Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All New Mazda CX-8 อเนกประสงค์ครอบครัว เรียบง่าย หรูหรา ครบครัน คล่องตัว

เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กับรถใหม่อเนกประสงค์เอาใจครอบครัวสุดหรูหรา All New Mazda CX-8 ภายใต้ปรัชญา KODO design : Soul of Motion ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่งดงาม กับคอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่ในวันนี้ทีมงานได้มีโอกาสสัมผัสการขับขี่จริง บนเส้นทาง เชียงราย ถึง เชียงใหม่

อีกหนึ่งโอกาสอันดีที่ทางทีมงาน AUTODEFT ได้รับเชิญจากทางบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเข้าร่วมทดสอบรถใหม่อเนกประสงค์ All New Mazda CX-8 บนเส้นทาง เชียงราย ถึง เชียงใหม่ รวมระยะกว่า 280 กิโลเมตร ที่มีทั้งเส้นทางแบบเลนสวน ช่วงโค้งผ่านเขาสลับไปมา ช่วงเส้นทางนอกเมือง และช่วงการขับขี่ในเมือง ให้ได้ขับทดสอบกัน รวมไปถึงการนั่งโดยสารในตำแหน่งที่นั่งต่างๆ ว่าจะสามารถโดยสารได้อย่างสะดวกสบายขนาดไหน ตลอดการขับขี่เส้นทางในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะทางโค้งไปมา

แรกเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของ All New Mazda CX-8 ยังคงเอกลักษณ์การออกแบบต่างๆ ในสไตล์ของมาสด้า ซึ่งสำหรับรุ่นนี้ได้รับการชูเด่นด้วยความเป็น Crossover SUV อย่างแท้จริง โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง Signature Wing พร้อมกรอบกระจังหน้าโครเมียมที่ติดโลโก้ มาสด้า ตรงกลาง ไฟหน้า Projector แบบ LED ใหม่ ดีไซน์กันชนหน้าหรูหราเส้นสายสปอร์ต มาพร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED เฉพาะในรุ่นท็อปสุด รุ่น 2.2 XDL EXCLUSIVE

ส่วนของด้านท้ายคล้ายกับ Mazda CX-9 ไม่ว่าจะเป็นคิ้วขอบไฟท้าย LED Signature ตรงกลางฝากระโปรงพร้อมตำแหน่งโลโก้ที่ต่ำลงมา และล้ออัลลอยดีไซน์เอกลักษณ์ขนาด 19 นิ้ว สีโครเมียนรมดำ พร้อมยาง 225/55 R19 ซึ่งพื้นฐานตัวรถมีการรวมเอาจุดเด่นของทั้ง Mazda CX-5 ,พื้นฐานจาก Mazda CX-9 และพัฒนาขึ้นใหม่เฉพาะ Mazda CX-8 เอง รวมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีมิติตัวรถยาว 4,900 มม. กว้าง 1,840 มม. สูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,930 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มม. มีน้ำหนักรถโดยเฉลี่ย 1,781-1,924 กก. และความจุถังน้ำมัน 72 และ 74 ลิตร(รุ่น XDL EXCLUSIVE) ในแต่ละรุ่น

โดยในครั้งนี้ทีมงานได้สัมผัสกับ All New Mazda CX-8 รุ่น 2.5 SP SKYACTIV-G แบบ 7 ที่นั่ง ที่นับได้ว่าเป็นรุ่นท็อปสุดในกลุ่มเครื่องยนต์เบนซิน โดยที่รุ่นท็อปสุดนั้นจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่จะมีเบาะที่นั่งแถว 2 เป็นแบบ Captain Seat ในรุ่นย่อย 2.2 XDL EXCLUSIVE

และก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางทดสอบกัน มาดูรายละเอียดในส่วนของภายในตัวรถของ All New Mazda CX-8 มีการตกแต่งที่ดูเรียบหรู มีการเลือกใข้สีโทนเข้มภายในห้องโดยสาร พร้อมตกแต่งด้วย Real Wood หรือไม้จริง ผสมกับสีเงินซาตินโครม ตัวเบาะที่นั่งหุ้มหนัง Nappa สีแดง Deep Red ที่มีโทนสีออกเข้มไปทางสีน้ำตาลแดง โดยส่วนของเบาะผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง และมีระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า ทั้งสามารถบันทึกตำแหน่งได้ 2 ตำแหน่ง 

