Hands On : 2017 Chevrolet Colorado High Country เพิ่มเชื้อแฮมเบอร์เกอร์ ยกเครื่องสมรรถนะ
- โดย : Autodeft
- 29 มิ.ย. 59 00:00
- 56,680 อ่าน
ตั้งแต่เปิดตัวมาในช่วงปี 2012 รถกระบะจากค่ายรถยนต์อเมริกาเชฟโรเล็ต ก็แลดูจะจับใจผู้บริโภคได้มากพอสมควรด้วยแนวทางการพัฒนาที่เน้นเอาความเป็นสากลฉบับอเมริกา มาผสานตามความต้องการในตลาดของคนไทย และเมื่อ Chevrolet Colorado ใหม่ คลอดออกมาในตอนนั้น มันก็สร้างกระแสตอบรับได้ดีพอสมควร จนชื่อเสียงของเชฟวี่ทรัคกลับมาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอีกครั้ง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Chevrolet Colorado เป็นรถยนต์ที่ขายดีของเชฟวี่ ด้วยชื่อเสียงกระบะที่มีมายาวนาน ขึ้นชื่อในเรื่องความแกร่งความทนทาน และเมื่อกาลเวลาหมุนเปลี่ยนไปเจ้าโคโรลาโดก็ได้เวลาเปลี่ยนแปลงให้สอดรับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น จนเมื่อปีกลายค่ายคู่แข่งชิงออกตัวตัดหน้า ก็ถึงคราวที่จะหันกลับมาทวงบัลลังค์กันบ้าง
การใช้เวลาตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา ศึกษาลูกค้าความต้องการของคนไทย ตลอดจนข้อดีและข้อด้อยของผลิตภัณฑ์ตัวเอง นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายกับค่ายโบว์ไทน์ ยิ่งเมื่อปีกลาย การเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจที่จะมุ่งเน้นในเรื่องรถกระบะกับรถยนต์อเนกประสงค์อย่างเดียว ยิ่งทำให้การกลับมาของว่าที่กระบะนั้น ต้องเข้มข้นมากขึ้น รถรุ่นใหม่ต้องซื้อใจลูกค้ามากขึ้น จนกล้าพูดว่า Chevrolet Colorado 2017 เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเชฟวี่ที่หวังกลับมายืนในใจคนไทยอีกครั้ง
การเปิดตัวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถึงการเปิดตัวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา Chevrolet อาจใช้การสื่อสารการตลาดออกมาอย่างชัดแจ้งยว่า All New Chevrolet Colorado หากแต่เมื่อย้อนดูช่วงเวลาที่ผ่านมาของกระบะรุ่นนี้การเปลี่ยนแปลงที่ว่าใหม่หมดจดก็ยังดูจะไม่ถึงคราวจริงๆ
เจ้าโคโรลาโดใหม่น่าจะเป็นเพียงการไมเนอร์เชนจ์เพิ่มเสริมสมรรถนะ และฟังชั่นการใช้งานมากขึ้น ตามอายุไขของสินค้าที่ผ่านมาเพียง 3 ปี และนั่นทำให้ผมสนใจอย่างมาก เพราะถ้าการตลาดมั่นใจจนกล้าพูดว่า ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเลอเลิศจนใหม่หมด แสดงว่า การพัฒนารถคันนี้ต้องเข้มข้นจนแทบจะพลิกโฉมเป็นคนละคัน
ตั้งแต่เปิดผ้าคลุมให้ยลโฉม Chevrolet Colorado 2017 ใหม่ กลายเป็นรถที่เติมเต็มความภาคภูมิของเชฟวี่ มันคือรถที่มีหน้าตาการออกแบบดีขึ้นจนทำเอาหลายคน อยากจะตะโกนสุดเสียงว่า “นี่แหละที่อยากได้มานาน” มันคือตัวตนด้วยแนวทางเดียวกับเส้นสายการออกแบบที่วางจำหน่ายในอเมริกา ซึ่งให้การผสานความแข็งแกร่ง ดุดัน และยังดูทันสมัยไปด้วยในคราวเดียว
