ลงสนาม…สัมผัสโกคาร์ทฟิลลิ่งสไตล์อังกฤษ ในงาน MINI Track Day 2016
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 11 ต.ค. 59 00:00
- 7,817 อ่าน
กิจกรรมพิเศษ MINI Track Day โดย มินิ ประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สุดสนุกให้กับลูกค้า และสื่อมวลชน ปลุกอารมณ์สปอร์ตเร้าใจพากันไปถึงสนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต จ.เพชรบุรี งานนี้ขอบอกได้เลยว่ามันส์
โอกาสอันดี ทีมงาน autodeft.com เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดมันส์ครั้งนี้ กับรถยนต์มินิหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวแรงส่งตรงจากสนาม MINI John Cooper Works ใหญ่สุดในตระกูล MINI Clubman สุดหล่อตัวเท่เปิดประทุน MINI Cooper S Convertible และมินิอีกหลากหลายรุ่น MINI Clubman, MINI Cooper S Hatchback 3 ประตู และ 5 ประตู ที่ยกทัพมาให้สัมผัสจับหวดกันอย่างจัดเต็ม
เริ่มสัมผัสโกคาร์ทฟิลลิ่งด้วยการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มมีมินิครบทุกรุ่นให้ได้ลองฟิลลิ่งในสนามแข่ง วิ่งเป็นขบวนตามกันนำโดย Instructor ที่จะวิ่งนำขบวน และคอยไกด์ไลน์จุดต่างๆ ของสนาม จุดที่ต้องเบรก และจุดที่สามารถเดินคันเร่งอย่างเต็มที่ ในรอบแรกเป็นการวิ่งอุ่นเครื่องเบาๆ ให้ได้ทำความคุ้นเคยกับสนามและตัวรถ หลังจากวนดูสนามเป็นที่เรียบร้อย ก็พร้อมมันส์…
ภาพรวมสนามแก่งกระจานเซอร์กิต มีช่วงของทางตรงยาวให้ได้เหยียบคันเร่งทำความเร็วอยู่ 3 ช่วงหลักๆ ที่เหลือเป็นเส้นทางโค้งขึ้นลงเนินทั้งหมด ทั้งโค้งเอส โค้งยูกลับ โค้งกว้างต่อเนื่อง และโค้งหักศอก การทำความเร็วนั้นทำได้ยาก การบังคับควบคุมที่แม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เมื่อขับในสนามลักษณะนี้ เพราะหากคนขับและสมรรถนะของรถไม่ดีพอหรือการควบคุมไม่ดีแล้วละก็ โอกาสที่จะหลุดโค้งเอาก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งสนามที่มีความยากในการขับไม่น้อย
คันแรกสัมผัสไฮไลท์ตัวทีเด็ดตัวแรง กับ MINI John Cooper Works ที่สุดตัวแรงถอดแบบจากสนามแข่งของรถยนต์มินิ เติมเต็มความต้องการที่มากกว่าให้กับแฟนมินิ ตัวรถมีการกระจายน้ำหนัก 50:50 มีส่วนหน้า-ท้ายที่สั้น ฐานล้อยาว จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และอัพเกรดระบบส่งกำลังให้ทำงานราบรื่นด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ด้วยขุมพลังที่ให้กำลังถึง 231 แรงม้า ทุกครั้งทีกดคันเร่งเสียงคำรามจากเครื่องยนต์และท่อไอเสีย ถูกปลดปล่อยปลุกเร้าอารมณ์ในตัวผู้ขับอย่างเต็มที่ ทำให้การหวดในสนามมันส์อย่างที่สุด ตั้งแต่ช่วงเริ่มทางตรงก่อนที่จะเบรกเพื่อเข้าโค้งซ้ายและขวา ขึ้นเนินขวาและซ้ายต่อเนื่อง ก่อนจะเลี้ยวขวาอีกครั้ง เบรกชะลอความเร็วและหักขวาสุด ลงเนินก่อนจะหักซ้ายและเลี้ยวโค้งขวา เติมคันเร่งมิดแป้นทะยานออกจากโค้งช่วงลงเนิน ก่อนเบรกเต็มแรงลดความเร็วเข้าโค้งยูกลับทางซ้าย และเดินคันเร่งขึ้นเนินเต็มกำลัง สุดทางตรงขึ้นเนินชะลอความเร็วและเลี้ยวโค้งซ้ายยาวต่อเนื่อง เข้าสู่ช่วงลงเนินใส่ความเร็วเต็มที่เลี้ยวเล็กน้อยความเร็วไต่ไปถึงระดับประมาณ 160 กม./ชม. และลดความเร็วที่ปลายทางตรงเข้าสู่โค้งเอสที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. และโค้งยูกลับทางซ้าย ทะยานออกจากโค้งสู่ทางตรงก่อนเข้าสู่เส้นชัย การเกาะถนนของรถให้ความมั่นใจได้อย่างดีเยี่ยม พวงมาลัยมีน้ำหนักและแม่นยำในการควบคุมตามทิศทางที่ต้องการ
