Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ท้าทายทดสอบหาอัตราประหยัดหลากรูปแบบ
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 23 ก.ย. 64 00:00
- 12,299 อ่าน
ก่อนหน้านี้ถ้าเราอยากจะได้ขับรถยนต์ใหม่ในรูปแบบ Plug-In Hybrid หรือ PHEV เราก็ต้องมองสูงไปยังยี่ห้อ Luxury เท่านั้น แต่ยุคนี้ไม่ใช่แล้ว ถ้าเราสามารถซื้อรถยนต์ในระดับไม่เกิน 2 ล้านบาทได้ 1 ในตัวเลือกที่เราสามารถเลือกมาใช้งานเป็นเจ้าของได้ก็คือ Mitsubishi Outlander PHEV นั่นเอง
Mitsubishi Outlander PHEV เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2020 ซึ่งถ้าเอาจริง ๆ มันก็ถึงปลายยุคของรถอเนกประสงค์ SUV รุ่นนี้ในตลาดโลกเข้าแล้ว โดยจากการสอบถามฝ่ายบริหารของทางมิตซูบิชิก็ได้เหตุผลมาว่า ที่มาช้าเพราะอยากมีความพร้อมในการผลิตในประเทศไทย และเมื่อเมืองนอกเปิดตัวรุ่นใหม่ในแบบ PHEV ประเทศไทยก็พร้อมจะผลิตได้ทันที แล้วในต้นปีที่ผ่านมา Mitsubishi Outlander ในตลาดโลกก็เปิดตัวโฉมใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีในรูปแบบ PHEV นั่นเอง
ผมเองเคยได้ทดสอบ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ไปแล้เมื่อช่วงต้นปี ใครยังไม่ได้อ่านก็ตามไปย้อนอ่านกันได้ ทั้งรูปแบบตัวอักษรใน “Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ช่วงล่างดี ขับขี่สบาย ใช้ไฟได้สะดวก” และในรูปแบบคลิปวีดีโอบน YouTube ที่ https://youtu.be/aaXtvhxWaM4
แต่จากการทดสอบครั้งก่อน ยังมีอะไร ๆ หลายอย่างที่ยังมีข้อมูลไม่หมด โดยเฉพาะอัตราการใช้น้ำมัน ครั้งนี้ผมเลยจัดการติดต่อทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการยืมรถมาทดสอบอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับความเมตตาอย่างดีเช่นเคย ผมเลยจัดการมารีวิวกันอีกรอบให้ข้อมูลได้จนครบถ้วน
เริ่มต้น เรามาเก็บข้อมูลของตัวรถกันก่อนเลย ซึ่งผมขออนุญาตคัดลอกบางส่วนมาจากการรีวิวครั้งก่อนนะครับ โดยรถอเนกประสงค์ SUV คันนี้ เป็นรถไซส์ Compact Crossover SUV แบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน ตัวเครื่องยนต์สร้างพลังขับได้สูงสุด 128 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ตัวเครื่องยนต์ได้รับอนุญาติในการขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะรถคันนี้ยังมีมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนอีก 2 ตัว คือด้านหน้าที่มีขนาด 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตร และด้านหลังขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร และเมื่อกดคันเร่งให้ใช้พลังงานสูงสุด รถสามารถสร้างพละกำลังได้มากถึง 305 แรงม้า 531 นิวตันเมตร รับพลังงานมาจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง แน่นอนว่ารถคันนี้เป็นรถขับเคลื่อนแบบ AWD ทั้ง 4 ล้อ ควบคุมด้วยระบบ S-AWC หรือ Super All Wheel Control ที่ได้มาจาก Lancer Evolution อันเลื่องชื่อ เอาไว้ช่วยควบคุมรถให้ขับได้ดีและสนุกมากขึ้น ส่วนจะดีขนาดไหน ค่อยมาว่ากัน ส่วนเกียร์นั้น ไม่มี ใช้อัตราทดเดียวของมอเตอร์ไฟฟ้า หรือถ้ามีการเชื่อมต่อคลัทช์เพื่อส่งกำลังลงล้อ ก็มีอัตราทดเดียวเช่นกัน
ตัวรถของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium นั้น เป็นรถอเนกประสงค์ที่ได้ความแข็งแกร่งถอดแบบออกมาจากรถ SUV อย่าง Mitsubishi Pajero ที่สร้างชื่ออย่างมากมายในอดีต โดยเฉพาะการที่เป็นรถแข่งแรลลี่ลุยทะเลทรายในการแข่งขันสุดโหดอย่าง Dakar มาแล้ว มีมิติตัวรถขนาด 1,800 x 4,695 x 1,710 มม. ฐานล้อกว้าง 2,670 มม. ระยะใต้ท้องรถ 190 มม. ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้เป็นแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ล้อที่ใส่มาเป็นขนาด 18 นิ้ว รัดมาด้วยยางขนาด 225/55 R18 ระบบห้ามล้อเป็นแบบดิสก์เบรกหมดทั้ง 4 ล้อ ตัวพวงมาลัยนั้นผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า ปรับได้แบบ 4 ทิศทาง
ภายนอกของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium แน่นอนว่าด้านหน้ายังคงใช้การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายตราเพชรก็คือ Advanced Dynamic Shield เพื่อให้ดูตัวรถมีความกว้างและแข็งแรง บึกบึน ใช้ไฟหน้าแบบโคมคู่ LED Twin Projector ที่มีระบบสามารถปรับระดับสูง - ต่ำให้เองอัตโนมัติ และเปิด-ปิดได้อัตโนมัติ มีแถบไฟ LED Daytime Running Lights เป็นเส้นของด้านล่างเพิ่มความชัดเจนในการขับขี่ช่วงกลางวัน มีระบบฉีดน้ำใส่ไฟหน้าเพื่อทำความสะอาด มีไฟตัดหมอกแบบ LED สีขาวติดอยุ่ด้านล่างภายใต้ขอบสีครีม มีการใช้กรอบโครเมียมแทรกไปตรงจุดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความหรูหรา ด้านไฟท้ายแบบ LED นั้น ไม่ได้เอาทรงไม้เท้ามาจาก Pajero Sport หรือทรงตัว L ของ Xpander มา แต่เป็นการใช้ทรงที่แตกต่างไปจากรถอเนกประสงค์ภายในค่ายตัวเองเลย แต่ภาพโดยรวมแล้วก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากมาย ส่วนประตูท้ายนั้นใช้เป็นแบบไฟฟ้า สะดวกดี มือจับประตูเป็นแบบโครเมี่ยม กระจกมองข้างพับไฟฟ้า สีเดียวกับตัวรถ พร้อมฝังไฟเลี้ยวเพื่อความชัดเจนแถมด้วยระบบไล่ฝ้าอีกต่างหาก มีราวหลังคามาให้ด้วย เผื่อจะเอาไปติดแท่นวางของเพิ่มภายหลัง
ภายในของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium เน้นใช้สีดำเป็นหลัก ทั้งเบาะหนังผสมหนังสังเคราะห์สีดำ เพิ่มความหรูด้วยการเดินด้ายให้เบาะเป็นลาย Diamond Quilting มีการเดินเส้นสีขาวตัดขอบเล็กน้อย คอนโซลหน้าก็เน้นสีดำเป็นหลัก จะมีแทรกบางจุดให้เป็นลายเคฟล่าบ้างบางที่ เพื่อเพิ่มความหรูหราหมาเห่าเข้าไป (ทำไมต้องหมาเห่า) หน้าปัดข้อมูลรถยังคงใช้เป็นแบบเข็ม โดยด้านซ้ายเป็นเข็มเอาไว้บอกสถานะการทำงานของตัวรถว่าอยู่ในโหมดไหน กับด้านขวาที่เป็นเข็มบอกความเร็ว