Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT จิ๋วแจ๋วเจ๋ง แรงขึ้น ขับดี เทคโนโลยีพร้อม
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 28 พ.ค. 63 00:00
- 17,323 อ่าน
ถอยกลับไปเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว ประเทศไทยได้มีรถ Eco Car ขนาดเล็กเข้ามาวางจำหน่าย เป็นทางเลือกให้คนเมืองได้ใช้งานรถยนต์ราคาไม่สูง เครื่องเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ในตลาดช่วงแรกนั้น ทุกรุ่นออกมาเป็นรูปทรงแบบ Hatchback 5 ประตูกันทั้งหมดเลย แม้กระทั่งค่ายจากแดนปลาดิบอย่างนิสสัน ก็วางจำหน่าย Nissan March ในทรงเดียวกันนี้เช่นกัน ทำยอดขายไปได้ย่างสนุกสนาน ก่อนที่ปีต่อมาจะเริ่มขยายตลาดตัวเอง ด้วยการส่งรถในก
ขยับมาอีก 8 ปีต่อมา นิสสันก็ได้พลิกโฉมวงการรถกลุ่มอีโค่คาร์อีกครั้ง เมื่อได้ทำการเปิดตัว All-New Nissan Almera พร้อมกับกลายเป็นรุ่นแรกอีกครั้งที่มีการใช้เครื่องยนต์แบบติดเทอร์โบ ที่มีแรงม้าแตะ 100 แรงม้าได้เป็นคันแรก สร้างเสียง “ว้าว” กันมาอีกรอบ ดังนั้นต้องถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ หลายคนเลยชอบแซวกันว่า “เอาไหมล่ะ”
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทีมงาน AUTODEFT ก็ได้จัดการทำรีวิวแบบกลุ่มไปเรียบร้อยแล้ว (กลับไปอ่านได้ที่ Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All New Nissan Almera VL Turbo พวงมาลัยเบา กำลังเหลือ ใคร ๆ ก็ขับได้) แต่มันยังไม่หนำใจ รอบนี้เลยเอามาลองทดสอบกันดูอีกรอบ เลยติดต่อขอความอนุเคราะห์จาก นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) เพื่อขอยืม รถยนต์ใหม่ 2020 มาทำการรีวิวเดี่ยวเสียหน่อย โดยรอบนี้จัดมาเป็นตัวท็อปเลย ก็คือ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT นั่นเอง
ก่อนออกเดินทาง เรามาเริ่มทำความรู้จักกับข้อมูลเบื้องต้นของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT กันก่อนดีกว่าครับ โดยขุมพลังที่ใช้งานนั้น จะเป็นเครื่องเบนซิน รหัส HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร (999 ซีซี) Turbo DOHC Indirect Injection ขับกำลังได้ 100 แรงม้าที่ 5,000 รอบ แรงบิด 152 นิวตันเมตรที่ 2,400-4,000 รอบ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ CVT with D-Step Logic
ตัวรถของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT มีขนาด 4,495 x 1,740 x 1,460 มม. (ยาว x กว้าง x สูง) ฐานล้อกว้าง 2,620 มม. น้ำหนักตัวรถประมาณ 1,076 กิโลกรัม เลือกใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังยังเลือกใช้งานแบบคาน ทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ใส่มาพร้อมล้อแม็กซ์อัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยาง 195/65 R15 ของ Bridgestone เบรกด้านหน้าใช้แบบดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นดรัมเบรก (ต้องเข้าใจนะว่ารถต้องจำกัดต้นทุน) พวงมาลัยเป็นระบบแร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