ซึ่งสำหรับมินินั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยการขับอันทันสมัยและสุดแสนชาญฉลาด ที่ช่วยให้การขับนั้นมั่นใจและปลอดภัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในสไตล์ของมินิ กับเทคโนโลยี Dynamic Stability Control ที่มีทั้งคุณสมบัติ Dynamic Traction Control (DTC) Electronic Differential Lock Control (EDLC) และ Dynamic Damper Control ติดตั้งมาในตัวเป็นมาตรฐานอีกด้วย
ความพิเศษสำหรับเจ้า MINI John Cooper Works มาพร้อมกับหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Chili Red ล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบา JCW ขนาด 18 นิ้ว และแถบสีแต่งกระโปรงรถลาย JCW ระบบช่วงล่างปรับตามโหมดการขับขี่ เบรกระดับสปอร์ตรุ่นใหม่จากเบรมโบ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ เซอร์โว ทรอนิก ที่ใช้ทั้งระบบไฟฟ้าและกลไกผสมผสานกัน
ซิ่งกันครบรอบได้เวลาเปลี่ยนรุ่นกันมาที่ MINI Clubman Cooper S ใหญ่สุดในตระกูล ด้วยมิติตัวรถที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ให้ภาพลักษณ์หรูหราใหญ่โต พร้อมพื้นที่บรรทุกสัมภาระถึง 360 ลิตร ที่สามารถขยายความจุได้อีกถึง 1,250 ลิตร และประตุท้ายที่เปิดออกด้านข้างซ้าย-ขวา การขับในสนามด้วยเครื่องยนต์ที่ให้กำลัง 192 แรงม้า สามารถพาตัวถังขนาดใหญ่ออกตัวไปได้อย่างสบายๆ ให้ความสนุกแบบสบายในสนามได้ไม่น้อย การควบคุมลัดเลาะไปตามโค้งต่างๆ ในสนามทำได้อย่างมั่นใจ ถึงแม้ขนาดที่ใหญ่โตขึ้นแต่ความเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ของรถมินิก็ยังคงอยู่
รอบต่อไปเพิ่มดีกรีความแรงโดนใจวัยรุ่น กับ MINI Cooper S Convertible ใหม่ล่าสุด เปิดประทุนสุดเท่ มอบลุคที่แตกต่างกว่าใคร มาพร้อมขุมพลังเทอร์โบคู่ มอบพละกำลัง 192 แรงม้า สามารถเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.1 วินาที การซิ่งในสนามไม่เป็นสองรองใคร ให้การขับขี่และควบคุมที่คล่องตัว เสียงคำรามจากเครื่องยนต์และท่อไอเสียด้านหลังที่คอยส่งเสียงคำรามให้ได้ยิน กระตุ้นความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้นไปอีก
ตัวแผงหลังคารถหรือซอฟต์ท็อปผลิตจากวัสดุผ้าทอพิเศษ ด้วยวัสดุป้องเสียงหลายชั้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก มาพร้อมกับดีไซน์ลายธง UNION JACK ที่เป็นเอกลักษณ์ของมินิ ซึ่งสามารถเปิดและปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าภายในเวลาเพียง 20 วินาที และในขณะที่รถวิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. และ MINI HEAD-UP DISPLAY ที่สามารถเปิดปิดเพื่อแสดงข้อมูลสำคัญบนคอนโซลหน้าช่วยให้คนขับไม่ต้องละสายตาในขณะขับขี่ ปุ่มควบคุมความบันเทิง MINI Controller ที่ทำงานสามารถทำงานด้วยระบบสัมผัส หน้าจอแสดงผลคอนโซลกลางขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยี LED ใหม่ล่าสุดที่ให้แสงไฟสีสันต่างๆ รอบวงแหวนซึ่งสามารถเปลี่ยนตามฟังก์ชั่นการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดแอป MINI Connected XL Journey Mate บนสมาร์ทโฟนทำการเชื่อมต่อกับตัวรถเพื่อใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนฝนตกขณะเปิดประทุน การบอกตำแหน่งจุดจอดรถล่าสุด และอื่นๆ อีกมากมาย
รุ่นต่อไปกับ MINI Cooper S คอมแพคหรูระดับพรีเมี่ยม คงความคลาสสิคอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ ซึ่งรุ่นที่ได้ทดลองขับนี้ มาพร้อมชุดแต่ง JCW เพิ่มลุคสปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอย Cup Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ภายในมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ สเต็ปโทรนิค สปอร์ต ตกแต่งด้วยพวงมาลัยหนัง JCW หัวเกียร์หนัง ครบชุดแต่งในแบบฉบับจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ทั้งขอบประตู แท่นเหยียบสแตนเลส สตีล และที่วางเท้า ช่วงล่างที่มีระบบ Dynamic Damper Control ไฟหน้าแบบ LED และระบบเครื่องเสียง Harman Kardon เพิ่มสุนทรียะในการขับขี่