ตรงกลางเป็นหน้าจอดิจิตอลบอกข้อมูลอื่น ๆ เช่น Trip A-B แบตเตอรี่คงเหลือ, ระดับน้ำมันคงเหลือ, โหมดการขับขี่ เป็นต้น ตัวพวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนัง ทรงเดียวกันกับบน Pajero Sport มีปุ่มควบคุม Multi-Switch เอาไว้ให้กดมากมาย มีแป้น Paddle Shift ที่ไม่ได้เอาไว้ให้เปลี่ยนเกียร์ แต่มีไว้ให้แค่ใช้ปรับระดับความหน่วง เพื่อเพิ่มการชาร์จไฟกลับ มีให้เลือกได้ 6 ระดับคือ 0-5 ซึ่งถ้าเราใช้ระดับ 5 ทุกครั้งที่ปล่อยคันเร่ง จะมีการหน่วงสูงสุด แล้วไฟเบรกจะติดขึ้นมาประดุจเราแตะแป้นเบรกเลียเอาไว้ ให้รถค่อย ๆ ลดความเร็วลวอย่างช้า ๆ อ่านดูแล้วอาจจะนึกไปถึงระบบ One Paddle ที่อยู่บน Nissan Kicks e-POWER เลย (เอ่ยได้ ค่ายเครือเดียวกัน) เพียงแต่ว่าบนคันนี้จะไม่ทำงานจนเป็นเบรกจนหยุดนั่นเอง เราต้องกดเบรกด้วยเท้าตัวเองอยู่ดี
หน้าจอกลางของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium เป็นระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง เชื่อมต่อได้ทั้งสาย USB และระบบไร้สาย Bluetooth ตัวระบบปรับอากาศใช้แบบอัตโนมัติแยกโซน ด้านหลังมีช่องแอร์ตรงกลางที่ตรงกล่องใส่ของ แต่ไม่สามารถบังคับอะไรได้ ใต้แผงบังคับแอร์มีทั้งช่องจ่ายไฟแบบ 12V., ปุ่มเปิด-ปิดการทำงานของฝาประตูท้าย, ช่อง USB, ปุ่มปิดการเตือนมุมบอดด้านข้าง, ปุ่มเปิดการทำงานของช่องจ่ายไฟฟ้า 1,500 วัตต์ และปุ่ม Eco Mode เพื่อการขับขี่แบบประหยัด ส่วนแทนเกียร์ที่ไม่ใช่คันเกียร์ แต่มิตซูบิชิเรียกว่า Joystick (แท่งหรรษา #ล้อเล่นนะ ) รูปแบบการใช้งานก็คล้ายกับรถไฟฟ้าเลย มีปุ่มให้เราเลือกโหมดการขับขี่ได้ ทั้งโหมด EV ที่วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน เครื่องยนต์ไม่ติด, โหมด Save เอาไว้ขับขี่ด้วยความประหยัดสูงสุด, โหมด Charge เน้นการปั่นไฟฟ้ากลับไปเก็บในแบตเตอรี่ และโหมด Sport เอาไว้ซิ่งให้เต็มที่ มีปุ่มเลือกระบบการขับเคลื่อน ให้เป็นแบบ Normal กับเส้นทางทั่วไป, Snow กับทางลื่น ทางกรวด, Lock กับการล็อกล้อให้หมุนด้วยกำลังแบบ 50:50 สำหรับเส้นทางขรุขระที่ต้องการกำลังจากแรงบิดสูงสุด และโหมด Sport ที่ใช้เมื่อต้องการความฉับไว ตอบสนองต่อคำสั่งของคันเร่งอย่างรวดเร็ว มีเบรกมือที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold
เบาะแถว 2 ของ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ก็เป็นการหุ้มด้วยหนัง เดินเส้นเป็นลาย Diamond Quilting เฉกเช่นเดียวกับแถวหน้า พับเบาะได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่การบรรทุก ตรงกลางที่เป็นกล่องเก็บของ นอกจากมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังแล้ว ยังมีช่องจ่ายไฟทั้งแบบ USB และปลั๊กไฟบ้าน ที่สามารถจ่ายไฟได้มากสุด 1,500 วัตต์อีกด้วย เรียกกได้ว่า นั่งรถไป รีดผ้าไปก็ทำได้ และที่ด้านท้ายในส่วนเก็บสัมภาระ ก็มีปปลั๊กเสียบ 1,500 วัตต์มาเพิ่มให้อีกจุดด้วยเช่นกัน
Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ใส่ระบบความปลอดภัยของทางมิตซูบิชิที่เรียกว่า Advance Safety System มาด้วย มีทั้ง
- ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ADAPTIVE CRUISE CONTROL (ACC)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FORWARD COLLISION MITIGATION SYSTEM (FCM)
- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุ่นแรงและรวดเร็ว ULTRASONIC MISACCELERATION MITIGATION SYSTEM (UMS)
- ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ AUTO HIGH BEAM (AHB)
- ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน BLIND SPOT WARNING WITH LANE CHANGE ASSIST (BSW WITH LCA)
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด REAR CROSS TRAFFIC ALERT (RCTA)
- กล้องมองภาพรอบคัน MULTI AROUND MONITOR
- นอกจากนี้ ก็ยังมีระบบความปลอดภัยอื่น ๆ อีกด้วย ทั้ง
- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
- ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS)
- ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
- ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
ข้อมูลครบแล้ว เรามาออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ สำหรับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium รถอเนกประสงค์ SUV คันนี้ นอกจากจะได้ความแข็งแกร่งของ Pajero, ได้ระบบขับขี่ S-AWC มาจาก Lancer Evolution แล้ว ยังได้ระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาจาก MiEV Evolution III รถแข่งพลังงานไฟฟ้าด้วย รวมทั้งต้องไม่ลืมว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ทำการจำหน่ายต่อบุคคลทั่วไปอย่างเป็นทางการ ก็คือ Mitsubishi i-MiEV นั่นเอง ซึ่งขายมาตั้งแต่ปี 2009 แต่ต้องเข้าใจว่าในช่วงนั้นความนิยมในด้านรถไฟฟ้ายังน้อย เลยทำให้มียอดขายรวมประมาณ 50,000 คันเท่านั้น แล้วก้พับโครงการรถไฟฟ้าไป รอบนี้เลยกลับมาเป็นรถเสียบปลั๊กแบบ Plug-in Hybrid หรือ PHEV แทน โดยตัวรถนั้น สามารถวิ่งได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว, Series Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟอย่างเดียว แล้วขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, Parallel Hybrid ใช้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ส่วนระบบที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อย่างเดียวนั้นไม่มี เพราะสุดท้ายแล้วก็จะมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยอยู่ดี ซึ่งถ้าดูตามสเปกแล้ว รถ PHEV คันนี้จะวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเดียวแบบเครื่องยนต์ไม่ติดได้สูงสุด 55 กิโลเมตร