ด้านหน้าของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT นั้น มาด้วยทรง V-Motion อันเป็นเอกลักษณ์ของทางนิสสันอยู่แล้ว มีโครงโครเมียมสีเงินรมดำเป็นแนวอันเด่นชัด ไฟหน้าเลือกใช้แบบ LED พร้อม LED Signature Light ที่ไม่ใช่ไฟ Daytime running light ต้องเปิดไฟหรี่ถึงจะติดขึ้นมาได้ ตรงนี้ก็แอบประหลาดใจหน่อยว่าทำไมเขาไม่ทำให้เป็น DRL ไปเลยหว่า เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เขาก็ให้กันมาหมดแล้ว ไฟก็มีแล้ว ใส่ระบบเปิดไฟไปเล็กน้อยก็ใช้งานได้แล้ว อันนี้ไม่ค่อยถูกใจเลย แต่ก็ยังดีที่มีเพิ่มไฟตัดหมอกมาเพิ่มให้แบบ LED ด้วยเช่นกัน ส่วนไฟท้ายก็เลือกใช้แบบ LED พร้อม LED Signature Light ด้วยเช่นกัน แผงไฟติดอยู่ทั้งบนฝากระโปรงท้ายและตัวถังรถ มีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง มีเสริมสีดำในจุดต่าง ๆ ให้สีตัดเพิ่มความสวยเข้าไปด้วย
ภายในของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ใช้งานเป็นเบาะผ้าสีดำ ตัดด้วยสีครีมเสริมความเท่ห์ สัมผัสประมาณกำมะหยี่ เบาะปรับมือทั้งซ้ายและขวา ปรับสูงต่ำได้ คอนโซลหน้าหุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สีครีมแบบเดินตะเข็บด้าย ให้สัมผัสแบบ Soft Touch แต่ส่วนสำดำก็เป็นวัสดุ PP ทั่วไป หน้าจอกลางเป็นแบบระบบสัมผัส 8 นิ้ว มีระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect เชื่อมต่อด้วย Bluetooth, USB และ AUX IN รองรับการใช้งาน Apple CarPlay พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง มีช่อง USB ให้เสียบใช้งานได้ใต้หน้าจอเลย แอร์เป็นระบบอัตโนมัติ พวงมาลัยเลิกใช้งานทรงมดลูกแล้ว มาใช้เป็นทรงกลมท้ายตัด 3 ก้านหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์แทน มีปุ่ม Multi-Function ด้านซ้ายให้ควบคุมเครื่องเสียงได้ ส่วนด้านขวาไว้ใช้รับและวางโทรศัพท์ หน้าปัดข้อมูลรถแบ่งส่วนด้านขวาเป็นเข็มความเร็วแบบ Analog ส่วนด้านซ้ายเป็น Digital เลือกได้ว่าจะดูอะไร (ข้อมูลทริป, วัดรอบ, ความเร็ว, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน) อะไรประมาณนี้ ส่วนเบาะด้านหลังเป็นวัสดุเดียวกันกับข้างหน้า พับไม่ได้ มีช่อง USB ให้เสียบได้ที่ด้านหลังอีก 1 จุด กุญแจรถใช้งานแบบรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key - I-Key) มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) วางเอาไว้อยู่ข้างคันเกียร์
ระบบความปลอดภัยบน Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT นั้นให้มาเยอะพอตัวเลย ดังนี้ครับ
- ถุงลมนิรภัย 6 จุด
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค Anti-lock Braking System (ABS)
- ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution System (EBD)
- ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
- ระบบกุญแจ Immobilizer
- สัญญาณกันขโมย
- เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
- เทคโนโลยีออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
- เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW)
- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทั้งบุคคลและยานยนต์ Intelligent Emergency Braking (IEB)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM)
- เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning system (BSW)
- เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- กล้องมองรอบคัน Around View Monitor
ข้อมูลเบื้องต้นน่าจะครบถ้วนแล้ว เรามาเริ่มออกเดินทางเพื่อทำการทดลองขับ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT กันดีกว่าครับ ก้าวแรกที่เข้าไปนั่งตำแหน่งผู้ขับ มันจะค่อนข้างเป็นท่า “นั่ง” มากกว่า เพราะบางค่ายมีท่าขับออกไปทาง “นอน” มากกว่า แต่ก็ถือว่านั่งได้สบาย มองเห็นวิสัยทัศน์ได้รอบด้านชัดเจนดี ที่ชอบมากคือแผงคอนโซลกลาง ที่มีการหุ้มหนังให้สัมผัส Soft Touch สีครีม ใส่มาอันเดียวทำเอาตัวรถดูหรูขึ้นมาได้ทันทีเลย ตัวปุ่มไม่ต้องมีเยอะ ให้เลอะเทอะวุ่นวาย มีเฉพาะที่จำเป็น พวกปรับแอร์ ปรับเสียงหน้าจอ ปุ่มเปิดกล้อง อะไรพวกนี้ก็พอแล้ว ส่วนหน้าปัดข้อมูลรถส่วนคนขับนั้น ครึ่งที่เป็น Digital มันคือความดีงามจริง ๆ จอมันใหญ่ และตัวอักษรเบ้อเริ่มเทิ่ม อ่านง่ายมาก กระจกหน้าต่างมีความกว้างดีจัง แถมยังมีเพิ่มกระจกบานเล็ก คล้ายช่องหูช้างสมัยก่อน เพิ่มการมองเห็นให้ได้มากขึ้นด้วย
ปุ่มสตาร์ทบน Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT อยู่ตรงตำแหน่งเดียวกับ Nissan Leaf ก็คือตรงข้างคันเกียร์ กดปั๊บ เครื่องติดปุ๊บ กดคันเร่งออกไปเลย กำลังเครื่องยนต์ 1 ลิตร Turbo 100 แรงม้า มันทันใจกว่า Almera โฉมเดิมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรเป็นไหน ๆ ทันใจดีแท้ช่วงต้น แต่พอหลุดไปแถวเกิน 100 แล้ว เริ่มแผ่วลงมาละ แต่ยังไต่ขึ้นถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้แบบไม่ยาก แต่หลังจากนั้นมันเริ่มยากแล้ว แต่ยังพอไหลไปได้เรื่อย ยังไม่ทันได้กดทำ Top Speed ก็พอแล้ว เอาเป็นว่า ดีขึ้นกว่าโฉมเก่าเยอะ (ถึงเยอะมาก) แต่สุดหรือยัง ตอบว่ายังนะ
ช่วงล่างของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT นั้น ผมว่าเซ็ตมากำลังดีนะ ไม่นุ่มไป ไม่แข็งไป อยู่ในระดับกลาง ๆ ในช่วงความเร็วแบบในเมือง ตัวรถขับได้คล่องมือมาก หันซ้าย หันขวา เข้าช่องพวกนี้หายห่วง เข้าโค้งได้ดีครับ มีย้วยท้ายอยู่บ้างเมื่อเข้าด้วยความเร็ว แต่ก็ถือว่าอยู่ในจุดที่รับได้ ไม่ต้องใช้ฝีมือในการประคองมากเท่าไหร่ แต่ช่วงที่ขับด้วยความเร็วสูง ตัวรถมีอาการปลิวมาให้เห็น โดยเฉพาะเมื่อขับเกิน 140 กม./ชม. ขึ้นไป ต้องคอยประคองพวงมาลัยให้มากขึ้น แต่ก็ยังพอจะเอาไหวอยู่ ไปได้จนแถว 160 กม./ชม. ผมก็เบาคันเร่งแล้ว ยังไม่ได้ลองว่าถ้าเร็วเกินกว่านี้ จะบังคับยากกว่านี้ไหม ส่วนสิ่งที่ขัดใจเล็กน้อยช่วงขับด้วยความเร็วสูงก็คือ เสียงลมที่เริ่มเข้ามาดังพอตัว เริ่มดังจนน่ารำคาญประมาณช่วง 130 กม./ชม. ขึ้นไป ยิ่งเร็วยิ่งดังมากขึ้น
