Hands On : The New MG6 เปลี่ยนสู่ตัวตนที่ใช่...ถูกใจสาวกสปอร์ต
- โดย : Autodeft
- 15 ก.ค. 58 00:00
- 8,193 อ่าน
พบบททดสอบรถยนต์ในระยะสั้นของยนตรกรรมล่าสุดจากเกาะอังกฤษ The New MG6 ตัวตนใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
การเปลี่ยนแปลง....คำที่ฟังดูง่าย แต่ในแง่การปฏิบัติแล้วทุกอย่างกลับยากอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตัวตนที่ต้องผ่านอุปสรรคและความท้าทายในตัวเองมากมาย แต่โดยส่วนใหญ่ของคำว่าเปลี่ยนแปลงแล้ว เรามักจะก้าวเข้าสู่สิ่งที่ดีมากกว่าเสมอ
ตั้งแต่เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการรถยนต์ MG 6 ถือว่าเป็นรถยนต์ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ ด้วยมันเป็นปฐมบทของค่ายรถยนต์ Morris Garage หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า MG ซึ่งตัวตนที่เผยออกมาในความสปอร์ตเมื่อสองปีที่ผ่านมา กลับทำให้เรารู้สึกผิดหวัง เมื่อมีโอกาสขับมัน ...อย่างเป็นทางการในตอนนั้น และให้หลังไม่นานค่ายรถยนต์ MG ณ เกาะอังกฤษก็ดันเผยรถ MG 6 รุ่นปรับปรุงโฉมที่เพิ่มความลงตัวมากกว่าเดิม ซึ่งท้ายสุดแล้วมันจะมาถึงประเทศไทย และกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กรกฎาคม นี้
แม้ว่า MG6 จะไม่ใช่รถที่หลายคนสนใจมากมายนัก แต่การเปลี่ยนแปลงในรถยนต์ MG 6 กลับทำให้เราสนใจตัวตนของพวกเขา และจับตาว่ารถยนต์ใหม่ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร หลังจากที่เคยโขกสับเรื่องระบบเกียร์ที่ไม่ได้ใจเรื่องความสปอร์ต ระบบช่วงล่างที่โอเคยแต่ยังไม่ได้ฟิลลิ่ง และทั้งหมดในตอนนั้นทีมวิศวกร ก็จดเอาคำกร่นด่าของผมกลับไปอังกฤษ เพื่อรับฟังแนวทางปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน
สองปีผ่านมา...วันนี้ ....ท่ามกลางถนนจราจรในเมืองกรุง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นตามปกติ แต่ปลายสายวันนี้ เป็นพี่บอย ที่รู้จักกันมายาวและถามว่า “วันนี้ทำอะไรรึเปล่า” ...บทสนทนาเริ่มต้นจากจุดนั้น และจบด้วยภารกิจพิเศษแบบไม่ได้เตรียมอะไรนอกจากตัว ใจ และโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง พร้อมการเคลียร์นัดหมายต่างๆ แล้วมุ่งไปสู่หลังซีคอนสแควร์ ที่ Driving Experience Center ของ MG เพื่อพบกับรถยนต์ MG 6 เวอร์ชั่นปรับโฉม ก่อนที่มันจะเปิดตัวในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้
ตัวตนรถยนต์ MG 6 ใหม่ จากที่ฟังบรรยายสรุป ทางค่ายรถยนต์ MG ต้องการให้รถยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพวกเขา สื่อสารกับลูกค้าให้ตรงกับตัวตนของตราสินค้ามากขึ้น ซึ่งพวกเขา ได้นิยามตัวเอง สั้นง่ายและเข้าใจว่า British , Sporty, Passion และนั่นส่งให้การเปลี่ยนแปลงในรถยนต์ MG 6 ใหม่ มุ่งเน้นไปที่การออกแบบที่มีความสปอร์ต และทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต้องคงเอกลักษณ์ที่สำคัญเอาไว้อย่างเหนียวแน่นตามสไตล์ผู้ดี
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมากความ MG พาเราพบกับรถยนต์ The New MG 6 ใหม่ ซึ่งจอดเกยรอเราสัมผัสมันอยู่หน้าศูนย์ประสบการณ์ขับขี่ ก่อนที่เพื่อนๆ จะอ่านต่อไป ขอเรียนให้ทราบว่ารถยนต์ MG6 คันที่เรากำลังจะขับนี้ เป็นรถยนต์ Pre-Production ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกนิดหน่อยในเวอร์ชั่นวางขายจริง ..