แนวทางการสร้างสรรค์ Chevrolet Colorado 2017 ใหม่ ทางทีมวิศวกรยอมรับว่า พวกเขาเรียนรู้แล้ว่าคนไทยชอบการออกแบบรถยนต์สไตล์อเมริกันจริงๆ จึงมุ่งเน้นการปรับการออกแบบให้มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น การปรับปรุงสไตล์ที่ไมเพียงจะดูดีขึ้น แต่ภายใต้หน้าตาที่หล่อเหลาเอาการลอกคราบ Chevrolet Colorado เวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในอเมริกา มาเสียหมดสิ้น แตกต่างเพียงรายละเอียดกระจังหน้าที่ดูเข้มดุดันน้อยลงกว่านิดหน่อย ก็ยังแฝงด้วยการปรับปรุงหลักอากาศพลศาสตร์ให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ มันเพิ่มทั้งความดูดี ความมั่นใจในการขบัขี่ และแน่นอนเช่นเดียวกับความประหยัดน้ำมัน
ดูเผินๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เรากล่าวถึงนั้นอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ในสายตาของผู้บริโภค แต่เบื้องหลังในการพัฒนาทีมวิศวกรใช้เวลาทำงานค่อนข้างหนักพอสมควร การเปลี่ยนหน้าตาของรถต้องเริ่มงานตั้งแต่กระจังหน้าใหม่ที่คงสไตล์เอกลักษณ์กระจังหน้า 2 ชั้น Dual Port เอาไว้ เสริมเติมเพิ่มด้วยชุดไฟหน้าใหม่ทรงเหลี่ยมคางหมูที่ดูแล้วให้ความรู้สึกมีความสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ภายในโคมมีชุดไฟ Day Time Running Light ในตัว ขาดเพียงการให้ชุดโคมไฟโปรเจคเตอร์และไฟหน้าแบบ HID (High Intensive Discharge) มาให้ แล้วเสริมความลงตัวด้วยฝากระโปรงหน้าใหม่ ที่ทำให้เส้นสายการออกแบบ Chevrolet Colorado 2017 ยิ่งดูลงตัวมากขึ้น
มาทางด้านข้าง เส้นสายการออกแบบต่างๆ ยังคงแนวทางไว้เหมือนเดิมย่างที่เคยเป็นมาไม่ว่าจะลักษณะทรงห้องโดยสาร หรือจะเป็นกระบะท้าย และสปอร์ตบาร์สำหรับรุ่น High Country การเปลี่ยนแปลงทางด้านข้างมีเพียงล้ออัลลอยทูโทนลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60/R18 เบ็ดเสร็จลงตัวพร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะบนถนนหรือในเส้นทางสมบุกสมบัน
ส่วนด้านท้ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายไปจากเดิม เว้นเพียงการเปลี่ยนมือจับท้ายกระบะใหม่ จัดระเบียบซ่อนกล้องมองหลังให้ดูไม่เกะกะสายตา
รับกุญแจรีโมทมา Chevrolet Colorado High Country โดยภาพรวมอาจดูแลไม่แตกต่างจากเดิม แต่ก็ครบเครื่องฟังชั่นในการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะทีเด็ดอยู่ที่ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์จากกุญแจ Remote Engine Start ครั้งแรกในรถกระบะและสามารถทำงานได้ไกลนับสิบเมตร ผมว่าเหมาะมากกับสภาวะอากาศในบ้านเรา ตลอดจนตัวกุญแจรีโมทยังสามารถนำกระจกทั้ง 4 บานลง เพื่อระบายอากาศความร้อนในห้องโดยสารออกสู่ภายนอก และเมื่อเอื้อมมือเปิดประตู กระจกคู่หน้า จะลดระดับลงเล็กน้อย เพื่อให้คุณปิดประตูได้ง่ายขึ้น เป็นฟังชั่นที่เรามักพบในรถสปอร์ตหลายรุ่น แต่ดันมีในเจ้ากระบะคันนี้
ก้าวสู่ห้องโดยสารสัมผัสแรก Chevrolet Colorado High Country ใหม่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเดิม ราวกับเป็นรถคนละรุ่นเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น น่าจะไม่มีอะไรมากไปกว่า การออกแบบชุดแผงคอนโซลหน้าใหม่ เอาการออกแบบในรุ่นใหญ่ Chevrolet Silverado มาใช้ มันดูลงตัวดุดัน และดูพรีเมี่ยมในมากขึ้น โดยเฉพาะช่องแอร์ทรงแนวตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ที่อยากเห็นมานาน ตลอดจนทางทีมงานยังจัดการออกแบบหน้าปัดใหม่หมด .. ดูสปอร์ต และจัดวางสิ่งต่างๆอย่างเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ตรงกลางมาตรวัดให้ชุดจออเนกประสงค์ Multi Information Display (MID) บอกได้หลายสิ่งเป็นหลายอย่างที่สำคัญ แถมใครไม่เก๋งเรื่องภาษาอังกฤษงวดนี้ก็วางใจได้กับ การแสดงผลและแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยทั้งหมด