ถึงแม้ว่า Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT จะมีโหมด Sport มาให้ใช้งาน (กดปุ่มเล็ก ๆ ที่อยู่บนก้านคันเกียร์ ไม่รู้คิดได้ยังไงถึงเอามาติดตรงนี้) ก็จะได้ความสนุกเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยในช่วงต้น แต่ถ้าถามว่าในความเร็วกลางและปลายมีผลไหม ต้องบอกกว่ามีบ้างเล็กน้อยจนถึงเกือบไม่มี ยิ่งถ้าเป็นคนเท้าหนัก กดจมมิดด้ามอยู่แล้ว อันนี้ไม่ต้องใช้ครับ เพราะกดมิดเมื่อไหร่มันก็จัดมาให้เต็มกำลังอยู่แล้ว ผมว่าจะช่วยได้ช่วงใช้ตอนรถติดในเมืองนะ ประเภทอยากจะเปลี่ยนเลนโดยไม่ให้รถคันข้างหลังมาเสียบกันทางได้ทัน มันก็ช่วยได้ล่ะ เพราะมันก็ตอบสนองได้ดีขึ้นประมาณหนึ่ง
Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT เด่นมากเลยครับกับระบบความปลอดภัยที่ให้มา โดยเฉพาะ เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) ที่ทำงานได้รวดเร็ว เตือนได้จริง ยอมรับเลยครับว่าช่วงขับรถทดสอบ มีบางช่วงที่จัดเต็มเท้าเข้าไปพอสมควร เลยมีจังหวะที่รถพุ่งเข้าที่คันหน้าบ้าง ระบบช่วยเตือนได้ทันทีทันควัน พอแตะเบรกปั๊บ รถก็หยุดได้ทันใจจริง และอีกระบบที่ทำงานได้ดีไม่มีที่ติเช่นกันก็คือ เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning system (BSW) ที่จะคอยกระพริบวิบวับให้เราได้เห็นบนกระจกข้างอยู่เสมอเมื่อมีรถวิ่งมาอยู่ด้านข้าง ทำงานทุกครั้งไม่มีขี้เกียจ ระบบนี้มันช่วยลดอุบัติเหตุได้จริง ๆ นะ ผมเชื่อว่าอย่างนั้น
ออพชั่นอื่น ๆ ที่ใส่มาใน Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ผมว่าดีหลายตัวเลยนะ อย่าง เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) นี่คือความดีงามตามท้องเรื่องสไตล์นิสสันอยู่แล้ว แต่ที่เสริมมาคือตัว เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ที่ช่วยให้การถอยหลังของเรานั้นทำได้อย่างปลอดภัยมากกว่าเดิมอีกเพียบเลย เพราะเมื่อมีรถตัดหลังตอนถอยเมื่อไหร่ มันก็จะดังเตือนขึ้นมาในทันที นี่ถือว่าเป็นจุดเด่นใน Nissan Almera ยุคใหม่จริง ๆ
หน้าจอขนาด 8 นิ้วบน Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ถือว่าทำงานได้ดีนะ ตอบสนองต่อนิ้วของเราได้ทันใจดี เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay ก็สะดวกดี มีช่อง USB เชื่อมต่อใต้หน้าจอได้เลย แต่อย่าถามถึงคุณภาพของเครื่องเสียงนะครับ อันนี้ไม่อยากตอบจริง ๆ กลัวจะเสียกำลังใจกัน
แน่นอนว่า เราก็ต้องมีการทดสอบ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ในรูปแบบอัตราเร่ง 0-100 กันด้วย รอบนี้จัดไป 6 รอบเช่นเดิม แบ่งเป็นโหมดปกติ 3 รอบ และโหมด Sport อีก 3 รอบ ได้ผลออกมาดังนี้ครับ (ใช้เส้นทางซ้ำเดิม)
โหมดปกติ
ครั้งที่ 1 : 11.92 วินาที
ครั้งที่ 2 : 11.16 วินาที
ครั้งที่ 3 : 12.76 วินาที
เฉลี่ย : 11.94 วินาที
โหมด Sport
ครั้งที่ 1 : 13.66 วินาที
ครั้งที่ 2 : 12.97 วินาที
ครั้งที่ 3 : 11.01 วินาที
เฉลี่ย : 12.54 วินาที
อ้าว ทำไมโหมดปกติมันได้อัตราเร่งที่ดีกว่าหว่า เป็นไปได้ว่าอาจจะมาจากลมสวนในช่วงนั้นพอดี หรือเครื่องมันอัดมาเยอะแล้ว เลยเกิดอาการล้าหรือเปล่า อันนี้ตอบไม่ได้จริง ๆ แต่บอกได้แค่ว่า ช่วง 0-60 นี่พุ่งดีมากนะ ไม่น่าจะแพ้ใครง่าย ๆ แต่พ้นนี้ไปเริ่มแผ่ว ตัวเลยเลยได้มาประมาณ 11-12 วินาที ก็ถือว่าดีกว่า Eco Car ในยุคเก่าพอสมควร ก่อนหน้านี้ได้ 13 วินาทีก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว
ขยับต่อมากับอัตราประหยัดของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT กันดีกว่า โดยรอบนี้ผมก็จัดทั้งในรูปแบบการใช้งานในเมือง และรูปแบบการใช้งานนอกเมืองมาเช่นเคยครับ (นอกเมืองไม่ได้ไปไหน วิ่งวนแถวมอเตอร์เวย์เช่นเคย) โดยการใช้งานในเมืองนั้น ส่วนใหญ่คือใช้งานในรูปแบบปกติประมาณ 70% คือวิ่งในเมือง มีรถติด วิ่งช้า วิ่งเร็วสลับกันไป ที่เหลือคือกดมุดเข้าช่อง, ออกตัวเต็มมิด, ยัดความเร็วสูง, จอดถ่ายรูปนาน และสารพัดรูปแบบที่คนทั่วไปเขาไม่ค่อยทำกัน วิ่งไประยะทางประมาณ 215 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 23 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้อัตราประหยัดอยู่ที่ 11.7 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ
ส่วนทางไกล วิ่งแบบ 90-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปตามปริมาณรถ วิ่งเหมือนออกต่างจังหวัดจริง ระยะทางประมาณ 86.6 กิโลเมตร เฉลี่ยความเร็ว 92 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้อัตราการบริโภคน้ำมัน (แก๊สโซฮอล์ 95) ที่ 18.2 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าค่อนข้างไปทางดีเลยนะ เพราะถ้าขับแบบ Eco Run 90 แบบยาว ๆ น่าจะเกิน 20 กิโลเมตร/ลิตร ไปพอตัว
สรุปรวมรอบนี้ ได้อยู่กับ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ร่วม 1 สัปดาห์ช่วง Covid-19 ระยะทางรวมกว่า 300 กิโลเมตร สรุปสิ่งที่ชอบ-ไม่ชอบได้ดังนี้ครับ
ชอบ
- ระบบความปลอดภัยที่ให้มาเพียบ เยอะเกินรถ Eco Car ทั่วไป และทุกระบบใช้งานได้จริง แม่นเป๊ะ
- พวงมาลัยคมดี มุดเข้าช่องได้ดี ไม่มีหลุด
- อัตราเร่งช่วงต้นดีจัง ใช้ในเมืองช่วงรถไหล รถติด สะดวกช่วงออกตัวเปลี่ยนเลนเป็นอย่างมาก
- ทัศนวิสัยในการขับขี่เห็นได้กว้างดีจัง โดยเฉพาะตรงจุดที่ติดกระจกมองข้าง มันดูโปร่งดีจัง
ไม่ชอบ
- การทรงตัวช่วงเร็วสูง มันดูปลิวมากไปหน่อย
- เสียงลมช่วงความเร็วสูง หนวกหูเหลือเกิน
- ทำไมไม่ใส่ DRL มาด้วยล่ะ ขัดใจ
Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ถือเป็นอีก 1 Game Changer ของของนิสสันได้เลยนะ ถึงแม้ว่าจะต้องเบียดกับคู่แข่งอย่าง Honda City ที่ดันมาเลือกอยู่ในกลุ่ม Eco Car เหมือนกัน แถมดันเลือกใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร Turbo เหมือนกันอีก แต่การตั้งราคาจำหน่ายเอาไว้ที่ 639,000 บาท แต่ได้รถที่มีระบบความปลอดภัยมากขนาดนี้ ผมว่ารถคันนี้ในระยะเวลาอันใกล้ คงได้เห็นวิ่งกันเกลื่อนเมืองแน่เลย เพราะอะไรเหรอครับ เพราะว่าหลังจากนี้ไป คนจะดิ้นรนในการหาซื้อรถยนต์ใหม่กันมากขึ้น เพราะไม่อยากไปเสี่ยงเดินทางร่วมกับคนอื่น และรถยนต์ใหม่ 2020 คันนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับการเป็นรถยนต์คันแรกของครอบครัวที่เพิ่งเริ่มสร้างชีวิต หรือพ่อแม่ซื้อให้ลูกขับรถไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เรียกได้ว่า ใครก็สามารถใช้งานได้เลยครับ
ชมภาพทั้งหมดของ Nissan Almera 1.0L Turbo VL CVT ได้ที่นี่
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com