ทดสอบรถยนต์ New Toyota Yaris Hatchback G : คล่องตัว เก็บของจุใจ สมใจวัยรุ่น
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 6 พ.ย. 60 00:00
- 60,466 อ่าน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 ที่ Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ Subcompact car แบบ 5 ประตู Hatchback ตัวใหม่อย่าง Toyota Yaris ก็เล่นเอาวัยรุ่นหลายคนชอบใจกับดีไซน์ที่แสนจะน่ารักของมันกันอย่างมาก จนมีการสั่งซื้อเพื่อเอามาวิ่งใช้งานบนถนนเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี อยู่เลย
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2013 ที่ทางโตโยต้าตัดสินใจที่จะลงมาร่วมเล่นในตลาดรถยนต์ ECO Car บ้าง จึงนำเครื่องยนต์ขนาด 1,200 ซีซี รหัส 3NR-FE มาใส่เข้ากับ Toyota Yaris ในรหัสตัวถัง XP150 เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกับผู้ที่มีรายได้ในฐานต่ำลงมาได้อีกมาก สร้างยอดขายได้เป็นจำนวนมากกว่าเดิมอีก จากความได้เปรียบในเรื่องของขนาดตัวรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดถ้าเทียบกับรถ Hatchback ระดับเดียวกัน โดยโฉมนี้ทำการวางจำหน่ายอยู่ในตลาดยาวนานถึง 4 ปี จนหลายคนก็เริ่มจะถามหาการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่กันบ้างแล้ว
ย่างก้าวเข้าสู่ปี 2017 ก็มีข่าวออกมาอยู่เรื่อยๆว่าจะมีการปรับโฉมแบบ Minor Change กันใหม่ในรุ่น Toyota Yaris ซักที แต่ทางโตโยต้าก็ชิงปล่อยเซอร์ไพรส์กับแฟนๆซะก่อนด้วยการเปิดตัว Toyota Yaris Ativ ในรูปแบบ Sedan 4 ประตู ที่หน้าตาไม่เหมือนกับรุ่นพี่เอาซะเลย จนบางคนเริ่มสงสัยแล้วว่า จะมีการเปิดตัวใหม่หรือไม่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาจริงๆ
หลังการเปิดตัวทั้ง Toyota Yaris Hatchback และ Toyota Yaris Ativ มีเสียงชื่นชมมากมายเกี่ยวกับดีไซน์หน้าตาของทั้ง 2 รุ่น ว่าทำออกมาได้ตรงใจกับวัยรุ่นได้อย่างมาก (แน่นอนว่าผู้ใหญ่รุ่นเดียวกับผมหลายคนก็ชอบเช่นกัน) แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญไม่แพ้หน้าตาที่สวยงามก็คือเรื่องของการขับขี่ ว่าจะสามารถตอบสนองการใช้งานของวัยรุ่นได้เหมือนหน้าตาหรือไม่ ผมในฐานะนักทดสอบรถยนต์ที่ (เคย) เป็นวัยรุ่น ก็ต้องขออาสา (ปลอมตัว) เป็นตัวแทนของวัยรุ่นเพื่อทำการทดสอบในครั้งนี้เพื่อให้เห็นกันไปชัดๆเลยว่า Toyota Yaris Hatchback จะตรงใจวัยรุ่นได้จริงหรือเปล่า
ก่อนอื่นเลยคงต้องย้ำกันอีกรอบว่า การเปิดตัวรุ่นใหม่ครั้งนี้ของ Toyota Yaris Hatchback นั้น เป็นการปรับโฉมในแบบ Minor Change เท่านั้น แต่เมื่อแรกพบสบตาเมื่อเจอหน้าเธอ ก็ต้องคิดกันแน่นอนว่าการปรับโฉมครั้งนี้เป็น Model Change แหงๆ เพราะแทบจะหาเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้เลย ยกเว้นความเป็น Hatchback 5 ประตูเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมด้วย LED Light Guiding มาเป็นทรงเรียวแหลมคม เพิ่มความคมเข้มให้กับดวงตา เสริมด้วยไฟ LED Daytime Running Light พาดเป็นแนวนอนใต้โคมไฟหน้า อยู่เหนือกระจังหน้าสีดำ พร้อมไฟตัดหมอกทรงกลม ฝังอยู่ในส่วนของกันชนหน้าทั้ง 2 ข้าง ทรงของด้านหน้ามาในทรงที่ดูมนกว่าเดิม ให้อารมณ์ในความเป็นรถสปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าเป็นตะแกรงสีดำ กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ มีสัญญาณไฟเลี้ยวติดอยู่บนกระจกมองข้างด้วย ส่วนบนหลังคาก็ยังเป็นลูกคลื่นไม่เรียบเหมือนทั่วไป มีครีบปลาฉลามทำหน้าที่เป็นเสาอากาศรับสัญญาณวิทยุ เอาใจวัยรุ่นอย่างเต็มที่ แถมสีรถยนต์ที่นำมาทดสอบก็เป็นสีเขียวมะนาว Citrus Mica Metallic ก็ทำเอาสะดุดตาเมื่อวิ่งบนถนนได้ไม่น้อยเลย (จริงๆมีให้เลือกทั้งหมด 7 สีนะจ๊ะ)
เครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นขนาด 1,200 ซีซี รหัส 3NR-FE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i ระบบการจ่ายน้ำมันแบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ให้แรงม้าสูงสุดที่ 86 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เชื่อมต่อการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ใช้งานได้แบบปกติ, แบบ Sport เพื่อเพิ่มความปรู๊ดปร้าด และโหมด B สำหรับการใช้งานลงเขาโดยเฉพาะ
ส่วนภายในนั้น ตัวเบาะเป็นเบาะผ้าทั้งคัน โดยเบาะหลังนั้นสามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 คอนโซลมาในสไตล์โค้งมนสีเปียโนแบล็ก ตัดด้วยแถบสีเมทัลลิก ตัดกันอย่างลงตัว กลางคอนโซลติดตั้งเครื่องเสียงแบบเล่น CD ได้ 1 แผ่น มีช่องเสียบแบบ USB และ AUX ได้อยู่ด้านล่างของแผงหน้าจอ เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ และยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางสัญญาณ Bluetooth ได้อีกด้วย ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยแถบเมทัลลิก เป็นระบบไฟฟ้า EPS เพิ่มความแม่นยำในการหมุนเลี้ยวรถได้มากขึ้น มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงด้านซ้ายและปุ่มรับ-วางโทรศัพท์อยู่ด้านขวา มีไฟในห้องโดยสาร 2 จุดคือไฟแผนที่และไฟกลางห้องโดยสาร ส่วนระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ มีทั้งระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ, แอร์ระบบอัตโนมัติ (บอกเลย เย็นเร็วมาก), กุญแจรถแบบรีโมทพร้อมระบบ Smart Entry, ปุ่ม Push Start รวมทั้งเซ็นเซอร์ถอยด้านหลัง ช่วยเตือนเมื่อเข้าใกล้วัตถุอื่นตอนถอยหลัง
แต่สิ่งที่โดดเด่นมากๆสำหรับ New Toyota Yaris Hatchback MY2017 นี้ ต้องบอกว่าเป็นระบบความปลอดภัยจริงๆ มาครบครันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 7 จุด ซึ่งถือว่ามีมากที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ก็มีมาให้ หาได้ยากนักในรถยนต์ที่เป็น ECO Car และระบบที่เหนือกว่าอีกอย่างคือ Hill Start Assist Control หรือ HAC ที่จะช่วยเบรกค้างไว้ประมาณ 3 วินาทีหลังจากถอนเท้าออกจากแป้นเบรก เมื่อรถยนต์มีการจอดค้างไว้ขณะขึ้นเนิน ป้องกันการถอยหลังไปชนรถที่อยู่ด้านหลัง ต้องบอกว่าระบบนี้น่าจะถูกใจสาวๆเป็นอย่างมาก เพราะจะมีเวลาในการยกเท้าจากแป้นเบรกไปยังคันเร่งทันเวลา ส่วนระบบมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆก็มาพร้อม ทั้ง ระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
อย่างที่รู้กันแล้วว่า Toyota Yaris Hatchback ใช้พื้นฐานมาจากรถ Subcompact car ดังนั้นตัวถังจึงมีขนาดใหญ่กว่าในรถยนต์ระดับ ECO Car ด้วยกัน ด้วยมิติขนาด 4,145 x 1,730 x 1,500 มม. และฐานล้อกว้าง 2,550 มม. ทำให้การนั่งทั้งส่วนของคนขับและผู้โดยสารนั้นสบายมากกว่าทั่วไป เบาะด้านหลังนั้นสามารถนั่งได้ 3 คนแบบไม่ต้องเบียดอะไรมาก แถมยังสามารถพับเบาะลงมาเรียบเพื่อใช้ขนของที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย ส่วนพื้นที่เก็บของด้านหลังก็มีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บสัมภาระของพวกวัยรุ่นได้เยอะพอตัว ผมเองลองเอารถจักรยานพับยัดเข้าไป ใส่ไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้ใส่ของอื่นได้อีกเยอะ ขนาดโต๊ะวางโทรทัศน์ยาวร่วม 150 ซม. สูง 60 ซม. ยังขนเข้ารถได้อย่างสบายเลย ดังนั้นไม่ว่าวัยรุ่นอย่างเราจะมีของเยอะขนาดไหน รับรองว่า Toyota Yaris Hatchback รองรับการเก็บได้เพียบอย่างแน่นอน