กายภายนอก The New MG 6 กล่าวทายด้วยอารมณ์ใหม่ ที่แม้จะดูค่อนข้างไปทางัวตนเดิม แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าทาง MG การบ้านมาอย่างดี การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มจากอารมณ์การออกแบบที่มี่มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนกันชนหน้าให้ความรู้สักที่ทันสมัยมากขึ้น ที่กันชนยังให้ไฟ Daytime Running Light เข้ามาตอบโจทย์ เสริมความหล่อและความปลอดภัย
ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่มาใช้ชุดไฟ แบบ Bi-Xenon เพิ่มมูลค่าความรู้สึกให้กับตัวรถ รวมถึงกระจังหน้ายังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการหยิบเอาแนวคิดกระจังหน้าเดิมทรงตั้งดั้งเดิมของ MG เข้ามาใช้ในการตอบโจทย์รถยนต์คันใหม่
ตัวรถยังคงมีให้เอกทั้งรุ่น Saloon 4 ประตู และรุ่นที่จับใจใครหลายคนด้วยการออกแบบที่มีความเป็นเอก ด้วย Fast Back Design ตัวรถ มีการเปลี่ยนแปลงไฟท้ายใหม่ อยากจะเรียนตามตรงว่ารุ่น 4 ประตู มองครั้งแรกสัมผัสได้ถึงความหรูหราคล้ายรถยนต์แบรนด์หรูชั้นนำ ส่วนในรุ่น Fast Back ลงตัวกว่าด้วยไฟท้ายดีไซน์สามมิติ (แต่ส่วนตัวยกให้ไฟท้ายสี่ประตูดูสวยกว่า) และท้ายสุดลงตัวกับล้ออัลลอยขอบ 17 นิ้ว ให้ลายดำเงาดูมีความสปอร์ตลงตัว จัดมาให้พร้อมยาง 215/50/R17
ตัวตนของการเปลี่ยนแปลงความหล่อภายนอก เริ่มเชื้อเชิญให้เราสนใจ และเมื่อก้าวสู่ภายในห้องโดยสาร The New MG 6 ตอบตัวตนด้วยการออกแบบปรับปรุงภายในเล็กน้อย เริ่มจากมาตรวัดใหม่ที่แลดูมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม้ในความรู้สึกเราจะคิดว่าขนาดมันเล็กไปบ้าง ซึ่งหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงมาตรวัด ก็เป็นการเพิ่มขนาดจอแสดงผลข้อมูลเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
ตรงกลาง ได้ชุดเครื่องเสียงใหม่ที่ทำงานผ่านระบบหน้าจอสัมผัส มีระบบนำทางในตัว รวมถึง กล้องมองหลังและการเชื่อมต่อ Bluetooth นอกจากนี้ยังมีการออกแบบรายละเอียดในตัวรถใหม่บางจุด เช่นการให้รายละเอียดพวกมาลัยเดินด้ายแดง รวมถึงการปรับมาใช้เบรกมือไฟฟ้า ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ช่วงแผงคอนโซลเกียร์ แต่ท้ายสุดแล้วห้องโดยสารในรถคันนี้กลับมีความลงตัวมากกว่าด้วยการให้ความสปอร์ตลงตัวในการออกแบบกว่าเดิม
การกลับมาครั้งนี้นอกจากการเพิ่มรายละเอียดทางด้านการออกแบบใหม่ๆมาตอบโจทย์แล้ว The New MG 6 ยังท้าทายความเชื่อในตลาดด้วยการยกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทิ้งไป แล้วหันมาใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเทอร์โบ เข้าประจำการในรถยนต์ MG 6 ตัวปรับโฉมทุกรุ่น ที่วางจำหน่าย แถมรุ่นใหม่ยังรองรับ E85 ได้อีกด้วย
