Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Suzuki XL7 เพิ่มอุปกรณ์ ปรับราคาใหม่ ปี 2022 สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 28 ก.ค. 65 00:00
- 8,297 อ่าน
นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในไทยไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2020 จนมาถึงในปี 2022 นี้ ก็สามารถกวาดยอดขายสะสมไปแล้ว 7,042 คัน นับเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ช่วยผลักดันยอดขายให้กับซูซูกิในประเทศไทย และในช่วงกลางเดือนปี 2022 นี้เอง ทางซูซูกิหลังจากแนะนำรุ่นสีทูโทนใหม่ ไม่นานนักล่าสุดก็ได้แนะนำ Suzuki XL7 ปรับราคาใหม่ และยังได้เพิ่มอุปกรณ์เข้ามาให้ด้วยพร้อมกัน
และในครั้งนี้ทาง บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด ก็ได้เชิญทีมงาน AUTODEFT ของเราเข้าร่วมทดสอบรถใหม่ Suzuki XL7 บนเส้นทาง ดอยช้าง เชียงราย เส้นทางแสนงามกับถนนลอยฟ้าเหนือทะเลหมอก กับระยะทางราว 100 กิโลเมตร โดยเส้นทางส่วนใหญ่เป็นช่วงของการขึ้นและลงเขาบนถนนแบบเลนสวน ในการขับขี่ใช้งานจริง พร้อมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันบนเส้นทางลักษณะแบบนี้
Suzuki XL7 เพิ่มอุปกรณ์ ปรับราคาใหม่ ปี 2022 นี้ รายละเอียดงานดีไซน์ต่าง ๆ ยังคงเดิม เด่นด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECH มิติตัวรถมีความยาว 4,450 มม. ความกว้าง 1,775 มม. ความสูง 1,710 มม. ฐานล้อ 2,740 มม. รัศมีวงเลี้ยว 5.2 ม. มีน้ำหนักรถ 1,175 กก. และความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร ไฟหน้า LED ที่สามารถปรับระดับได้จากสวิทซ์ด้านในรถ พร้อมไฟ Daytime Running Light กันชนหน้าหลังดีไซน์สปอร์ตตัดด้วยสีดำและเงิน เสริมความลุยด้วยซุ้มล้อสีดำ มีราวหลังคาติดตั้งมาให้
ภายในห้องโดยสารมาในโทนสีเข้มตกแต่งแดชบอร์ดด้วยลวดลายคาร์บอนตัดด้วยสีเงินมาดสปอร์ต พวงมาลัย 3 ก้าน ทรง D-shape ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้ โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมต เบาะที่นั่งเองหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่และหนังสังเคราะห์ จอกลางขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อกล้องบันทึกภาพด้านหน้ารถ (Digital VDO Recorder) ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามา สามารถควบคุมตั้งค่าผ่านหน้าจอกลางได้เลย และมีฟังก์ชันในการล็อคไฟล์อัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุหรือแรงสั่นสะเทือนตามระดับการเคลื่อนไหวที่สามารถตั้งค่าได้สามระดับ และอีกอุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาก็คือแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) บริเวณคอนโซลกลาง
