Test Drive : Mercedes-Benz GLC 250 d 4 MATIC AMG Dynamic ตัวเทพ SUV หรูทิ้งทวนก่อนปรับโฉมจะมา

  • โดย : Autodeft
  • 5 มี.ค. 62 00:00
  • 48,300 อ่าน

ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์ชั้นนำจากหลายประเทศรวมถึง Mercedes-Benz จากเยอรมนี ส่งยนตกรรมอเนกประสงค์ ลุยตลาดให้สาวกได้เลือกสรร ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์แนวลุย เสริมความภูมิฐานแนวหรูหราผสมกับประโยชน์การใช้งานหลากหลายรวมอยู่ในคันเดียว

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งรถยนต์ SUV ลงตลาดทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 1979 ด้วยรุ่น G-Class รุ่นแรก จนได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากกลุ่มขาลุย Off-Road และเป็นการปูทางให้กับรุ่นอื่นๆในตระกูล SUV ได้เจริญรอยตามทั้งรุ่น GLA,GLC, GLC Coupe’, GLE, GLE Coupe’ และ GLS ครั้งนี้ได้เลือก Mercedes-Benz GLC Compact Luxury SUV มาทดสอบเพื่อได้รู้จักตัวตนมากขึ้นโดยเปิดตัวในไทยปลายปี 2015 ในรหัส X253 ช่วงแรกจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน CBU และหลังจากนั้นประกอบในประเทศตั้งแต่ปี 2016 และทำตลาดมาด้วยกันถึง 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น GLC 250 d 4 MATIC OFF-ROAD และรุ่น GLC 250 d 4 MATIC AMG Dynamic (รุ่นที่นำมาทดสอบ)

รูปร่างหน้าตามีเอกลักษณ์สไตล์ Mercedes-Benz โดดเด่นในด้านความสะดวกสบาย หรูหรา ผสมกับความลุยยกสูงในรูปแบบ SUV ตั้งแต่กระจังหน้าแบบสามมิติ มีโลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ตรงกลางบนลาย 2 แถบ เสริมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่นอกจากให้ความสว่างแล้วยังมีของดีที่ซ่อนอยู่ในโคมนั่นคือระบบปรับโคมไฟหน้าตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย ALS (Active Light System)รวมถึงระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ลงตัวด้วยกันชนหน้าออกแบบช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ เสริมด้วยชุดแต่งใต้กันชนหน้าบ่งบอกความดุดันตั้งแต่เกิด

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ด้านข้างมาพร้อมแร็คหลังคาดีไซน์ลงตัวเหมาะสำหรับการติดชุดกล่องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่หรือแขวนจักรยานรวมถึงหลังคาแบบพาโนรามิค เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า กระจกมองข้างบานใหญ่ติดตั้งไฟเลี้ยว LED ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Run flat Pirelli Scorpion Verde ขนาด 255/45 R20 พร้อมสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า (คันขายจริงจะได้ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ AMG ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R19) ติดตั้งบันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ตพร้อมปุ่มยางกันลื่นไว้สำหรับการปีน ขี้น-ลง หลังคาในยามติดตั้งชุดแร็ค และกรอบกระจกประตูติดตั้งคิ้วโครเมี่ยมเสริมสง่าความหรูขึ้นอีกขึ้น

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ด้านท้ายสวยเด่นด้วยไฟท้าย LED ปลายท่อไอเสียตกแต่งด้วยสแตนเลส 2 ท่อในชุดกันชนหลัง แผ่นคิ้วโครเมี่ยมบนปลายท่อไอเสียตกแต่งด้วยโครเมียม และเอาใจสาวๆที่ชอบช็อปปิ้งในวันลดราคาตามศูนย์การค้า ด้วยฝากระโปรงท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบไม่ต้องใช้มือ (HANDS - FREE ACCESS) วิธีการใช้งานเหมือนกับคู่แข่งจากชาติเดียวกัน เพียงแค่แกว่งปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลังด้านซ้ายเซนเซอร์คอยจับสัญญาณการแหย่ปลายเท้าไว้ ฝากระโปรงท้ายจะเปิดด้วยระบบไฟฟ้าทันที เพียงแต่ว่าขอให้ตัวกุญแจรีโมทอยู่กับตัว และระบบเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอดผสานการทำงานกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทางหรือกล้องมองหลัง เพียงการจอดรถไม่ว่าจะจอดรถเข้าซ่องเอาหน้าเข้าหรือท้ายเข้าก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปลดปัญหาการทำให้ตัวรถเป็นรอยจากการขับขี่ที่ผิดพลาดของคุณเอง