เครื่องยนต์บล็อกเก่าเล่าใหม่ใต้ฝากระโปรง MG 6 ใหม่นี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในเรื่องสมรรถนะด้วยกำลังสูงสุด 161 แรงม้า สูงสุดที่ 5,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 215 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ยังคงมาพร้อมระบบเกียร์คลัทช์คู่แบบเปียก 6 สปีด เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
นึกย้อนถึงครั้งแรกที่ขับรถยนต์ MG6 ตอนที่วิ่งไปเส้นทางกรุงเทพมหานคร-ปลายทางหัวหิน ยอมรับว่าตอนนั้น สิ่งที่ไม่ประทับใจมีมากมายหลายประการ หนึ่งในนั้นคือระบบเกียร์ของรถที่เชื่องช้าตอบสนองการขับขี่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งที่ควรทำให้เครื่องยนต์กระฉับกระเฉง รวมถึง พวงมาลัยที่หนักมา และตัวรถที่ดูหน่วงๆ ในความรู้สึก
ผมสตาร์ทเครื่องยนต์ MG6 ไม่กี่อึดใจเราจะได้รู้การเปลี่ยนแปลง ซึ่งก่อนเราออกตัวทางครูฝึกที่มานั่งข้างผม นำระบบ Auto Hold ระบบเบรกไฟฟ้าที่พร้อมชวยให้คุณสบายในยามขับขี่ในเมือง ระบบนี้เพียงกดปุ่มให้ทำงาน เมื่อคุณขับรถแล้วมาจอดนิ่งสนิท ระบบจะทำการคงแรงดันเบรกไว้เอง ทำให้คุณไม่ต้องเหยียบเบรกแช่ไว้ตลอดเวลาเหมือนรถรุ่นอื่นๆ
ลองคันแรกวันนี้เราจับเจ้า MG 6 Fastback มาขับและทันทีที่ออกตัวไปยังสนามทดสอบ เรากล้าที่เอ่ยปากว่า “นี่มันแทบจะเป็นรถคนละคันกับเมื่อครั้งก่อน” ความรู้สึกในวันนี้ The New MG6 ดูมีความสปอร์ตมากขึ้น รถสามารถเร่งได้อย่างดีเยี่ยม จนน่าประหลาดใจว่า นี่มันใช่เครื่องยนต์เดิมและเกียร์เดิมหรือไม่
ด่านแรกเรามาเจอบททดสอบสถานีสลาลอม ก็ต้องกล่าวว่า MG6 มีการปรับพวงมาลัยที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ลืม...ลืมฉันลืมไปก่อน กับพวงมาลัยอันแสนหนักอึ้งดั้งเดิม เพราะ MG 6 ใหม่ มีพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาหวิว และยังให้การควบคุมที่ดีมีความแม่นยำในระดับที่น่าพอใจ แต่น้ำหนักพวงมาลัยที่เบาไปในงวดนี้ ทำให้เราต้องขอให้เขากับไปเพิ่มน้ำหนักพวงมาลัยอีกนิด เพื่อให้ได้ความรู้สึกความสปอร์ต เนื่องจากพวงมาลัยที่เบาไปนั้นอาจจะมีผลในยามขับขี่ความเร็วสูง
ที่น่าแปลกใจอีกอย่าในระหว่างสลาลม นอกเหนือการควบคุมรถที่ง่ายกว่าเดิม แล้วระบบกันสะเทือน MG6 ใหม่ยังมีความลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าการเซทติ้งยังคงใช้ช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และระบบกันสะเทือนแบบ Z Type Multi Link ทางด้นหลัง แต่สัมผัสครั้งนี้ ไม่ใช่อาการหนักยึดเหนี่ยวถนน แต่กลายเป็นความคล่องตัวแต่ยังมั่นใจในการขบัขี่ ด้วยช่วงล่างที่ออกมาในแนวความสปอร์ต เบาแต่ลงตัวในในทุกไพลอนที่เราได้ผ่าน