การนั่งโดยสารในแต่ละเบาะที่นั่งของ Mazda CX-8 รุ่น 2.5 SP SKYACTIV-G ที่เป็นแบบ 7 ที่นั่งนั้น เบาะนั่งคู่หน้าค่อนข้างที่จะใหญ่ มีการออกแบบตำแหน่งซับพอร์ตส่วนต่างๆ ของร่างกายหลายจุด โดยเฉพาะช่วงบริเวณเอวและเหนือขึ้นมา พร้อมส่วนของบริเวณต้นขา ที่เวลานั่งจะรู้สึกได้ว่ามีเบาะนุ่มๆ รองรับส่วนของสรีระช่วงต่างๆ เอาไว้ ซึ่งการออกแบบได้เน้นให้การนั่งโดยสารอยู่ในท่าทางที่เป็นธรรมชาติ เพื่อความสบายในการนั่งโดยสารและขับขี่

และสำหรับเบาะแถวที่ 2 สามารถเลื่อนหน้าถอยหลังได้ และยังปรับพับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขน ที่วางแก้วน้ำ และช่องเก็บของพร้อมช่องเสียบชาร์จไฟ USB เรื่องความสบายในการนั่ง ตัวของพนักพิงเองที่สามารถปรับเอนได้หลายระดับ ก็ได้มอบความสบายที่มากกว่าในแต่ละความต้องการ การออกแบบเบาะเหมือนกันกับเบาะคู่หน้า ที่เน้นจุดซัพพอร์ตสรีระร่างกายส่วนต่างๆ เพื่อการนั่งโดยสารที่เป็นท่าทางธรรมชาติเพื่อความสบาย

ส่วนของเบาะแถวที่ 3 สามารถปรับพับแยกได้แบนราบแบบ 50:50 ก็สามารถที่จะนั่งโดยสารได้จริงในการเดินทาง แม้จะไม่สบายเท่าเบาะด้านหน้า แต่ก็มีพื้นที่เหลือพอให้รู้สึกไม่อืดอัด

และการเก็บเสียงในห้องโดยสารเองนี้ Mazda CX-8 ก็ได้มอบความเงียบในการโดยสารได้อย่างดี ช่วยเพิ่มความสุนทรียภาพในการโดยสารได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะต้องเจอกับสภาพถนนที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

และส่วนของพื้นที่สัมภาระท้ายเอง แม้ว่าจะมีการนั่งที่เบาะแถว 3 อยู่ พื้นที่ด้านท้ายก็ยังสามารถจุถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบเลยทีเดียว และเมื่อปรับพับเบาะแถว 3 ลง ก็ยิ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ได้มาก

นอกจากความสบายของเบาะที่นั่งแล้ว Mazda CX-8 ยังมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone ที่ผู้โดยสารแถวกลางสามารถควบคุมระบบปรับอากาศเองได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นระดับพัดลม อุณหภูมิ ตำแหน่งการเป่าลม เป็นต้น 

ทั้งนี้จอกลางความบันเทิงแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ก็รองรับการเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect พร้อม Apple CarPlay และ Android​ Auto ได้ และยังสามารถควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่มีติดตั้งมาให้ในทุกรุ่นย่อย บริเวณถัดลงมาจากเกียร์ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ทั้งยังตอบรับความต้องการในการใช้ชีวิตในยุคนี้ด้วยช่องเสียบ USB ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง(เบาะที่นั่งแถว 2) 

และในการขับทดสอบครั้งนี้มีการแบ่งช่วงเส้นทางการขับทดสอบเป็น 4 ช่วงหลักๆ ที่ได้ให้สื่อมวลชนได้ทั้งทดลองขับขี่ และนั่งโดยสารกัน โดยทางทีมงานได้รับไม้ต่อให้ขับทดสอบช่วงสุดท้าย ชานเมืองเข้าสู่ย่านตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงนี้เอง เป็นเส้นทางทั้งเลนสวนช่วงขับขี่ผ่านทางเขาที่มีทางโค้งซ้ายขวาสลับไปมา และช่วงเส้นทางสองเลน ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่

ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร ในรุ่น SP นี้ ที่รีดกำลังได้สูงสุด 194 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 258 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า จับคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด โดยในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินนี้เองจะมาพร้อมสวิทซ์การปรับโหมดการขับขี่ที่บริเวณข้างตำแหน่งเกียร์

การขับขี่ในช่วงเส้นทางนี้ ก็ได้มอบความคล่องตัวในการควบคุมรถอย่างดี การกดคันเร่งทำความเร็วไปจนถึงการเร่งแซง สามารถที่จะเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ได้อย่างน่าพอใจ ด้วยน้ำหนักการบรรทุกผู้โดยสาร 4 ท่าน บวกสัมภาระ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวรถอืดแต่อย่างใด กลับสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัวและควบคุมรถได้ง่าย