แต่บางครั้งการพยายามแสดงทุกอย่างให้ครบในหน้าจอเดียวก็ดันกลายเป็นหอกข้างแคร่ พี่ๆสื่อมวลชนอาวุโสบางคนบ่นว่า เจ้าไฟบอกตำหน่งเกียร์ดูจะเล็กไปหน่อย หากไม่ค่อยจะเจอ จนผมถูกแซวว่า เห็นรึยัง .... แต่ถามผมกลับคิดว่ามันไม่เล็กอย่างที่คิด แถมยิ่งถ้าคุณขับรถบ่อยตัวบอกตำแหน่งเกียร์นี่แทบจะไม่จำเป็นต้องใช้เลย ...
ตรงกลางคอนโซลหน้าระบบความบันเทิง ยังคงเหมือนเดิมปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยเวอร์ชั่นใหม่ของ Chevrolet My link พร้อมรองรับการเชื่อมต่อระบบ Apple Car play และ Android Auto บนหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ... เพิ่มความทันสมัยให้กับพี่บึกคันนี้ ผมติเพียงชุดจอนี้ดันตั้งต่ำกว่าเรือนไมล์พอสมควร จนบางครั้งขณะขับขี่อาจจะต้องละสายตามาก้มมอง แถมชุดจอที่ตั้งฉากและลึกเข้าไปในคอนโซลเพื่อบังแสงยามกลางวัน ยังไม่อยู่ในตำแหน่งให้ใช้งานได้ง่าย หลายครั้งในระหว่างขับขี่ผมรู้สึกว่าจะเปลี่ยนอะไรที่วิทยุที ถ้าไม่สามารถทำได้บนพวงมาลัย การเข้าถึงระบบดูจะยังยากและเสียสมาธิพอสมควร ซึ่งเรื่องนี้แม้จะดูหยุมหยิมมาก ทว่าก็สำคัญไม่แพ้กัน มันอาจหมายถึงความเป็นความตายของลูกค้าเจ้าของรถเลยก็ได้
ถัดลงมาเป็นชุดปุ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พอกันทีกับการปรับระบบด้วยจอใหญ่ดูเทอะทะ เหมือนพันธมิตรเจ้าตลาด รุ่นใหม่เปลี่ยนมาเป็นปุ่มต่างๆ ให้ใช้งานง่ายกว่า พอสมควร ฝั่งข้างคนขับเป็นปรับอุณหภูมิ และทางฝั่งคนนั่งเป็นปุ่มปรับตัวพัดลมแอร์ ส่วนใต้ล่างชุดปุ่มระบบปรับอากาศ เป็นชุดปุ่มผู้ช่วยในการขับขี่ต่างๆ อาทิ ระบบเตือนการหลุดออกจากเลน , ปุ่มปิดระบบควบคุมการทรงตัวและป้องกันการลื่นไถล, ตำแหน่งไฟฉุกเฉิน , ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และท้ายสุดปุ่มเปิด-ปิด ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถ
เหลียวกลับมาตรงหน้าคนขับ ชุดพวงมาลัยยังทำได้เพียงปรับสูง-ต่ำ แถมผมรู้สึกว่าตำแหน่งสูงสุด ก็ยังไม่สูงพอสำหรับคนตัวใหญ่ไซส์ฝรั่งอย่างผม มิหนำซ้ำชุดคอพวงมาลัยยังไม่สามารถปรับยืดหดได้ ... โชคดีที่ระบบเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพอจะช่วยแก้ขัดในการใช้งานได้อยู่บ้าง ส่วนตัวพวงมาลัยเองก็แลจะไม่แตกต่างในเรื่องการออกแบบ มีเพียงการเพิ่มปุ่มเตือนการชนทางด้านมาไว้เพิ่มเติม ตรงทางด้านขวา นอกนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หันรอบๆ ห้องโดยสาร โทนการตบแต่งในภาพรวมดูเปลี่ยนไป มันสนองคนรักสปอร์ตมากขึ้น ทาง Chevrolet เปิดเผยว่าพวกเขาใช้โทนการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า Very Dark Atmosphere ดูคมเข้มมากขึ้น ตลอดจนเมื่อผมลองจับวัสดุพลาสติกและหลายส่วนของห้องโดยสาร ก็พบว่าคุณภาพดีขึ้น รวมถึงยังมีบางส่วนเป็นวัสดุเนื้อนุ่มเข้ามาเสริมการออกแบบใน Chevrolet Colorado ใหม่
