Test Drive : ทดลองขับ BMW X4 ใหม่ และตัวแรงยกตระกูล MINI JCW ในสนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 21 ต.ค. 61 00:00
- 6,385 อ่าน
หลังจากที่เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในงาน BMW XPO 2018 ค่ายรถยนต์หรูมาดสปอร์ตอย่าง BMW ก็ได้เปิดตัวรถอเนกประสงค์คูเป้หรือที่ทางค่ายเรียกว่า SAC หรือ Sport Activity Coupe นั้นก็คือ BMW X4 เจนเนอเรชั่นใหม่ ในรหัส G02 ซึ่งในครั้งนี้ทีมงานจะได้ทดลองขับกันในสนามแข่งรถ พร้อมตัวแรงร่วมค่ายกับ MINI ตระกูล JCW ทั้ง 4 รุ่น ในสนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
วันแรกพร้อมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ไปกับ BMW X4 ใหม่ล่าสุด โดยในตลาดบ้านเรามาพร้อมรุ่นย่อยเดียวคือ BMW X4 xDrive20d M Sport ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล รูปลักษณ์ภายนอกยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับรถยนต์อเนกประสงค์ SAC หรือ Sport Activity Coupe ที่ส่วนของหลังคาด้านท้ายที่ลาดลงสไตล์รถคูเป้ ด้านหน้ายังคงความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าไตคู่ที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น สปอร์ตเด่นด้วยกันชนหน้าสไตล์ M Sport ไฟหน้าเป็นแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daytime LED และไฟตัดหมอกหน้า LED ด้วยเช่นกัน และด้านท้ายนั้นมาพร้อมกับการออกแบบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ที่นับเป็นแนวทางการออกแบบในรถ BMW ยุคต่อจากนี้ไป กับไฟท้าย LED แบบ three-dimensional ทรง L-shaped และโดดเด่นด้วยล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง 245/50 R19
การทดลองขับในวันนี้เป็นการผสมการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรดเล็กๆ ซึ่งเราขับขี่กันในบริเวณสนามแข่งรถแก่งกระจาน มีการวางเส้นทางแบบย้อนกลับของสนาม และตัดโค้งเพื่อการวิ่งแบบออฟโรดในส่วนของทางข้างสนาม ให้ได้ลองสัมผัสกับการขับขี่ทางฝุ่นกันเล็กน้อย ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่ช่วง 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที บวกกับระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง (Performance Control) พวงมาลัยไฟฟ้าแบบสปอร์ต และช่วงล่างแบบ M Sport ที่ถูกปรับเซ็ตมาให้มีความหนึบเกาะถนนมากกว่านุ่มนวล ซึ่งก็สามารถตอบสนองในการขับขี่ในสนามนั้นได้ค่อนข้างมั่นใจและขับขี่เข้าโค้งได้ง่าย และในช่วงที่ต้องวิ่งออกนอกพื้นแทร็ก ช่วงล่างก็สามารถซับแรงสะเทือนได้ดี อาการสะเทือนที่ขึ้นมาถูกเปลี่ยนให้ผู้โดยสารและผูัขับขี่รู้สึกในการโดยสารผ่านเส้นทางที่เป็นเนินแลหลุมเช่นนี้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
และในจังหวะที่วิ่งบนพื้นแทร็กช่วงเติมคันเร่งขึ้นทางชัน แม้ตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนัก เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และระบบเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ก็พร้อมให้การตอบสนองการขับขี่ได้อย่างต่อเนื่องและเหลือเฟือ หากแต่คุณเป็นคนที่เท้าหนักและต้องการอัตราเร่งที่ดึงอยากรู้สึกได้แล้ว อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าใดนัก แต่เมื่อมองในมุมของการใช้งานทั่วไป การขับขี่บนเส้นทางออกต่างจังหวัด การเร่งแซงต่างๆ พละกำลังนั้นเหลือเฟือและเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
เมื่อพูดถึงการนั่งโดยสารและขับขี่ของที่นั่งตอนหน้า เบาะมาในแบบรถสปอร์ตที่โอบกระชับตัวได้ดี สามารถปรับระดับทิศทางต่างๆ ด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้นั่งโดยสารขับขี่ได้สบายและพอดีตัว ส่วนของเบาะหลังเมื่อมีพื้นที่ช่วงขาเหลืออยู่ ส่วนของพนักพิงพอที่จะปรับระดับองศาได้เล็กน้อย ให้ไม่รู้สึกว่าเบาะชันจนเกินไป แต่พื้นที่ส่วนเหนือศีรษะอาจจะไม่ได้มากเท่าไหร่ เนื่องจากการออกแบบในสไตล์รถคูเป้ที่ส่วนของหลังคาที่ลาดลง ก็ส่งผลเรื่องของพื้นที่ตรงนี้ไป