ส่วนการซิ่งในสนามเร้าใจในแบบโกคาร์ทยักษ์ ให้ความสนุกในการขับขี่ทั้งทางโค้งและทางตรง ให้การตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเบรกก่อนเข้าโค้งหักเลี้ยวพวงมาลัยผ่านโค้งได้อย่างแม่นยำ ก่อนกดคันเร่งทะยานออกจากโค้งในทันที ปลุกความเร้าใจได้อย่างเต็มอารมณ์มิรู้ลืม
และท้ายสุด MINI Cooper SD All4 Countryman Park Lane มินิ 4 ประตู ที่เข้ามาตอบโจทย์คนรักรถมินิ แต่มีความต้องการการใช้งานที่ตอบโจทย์การโดยสารและบรรทุกได้มากขึ้น มาพร้อมดีไซน์และสีสันพิเศษสุดเฉพาะตัว ตัวถังสีเทาเมทัลลิก Earl Grey จับคู่กับหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Oak Red พร้อมแต่งด้วยแถบสีสไตล์สปอร์ตในสีเดียวกับกระโปรงรถ กันชนท้าย และส่วนข้างตัวรถ ขณะที่ไฟเลี้ยวติดตั้งในกรอบชุบโครเมียมที่แต่งด้วยสีแดง Oak Red เช่นกัน นอกจากนี้ ตัวรถยังเสริมความสปอร์ตด้วยล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว สีเทาในดีไซน์ Turbo Fan Dark Grey พร้อมตกแต่งรอบตัวถังด้วยชิ้นส่วนกันชนและขอบประตูสีเงินในชุดแต่ง MINI ALL4 Exterior
การขับขี่ในสนามสามารถตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง จะมีช่วงต้นของการออกตัวที่มีการรอรอบจากขุมพลังดีเซล MINI TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมทั้งบล็อก มอบกำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร การควบคุมไปตามโค้งต่างๆ ทำได้ค่อนข้างดี อาการของรถอาจจะไม่ได้คล่องแคล่วเท่ารุ่นอื่นๆ ของมินิ แต่ก็พอให้ได้สนุกกันขำๆ ได้เมื่อต้องการ
สำหรับ มินิ ทุกรุ่นที่ลองสัมผัสในครั้งนี้ แต่ละรุ่นยังคงเอกลักษณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนาน ควบคุมได้อย่างแม่นยำ สมรรถนะพละกำลังที่ล้นเหลือ ฟิลลิ่งในการขับสไตล์โกคาร์ท ซึ่งในแต่ละรุ่นนั้นก็มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ทางมินิเองก็ได้ออกแบบและเพิ่มทางเลือกให้กับแฟนๆ มินิ ที่ยังรักและชื่นชอบความเป็นมินิ แต่มีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้นั้นเอง
ครั้งนี้กับสัมผัสประสบการณ์สุดมันส์ ที่ทาง มินิ ประเทศไทย จัดให้กับ MINI Track Day 2016 เรียกได้ว่าจัดหนัก จัดเต็ม หวดกันมิดคันเร่ง เบรกกันไม่มียั้ง เลี้ยวกันแบบไม่มีเบา แต่เจ้าตัวจี๊ดอย่าง มินิ ทุกรุ่นทุกคัน ก็สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มอารมณ์…
ในส่วนบริการหลังการขายทาง มินิ ก็ฝากบอกมาว่า อุ่นใจทุกเส้นทางกับโปรแกรมบำรุงรักษาและการรับประกัน นอกเหนือจากสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นของมินิทุกรุ่นแล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดคือความสบายใจของลูกค้ากับโปรแกรม MINI Service Inclusive อภิสิทธิ์พิเศษสุดสำหรับเจ้าของรถมินิ คุ้มครองรถให้ขับเคลื่อนไปในทุกเส้นทางอย่างราบรื่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือตลอดระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับกำหนดใดที่ถึงก่อน) นอกจากนี้ มินิยังมีโปรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย
เรื่องและขับทดสอบโดย รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ (toptaro)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com