และนอกจากสิ่งที่เราเห็นแล้ว ทีมวิศวกรยังบอกกับผมอีกว่า ยังการปรับปรุงเรื่องการซับเสียงจากภายนอกมากขึ้น จนสามารถลดเสียงรบกวนลงไปได้ 8 % หรือ 4 เดซิเบล ด้วยการใส่วัสดุประเภทโฟมขยายตัวในช่วงเสาเอาของรถ การเปลี่ยนชิ้นส่วนชิ้นส่วนยางซีลขอบกระจกขอบประตู และซีลกระจกบังลมหน้าใหม่ ตลอดจน กระจกข้างคู่หน้าให้มีความหนาขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่ผ่านมา
ภายใต้ร่างบึกบึน Chevrolet Colorado ใหม่ ทุกรุ่นมาพร้อมขุมพลัง Duramax 2.5 ลิตร โดยในรุ่นใหม่มีการปรับสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบเทอร์โบแปรผัน Variable Geometry Turbo ทำกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ทุกรุ่นจับคู่ระบบเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ 6 สปีด
เส้นทางวันนี้เราเริ่มจากย่านสาทรไปจรดอำเภอสวนผึ้งจังหวัดราชบุรี โดยในการทดสอบงวดนี้ ผมได้เจ้า Chevrolet Colorado High Country รุ่นขับเคลื่อนสองล้อเป็นพาหนะคู่ใจตลอดการเดินทาง
สัมผัสแรกเริ่มกันตั้งแต่วนออกจากที่จอดรถโรงแรม Eastin Grand เจ้า Chevrolet Colorado ทักทายการเปลี่ยนแปลงด้วยชุดพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ (Electric Power Steering) ให้สัมผัสน้ำหนักเบายามขับความเร็วต่ำ มันช่วยให้กระบะคันโตขนาด 5.4 เมตร สามารถผ่านทางลานจอดรถได้ง่าย โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนเล่นเวทยกดัมเบล เพื่อจะได้ขับกระบะอย่างเต็มภาคภูมิ
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ Chevrolet Colorado กลายเป็นรถที่ลงตัวต่อการขับขี่ในเมือง มันคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะใครที่ต้องจอดตามห้างประจำ แต่ด้วยขนาดรถที่มีความใหญ่ ยังอาจจะไม่ทำให้คุณสามารถมุดมันไปได้ง่ายท่ามกลางจราจรอันหนาแน่นของเมืองกรุง
เมื่อผมเดินทางขึ้นทางด่วนออกนอกเมืองพวงมาลัยก็ปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามลำดับความเร็วที่ขับขี่ ทว่าบุคคลิกในการเซทพวงมาลัยของเชฟวี่ยังไม่เปลี่ยนแปลงด้วยการให้ระยะฟรีประมาณ 2 องศา เผื่อคนขับมือไวใจเร็วไปนิด รถจะได้ไม่วูบวาบในระหว่างการขับขี่ แม้การให้ระยะฟรีจะเป็นเรื่องดีในรถกระบะก็ตาม หากเมื่อเรามาดูน้ำหน้ำพวงมาลัยในช่วงความเร็วเดินทาง 100-120 ก.ม./ช.ม./ช.ม. มันกลับรู้สึกไม่มั่นใจในการใช้งาน ตัวพวงมาลัยดูเหมือนจะเบามือเกินไปกับความเร็วที่คนทั่วไปใช้ในการเดินทาง แต่อาการดังกล่าวจะหายไปทันทีถ้าคุณใช้ความเร็วระดับ 130 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป อาการพวงมาลัยจะหนักแน่นขึ้นเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ จนยังแอบคิดว่า หรือวิศวกรจะคิดว่าคนไทยจะบาทาโหดเหมือนคนอเมริกา
ถึงการเซทพวงมาลัยจะยังทำออกมาได้ไม่ดีนัก แต่ Chevrolet Colorado ใหม่กลับการบ้านในเรื่องระบบกันสะเทือนมาดีจนต้องชูนิ้วโป้งให้