สำหรับการขับขี่นั้น Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ก็ยังถือว่าเป็นรถที่ใช้งานได้ดีในรูปแบบครอบครัวครับ ที่นั่งกว้างขวางรองรับการใช้งานระดับครอบครัว 5 คนได้อย่างดี อาจจะไม่ใช่ไซส์ใหม่มากแบบ Pajero Sport แต่การขึ้น-ลง ตัวรถนั้นพอดีอย่างมาก เพราะระดับความสูงที่มี ผมในฐานะคนตัวใหญ่ความสูงระดับ 172 ซม. แค่เอื้อมก้นเข้าตัวรถก็อยู่ระดับเบาะพอดิพอดี ไม่ต้องย่อ ไม่ต้องยกตัวเลย การดีไซน์ของภายใน แทบจะเหมือน Pajero Sport เช่นกัน โดยเฉพาะพวงมาลัยที่ถอดกันออกมาเลย ตัวเบาะก็นั่งได้สบาย มีการเดินเส้นสายให้เป็นลายข้างหลามตัด หรือทางมิตซูบิชิอยากเรียกเป็น Diamond Quilting Design ก็ตามใจ แต่การถักลายแบบนี้ มันจะช่วยให้ตอนเข้าโค้ง มันจะมีแรงฝืดคอยยึดเราไม่ให้ก้นไหลไปด้านข้างง่าย ๆ ด้วยนะ เมื่อเปรียบเทียบกับเบาะหนังเรียบ ๆ ลื่น ๆ การเดินเส้นแบบนี้ผมว่าโอเคกว่านะ
ช่วงล่าง ดีครับ แน่นนุ่มดีพอตังเลย แต่นั่งด้านหลังอาจจะมีอาการแข็งเล็กน้อย ก็ต้องเข้าใจว่ารถถูกออกแบบมาให้ลุยได้ประมาณหนึ่งเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะใส่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาทำไม ก็เลยต้องมีการเซ็ตติ้งเผื่อลุยเอาไว้ด้วย ตอนรีวิวรอบแรกก็ไม่เห็นอะไรเพราะขับคนเดียว แต่รอบนี้ลองมานั่งแล้วหาคนมาขับให้ เออว่ะ มันมีความกระด้างอยู่นะ แต่ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ เวลาเราขับที่ความเร็วสูง รถมันก็นิ่งดีเลย แต่พอเอามาลองเข้าโค้งแบบเร็ว ๆ หน่อย มันดันมีอาการโยนตัวด้านท้ายแฮะ รู้สึกได้ แต่ยังอยู่ในการควบคุม หลังคาสูงคงเป็นตัวดึงให้ท้ายโยนหน่อย แต่ไม่เป็นไร อยู่ในระดับที่รับได้อยู่นะ
การตอบสนองต่อเท้าของเรา ถือว่า Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ทำได้ดีระดับกลาง ++ คือไม่ได้เป็นเครื่องยนต์ที่ให้กำลังดึงดีตั้งแต่เริ่มต้น และด้วยอัตราทดของเกียร์มันไม่มี รถคันนี้เลยต้องอาศัยกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าในการออกตัวเป็นอย่างแรก แล้วค่อยเอากำลังของเครื่องยนต์เข้ามารองรับต่อหลังรถเริ่มมีจังหวะลอยตัวได้แล้ว เลยทำให้การออกตัว จะได้แรงบิดแรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้า ด้านหน้าที่มีขนาด 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตร และด้านหลังขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรเท่านั้น กว่าจะได้พลังเสริมจากเครื่องยนต์มาถมให้เต็ม 305 แรงม้า 531 นิวตันเมตร ก็ต้องรอ ดังนั้นเวลาคุณกดมิดเท้า รถจะไม่กระชากเหมือนคุณมีม้า 305 ตัวลาก แต่มันจะค่อย ๆ เริ่มมา แล้วดึงยาวได้เลย ส่วนฟีลลิ่งการขับขี่ที่เหลือ ก็คล้ายเดิมครับ ลองกลับไปอ่านรีวิวรอบที่แล้วอีกครั้งได้ครับ เพราะรอบนี้ผมขอเน้นการทดสอบการใช้งานพลังงานเป็นหลักครับ
