Test Drive : รีวิว ทดลองขับ MG EXTENDER Double Cab กระบะไซส์ไจแอนท์..สายพันธุ์ยุโรปที่น่ามอง
- โดย : Autodeft
- 15 ส.ค. 62 00:00
- 32,732 อ่าน
นับเป็นปีทองของค่ายรถยนต์สายพันธุ์ยุโรป (เจ้าของทุนจีน) อย่าง Morris Garage หรือ MG ตอบโจทย์ผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยด้วยการลงตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งเป็นตลาดที่ไม่เคยทำมาก่อนประเดิมด้วยรถตู้ MG V80 11 ที่นั่งชนเจ้าใหญ่ในราคาไม่เกินล้านจนมีกระแสตอบรับที่ดี และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ MG ขอร่วมชิงเค้กตลาดรถกระบะตันครึ่งที่รายล้อมด้วยเจ้าใหญ่ตัวเอ้ ด้วยการส่ง MG EXTENDER อย่างเป็นทางการ
สำหรับ MG EXTENDER จำหน่ายทั้งแบบตอนครึ่ง Giant Cab และ 4 ประตู Double Cab ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐาน ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง Grand และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Grand 4WD ทั้งหมด 9 รุ่นย่อยทุกระบบส่งกำลัง ประกอบในประเทศ โดยพัฒนามาจาก Maxus T60 ที่ทำตลาดมาแล้วทั้งในจีน ออสเตรเลีย และบางประเทศ พร้อมเคลมว่า “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง”
ภายนอกของรุ่น Double Cab ออกแบบสง่างามและคมเข้มขึ้นภายใต้แนวคิด Brit Dynamic ด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์รังผึ้งขอบโครเมี่ยมเอกลักษณ์ของ เอ็มจี พร้อมไฟหน้า Projector LED กับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime และพิเศษด้วยระบบปรับเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ AFS ซึ่งระบบนี้จะอยู่แต่ในรถยุโรปพรีเมี่ยม รับกับกันชนหน้า กับไฟตัดหมอกหน้า ด้านข้างแข็งแกร่งด้วยคิ้วขอบล้อทรงบึกบึนขึ้นรูป Built-IN พร้อมล้ออัลลอยให้เลือกได้หลายขนาดตั้งแต่ ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 245/70 R16 และใหญ่สุด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60 R18 กระจกมองข้างปรับพับด้วยระบบไฟฟ้า บั้นท้ายแกร่งตามเทรนด์กระบะสมัยนี้ ด้วยกันชนท้ายทรงโหด กล้องมองภาพรอบทิศทาง (ในรุ่น Grand X ขับเคลื่อน 4 ล้อ) สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้าและด้านหลัง และกล้องมองหลังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ ไฟท้ายดีไซน์ทันสมัยสีขาวแดง ติดตั้งโลโก้ขนาดใหญ่สไตล์ยุโรป ราวหลังคาและบันไดข้างดีไซน์ขึ้นรูป
ในรุ่น Double Cab 4 ประตู ที่ทาง MG เคลมว่าใหญ่กว่าเจ้าอื่นๆ มีมิติตัวรถดังนี้ ความยาว 5,365 มม. ความกว้าง 1,900 มม. ความสูง 1,820 มม. (รุ่นยกสูง Grand) และ 1,850 มม. (รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Grand 4WD) ฐานล้อ 3,155 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 216 มม. (รุ่นยกสูง Grand) และ 183 มม. (รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Grand 4WD) และความจุถังน้ำมัน 73 ลิตร
ภายในห้องโดยสารของรุ่น Double Cab กว้างขวางสะดวกสบาย โดยในรุ่น Double Cab Grand 4WD มอบออพชันครั้งแรกในวงการรถกระบะด้วย เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า ปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนรุ่นยกสูง Grand ปรับได้ด้วยระบบธรรมดา 6 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง เบาะหลังพับได้แบบ 100 % โดยให้เลือกวัสดุหุ้มเบาะได้ทั้งแบบผ้าและกึ่งหนังแท้ พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังทุกรุ่น และมือจับทั้ง เสา A และ เสา B ครบทุกจุดช่วยในการขึ้นลงรถได้สะดวก
การออกแบบภายในสร้างความรู้สึกแข็งแกร่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกโดยใช้โทนสีเข้มและเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุให้สัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) พร้อมแผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น กุญแจระบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
อีกไฮไลท์หนึ่งที่ยกเทคโนโลยีความบันเทิงจากรถยนต์นั่ง มาสู่รถกระบะด้วยหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อม ระบบปฏิบัติการ i–SMART เอกสิทธิ์เฉพาะ (ในรุ่น Grand X ทั้งยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อ) ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถเชื่อมต่อกันได้ เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การสั่งการ หรือ SMART Command ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ที่สามารถสั่งการให้โทรออก เปิด-ปิดหรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ รวมทั้งค้นหาจุดสนใจ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ หรือเลือกสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG Mobile Application การเชื่อมต่อ หรือ SMART Connect ที่สามารถเลือกฟังเพลงผ่าน Online Music ค้นหาร้านอาหารและที่พัก รวมทั้งเรียกดูข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันจากเว็บไซต์ดังได้บนหน้าจอในรถ สามารถตรวจเช็คผลสลากกินแบ่งรัฐาบาลได้ และการตรวจเช็กรถ หรือ SMART Check โดยสามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อกประตู ตรวจสอบตำแหน่งและค้นหารถ แจ้งความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
สำหรับสิงห์รถกระบะชาวไทยที่คาดหวังว่าจะได้ขุมพลังแรง 218 แรงม้าจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร บอกได้เลยว่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งเพราะขุมพลังที่ทำตลาดในเมืองไทยกลับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน (เทอร์โบเดี่ยว) รหัส 20D4N ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่1,500-2,400 รอบ/นาที พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER มีให้เลือกทั้งแบบโดยในรุ่นท็อป Grand X ขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นระบบ 4WD Part Time มีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L โดยปรับเปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H ได้ทันทีแต่ว่าความเร็วต้องไม่เกิน 80 กม./ชม.