ทางทีมวิศวกรของเชฟวี่ต้องหันไปสนองการใช้งานมากขึ้น ด้วยการปรับปรุงช่วงล่าง Chevrolet Colorado ใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การลดอาการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ที่จะมีผลต่อการทำงานของระบบกันสะเทือนใหม่ ด้วยยางรองแท่นเครื่องใหม่ที่ออกแบบมาให้ลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์มากขึ้น
จากนั้นจัดการโละระบบกันสะเทือนทุกอย่างที่รู้จักในรุ่นเดิมออกไปแล้วจัดการติดตั้งระบบช่วงล่างใหม่ยกเซททั้งทางด้านหน้าและด้านหล้ง
ทางพี่วันชนะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม เชฟโรเล็ต เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงชุดระบบกันสะเทือนใหม่ของ Chevrolet Colorado มุ่งเน้นในการซับการสะเทือนดีขึ้นเริ่มจากชุดโช๊คอัพหน้าใหม่ มีระยะยุบและคืนตัวแข็งขึ้นกว่ารุ่นเดิม ตลอดจนเปลี่ยนค่าความแข็งของสปริงใหม่ ให้ตอบสนองการขับขี่ดีขึ้น พร้อมกับปรับขนาดเหล็กกันโคลงหน้าใหม่
ส่วนด้านหลังยังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อนไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพียงแต่จัดการลดจำนวนแหนบ จาก 5 ชั้น เหลือเพียง 4 ชั้น โดยไฮไลท์อยู่ที่แหนบชิ้นล่างสุดมีความยาวกว่าเดิม เพิ่มสเถียรภาพในการทรงตัวดียิ่งขึ้น และเช่นเดียวกัน โช๊คอัพหลังใหม่เพิ่มความแข็งมากขึ้น
ผลที่ได้จากการปรับระบบกันสะเทือนใหม่นี้ค่อนข้างชัดเจน Chevrolet Colorado หมดอาการกระด้างไปเป็นปลิดทิ้ง รถออกอาการหนึบแน่นมากขึ้น ยามกระโดดคอสะพานหรือผ่านรอยปะถนน จะไม่ค่อยรู้สึกมากเท่ารุ่นเดิม ที่อาจจะมีจังหวะยืดหดยวบยาบบ้าง มันทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจยามเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามใช้ความเร็ว 130 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป ระบบกันสะเทือนใหม่จะยิ่งตอบสนองดี ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเปลี่ยนหรือเข้าโค้งอาการโคลงตัวของรถน้อยลงอย่างชัดเจน จนเป็นกระบะอีกรุ่นที่ขับได้ดีไม่แพ้คู่แข่งขาประจำของมันเลย
ด้านเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเมื่อขับขี่นอกเมือง หลายคนอาจจะค่อนขอดเรื่องขนาดเครื่องยนต์ที่ลดลงจากรุ่นก่อนหน้านี้ แต่กำลังที่เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเบอร์สองของกลุ่มเครื่องยนต์พิกัด 2500 ซีซี เป็นรองเพียง Nissan Navara ก็ทำให้ Chevrolet Colorado ไม่เป็นสองรองใครในเรื่องสมรรถนะการขับขี่
ทางทีมวิศวกรให้คำตอบเรื่องกำลังอัดเทอร์โบที่ใช้ในการทำกำลังครื่องยนต์ 2.5 ลิตร บล็อกนี ว่ามีแรงดันถึง 1.6 บาร์จากโรงงาน มันมากพอทำให้เราสนุกทุกครั้งที่กดคันเร่ง เจ้าเชฟวี่จะพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากความรู้สึกของเครื่อง 2.8 ลิตรแถมทีมวิศวกรยังยอมรับว่าการปรับเครื่องยนต์ใหม่ พวกเขาได้นำชุดเกียร์ที่มีอัตราทดเดียวกับ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตรรุ่นเดิม มาชนถ่ายทอดกำลังลงล้อ
อย่าแปลกใจถ้าคุณเห็นหน้าปัดที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. แต่ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1850 รอบต่อนาทีที่เกียร์ 6 และที่ความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,200 รอบต่อนาที เท่านั้นเอง .... สุดยอดไหมล่ะ ... !!