แต่ก่อนที่เราจะรวบการทดสอบการใช้พลังงานของรถอเนกประสงค์ SUV คันนี้ เรามาลองกันเรื่องอัตราเร่ง 0-100 กันก่อนดีกว่าครับ วัดกันให้รู้ไปเลยว่า ที่เขาว่ารถมี 305 แรงม้า แรงบิด 531 นิวตันเมตร กดมิดเต็มคันเร่งจะได้ออกมาที่เท่าไหร่ เช่นเคยครับกับการทดสอบด้วยโหมด Sport พร้อมจับเวลาด้วยแอพ iBolid ในเครื่อง iPhone 11 รวม 3 รอบ ได้เวลาออกมาดังนี้ครับ
- ครั้งที่ 1 - 9.44 วินาที
- ครั้งที่ 2 - 9.37 วินาที
- ครั้งที่ 3 - 9.63 วินาที
- เฉลี่ย - 9.48 วินาที
เฮ้ย ตอนแรกคิดว่าจะเกิน 10 วินาทีนะ เพราะต้นมันแทบไม่เห็นแรงดึงเลย แต่เอาเข้าจริงมันได้ระดับต่ำกว่า 10 วินาทีแฮะ ก็เชื่อได้ว่า Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium แรงมันมาตอนลอยตัวแล้วจริง ๆ แบบนี้ก็ซิ่งไม่แพ้ใครได้เหมือนกัน
ทีนี้ ถ้าเราไปเปิดดูสเปก จะมีการระบุเอาไว้ว่าถ้าเราใช้โหมด EV วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน เราสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 135 กิโลเมตร/ชั่วโมงก่อนที่จะตัดเข้าระบบ Hybrid ผมก็ไม่มั่นใจว่ามันจะทำได้ขนาดนั้นจริงหรือเปล่า ก็เลยจัดการอัดไฟฟ้าให้เต็ม แล้วลองค่อย ๆ ไต่ความเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่กดคันเร่งแรงเพราะมันจะเปลี่ยนไปเรียกกำลังจากเครื่องยนต์มา สรุปว่าผมสามารถไต่ไปได้ถึงความเร็วที่ 145 กิโลเมตร/ชั่วโมง เร็วกว่าในสเปกอีก ดังนั้นถ้ารถมีไฟฟ้าอยู่ กดวิ่ง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามเส้นทางที่กฎหมายกำหนดให้วิ่งได้แบบยาว ๆ ได้เลยครับ
เรามาเริ่มการทดสอบวิ่งด้วยไฟฟ้ากันก่อนเลยครับ ถ้าเอาตามสเปกแล้ว ทางมิตซูบิชิจะบอกว่า Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium วิ่งด้วยโหมด EV ได้ไกลสูงสุดถึง 55 กิโลเมตร จากการชาร์จไฟเต็ม รอบนี้ผมเอาวิ่งเริ่มต้นจากศูนย์ฝึกของมิตซูบิชิแถวลำลูกกาคลอง 4 เอาวิ่งย้อนมาแถวเส้นนิมิตใหม่ วนแถวนั้นแบบติดไฟแดงบ้างอะไรบ้าง เอาให้เหมือนที่ผมใช้งานปกติในชีวิตประจำวันเลย ได้ตัวเลขตอนไฟฟ้าตัดเป็นโหมด Hybrid ตอนประมาณ 47.4 กิโลเมตรได้ ได้เยอะกว่ารอบที่แล้วที่ทำการทดสอบแบบกลุ่มอีก (แน่นอนล่ะ เอาไปเสียบเตาปิ้งหมูกระทะเกือบชั่วโมง) ถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้เลย
ตัวเลขต่อมาที่ผมทำการทดสอบก็คือ การขับขี่ปกติในเมืองในโหมด Hybrid แบบใช้งานประจำวันทั่วไป ในระยะทางประมาณกว่า 100 กิโลเมตรขึ้นไปเล็กน้อย ได้อัตราประหยัดมาอยู่ที่ 10.8 กิโลเมตร/ลิตร ถ้าเป็นรถเครื่องยนต์ปกติ ก็จะใช้ได้เลย แต่พอมาดูว่านี่เป็นรถเครื่องยนต์ระบบ Hybrid ผมว่าก็เอาเรื่องพอตัวนะ เพราะคาดหวังว่าน่าจะได้เห็นระดับ 13-15 กิโลเมตร/ลิตรขึ้นไปนะ ไม่แน่ใจว่าเพราะตัวมันหนักหรือระบบ Hybrid มันทำงานไม่เหมือนกับคู่แข่งในตลาดหรืออย่างไร