งานนี้ไม่ธรรมดาแน่ เพราะ MG เนรมิตสนาม 8 Speed เขาใหญ่ กลายเป็นสนามทดสอบรถยนต์ขนาดย่อม ทั้งในแบบออนโรด และ ออฟโรด โดยรุ่นที่จัดให้สื่อมวลชนได้ขับนั้นเป็นรุ่นยกสูง Grand D ,Grand X เกียร์อัตโนมัติและรุ่นท็อป Grand X ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ เริ่มกันที่สนามออนโรด เป็นสนามทางเรียบโดยรุ่นที่ขับนั้นเป็นรุ่นยกสูง Grand X เกียร์อัตโนมัติ เริ่มที่ด่านทดสอบอัตราเร่ง ต้องยอมรับว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตร 161 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตรที่รอบต่ำตั้งแต่ 1,500 รอบ/นาที มีอาการหน่วงๆตั้งแต่ออกตัวแต่พอช่วงกลางและปลายก็ไหลลื่นแรงทันใจ ตามประสาเครื่องยนต์ดีเซลที่เน้นแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำแบบต่อเนื่องหรือ Flat Torque
ด้านระบบช่วงล่างและการควบคุมมาในสไตล์ EUROPEAN TUNING SUSPENSION ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น (Leaf Spring Suspension) ทำงานควบคู่กับช่วงล่างแบบ BRIT Dynamic โดยภาพรวมนั้น ให้ความหนึบ มั่นคงในการเข้าโค้งในการขับขี่ความเร็วสูง แต่ถ้าขับทั่วๆไปยังให้ความนุ่มนวลได้อย่างดีเลยทีเดียว แต่การซับแรงกระแทกของช่วงล่างในรุ่นยกสูง Grand X เกียร์อัตโนมัติ ล้อ 18 นิ้ว กลับทำผลงานไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ด้านระบบพวงมาลัย เป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียนด้วยระบบไฮดรอลิก ทำงานควบคู่กับช่วงล่างส่งให้การทำงานอาจมีระยะฟรีบ้างแต่ก็ไม่น่าเกลียด น้ำหนักการทำงานอยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่หนักมากไม่เบามากจนเกินไป
ระบบเบรกเป็นความภูมิใจของทาง MG ที่ติดตั้งดิสก์เบรก 4 ล้อทุกรุ่นมาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)และ ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) เรื่องนี้สอบผ่านในการทำงานที่แม่นยำฉับไวไม่แพ้กระบะเจ้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเหยียบทั่วๆไปราว 30 % หรือเหยียบเต็มแรง ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆสำหรับกระบะค่ายนี้ และตลอดการทดสอบออนโรด การเก็บเสียงทำได้น่าพอใจด้วยการออกแบบฉนวนกันเสียง 9 จุด
และปิดท้ายกันด้วยสนามออฟโรดที่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นรุ่นท็อป Grand X ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ก่อนอื่นนั้นต้องปรับเบาะนั่งให้สูงจนสามารถมองเห็นข้างหน้าชัดเจน เพื่อไม่เจอปัญหาบดบังทัศนวิสัย(เพราะฝากระโปรงออกแบบโหนกนูนจนบดบัง) ในเรื่องการปีนไต่ ทางชันสูงๆ ทางขึ้นเนิน Walking Speed หรือรถเคลื่อนที่โดยไม่แตะคันเร่งกลับทำผลงานได้ดี รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System )จับอาการออกตัวได้ดี แต่มาเสียท่าตอนลงเนินลาดชันที่ต้องใช้ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System) ด้วยตัวจับสัญญาณให้ตัวรถดึงอาจจับสัญญาณช้าไป จึงส่งผลให้ตัวรถดึงตอนช่วงกลางตอนลงเนิน โดยความจริงระบบน่าจะดึงตั้งแต่เริ่มลงเนินเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มไม่แพ้ใครด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System) พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่น แต่รุ่นท็อป Grand X ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติให้ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
ถึงแม้วางเดิมพันด้วยการตั้งเป้าจำหน่าย 20,000 คัน/ปี นับเป็นสิ่งที่ท้ายอย่างมากสำหรับ MG EXTENDER ที่ยกเทคโนโลยีสไตล์ยุโรปมาลงในรถกระบะพร้อมความใหญ่โตทุกมิติของตัวรถ การออกแบบที่ดุดันโดดเด่น แถมยังเอาใจคอหวยเสี่ยงโชคกับการตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่าจอใหญ่สุด 10 นิ้ว พร้อมเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ด้านขุมพลังอาจไม่ทันใจคนเท้าหนัก แต่การขับขี่ด้วยช่วงล่างที่หนึบเข้าโค้งดีสามารถเป็นแต้มต่อสู้คู่แข่งได้ และด้วยค่าตัวที่อาจทำให้สิงห์รถกระบะชาวไทยต้องคิดกับการตัดสินใจเป็นเจ้าของสักคัน
รถกระบะ MG EXTENDER Double Cab ที่ทดสอบมีราคาจำหน่ายดังนี้
NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND D 6AT 819,000 บาท
NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND X 6AT 879,000 บาท
NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT 1,029,000 บาท
เรื่อง เรียบเรียง และขับทดสอบโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถกระบะ New MG EXTENDER
ชม Gallery รีวิว ทดลองขับ MG EXTENDER ได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com