Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Nissan Kicks e-Power รุ่น VL ขับดีเกินคาด เร่งตอบสนองทันใจ
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 16 มิ.ย. 63 00:00
- 15,394 อ่าน
รถใหม่อเนกประสงค์ All New Nissan Kicks e-Power หลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยผ่านช่องทางออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 (2020) ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ได้เชิญสื่อมวลชนสัมผัสคันจริงกับ Nissan Kicks e-Power รุ่น VL ท็อปสุดกันอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ในวันนี้ล่าสุดทาง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด ก็พร้อมให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับกันแล้วเรียบร้อย
การรีวิวทดลองขับ Nissan Kicks e-Power รุ่น VL ใหม่ ในครั้งนี้ เป็นการขับทดสอบในสถานีที่ถูกเซ็ตขึ้นมาเพื่อให้เราได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ในด้านต่างๆ ของรถภายในสนาม ปทุมธานี สปีดเวย์ โดยถูกแบ่งออกเป็นสถานี A และ B โดยในสถานี A จะเป็นการขับทดสอบการเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน และต่อด้วยการวิ่งแบบสลาลม ทั้งหมดเพื่อดูการทรงตัวของรถ การควบคุมรถเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน รวมไปถึงสมรรถนะการยึดเกาะ
และในสถานี B ที่ได้จำลองการทดสอบหลากรูปแบบขึ้นมาให้วิ่งทดสอบแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่การทดสอบอัตราเร่งของรถ การเลี้ยวโค้งรูปแบบต่างๆ การควบคุมรถในสนาม รวมไปถึงการทดสอบสถานีย่อย Double Lane Change เพื่อดูการทรงตัวของรถ และการใช้งานตัวช่วยขับขี่ต่างๆ อีกด้วย
สำหรับรถใหม่ Nissan Kicks e-Power นี้นั้น มาพร้อมกับความแปลกใหม่ในตลาดบ้านเราด้วยการนำเสนอขุมพลัง e-Power กับการขับเคลื่อนรถด้วยไฟฟ้าล้วน ซึ่งหลายคนยังอาจมีข้อสงสัยอยู่ว่ารถรุ่นนี้คือรถยนต์ประเภทใด ขออธิบายง่ายๆ ว่า Nissan Kicks e-Power นั้น มีส่วนสำคัญหลักๆ ประกอบการทำงานด้วยกันดังนี้
-เครื่องยนต์
-เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator)
-แบตเตอรี่
-อินเวอร์เตอร์ (Inverter)
-มอเตอร์ไฟฟ้า
หรืออาจเรียกได้ว่า Series Hybrid โดยหลักสำคัญของรถจะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น เครื่องยนต์จะไม่มีการส่งกำลังไปที่ล้อเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์เลย โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวที่ทำให้ล้อหมุน ซึ่งเครื่องยนต์สันดาปภายในจะทำหน้าที่เพียงผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับระบบ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าเองจะรับพลังงานจากแบตเตอรี่มากน้อยเพื่อใช้เพิ่มพละกำลัง ซึ่งบางทีเราสามารถเรียกระบบแบบนี้ว่า Extended-range electric vehicles (EREV) หรือระบบเพิ่มระยะทางในรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้
ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบพามาดูรอบตัวรถกันอีกครั้ง รถใหม่ Nissan Kicks e-POWER มาพร้อมกับโมเดลที่ได้รับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ล่าสุด แพลตฟอร์มเป็น Nissan V-Platform ในร่างครอสโอเวอร์ 5 ประตู มีมิติตัวถังยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. และมีระยะฐานล้อกว้าง 2,615 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม. มีน้ำหนักรถที่ 1,350 กก. รวมไปถึงความจุถังน้ำมัน 41 ลิตร ดีไซน์ภายนอกมากับกระจังหน้าแบบ V-motion ไฟเลี้ยวบูมเมอแรง LED Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED รวมถึงดีไซน์กันชนหน้า ก็ออกแบบให้สปอร์ตขึ้นรวมถึงไฟตัดหมอกที่เป็น LED ด้วยเช่นกัน ขยับมาที่ด้านท้ายตัวรถเมื่อเห็นแล้วต้องยอมรับว่าชวนให้นึกถึงพี่น้องจากค่าย Nissan X-Trail โดยเฉพาะส่วนของไฟท้ายที่เป็นแบบ LED ทรงบูมเมอแรงที่มีการรมดำ ด้านข้างรถเด่นด้วยล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 205/55 R17