ทว่าในรถยนต์ MG6 FastBack ด้วยท้ายรถที่สั้นทำให้หากคุณกระตุกพวงมาลัยแรงๆ อาจจะเจออาการ Over Steer ได้ ซึ่งไม่บ่อยนักที่จะเจอในรถขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ยิ่งใครชอบการขับขี่สไตล์สปอร์ต ต้องการความคล่องตัวสูงๆ แล้ว เจ้า FastBack ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ถึงทางโค้ง เราเหยียบเข้าไปที่ความเร็ว 70 ก.ม./ช.ม. เราค้นพบความดีความชอบในการขับขี่ที่เปี่ยมด้วยความคล่องตัวและ Easy มากขึ้นในการเข้าโค้ง ที่จริงปัญหาของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าทุกรุ่นเมื่อเข้าโค้งคือมันมีโอกาสที่จะเกิดอาการหน้าดื้อได้ง่ายมาก แต่ใน MG6 ใหม่ ทางค่ายรถยนต์จากเกาะอังกฤษได้ให้ระบบ DWTC หรือ Dynamic Wheel Torque Control ซึ่งใช้การเบรกล้อให้กระจายแรงบิดไปยังล้ออีกด้านอย่างเหมาะสม
ลักษณะการทำงานเช่นนี้ของระบบ DWTC ช่วยให้รถสามารถเข้าโค้งได้ง่ายขึ้น จริงๆ เราเคยลองระบบลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งลักษณะที่ระบบทำงานด้วยการใช้เซนเซอร์และระบบอิเล็กทรอนิคส์จับตา การบังคับทิศทางของพวงมาลัย และความเร็วล้อนั้น ค่อนข้างทำได้ใกล้เคียงกับระบบเฟืองท้าย Limited Slip Differential ในระดับหนึ่ง
แถมที่สำคัญที่สุดระบบเกียร์คลัทช์คู 6 สปีดไม่ออกอาการโง่เหมือนเดิม ครั้งนี้มันฉลาดพอตัวสามรถตอบสนองในการขับขี่ได้ ทางทีมงาน MG อธิบายให้ผมฟังว่าแม้จะเป็นเกียร์ตัวเดียวกัน แต่พวกเขาทำงานอย่างหนัก ในการปรับปรุงข้อมูลสมองกลเกียร์ใหม่ ให้มีความฉลาดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเวลาเร่ง ถ้าเดินคันเร่งเต็มที่ เกียร์จะให้โอกาสคุณลากรอบมากขึ้น หรือถ้าคุณคิกดาวน์ก็จะดูตามจังหวะกดคันเร่งว่าผู้ขับขี่มีความต้องการอัตราเร่งมากน้อยแค่ไหน สมมุติกคันเร่ง 10 % อาจจะไม่คิดาวน์ แต่ถ้ากด 30 % อาจจะคิกดาวน์หนึ่งจังหวะทดเกียร์ และถ้ามากกว่านั้นอาจจะลงสองเกียร์เพื่อให้ได้ความรู้สึกตามความต้องการในการตอบสนองของรถ
อย่างไรก็ดีหลังจากลงมาจากเจ้า Fast Back เรามีโอกาสนำตัวซีดานสี่ประตูลองไปขับดูในสนามเดียวกันผ่านสถานีต่างๆเหมือนกัน เรากลับค้นพบว่า MG6 Saloon มีความน่าสนใจมากกว่าด้วยตัวตนความสปอร์ตที่ยังดูนิ่ง แม้ยามจะต้องขับรถให้ดูห่าม มันก็ยังควบคุมง่ายกว่า โดยเฉพาะระบบกันสะเทือนหลังที่ไม่ว่องไวมากเท่ากับตัว Fastback มันดูแล้วสุขุมกว่า ยิ่งมองท้ายที่ดูคล้ายรถหรูด้วยแล้ว บอกเลยว่า เจ้า MG6 Saloon ใหม่มีความน่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว
The New MG6 ใหม่ที่ได้สัมผัสในวันนี้ต้องยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่เพียงแค่การออกแบบใหม่เพิ่มกันชนออพชั่น แล้วเพิ่มเงิน แต่ทางค่ายรถยนต์อังกฤษรายนี้ยังได้นำคำวิจารณ์ต่างๆเราพูด ในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ไปปรับปรุงด้วย ซึ่ง ..ทำให้ MG6 ที่กำลังจะออกมาในเร็วๆนี้มีความลงตัวมากขึ้น ....มันคือจิตวิญญาณที่แท้จริงของ MG ที่พร้อมตอบความสปอร์ตและความสนุกสนานในการขับขี่ในรถยนต์ที่มีราคาไม่แพงเกินตัว
เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)
ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com
[GALLERY1515]