Subaru Ultimate Test Drive 2020 สัมผัสอเนกประสงค์ Subaru Forester พร้อมระบบ EyeSight ที่มากกว่าการทดลองขับที่โชว์รูม
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 28 ก.ย. 63 00:00
- 7,354 อ่าน
เมื่อช่วงวันที่ 25 - 27 กันยายน 2563 ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์ ที่ผ่านมา ทางบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก็ได้จัดกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าที่สนใจได้มีโอกาสในการมาสัมผัสและทดลองขับ กับหลากสถานีที่ได้จำลองจากสถานการณ์จากการขับขี่จริง นับเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้พิสูจน์สมรรถะรถยนต์ Subaru ด้วยตัวเอง
ในกิจกรรม Subaru Ultimate Test Drive 2020 ครั้งนี้ ทีมงาน AUTODEFT ก็มีโอกาสในการเข้าร่วมสัมผัสและทดลองขับไปกับผู้ที่สนใจที่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมพร้อมกัน ซึ่งทางซูบารุได้นำเสนอ 4 เทคโนโลยีหลักอันเป็นเอกลักษณ์ของซูบารุ ได้แก่ เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ (Boxer Engine), ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive), ซูบารุโกลบอลแพลตฟอร์ม (Subaru Global Platform), และเทคโนโลยีอายไซต์ (EyeSight Driver Assist) โดยรถที่เราได้ทดลองขับกันในครั้งนี้ก็คือ Subaru Forester ใหม่ รวมไปถึงการโชว์รถให้ลูกค้าได้ชมกันแบบใกล้ชิดทั้ง Subaru Forester และ Subaru XV พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่จะคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวรถในทุกรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการทราบประกอบการตัดสินใจ
สำหรับรถใหม่ Subaru Forester ที่ล่าสุด เพิ่งแนะนำไปกับ Subaru Forester GT Edition ตัวตกแต่งพิเศษ ที่ได้นำเอาพื้นฐานจากรุ่นท็อปสุด 2.0 i-S EyeSight มาตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตเข้าไป ประกอบไปด้วย สเกิร์ตหน้า ด้านข้าง และด้านหลังดีไซน์เฉพาะ พร้อมสปอยเลอร์หลังดีไซน์พิเศษ ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ทูโทนลายพิเศษขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.autodeft.com/newcar/subaru-forester-gt-edition-revealed-official-thailand
ด้านของขุมกำลังติดตั้งมากับเครื่องยนต์เบนซิน รหัส FB20 Boxer พร้อมระบบ Direct Injection 2.0 ลิตร รีดกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ให้กำลังเต็มสมรรถนะด้วยระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS: ACTIVE VALVE CONTROL SYSTEM) ทั้งไอดีและไอเสีย พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดช่วงรอบต่ำให้อัตราเร่งที่ดียิ่งขึ้น จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT 7 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมด้วยระบบ X-MODE ช่วยในการควบคุมเครื่องยนต์ ระบบส่งถ่ายกำลังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมระบบกระจายแรงบิด (Active torque vectoring) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ และเร้าใจขึ้นด้วยโหมดการขับขี่ SI-Drive ทั้งโหมด Intelligent และ Sport
พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบช่วยในการขับขี่ EyeSight ประกอบไปด้วย ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน Automatic Pre-Collision Braking ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน Pre-Collision Throttle Management ระบบปรับความเร็วรถอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ Lead Vehicle Start Alert ระบบเตือนเมื่อรถออกจากเลนและเมื่อรถส่าย Lane Departure and Sway Warning พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง Auto Vehicle Hold ระบบตรวจจับยานพานะด้านหลัง (SVRD) ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของรถ เพื่อตรวจจับวัตถุและยานพาหนะที่อยู่ด้านหลัง เพื่อการถอยรถและจอดรถอย่างไร้กังวล โดยจะมีการแสดงลสถานะของระบบต่างๆ ที่บริเวณหน้าจอสีตรงกลางแดชบอร์ดด้านบนนั้นเอง
โดยสถานีต่างๆ ในสนามปทุมธานีสปีดเวย์ ถูกแบ่งออกเป็น 4 สถานี ด้วยกันในการทดลองขับ ทั้งหมดเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้พิสูจน์สมรรถนะ ประสบการณ์ด้านความปลอดภัยที่มาพร้อมความสะดวกสบายและประสิทธิภาพของรถยนต์ซูบารุ ซึ่งต้องบอกเลยว่ากิจกรรมในครั้งนี้มีลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก ทั้งคู่รักหนุ่มสาว พ่อลูก รวมไปถึงครอบครัว ก็มาทดลองขับกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
สถานีที่ 1 สถานีสาธิตการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) ทีมงานครูผู้ฝึกสอนได้ทำการสาธิตระบบการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) บนอุปกรณ์ Slip Roller ที่จะเป็นลักษณะลูกกลิ้งที่เป็นการจำลองพื้นผิวที่ลื่น ซึ่งเมื่อรถขึ้นไปอยู่บน Roller ทั้ง 3 ล้อ และมีเพียงล้อเดียวที่สามารถจะหมุนเพื่อทำให้รถผ่านอุปสรรคได้ แสดงให้เห็นถึงการทำงานของระบบที่คอยตรวจสอบทุกล้ออย่างต่อเนื่องใน Subaru Forester ที่มีการเพิ่มการยึดเกาะและคืนเสถียรภาพของรถ โดยการลดกำลังเครื่องยนต์และหรือใช้เบรกเพื่อชะลอล้อแต่ละล้อ ให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถยนต์ได้แม้ในสภาพถนนที่ลื่นมากนั้นเอง
สถานีที่ 2 สถานีทดสอบการตอบสนองของรถยนต์ กับ Subaru Forester โดยเริ่มต้นจากการขับแบบสลาลมที่ความเร็วประมาณ 30-40 กม./ชม. พวงมาลัยที่เบาและแม่นยำให้การควบคุมที่ง่าย ตัวรถมีความยึดเกาะและคล่องตัวในการหักเลี้ยวไปมาอย่างมาก ช่วงล่างเองก็ให้ความรู้สึกที่นุ่มแต่ไม่ย้วยมั่นใจ การหักเลี้ยวแบบกะทันหันนี้ก็สามารถทำได้ง่ายได้และมั่นใจ
ก่อนที่จะวนรถกลับไปยังอีกด้านของสนามเพื่อกดทำความเร็วที่ระดับ 60 กม./ชม. ในทางตรง ก่อนที่จะเบรกแบบฉุกเฉิน เพื่อได้ลองทดสอบระยะเบรกในกรณีฉุกเฉินเมื่อกดเบรกเต็มแรง และทดสอบระบบป้องกันล้อล็อกในสภาวะฉุกเฉินหรือเบรกรุนแรง ที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมรถได้ดีขึ้น สัมผัสที่ได้คือความมั่นใจในการเบรกจนรถหยุดสนิทรวมไปถึงระยะเบรกที่สั้น เป็นอีกสถานีที่ทำให้ประทับใจมากทีเดียวกับ Subaru Forester และเสียงพูดคุยจากลูกค้าที่ตื่นเต้นกันไม่น้อยกับการได้มาขับทดสอบในรูปแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าหาไม่ได้จากการทดลองขับตามโชว์รูมปกติ
สถานีที่ 3 สถานีทดสอบรถยนต์บนถนนเปียกลื่น ไพลอนถูกตั้งเรียงเป็นวงกลม 2 วง ห่างกันระยะหนึ่ง พร้อมกับพื้นสนามที่ถูกรดด้วยน้ำเพิ่มความลื่น สถานีนี้ทำให้เราได้ทดสอบประโยชน์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Subaru Vehicle Dynamics Control) ในสภาวะพื้นถนนเปียกลื่น ที่เข้ามาช่วยให้เราอยู่ในการควบคุมของผู้ขับ และแม้ว่าจะมีการสั่งปิดระบบช่วยการทรงตัวก็ตาม จากที่ทีมงานได้ทดสอบขับแล้ว ตัวรถยังสามารถยึดเกาะและให้การควบคุมบนพื้นเปียกลื่นได้อย่างมั่นใจมากทีเดียว ซึ่งระบบตัวช่วยยังคงทำหน้าที่อยู่เพื่อความปลอดภัย แม้มีการกดปิดระบบก็ตาม ซึ่งมีระบบ Vehicle Dynamics Control ที่ช่วยควบคุมรถยนต์บนพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานต่ำได้ดีมาอีกด้วย ก่อนที่จะวนออกจากการวิ่งวนเป็นเลข 8 เพื่อไปสู่การขับเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน ที่มีไพลอนว่าเป็นเส้นทางกำหนดเอาไว้ และต้องหักเลี้ยวในทางที่ค่อนข้างแคบเปลี่ยนเลนไปทางขวา เทคนิคที่อยากบอกต่อก็คือให้เรามองไปที่ทางออกที่เราต้องการควบคุมรถไปในทิศทางนั้นๆ อย่ามองไปที่ไพลอนเพราะนั้นอาจทำให้เราขับชนไพลอนได้ง่ายๆ