ลองลุยสักนิด .. พิชิตทางโหด ...
นอกจาก On Road ที่ทางเชฟวี่จัดให้เราขับจากกรุงเทพฯ มายัง อำเภอสวนผึ้งราชบุรีแล้ว แมทช์นี้ Chevrolet ต้องการให้เราเห็นสมรรถนะในการขับขี่ที่เป็นมากกว่าแค่การขับขี่บนถนน ...
ดูจะกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วกระมัง เมื่อเชฟวี่เปิดตัวรถรุ่นใหม่ จะต้องไปแวะเยี่ยมตชด. ตามตะเข็บชายแดน ผมจำได้ว่าตอนเปิดตัวคราวที่แล้ว พาผมบินไปเชียงรายไปหวด Chevrolet Colorado ตัวก่อนหน้านี้ที่ดอยช้างมูบ และครั้งนี้แม้จะสวนผึ้ง แต่เส้นทางสั้นๆ ขาโหดเรา ก็เลาะตะเข็บชายแดนไทยหยุด ณ ที่ลับแห่งหนึ่งบนเทือกเขาตะนาวศรี ...
หลังจากรอเพื่อพี่น้องสื่อมวลชนที่ขับไปเป็นชุดแรกกลับมาเหลาให้ฟังเรื่องความโหดของเส้นทาง ผมก็ถูกสับเปลี่ยนไปยังรถรุ่น 4X4 เพื่อเตรียมพร้อมลุย เราได้รับคำสั่งจากทีมงานให้เข้าตำแหน่งเกียร์ 4 Lo ตั้งแต่เริ่มต้นจากนั้นเริ่มขับเข้าสภาพเส้นทางหินกรวดลูกรังที่วันนี้มีอาการชิ้นๆจากฝนที่ตกลงมาก่อนหน้า เคราะห์ดีที่ทางยังไม่เป็นโคลนตม
ถึงเราอาจจะไม่ได้บุกป่าฝ่าดงทุกวัน แต่เมื่อพูดถึงรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ เรื่องกำลังเครื่องยนต์ดูจำเป็นอย่างมาก สำหรับพ่อนักนักรักขาลุยทั้งหลายที่ชอบชีวิตธรรมชาติกับป่าดงพงไพร เจ้า Duramax 2.5 ลิตรก็เผยทีเด็ดโชว์ว่ามันมีดีพอตัวมากกว่าแค่ขับใช้งานบนถนนทั่วไป เพราะเมื่อต้องลุย แรงบิด 440 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 2000 รอบต่อนาที ก็มากพอที่จะพาฝ่าทุกอุปสรรคในเส้นทาง เพียงเลี้ยงคันเร่งเบาไม่เกิน 2,000 รอบต่อนาที แถมก่อนหน้าที่เราจะขึ้นมาทางโหด ทางค่ายโบว์ไทน์ก็โชว์การลากจูงพิกัด 3 ตัน กับรถบ้าน Air Stream ให้ดูเพื่อพิสูจน์ว่าเครื่องยนต์เล็กก็หาใช่จะไร้ความสามารถ ดั่งที่คนไทยหลายคนคิดเอาตื้นๆว่าเครื่องยนต์บล็อกเล็กกว่า ย่อมมีสมรรถนะน้อยกว่า ทั้งทีโลกยุคนี้ไปถึงไหนแล้วครับพี่น้องครับ