การขับขี่นั้น ต้องบอกว่า Toyota Yaris Hatchback ถูกออกแบบให้เน้นการใช้งานคล่องตัวเป็นสำคัญ เพราะมันมีพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ที่มีความแม่นยำในการมุดไปตามช่องว่างต่างๆในเมืองได้อย่างสบาย ตลอดเส้นทางในการทดสอบทั้งเมือง ไม่ว่าจะแถบลาดพร้าว, รามอินทรา, พุทธมณฑล หรือฝั่งสุวรรณภูมิ ก็สามารถลัดเลาะ เปลี่ยนเลนได้ตามมือที่เราสั่งได้อย่างไม่มีงอแง แต่ช่วงที่เราใช้เกียร์ D ตามปกตินั้น อาจจะรู้สึกว่ารถไม่ออกตัวไปได้อย่างใจในบางจังหวะ ทั้งนี้น่าจะมาจากการเซ็ตให้เน้นความประหยัดเป็นสำคัญ ตลอดระยะทางในการทดสอบ ผมได้เห็นสัญญาณไฟ ECO ขึ้นที่หน้าจอแทบจะตลอดเวลา แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับวัยโจ๋ที่ต้องการความแรง เพียงดึงเกียร์เข้ามาที่โหมด S เครื่องยนต์ก็จะสนองต่อเท้าเราได้ดีกว่าเดิม พุ่งออกไปข้างหน้าได้เร็วและแรงกว่าเดิม แต่แน่นอนว่ามันแลกมากับการที่สัญญาณ ECO ที่มันโผล่มาน้อยลง
ส่วนการทรงตัวนั้น ถ้าอยู่ในระดับที่ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถจะอยู่ในการควบคุมของเราได้อย่างสบาย แต่เมื่อความเร็วอยู่ในย่านระดับ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป อาจจะมีอาการเบาของตัวรถ ทำให้บังคับยากขึ้นกว่าเดิมหน่อย คงมาจากตัวรถที่เบา เลยทำให้เกิดอาการมาบ้างยามที่อยู่ในความเร็วสูง แต่ถ้าเอาตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะขับรถรุ่นไหน การขับเกินที่กฎหมายกำหนดก็เป็นเรื่องอันตรายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเข้าโค้งก็ไม่มีปัญหา เพราะรถมีระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้วทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
หลังจากการทดสอบ Toyota Yaris Hatchback G ไปแล้ว ได้บทสรุปการบริโภคน้ำมันเป็นดังนี้ครับ
ในเมือง ระยะทาง 245 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 18 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการใช้น้ำมัน 13.6 กิโลเมตร/ลิตร
นอกเมือง ระยะทาง 114 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 61 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการใช้น้ำมัน 19.4 กิโลเมตร/ลิตร
ตลอดเส้นทางการทดสอบ ผมใช้น้ำมัน E20 ตลอดเส้นทาง คิดว่าถ้าใช้งานน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 91 น่าจะได้ผลการทดสอบที่ดีกว่านี้ แต่แน่นอนว่าราคาของ E20 มันถูกกว่าตั้งหลายบาทอยู่เนอะ
Toyota Yaris Hatchback G คันนี้ เป็นรุ่น Top ราคาอยู่ที่ 619,000 บาท มีให้เลือก 7 สีคือ Citrus Mica Metallic, Orange Metallic, Red Mica Metallic, Super White II, Silver Metallic, Grey Metalic และ Attitude Black ใช้ขับขี่ในเมืองหรือออกไปนอกเมืองตามต่างจังหวัดได้อย่างสบาย และกับราคาระดับนี้ ก็ไม่น่าจะเกินเอื้อมสำหรับวัยรุ่นที่อยากจะมีรถยนต์ไว้ใช้เป็นส่วนตัวคันแรกสักคัน ถ้าดูจากสิ่งที่ได้มาในรถคันนี้ต้องบอกเลยว่า “คุ้มค่า คุ้มราคา” มากจริงๆครับ
ทดสอบและเรียบเรียงโดย Earthpark02
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com