ด้วยความเป็นรถยนต์ที่พัฒนามาจาก Mercedes-Benz C-Class ทำให้ตัวรถใหญ่โตตามฐานะและใหญ่กว่าเจนเดิม (Mercedes-Benz GLK) เริ่มจากความยาว 4,656 มม. ความกว้าง 1,890 มม. ความสูง 1,639 มม. ฐานล้อที่ 2,873 มม. น้ำหนักรถ 1,845 กก. และความจุถังน้ำมัน 66 ลิตร

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ภายในออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย เอาใจวัยหนุ่มสาวและครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบความสปอร์ตด้วย แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบ ยกชุดจาก Mercedes-Benz C-Class พร้อมช่องแอร์ทรงกลม ลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด 3 ก้าน มาตรวัดทรงกลมซ้าย-ขวา บอกความเร็ว บอกการทำงานรอบเครื่องยนต์ ตรงกลางมาพร้อมจอ MID ขนาดใหญ่บอกการทำงานของตัวรถทั้งหมด

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

อุปกรณ์ประจำรถมีมากมายประกอบไปด้วย ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20 พร้อมจอภาพขนาดใหญ่ ระบบแผนที่นำทาง ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester surround sound รอบคัน เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา THERMATIC พร้อมกุญแจแบบ Keyless-GO ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ม่านบังแดดประตูหลัง ซ้าย-ขวา ชุดแป้นคันเร่ง-แป้นเบรก สีเงินแบบสปอร์ต สร้างบรรยากาศค่ำคืนอันแสนอบอุ่นด้วยระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร ambient lighting ปรับได้ 3 สี

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าคู่หน้าสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบหน่วยความจำตำแหน่งเบาะ 3 ตำแหน่งหุ้มด้วยหนังแท้ Artico ที่รองขาสามารถยืดไปข้างหน้าได้ เมื่อเข้าไปนั่งตัวเบาะโอบกระชับดี พนักพิงศีรษะยังสามารถปรับได้ด้วยถ้าจะต้องการจะดันหัวหรือหัวลอย เบาะนั่งด้านหลังหุ้มด้วยหนังแท้ Artico สามารถพับได้ทั้ง 1/3: 2/3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้นมากถึง 1,600 ลิตร (ไม่พับเบาะจะมีพื้นที่สัมภาระ 550 ลิตร) พร้อมด้วยการขยายพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มขึ้นอีก 34 มม. ทำให้เนื้อที่สำหรับที่นั่งตอนหลังดูกว้างและเพิ่มความสะดวกในการเข้าหรือออก ห้องโดยสารมากยิ่งขึ้น เมื่อพับเบาะหลังลงจะมีแผ่นปิดที่เก็บสัมภาระท้ายแผ่นรองกันกระแทกบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถแบบ metallic

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ความแรงควบคู่กับความประหยัดนับเป็นของคู่กันเสมอเมื่ออยู่ใน Mercedes-Benz GLC 250 d 4 MATIC AMG Dynamic ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 4 สูบแถวเรียง 2.1 ลิตร รหัส OM651 ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและปริมาณไอเสีย (Euro 6) ที่เข้มงวด

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ตามข้อมูลโรงงาน ปล่อย CO2 ที่ 187 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 14.08 กม./ลิตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม. พรัอมระบบ เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC สนุกสุดๆกับ ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering - wheel Gearshift Paddles) พร้อมเทคโนโลยีระบบ Dynamic Select ที่มีโหมด การขับขี่ 5 แบบ คือ Eco แบบโหมดประหยัดน้ำมัน, Individual รูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, Comfort แบบโหมดขับขี่สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่ มากยิ่งขึ้น