สถานีที่ 4 สถานีทดสอบระบบอายไซต์ (EyeSight Drive Assist) กับ Subaru Forester ในสถานีนี้มีการตั้งไพลอนในสนามโซนด้านหลัง เป็นการจำลองเส้นทางการขับขี่คล้ายบนท้องถนนทั้งทางตรง ทางโค้ง สลับซ้ายขวาไปมา เริ่มต้นออกจากจุดเริ่มทีมงานขับรถวิ่งตามคันด้านหน้า พร้อมกับการเปิดระบบแปรผันความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) เรียกได้ว่าขาของเราไม่ต้องเหยียบแป้นคันเร่งและเบรก ทำหน้าที่แต่เพียงควบคุมพวงมาลัยเท่านั้น รถก็จะวิ่งไปยังทิศทางที่เราควบคุม และระบบอายไซต์ ไม่เพียงรักษาความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งไว้ ยังลดความเร็วควบคุมระยะห่างที่ปลอดภัยตั้งแต่ความเร็ว 0-180 กม. / ชม. สามารถที่จะชะลอจนรถหยุดนิ่ง และเคลื่อนที่ไปต่อตามรถคันหน้าได้ ทั้งนี้เมื่อรถคันหน้ามีการเบรกที่ค่อนข้างเกือบฉุกเฉินระบบของรถที่เข้ามาชะลอความเร็วให้ช้าลงนั้น ก็เรียกได้ว่าทำงานและเบรกได้อย่างสมูทมากทีเดียว ไม่ได้เบรกจนรู้สึกตกใจ
ระบบอายไซต์ ยังควบรวมระบบการเตือนเมื่อรถเคลื่อนที่ (Lead Vehicle Start Alert) โดยเมื่อมีการตรวจจับได้ว่าพาหนะด้านหน้าเคลื่อนตัวออกไป Lead Vehicle Start Alert จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณไฟและเสียงเตือน และก่อนที่จะจบการทดสอบในสถานีนี้ ทางซูบารุก็ยังได้ให้เราทดสอบระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Pre-Collision Braking) ซึ่งระบบอายไซต์จะคอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าและส่งสัญญาณเตือนเมื่ออยู่ในระยะอันตราย หากไม่ได้รับการตอบสนองระบบจะเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อชะลอหรือหยุดรถยนต์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงระบบจัดการกำลังเครื่องยนต์ก่อนการชน (Pre-Collision Throttle Management) โดยระบบอายไซต์จะช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ หากตรวจจับได้ว่ามีวัตถุขนาดใหญ่หรือสิ่งของขวางอยู่ด้านหน้า ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณไฟและเสียงเตือน แต่ในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันแล้วนั้น ระบบเป็นตัวช่วยที่เข้ามาช่วยเสริมให้มีความปลอดภัยสูงที่สุด สิ่งสำคัญยังคงเป็นตัวผู้ขับขี่ที่ต้องใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาทอยู่เสมอที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ทั้งหมดนี้กับกิจกรรม Subaru Ultimate Test Drive 2020 นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ทีมงานและใครที่สนใจได้มาลองขับทดสอบกัน พร้อมสัมผัสสมรรถนะของรถซูบารุที่อัดแน่นด้วยขุมกำลัง การออกแบบที่ตอบสนองการขับขี่และโดยสาร รวมไปถึงระบบความปลอดภัยที่ถูกติดตั้งเข้ามาให้ โดยเฉพาะกับระบบอายไซต์ (EyeSight Drive Assist) ที่ทำหน้าที่เหมือนกับดวงตาอีกคู่ คอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลาเพื่อเป็นตัวช่วยให้เราขับขี่ได้สะดวกสบายมากขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าคุณไม่สามารถสัมผัสประสบการณ์การทดลองขับแบบนี้ได้จากการไปทดลองขับที่โชว์รูม เพราะฉะนั้นอย่าพลาดโอกาสเมื่อกิจกรรมดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง...
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com