และใครที่คิดว่ารถที่มีขนาดใหญ่โตแบบนี้จะขับขี่ยาก เมื่อคุณได้ขึ้นมาขับ CX-8 ใหม่แล้ว จะต้องเปลี่ยนความคิดไปทันที ด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เบา ช่วงล่างที่ถูกปรับเซ็ทมาในทางนุ่มนวลมากกว่าหนึบแน่นสไตล์สปอร์ต ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การขับขี่และโดยสารนั้นมีความสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งยังมีตัวช่วยในการขับขี่ทางโค้ง กับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control หรือ GVC ที่ช่วยให้การควบคุมรถแม่นยำและสมดุล และยังช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายได้มากยิ่งขึ้น

ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ มีจานเบรกหน้าขนาด 12.6 นิ้ว และหลังขนาด 12.8 นิ้ว ที่ปรับเซ็ตแป้นเบรกมาได้นุ่มกำลังดี ไม่ได้รู้สึกว่าแข็งจนต้องออกแรงมากในการเหยียบเบรก ทั้งยังสามารถชะลอเบาเบรก จนรถหยุดนิ่งได้แบบนุ่มนวลและมั่นใจได้ และในจังหวะที่ขับมาด้วยความเร็วและต้องเบรกกะทันหันจนเกือบหยุดนิ่ง ผู้ขับสามารถชะลอความเร็วได้แม่นยำ และกะจังหวะให้รถหยุดหรือไม่หยุดตามระยะที่ต้องการได้

ส่วนระบบความปลอดภัย All New Mazda CX-8 ก็ได้ให้ความสำคัญ กับ i-Activsense ที่ในรุ่นย่อย SP นี้ มีมาให้ทั้ง 

- ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน

- RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง

- MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ระบบจะทำการปรับลดความเร็วลงตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ

- SBS (Smart Brake Support) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจาก การชนรถคันหน้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและเสียง เตือนอย่างต่อเนื่อง

- Advanced SCBS (Advanced Smart Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advanced หากระบบตรวจสอบพบว่า ไม่สามารถเลี่ยงการชนได้ เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน

ทั้งยังมีระบบแสดงภาพ 360 องศา ที่มาพร้อมการทำงานอัตโนมัติเมื่อถอยและมีการเข้าใกล้รถทางด้านหน้า ระบบ DSC (Dynamic Stability Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว กระจกมองหลังระบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบ HLA (Hill Launch Assist) ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง ระบบ ESS (Emergency Signal System) สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ระบบ ABS 4 ล้อ พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 จุด

ส่วนตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันจากตลอดทั้งเส้นทางการขับทดสอบนี้ ที่มีการใช้ความเร็วทั้งการเร่งแซง การขับขี้นลงทางชัน ขับขี่ในโหมดสปอร์ต ผู้โดยสาร 3 ท่าน ผู้ขับขี่ 1 ท่าน และสัมภาระ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองแสดงบนหน้าจอ อยู่ที่ 9.5 กม./ลิตร กับระยะทาง 281 กิโลเมตร

ทั้งหมดนี้ แม้เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ทางทีมงานได้สัมผัสกับ All New Mazda CX-8 ก็ทำให้ได้พอทราบถึงบุคลิกของรถ ที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัว เน้นความนุ่มนวลในการโดยสาร ทั้งยังปรับเซ็ตการขับขี่ที่ง่ายคล่องตัวสูง แม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นที่ถูกใจของคุณสาวๆ และคุณแม่บ้านอย่างแน่นอน ทั้งยังมีการตกแต่งที่ดูเรียบหรู ไม่เยอะแยะแต่ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก จึงไม่ยากที่อเนกประสงค์รุ่นนี้จะได้รับความสนใจจากใครที่กำลังมองหารถยนต์ของครอบครัว มาตอบโจทย์ความสบายในการเดินทางอย่างแท้จริง... 

สิ่งที่ชอบ
- ช่วงล่างที่นุ่มนวลเหมาะกับครอบครัว
- การเก็บเสียงในห้องโดยสาร
- เครื่องยนต์และเกียร์ตอบสนองการขับขี่ได้ดีและมั่นใจในการแซง
- ออพชั่นต่างๆ ให้มาอย่างครบครัน โดยเฉพาะรุ่นย่อย SP นี้ ในราคา 1,699,000 บาท

สิ่งที่ไม่ชอบ
- จอกลางแอบเล็กไปหน่อย แต่ถ้าถามว่าเพียงพอไหมเพียงพอ เพราะคุณจะไม่ได้ดูหนัง หรือเปิดดูวีดีโอจากหน้าจอนี้ได้อยู่แล้ว
- น้ำหนักพวงมาลัยในช่วงความเร็วเดินทางไกล แอบรู้สึกอย่างให้หนืดมากกว่านี้อีกสักหน่อย
- ถ้ามี Paddle Shift มาให้ด้วย จะเพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ได้เร้าใจมากขึ้น