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

พลัง 204 แรงม้าที่มาจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.1 ลิตร ถึงจะอยู่มาหลายรุ่นในค่ายตราดาวแต่ก็แสดงฤทธิ์เดชออกมาได้อย่างน่าทึ่ง คิ๊กดาวน์เพื่อเค้นกำลังกับแรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตร ตอบสนองฉับไวและดีกว่าตอนสมัยขับรุ่น GLE250d (ML250 Bluetec) เจนที่แล้ว  ด้วยตัวรถที่ขนาดพอดี น้ำหนักตันปลายๆเกือบ 2 ตันการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองจึงคล่องตัว ลัดเลาะไปถึงปลายทางได้อย่างทันใจทันท่วงที รอบเครื่องยนต์ในช่วงความเร็ว 100 -120 กม./ชม. ทำผลงานสูงสุดไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที ด้วยรอบตั้งแต่ 1,300 1,450 และ 1,550 รอบ/นาที ตามลำดับ ส่วนระบบเกียร์ถึงสปีดจะมากกว่าคู่แข่งร่วมชาติถึง 9 สปีด การเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละช่วงก็ทำงานได้อย่างไร้รอยต่อไม่กระตุก แต่ถ้าอยากขับสนุกก็มี Paddle Shift หลังพวงมาลัย กดเพิ่มอรรถรถในการขับขี่อย่างสนุกสนาน

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ติดตั้งเป็นมาตรฐานให้กับรถยนต์อเนกประสงค์หรูคันนี้ โดยการทำงานแบบตลอดเวลา หรือ All Wheel Drive ตั้งแต่คุณสตาร์ทเครื่องยนต์ออกตัวเดินทาง ระบบแบบนี้ให้ความสามารถในการขับขี่ที่นอกจากดีแค่เรื่องลุย ยังช่วยในการทรงตัวยึดเกาะถนนอีกด้วยยามขับขี่ โดยระบบจะส่งไปยังล้อหน้ากับล้อหลัง ในอัตราส่วน 45:55 บนทางหลวง และสามารถแปรผันการแบ่งแรงบิดหน้ากับหลัง ได้ 30:70 และ 70:30 ขึ้นอยู่กับสภาพถนน พร้อมสารพัดตัวช่วยที่ทำงานร่วมกับระบบ 4MATIC ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) ระบบควบคุมความเร็วขณะขึ้นทางลาดชัน Hill-Start Assisant แต่ไม่มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control ซึ่งรถยนต์ระดับนี้สมควรต้องมี

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ด้วยตัวรถยกสูง ทัศนวิสัยการมองเห็นระยะไกลหรือใกล้ ชัดเจน การเก็บเสียง ความเร็วช่วง 70-110 กม./ชม. เงียบสนิทไม่ว่าเสียงลมปะทะ, เสียงจากพื้นถนน หรือเสียงเครื่องยนต์ยังให้ความเงียบพอสมควร แต่กดเพื่อคิกดาวน์จนรอบตวัดขึ้นสูง อาจมีเสียงดังบ้างตามประสาเครื่องยนต์ดีเซลก็ไม่น่าเกียจจนเกินไป ยังสามารถพูดคุยกับผู้โดยสาร ฟังเพลง ระหว่างเดินทางได้อย่างสบายๆ แต่เมื่อใช้ความเร็วระดับ 120 กม./ชม. เริ่มมีเสียงลมเข้ามาทางประตูด้านคนขับบ้าง และได้ยินชัดเจนที่ความเร็ว 130 กม./ชม.ขึ้นไป ส่วนเสียงจากพื้นถนนยังเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารในระดับต่ำจนไม่ถือว่าเป็นปัญหา