คลิปวีดีโอ...พาชมรอบคัน All-New Nissan Kicks ขุมพลัง e-Power
เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าของรถใหม่ Nissan Kicks e-Power ขึ้นมา ก็จะพบกับเครื่องยนต์เบนซิน HR12 DE ขนาด 1.2 ลิตร ที่ใช้ในการปั่นไฟ รวมไปถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) อินเวอร์เตอร์ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 AC3 Synchronous Motor ที่รีดกำลังให้รถ 129 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 kWh ที่มี 4 โมดูล มีโหมดการขับขี่ให้เลือกได้ 4 รูปแบบ
- Normal mode การขับขี่ในแบบปกติจะให้อัตราเร่งความเร็ว และการหยุดรถเทียบเท่ากับการหยุดของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆ ไป
- S (Smart) mode เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น พร้อมการทำงานของ One-Pedal
- ECO mode ปรับการทำงาน ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมการทำงานของ One-Pedal
- EV mode สามารถใช้งานได้เมื่อมีแบตเตอรี่เพียงพอและรถอยู่ในโหมดการขับขี่ S หรือ ECO โดยปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรีอยู่ในระดับต่ำ มอบความเงียบและความประหยัดยิ่งขึ้น
พร้อมเริ่มต้นการทดสอบสถานี A ที่จุดออกสตาร์ทในรอบแรกจุ่มคันเร่งเต็มที่ ตัวรถเคลื่อนที่พุ่งออกไปทันทีทันใด ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงในขณะออกตัว ก่อนที่จะถึงจุดที่ต้องหักเลี้ยวเปลี่ยนเลนกะทันหัน ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 60 กม./ชม. การหักเลี้ยวในทันทีทันใดนี้สามารถควบคุมพวงมาลัยได้อย่างแม่นยำในทิศทางที่ต้องการ ผ่านช่องระหว่างไพลอนที่ตั้งไว้ห่างกันเพียง 3 เมตร ไปได้อย่างมั่นใจ และในจังหวะของการหักเลี้ยวเปลี่ยนเลนกะทันหันนี้ การตอบสนองของช่วงล่างค่อนข้างที่จะนุ่มนวลแต่ไม่ได้โยนจนรู้สึกว่าควบคุมได้ยาก
ก่อนที่จะเลี้ยวรถกลับไปที่สถานีย่อยสลาลม ทีมงานได้ลองใช้ความเร็วที่ประมาณ 60 กม./ชม. ในการขับทดสอบแบบสลาลมนี้ การควบคุมพวงมาลัยหักซ้ายขวาต่อเนื่องไปมาทำได้แม่นยำ อาการตอบสนองของช่วงล่างให้ความรู้สึกมั่นใจดีแม้ว่าตัวรถจะสูง การทรงตัว การยึดเกาะถนน ต้องยอมรับเลยว่าให้ความรู้สึกที่มั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นอเนกประสงค์ที่มอบความมั่นใจในการทรงตัวและการเกาะถนนที่ดี
ต่อเนื่องกันที่สถานี B เริ่มต้นด้วยการทดสอบอัตราเร่งในทางตรง โดยในสถานีนี้มีช่วงให้เราได้ลองอัตราเร่งทางตรงอยู่ 2 ช่วง ที่พอเร่งความเร็วไปถึงระดับ 100 กม./ชม. ซึ่งจากการจับเวลาอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แล้ว เฉลี่ยอยู่ที่ 9.7 วินาที ตัวเลขต่ำกว่า 10 วินาทีนี้ นับได้ว่า Nissan Kicks e-Power ทำอัตราเร่งได้ดีมากทีเดียว กับการนั่งในรถน้ำหนักรวม 2 คน ก่อนที่จะขับผ่านโค้งในรูปแบบต่างๆ ภายในสนาม การตอบสนองของช่วงล่าง การยึดเกาะถนน การควบคุมพวงมาลัยเป็นที่น่าประทับใจอย่างมากสำหรับรถอเนกประสงค์ที่มีความสูงแบบนี้ อาจจะไม่ได้ถึงกับหนึบติดโค้ง แต่ความนุ่มนวลที่มอบให้และช่วงล่างที่ไม่ย้วยก็มอบความสบายในการขับขี่ได้ไม่น้อย และหากถามถึงการทำงานของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ที่มีหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ในจังหวะที่เราเรียกกำลังเพิ่มความเร็วของรถ เครื่องยนต์ก็มีการทำงานที่แปรผันไปตามความเร็วของรถ เราจะยังคงได้ยินเสียงของเครื่องยนต์คำรามอยู่ แต่อาจจะไม่ถึงกับว่ากดคันเร่งแล้วเครื่องยนต์จะเบิ้ลรอบการทำงานตามขนาดนั้น