ต่อมากับการทดสอบด้วยการวิ่งนอกเมือง เช่นเคยครับด้วยการวิ่งบนถนนวงแหวนรอบนอก ด้วยความเร็วระดับ 120 กม./ชม. แบบตั้ง Adaptive Cruise Control เอาไว้เลย ผมวิ่งด้วยระยะทาง 66.4 กิโลเมตร ได้อัตราประหยัดจากหน้าจอออกมาที่ 12.1 กิโลเมตร/ลิตร ไอ๊หยา เยอะเอาเรื่อง เรทนี้รถ Hybrid ในเมืองน่าจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำ วิ่งนอกเมืองระดับนี้ต้องปาดเหงื่อบ้างล่ะ เข้าใจแหล่ะว่าเป็นเครื่องขนาดใหญ่ระดับ 2.4 ลิตร เบนซิน แต่การมีระบบ Hybrid เข้ามาช่วยทำงาน น่าจะทำได้ดีกว่านี้นะ จากที่ผมคาดหวังเอาไว้
มาต่อกันอีกรูปแบบครับ โดยรอบนี้ผมได้ลองเอา Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium วิ่งปกติ แล้วเปิดโหมด Charge เพื่ออัดไฟเข้าไปเก็ยบในแบตเตอรี่ ดูว่าวิ่งด้วยระยะทางประมาณหนึ่งจะได้ไฟมาเท่าไหร่ ผมก็เอาวิ่งวนไปวนมาแบบหลีกเลี่ยงรถเยอะให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ได้วิ่งทำความเร็วอะไรมากมาย ระยะทางที่ทดสอบออกมาที่ 61.2 กิโลเมตร ได้ไฟกลับเข้ามาในแบตเตอรี่ เพื่อวิ่งในโหมด EV ได้ที่ 30 กิโลเมตร แต่อัตราการใช้น้ำมันในช่วงนี้ซัดเข้าไป 8.0 กิโลเมตร/ลิตร อันนี้บอกไว้เป็นข้อมูลเฉย ๆ เพราะผมบอกไม่ได้ว่าเรทนี้คือดีหรือแย่ เพราะไม่เคยทำการทดสอบในรูปแบบนี้มาก่อนเลย
สุดท้าย กับการทดสอบการจอดแล้วสตาร์ทรถทิ้งไว้เพื่อชาร์จไฟ โดยทำการชาร์จเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง ปิดแอร์ด้วย ผลที่ได้มาคือ ได้ไฟฟ้าเพื่อวิ่งในโหมด EV มา 32 กิโลเมตร ดีกว่าขับวิ่งแล้วชาร์จซะอีก ฮ่า เช่นเดียวกันครับว่าข้อมูลนี้เป็นการทดสอบเพื่อแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าดีหรือแย่ เพราะไม่เคยทำการทดสอบกับรถคันไหนมาก่อนเลย
หลังจากรีวิว ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium มาสักระยะในรอบนี้ บอกความคิดเห็นส่วนตัวได้ความชอบและไม่ชอบออกมาได้ดังนี้ครับ
ชอบ
- โหมด EV ขับได้ดี วิ่งได้ไกลใกล้เคียงสเปก ใช้ความเร็วได้สูงสุดถึง 145 กม./ชม
- ไม่ได้พูดถึง แต่เรื่องมีปลั๊กไฟ 1,500 วัตต์ให้ใช้งานได้ ตอบโจทย์การพารถไปค้างอ้างแรมในป่าเขาหรือชายหาดได้สบาย
- ขับตรง ๆ เร็ว ๆ รถนิ่งดี
- อัตราเร่ง 0-100 ในระดับต่ำว่า 10 วินาที ดีกว่าที่คาด
ไม่ชอบ
- พอเทสอัตราประหยัดแบบเต็มตัวแล้ว ทำให้รู้เลยว่า เราควรชาร์จไฟฟ้าให้เต็มทุกวัน อย่าหาญใช้ในรูปแบบ Hybrid อย่างเดียวเชียว ไม่คุ้ม
Mitsubishi Outlander PHEV GT-Premium ตั้งราคาขายเอาไว้ที่ 1,749,000 บาท ก็ต้องบอกว่าถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้ว ราคาก็โดดขึ้นไปพอตัวเหมือนกัน แต่ถ้ามองภาพกับการได้ระบบขับเคลื่อน S-AWC ที่ลุยได้มากกว่า มีปลั๊กไฟที่สามารถเสียบใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่า ถ้าเป็นสายแคมป์ปิ้งชอบเดินทาง รักในการดื่มด่ำกับธรรมชาติยามค่ำคืน แต่ก็ยังอยากพกความสะดวกสบายติดตัวไปด้วยบ้าง ผมว่ารถอเนกประสงค์ SUV คันนี้ก็คือคำตอบที่ใช่เหมือนกัน
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com