ถ้าใช้ในเมืองที่มีการจราจรไฟแดงจะทำอย่างไร Mercedes-Benz ติดตั้งระบบ Brake Hold โดยจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติและไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้ โดยเหยียบเบรกให้ลึกแล้วสัญญาณไฟเตือนจะขึ้นคำว่า Hold ทันทีและเมื่อไฟเขียว คุณก็แค่เหยียบคันเร่ง รถจะพร้อมพุ่งทะยานออกไปทันที

ระบบพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักตามความเร็วรถเป็นจุดเด่นที่น่ายกย่องเพราะเซ็ตพวงมาลัยได้แม่นยำ ควบคุมง่าย น้ำหนักเบาในช่วงขับขี่ในเมืองและจะหนักขึ้นในความเร็วสูงๆเหมือนกับคู่แข่งร่วมชาติ รวมถึงช่วงล่างที่ออกแบบมาให้ความนุ่มนวลซับแรงกระแทกจากพื้นถนนได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยรุ่นรถที่ขับเป็นยางแก้มเตี้ยซีรีส์ 45 วงล้อขนาด 20 นิ้ว แต่จะมีอาการแข็งๆบ้างในบางจังหวะ ยามใช้งานในเมือง แต่เข้าสู่นอกเมืองกลับให้ความมั่นใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับช่วงล่างของรถ Mercedes-Benz รุ่นนี้ เปลี่ยนเข้าเลนใหม่ทำได้อย่างมั่นคง มีอาการโยนให้เห็นบ้าง ตามสไตล์รถที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงเช่นนี แต่ถือว่าใกล้เคียงกับรถเก๋งซาลูนช่วงล่างเยี่ยมๆจากชาติเดียวกันหรือต่างถิ่นอย่างอังกฤษ เป็นต้น

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ความประหยัดน้ำมันเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้รถตัดสินใจซื้อเป็นอันดับตั้นๆ Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic ก็ไม่ทำให้ผิดหวังโดยในเมืองทำได้ 10.09 กม./ลิตร และสูตรเฉพาะ Save Mode งานนี้ตกตะลึงแน่นอนกับอัตราสิ้นเปลือง 23.08 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 59.8 กม. จัดเต็มถังกับน้ำมันดีเซลย่านเพชรบุรีตัดใหม่ 2.59 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ความดีความชอบครั้งนี้ต้องขอบคุณระบบ สตาร์ท-ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติแบบอัจฉริยะ “Eco Start/Stop” โดยระบบจะดับเครื่องยนต์เฉพาะเมื่อรถหยุดการเคลื่อนที่เมื่อรถหยุดไฟแดง แต่ช่วงการทำงานนั้น บรรดาเครื่องปรับอากาศกับวิทยุเครื่องเสียงยังทำงานตามปกติ แต่ถ้าไม่ปรารถนาที่จะใช้ถ้าหากรำคาญว่าตัวรถเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับในชั่วขณะระบบนี้ก็สามารถกดปุ่มยกเลิกระบบได้เช่นกัน

Mercedes-Benz GLC 250d AMG Dynamic

ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์ Compact Luxury SUV สักคันที่เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผสมผสานความเป็นอเนกประสงค์ในร่างลุย ไว้ใช้งานในวันธรรมดาที่แสนจะยุ่งกับภารกิจที่รัดตัวหรือวันหยุดพักผ่อนที่ต้องพาคนรักหรือครอบครัวไปเที่ยวนับว่าน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับ Mercedes-Benz GLC 250 d 4 MATIC AMG Dynamic และด้วยแรงม้าอลังการระดับ 200 ต้นๆ กับตัวรถที่คล่องตัวกว่ารุ่นพี่ในค่ายเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยค่าตัว 3,690,000 บาท 

และมีแนวโน้มว่ารุ่นปรับโฉมจะเผยตัวจริงในเมืองไทยเร็วๆนี้ และมีโอกาสว่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.1 ลิตร 204 แรงม้า อาจจะไม่อยู่ในตลาดอีกต่อไป 

 

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์รถยนต์ Mercedes-Benz GLC 250 d 4 MATIC AMG Dynamic มาทดสอบ

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