ก่อนที่จะจบในสถานี B ด้วยการผ่านสถานีย่อย Double Lane Change ด้วยความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. หลังจากขับทดสอบต้องบอกเลยว่าเราสามารถคอนโทรลรถเปลี่ยนเลนกะทันหัน 2 ครั้งต่อเนื่องได้แบบมั่นใจ การหักเลี้ยวแบบกะทันหันค่อนข้างฉับไวและคุมอาการรถได้ดี ค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าหากเจอสถานการณ์ที่ต้องหักหลบหรือเปลี่ยนเลนกะทันหันแล้ว Nissan Kicks e-Power ก็พร้อมมอบความมั่นใจได้
และเมื่อพูดถึงระบบ วัน-เพดัล (One-Pedal) ที่จะทำงานในโหมดการขับขี่ S หรือ ECO เท่านั้น หลายคนอาจยังสงสัยว่ามันทำงานอย่างไร เล่าให้ฟังว่า One-Pedal นั้น เป็นเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถ เร่ง ลดความเร็ว และหยุดรถได้ เพียงการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อขับขี่ในช่วงความเร็วต่ำแล้ว จะค่อนข้างรู้สึกได้อย่างชัดเจนเมื่อเราถอนคันเร่ง ตัวมอเตอร์จะทำการหน่วงจนรถค่อยๆ หยุดจนจอดสนิทได้ โดยที่เราไม่ต้องแตะเบรกใดๆ เลย ซึ่งเราอาจเคยได้ยินชื่อระบบ e-Pedal ในรถไฟฟ้า Nissan Leaf หลักการทำงานมีความคล้ายกัน แต่จะมีจุดต่างเล็กน้อย โดยส่วนของ e-Pedal จะมีระบบเบรกเข้ามาช่วยหยุดรถในช่วงความเร็วต่ำ ต่างจาก One-Pedal ที่จะไม่มีระบบเบรกเข้ามาช่วยหยุดรถ ใช้เพียงการหน่วงจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น
ทั้งหมดมุ่งช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดหนัก มีการเคลื่อนที่สลับหยุดนิ่งอยู่ตลอด การใช้งาน One-Pedal จึงน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้การขับขี่นั้นสบายมากขึ้น ไม่ต้องคอยสลับเปลี่ยนตำแหน่งเท้าเหยียบแป้นเบรกหรือคันเร่งไปมา หากแต่เมื่อรถหยุดนิ่งแล้ว การที่เราถอนคันเร่งและเปลี่ยนมาเหยียบเบรกแทนแล้ว เมื่อเราปล่อยเบรกตัวรถก็จะเคลื่อนออกไปตามปกติ
หากขับขี่ในโหมดปกติ Normal ที่ระบบ One-Pedal ไม่ทำงาน การใช้งานแป้นคันเร่งก็จะเหมือนกับรถใช้เครื่องยนต์ปกติทั่วไป เมื่อถอนเท้าออกจากคันเร่งตัวรถก็จะยังคงไหลต่อเนื่องไปไม่มีการหน่วงความเร็วลง
และในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันยังเป็นอีกจุดที่ในครั้งนี้ทีมงานยังไม่ได้ลองทดสอบกันว่า Nissan Kicks e-Power มีอัตราสิ้นเปลืองเท่าไหร่ เนื่องจากการขับทดสอบยังไม่เอื้อต่อการจับอัตราสิ้นเปลืองได้แม่นยำ เมื่อมีโอกาสในการทดสอบกันแบบเต็มๆ บนถนนจริง การขับขี่ใช้งานจริงทั้งในเมืองและนอกเมืองแล้ว เราน่าจะได้ทราบกันว่า Kicks e-Power มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่เท่าใดในโอกาสต่อไป
เมื่อมาดูกันที่ภายในของ Nissan Kicks e-Power รุ่น VL ใหม่ การออกแบบดีไซน์ต่างๆ คุ้นตา กับ Nissan ALMERA 1.0 TURBO แต่มีรายละเอียดงานออกแบบที่แตกต่างกันอยู่หลายจุด พวงมาลัยให้มาเป็นแบบ 3 ก้านมัลติฟังก์ชัน ทรง D-shape หน้าปัดมีทั้งเข็มความเร็วและหน้าจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่ด้านซ้ายขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ พร้อมรองรับภาษาไทยและมีตัวอักษรขนาดใหญ่มองเห้นได้ชัดเจน
บริเวณกลางคอนโซลถัดลงมาจากช่องปรับอากาศพบได้กับเครื่องเสียงแบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว พร้อมระบบ Nissan Connect ให้ลำโพง 6 ตำแหน่ง มี AM / FM / Bluetooth / USB / AUX-in รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (สำหรับระบบ iOS) รวมไปถึงการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบบลูทูธ ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ มีกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key) ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) ที่บริเวณคอนโซลกลาง และกุญแจระบบ Immobilizer เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับเอนและปรับระดับสูงต่ำได้ ด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์ เบาะที่นั่ง 5 ที่นั่ง หุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ เลือกได้ทั้งแบบ สีดำ หรือ ทูโทน ดำ-ส้ม ในรุ่นท็อป วัสดุหุ้มคอนโซลหน้าแบบ Soft Touch และในตอน 2 สามารถพับเบาะได้แบบ 40/60 ให้ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อมระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