ไต่ตามทางมาเรื่อย โชคดีเส้นทางไม่ยาก การลุยโหดแบบนี้เรื่องการควบคุมเป็นเรื่องสำคัญในการขับขี่ ในช่วงความเร็วต้ำ ไต่เขาช้าๆแบบนี้พวงมาลัยไฟฟ้าออกอรรถรสในการขับขี่ ได้ดีสมใจปรารถนา ไม่ว่าจะต้องใช้จังหวะพวงมาลัยช้าหรือเร็วแค่ไหน น้ำหนักเบามือถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Chevrolet Colorado เริ่มเข้ามายืนในใจขาลุยอย่างผม การลุยด้วยชุดพวงมาลัยน้ำหนักเบาช่วงลดความกังวลยามต้องผ่านอุปสรรคไปได้มากพอตัว แต่คำถามที่น่าสนใจกว่าในพวงมาลัยไฟฟ้าคือมันจะทนทานขนาดไหน .. ซึ่งเราคงต้องรอดูกันต่อไปในอนาคต
ทางด้านระบบช่วงล่างเอง เห็นหนึบแน่นพอได้ใจไปบ้างในช่วงทางหลวง เมื่อมาลุยผมกลับรู้สึกว่านี่คือการเซทชุดช่วงล่างให้เหมาะกับการลุยมากที่สุดชุดหนึ่งในบรรดารถกระบะ ช่วงล่างอาจจะดูมีความกระโดกกระเดกมากขึ้นบ้าง แต่ยามผ่านหินก้อนใหญ่อะไรเทือกนั้น มันกลับนุ่มนวล ไม่ว่าจะขับหรือจะนั่งในยามต้องบุกป่าแบบนี้คุณจะรู้สึกได้ถึงความสบายในยามขับขี่บนทางโหด ผมให้การตอบสนองช่วงล่างของ Chevrolet Colorado ใหม่ในทางออฟโรดระดับดีเยี่ยม จนอยากจะแนะนำสำหรับใครที่ต้องการหารถไปลุย ..ว่า Chevrolet Colorado ใหม่นี่แหละใช่เลย ...
สรุป .. Chevrolet Colorado High Country 2017 ..... Big Minorchange คุ้มค่าประดุจ All New!!
ถ้าเขาบอก All New ... ก็แสดงว่าใหม่สิ ..มีเพื่อนๆพี่น้องสื่อมวลชนกำลังเถียงกันคอเป็นเอ็นในเรื่องการใช้คำทางการตลาดว่า ตกลง การใช้คำว่า All New หรือ New เราควรจะจัดการบัญญัติจัดการกับหนทางการตลาดที่เริ่มมั่วซั่วกันไปใหญ่แล้ว หรือไม่ ..
คำถาม คือมันสำคัญด้วยหรือ ???? มันเป็นหน้าที่สื่อมวลชนใช่ไหมที่เราจะบอกข้อเท็จจริงกับผู้ติดตามเราๆ ท่านๆ ว่าจริงๆ แล้วรถมันเป็นอย่างไร ... ผมเองรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญต่อเชฟโรเล็ต แม้มันจะเป็นเพียงแค่หนึ่งคำ แต่ก็ถูกบัญญัติขึ้นมาใช้เพื่อการโฆษณาสินค้าว่ามันน่าจะเป็นอย่างไร เมื่อผู้บริโภคได้สัมผัส ... และนำมาสู่คำถามว่าตกลงมันเป็นรุ่นรับโฉมหรือรุ่นใหม่กันแน่???