ก่อนที่อีกวันทีมงานจะได้กลับมาที่สนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต กันอีกครั้ง เพื่อสัมผัสกับ MINI ตระกูล JCW ที่เปรียบได้ราวกับตระกูล M ของ BMW นับเป็นตัวแรงที่ส่งตรงออกมาจากโรงงานทั้งเรื่องของความโดดเด่นและสปอร์ตกว่าของรูปลักษณ์ภายนอก รวมไปถึงเสียงคำรามและเครื่องยนต์ที่ทรงพละกำลังกว่ารุ่นปกติ พร้อมโลโก้ JCW ที่นับเป็นตัวการันตีความสนุกในการขับขี่ในทุกครั้ง แม้จะอยู่ใน MINI Clubman และ MINI Countryman ก็ตาม ที่มีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ และเน้นการใช้งานในแบบครอบครัวกว่า MINI รุ่นอื่นๆ แต่กลับยังให้ความรู้สึกสนุกสนานในสไตล์โกคาร์ทฟิลลิ่งได้เสมอที่คุณอยู่หลังพวงมาลัย
โดยในครั้งนี้มีให้ทดลองขับกันครบทั้ง 4 รุ่น ในตระกูล JCW (John Cooper Works) อันได้แก่ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์, มินิ จอห์นคูเปอร์ เวิร์คส์ คลับแมน, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คอนเวิร์ตทิเบิล และเมื่อถามว่าในตระกูล JCW รุ่นไหนที่ประทับใจที่สุดแล้วละก็ คงเป็นอะไรไปไม่ได้กับ MINI John Cooper Works Hatch และ MINI John Cooper Works Convertible ที่เป็นหลังคาผ้าใบสามารถเปิดประทุนได้
และรูปแบบการขับขี่ในสนามครั้งนี้กับ MINI John Cooper Works มีช่วงของทางตรงยาวให้ได้ทำความเร็วอยู่ 3 ช่วงหลักๆ ที่เหลือเป็นเส้นทางโค้งขึ้นลงเนินทั้งหมด ทั้งโค้งเอส โค้งยูกลับ โค้งกว้างต่อเนื่อง และโค้งหักศอก ให้ได้สัมผัสกับการบังคับควบคุมที่แม่นยำซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ นับเป็นอีกหนึ่งสนามที่มีความยากในการขับไม่น้อย ตั้งแต่ช่วงเริ่มทางตรงก่อนที่จะเบรกเพื่อเข้าโค้งซ้ายและขวา ขึ้นเนินขวาและซ้ายต่อเนื่อง ก่อนจะเลี้ยวขวาอีกครั้ง เบรกชะลอความเร็วและหักขวาสุด ลงเนินก่อนจะหักซ้ายและเลี้ยวโค้งขวา เติมคันเร่งมิดแป้นทะยานออกจากโค้งช่วงลงเนิน ก่อนเบรกเต็มแรงลดความเร็วเข้าโค้งยูกลับทางซ้าย และเดินคันเร่งขึ้นเนินเต็มกำลัง สุดทางตรงขึ้นเนินชะลอความเร็วและเลี้ยวโค้งซ้ายยาวต่อเนื่องที่มิอาจมองเห็นปลายโค้ง เข้าสู่ช่วงลงเนินใส่ความเร็วเต็มที่เลี้ยวหักขวาเล็กน้อยก่อนที่ความเร็วจะไต่ไปถึงระดับประมาณ 160 กม./ชม. และลดความเร็วที่ปลายทางตรงเข้าสู่โค้งเอสที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. และโค้งยูกลับทางซ้าย ทะยานออกจากโค้งสู่ทางตรงก่อนเข้าสู่เส้นชัย เป็นอันครบรอบสนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต
การเกาะถนนของรถ MINI JCWแต่ละรุ่นนั้นให้ความมั่นใจได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะกับ MINI Clubman และ MINI Countryman ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ก็ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่ผ่านโค้งนั้นง่ายและมั่นใจ แต่หากเป็นส่วนของรุ่น Hatch และ Convertible จะให้อารมณ์ที่ดิบกว่า มีอาการให้คุณรู้สึกมากกว่าในรุ่นที่เป็นขับสี่ นั้นหมายความว่าถ้าคุณเป็นขาซิ่งและชื่นชอบกับอาการของรถเมื่อต้องขับขี่ในสนามและใช้ความเร็วแล้วละก็ คุณจะต้องชอบใจและอยากขับวนอีกหลายรอบเลยทีเดียว
ส่วนพวงมาลัยมีน้ำหนักและแม่นยำในการควบคุมตามทิศทางที่ต้องการ ต้องขอขอบคุณตัวรถที่มีการกระจายน้ำหนัก 50:50 มีส่วนหน้า-ท้ายที่สั้น ฐานล้อยาว จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการอัพเกรดระบบส่งกำลังให้ทำงานราบรื่นด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ขุมพลัง 231 แรงม้า ในทุกรุ่นในตระกูล JCW การขับในสนามจึงสนุกสุดมันส์จนไม่อยากลุกออกจากรถกันเลย
ทั้งหมดนี้กับการสัมผัส BMW X4 ใหม่ และ MINI JCW ครบทั้งตระกูลตัวแรงที่มีพร้อมให้จับจองในไทย แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และการขับขี่ส่วนใหญ่อยู่ในสนามแข่ง แต่เท่าที่พอจะจับความรู้สึกและความสามารถของตัวรถได้นั้น ก็ทำให้ทีมงานประทับใจไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับ MINI JCW ตัวแรงทั้งสี่ ที่มีการตกแต่งที่แตกต่าง พร้อมพละกำลัง และความสนุกที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ในสนามนั้นสนุกสุดมันส์เลยทีเดียว
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com