ส่วนของระบบความปลอดภัยมากับ Nissan Intelligent Mobility จำนวน 14 ฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีความปลอดภัยเซฟตี้ ชิลด์ (Safety Shield Technology) ประกอบด้วย
- วัน-เพดัล (One-Pedal) เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ช่วยให้เรา สามารถ เร่ง ลดความเร็ว และหยุดรถเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น ช่วยทำให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอและหยุดเมื่อลงเขาหรือหยุดเมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร
- เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC)
- เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW)
- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)
- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)
- เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)
- เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM)
- เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror - IRVM)
- เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
- เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC)
- เทคโนโลยีช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Intelligent Ride Control - IRC)
- เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC)
- เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert -DAA)
และยังมี ABS, EBD และ BA ดิสก์เบรก 4 ล้อ เป็นระบบมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย รวมไปถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นมาตรฐานทุกรุ่น พร้อมถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านนิรภัยเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมในแต่ละรุ่น พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
ทั้งหมดนี้กับการขับทดสอบรถใหม่ Nissan Kicks e-Power กับสถานีการทดสอบที่ได้ถูกจำลองขึ้นมา เพื่อรีดสมรรถนะและสัมผัสฟิลลิ่งในการขับขี่ในสถานีต่างๆ ต้องยอมรับเลยว่ารถใหม่อเนกประสงค์ Kicks e-Power รุ่นนี้ ได้มอบความประทับใจในการขับขี่ที่เน้นความสบายได้อย่างดี มาพร้อมอัตราเร่งจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบสนองได้ทันใจ การขับขี่ควบคุมรถทำได้ง่ายด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เบา เหลือแต่เพียงว่าการขับขี่ใช้งานจริงในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งรถติด เดินทางไกล ที่คาดว่าน่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้ดี รวมไปถึงอัตราความประหยัดน้ำมันที่รถรุ่นนี้จะทำได้ในการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ที่ในโอกาสต่อไปทีมงานจะได้มาทดสอบให้ได้ทราบกันต่อไป...
สิ่งที่ชอบ
- สมรรถนะในการขับขี่ของ e-Power ที่สามารถตอบสนองได้ทันใจ เหลือเฟือต่อการใช้งาน
- ระบบ One-Pedal ที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น
- ฟิลลิ่งของช่วงล่างที่นุ่ม แต่ไม่ย้วย ให้ความสบายในการขับขี่ได้ดี
- การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ไม่ต้องห่วงเรื่องของจุดชาร์จไฟ สามารถเติมน้ำมันได้ตามปกติเหมือนรถทั่วไป
- หน้าปัดพร้อมจอ TFT 7 นิ้ว มองได้ชัดเจนและมีตัวอักษรที่ใหญ่
สิ่งที่ไม่ชอบ
- วัสดุแผงประตูข้างอยากให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ดูพรีเมียมมากขึ้น
- จอกลางยังไม่รองรับ Android Auto สำหรับคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบ Android
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com