหญ่ 4 คนนั่งไปในรถคันเดียวก็ทำได้ดี ที่จริง น้ำหนักที่กดลงไปบนสปริงหลัง ระบบช่วงล่างแบบทอร์ชั่นบีม มากขึ้นทำให้มันมีความนิ่มนวลมากขึ้น และเกาะถนนมากขึ้นจากความรู้สึก
หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จอิ่มๆ ก็ดันเป็นช่วงถนนว่าพอดีว่าแล้ว พี่ฝันนักขับเราก็พาเรา 4 คน พร้อมเจ้า Mitsubishi Attrage ขับขี่แบบจริงจัง เครื่องยนต์ 3 สูบ แถวเรียง ให้กำลัง 78 แรงม้า และแรงบิด 100 นิวตันเมตร ส่งเสียงคำรามประมาณว่าสู้โว้ย!! ตลอดระยะที่เร่งโดยการคิดดาวน์ ว่าแล้ว รถ ก็วิ่งฉิว ผมไม่ได้มองวัดรอบแต่รู้ว่าเราไต่ความเร็วไปเรื่อยๆ จนมาเหยียบ 140 ก.ม./ช.ม. ซึ่งแจ่วมากสำหรับ คน 4 คนที่ตัวใหญ่มากขนาดนี้
แต่นั่นก็ยังไม่พอแค่นั่น ด้วยเครื่องยังไปได้อีก จำได้ว่าท้ายสุดที่มอง Mitsubishi Attarge พร้อม 4 วอรัส ในรถ สามารถทำความเร็วได้ กว่า 160 ก.ม./ช.ม. และเร่งได้อย่างเร้าใจไร้ปัญหา ซึ่งผมกลับรู้สึกว่ าการนั่ง 4 ดูมีเสถียรภาพช่วงล่างดีกว่าด้วยซ้ำไป จนมาถึงปลายทาง ณ สนามบิน นครพนม
Mitsubishi Attrage ใหม่ น่าจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า มันมีหลายสิ่งอย่างที่ลงตัวในรถคันนี้ มีความประทับใจอยู่ภายในตัวมันอย่างมากมาย ทั้งสมรรถนะในการขับขี่ และช่วงล่าง แต่ที่เด่นที่สุด คือการตอบโจทย์ที่มากกว่าที่คาดในรถยนต์อีโค่คาร์
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ภาพโดย Mitsubishi
สรุปผลการทดสอบ Mitsubishi Attarge
รถยนต์ Mitsubishi Attrage GLX M/T
ราคาจำหน่าย 443,000 บาท
การทำงานของเครื่องยนต์
ความเร็ว (ก.ม./ช.ม.) |
รอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) |
80 |
2400 |
90 |
2700 |
100 |
2900 |
110 |
3250 |
120 |
3500 |
ความเร็วสูงสุดระหว่างการทดสอบ 167 ก.ม./ช.ม.
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com