ส่วนของขุมกำลังคงเดิมกับเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร แรงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เช่นเคย ซึ่งจากการขับขี่จริงบนเส้นทางดอยช้างขึ้นเขาลงเขากับการโดยสารรวมสามคน การขับขี่สามารถผ่านไปได้แบบสบาย ๆ และมั่นใจ และไม่ได้รู้สึกว่ารถจะขึ้นไม่ไหวแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเราจะต้องไม่รีบเร่ง และค่อย ๆ ขับขึ้นเขาไปแบบเรื่อย ๆ กำลังของเครื่องยนต์และการทำงานของเกียร์ที่ทนทานลักษณะนี้ ก็สามารถพาเราขับขึ้นเขาลงได้แบบมั่นใจไม่ต้องลุ้นว่าจะขึ้นไม่ไหว
ทัศนวิสัยการขับขี่บนเส้นทางเขากับถนนแบบเลนสวน Suzuki XL7 ก็ได้มอบทัศนวิสัยอย่างดี กระจกบานหน้าที่กว้าง และเสา A ที่ไม่บดบังโค้งเท่าใดนัก บวกกับพวงมาลัยไฟฟ้าที่น้ำหนักตั้งค่ามากำลังดีไม่เบาหรือหนืดหนักจนเกินไป
และช่วงเส้นทางปกติเมื่อต้องการพละกำลังการเติมคันเร่งเพิ่มลงไปก็พอจะมีเสียงเครื่องยนต์คำรามดังเข้ามาให้ได้ยินอยู่บ้าง อาจจะเร่งไม่ได้ติดเท้าทันใจในทันที แต่ก็สามารถตอบสนองไต่ความเร็วขึ้นไปได้ และเมื่อคามเร็วลอยลำเราก็สามารถไต่ความเร็วไปได้เรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง บวกกับช่วงล่างที่จะไม่ได้ให้ฟิลลิ่งในแบบนุ่มนวลจ๋า ๆ ช่วงล่างของรถจะค่อนข้างมาทางหนึบนุ่ม และยังพอมีอาการสะเทือนจากพื้นถนนให้พอได้รู้สึกบ้าง ถือได้ว่าเป็นช่วงล่างที่ทำให้การเดินทางไกลไม่รู้สึกเด้งสะเทือนและเหนื่อยล้า
ส่วนของการเบรกที่ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์หน้าหลังดรัมเบรก ก็จะไม่ได้ถึงกับดูดติดเท้าเวลาเหยียบเบรก แต่พอที่จะให้ความรู้สึกในการเบรกได้แบบไม่หัวทิ่ม ทั้งในช่วงการชะลอความเร็ว หรือต้องการเบรกเพื่อหยุดรถสนิทที่ต้องเหยียบแป้นเบรกให้ลึกมากขึ้น
เมื่อมาดูที่ส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตลอดระยะทาง 111 กิโลเมตร ที่รวมทั้งช่วงขึ้นเขาและลงเขาที่ดอยช้าง กับการโดยสารรวม 3 ท่าน บน Suzuki XL7 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่แสดงบนหน้าจอของรถอยู่ที่ 13.4 กม./ลิตร ถือได้ว่าประหยัดไม่เบา เพราะการขับขี่มีทั้งการเร่งความเร็วเพื่อแซงในหลาย ๆ ครั้ง รวมไปถึงการลองใช้ความเร็วในการไต่ช่วงขึ้นเขา และช่วงทางราบเองก็มีการใช้ความเร็วต่อเนื่องร่วมด้วย
ส่วนของระบบความปลอดภัยต่าง ๆ มีมาให้เช่นเคยทั้งระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า เบรกหน้ามากับดิสก์เบรก ด้านหลังเป็นดรัมเบรก พร้อมระบบเบรก ABS ระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก ระบบ ESP ที่ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HDC) และมีจุดยึดเบาะนั่งนิรภัย ISOFIX และ Top tether สำหรับเด็กพร้อมด้วยกล้องมองภาพขณะถอยหลังและเซ็นเซอร์กะระยะ
และนี่ก็คือทั้งหมดกับการขับขี่ใช้งานจริง Suzuki XL7 บนเส้นทางขึ้นเขาและลงเขา ณ ดอยช้าง ยังคงมอบประสยการณ์การขับขี่รถอเนกประสงค์สามแถวเจ็ดที่นั่งได้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในกลุ่ม กับราคารถเริ่มต้นใหม่ 814,000 บาท ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มราคาไปตามกลไกตลาดที่ทางซูซูกินอกจากการปรับราคาใหม่แล้ว ก็ยังได้เพิ่มอุปกรณ์เพิ่มเติมเข้ามา
ทดสอบและเรียบเรียงโดย toptaro
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com