สิ่งที่กำลังจะพูดคือความจริง Chevrolet Colorado 2017 คือรุ่นปรับโฉมใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมายระดับจะอวตารรุ่นใหม่มาขาย Big Minorchange ค่อนข้างทำออกมาได้อลังการงานสร้างกว่าที่คิด นี่คือจุดเปลี่ยนเกมที่สำคัญของเชฟวี่ ผมไม่แปลกใจที่พวกเขาทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ ด้วยนี่คือรถเรือธงของแบรนด์ หลังจากประกาศแผนธุรกิจใหม่เมื่อปีกลาย
เชฟวี่จะอยู่รอดในเมืองไทยหรือไม่จะขึ้นอยู่กับ Chevrolet Colorado และ Chevrolet Trailblazer ใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นการพยายามตั้งใจให้สินค้าออกมาดีที่สุด เมื่อมีโอกาสปรับแต่งสินค้าจึงถือเป็นวาระสำคัญในการทำงานอย่างยิ่ง
ในแง่การปรับปรุงการออกแบบ Chevrolet Colorado 2017 ใหม่ ชัดเจนในเรื่องความทันสมัยในการออกแบบยิ่งขึ้น การนำลักษณะทรวดทรงจากอเมริกามาใช้ในรุ่นใหม่ทั้งหมดถือเป็นแนวทางที่ทำให้ลูกค้ามองรถรุ่นนี้ และเชฟวี่เดินมาถูกทางแล้ว น่าเสียดายที่ดันทอนบางออพชั่นออกไปโดยเฉพาะโคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และ ไฟหน้าแบบ HID ซึ่งควรจะมีมาให้..และก็คาดว่าจะมีเข้ามาในอนาคต
ส่วนในห้องโดยสาร Chevrolet Colorado ใหม่ จัดหนักการออกแบบที่เข้มเป็นสไตล์อเมริกันมากขึ้นเช่นกัน ด้วยการออกแบบที่ดูลงตัว.. ตั้งแต่คอนโซลหน้า มาตรวัดหน้าปัด หรือโทนการตบแต่งสีเบาะที่ลงตัวยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม รถดูน่าคบหามากขึ้น ส่วนพวกฟังชั่นความสะดวกสบายภายในเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังดีที่ทางเชฟวี่เริ่มเล็งเห็นความมีประโยชน์ของระบบความปลอดภัย และเรื่องราวของผู้ช่วยในการขับขี่จัดเข้ามาเพิ่มเติมในรุ่นนี้หลายรายการที่ผมได้สาธยายไปหมดทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภาพรวมก็ไม่ได้ทำให้มันโดดเด่นกว่าคู่แข่งในเรื่องฟังชั่นการใช้งาน
ด้านเครื่องยนต์ Duramax 2.5 ใหม่ มันมีความสามารถมากขึ้นจนเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตรเดิม เพิ่มเติมคือความประหยัดที่ลงตัวมากว่า ขนาดขับเร็วๆ เหยียบตามขบวนคาราวานทดสอบ ใช้ความเร็วตั้งแต่ 100-140 ก.ม./ช.ม.อยังได้ 11.8 ก.ม./ลิตร ถือว่าทำได้ไม่เลว เมื่อเทียบกับความสามารถที่มีดีพอจะพาลุย หรือพร้อมลากจูงพิกัดหนัก 3 ตันได้สบาย เช่นเดียวกันระบบเกียร์เดิมจัดการเปลี่ยนระบบ Torque Converter ใหม่ เป็นแบบ Centrifugal ช่วยเพิ่มความนิ่มนวลในการต่อเกียร์ในแต่ละตำแหน่งยิ่งขึ้น เมื่อบวกกับการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ก็กลายเป็นรถกระบะที่ขับสบาย จนเรียกว่าใกล้เคียงกับคำว่า เป็นรถที่เนรมิตขึ้นมาใหม่
ภาพรวมของการเปลี่ยนแปลง Chevrolet Colorado 2017 ใหม่ คือการสร้างสรรค์กระบะพันธุ์แกร่งพร้อมลุยให้มีความสามารถในการขับขี่ดีมากขึ้น มันทั้งแรงขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม ตลอดจนยังมีฟังชั่นในการใช้งานที่เพิ่มขึ้นจนให้ความน่าสนใจ ราวกับเป็นรถคนละคัน กับรุ่นก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่แค่เพียงการปรับหน้าตา หรือเพิ่มฟังชั่น จูนสมรรถนะ หากแต่กลับได้รับการใส่ใจยกเครื่องจิตวิญญาณความเป็นเชฟวี่ทรัคขนานแท้มาฝังในตัวตนมากขึ้น ... จนผมยอมรับในหลายเรื่องที่ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แต่ในความสมบูรณ์แบบมากขึ้นก็ยังไม่ลงตัวเสียทีเดียว
แม้เราจะค้นพบความดีความชอบมากมายในรถยนต์รุ่นนี้ แต่สิ่งเดียวที่เราเป็นห่วงเชฟวี่ ..... คงหนีไม่พ้นราคาจำหน่าย .... ที่ยังไม่ประกาศออกมา มีเพียงคำบอกเล่าคร่าวๆ ว่าการประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะมีขึ้นในเดือนกรกฏาคมนี้ ... และนั่นคือเรื่องเดียวที่จะชี้วัดว่า Chevrolet Colorado 2017 ใหม่ จะน่าคบหาหรือไม่
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog ส่วนตัว
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com