Test Drive : รีวิว ทดลองขับ MG Extender DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT ใหญ่แกร่งหรู….กระบะพันธุ์ยักษ์สไตล์ยุโรป

  • โดย : Autodeft
  • 29 เม.ย. 63 00:00
  • 11,662 อ่าน

นับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2562 ที่ MG (Morris Garage) ค่ายรถยนต์สายพันธุ์ยุโรป กล้าเปิดตลาดกลุ่มใหม่ที่ท้าท้ายและไม่เคยทำมาก่อนถึงจะเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อว่าหินสุด โหดสุด นั่นคือตลาดรถกระบะขนาด 1 ตันครึ่ง ที่เต็มไปด้วยค่ายรถยนต์ระดับพระเอกพระรองที่อยู่มานานล้วนแล้วมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน และนี่เองเป็นที่มาของการเปิดตัวกระบะน้องใหม่พันธุ์ยักษ์รายล่าสุดกับ MG Extender โดยครั้งนี้นำรุ่นท็อปสุด Double Ca

 MG Extender

กระบะ MG Extender ภายนอกหล่อแกร่งตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์รังผึ้งขอบโครเมี่ยมติดตั้งโลโก้ MG ขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้า Projector LED ลำแสงสีขาวกับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime ในโคมเดียวกัน ครั้งแรกในงวงการรถกระบะเป็นเจ้าเดียวที่มีระบบปรับองศาไฟหน้าเลี้ยวตามวงพวงมาลัยแบบอัตโนมัติ AFS ซึ่งระบบนี้จะอยู่แต่ในรถยุโรปพรีเมี่ยม ซึ่งทำงานได้ในการปรับองศาอย่างฉับไว รับกับกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศซ่อนกล้องใต้โลโก้สำหรับการจอดรถเข้าซอง เท่กับชุดแต่งการ์ดเสริมสีเงินใต้กันชนหน้า ไฟตัดหมอกหน้าแนวตั้งให้ความดุดัน น่างเกรงขาม พร้อมสัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า 4 จุด ด้านข้างแข็งแกร่งด้วยคิ้วขอบล้อทรงบึกบึนขึ้นรูป Built-In พร้อมล้ออัลลอย 6 ก้านคู่ใหญ่สีเงินทั้งวงสุด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60 R18 จาก Bridgestone Dueler H/T กระจกมองข้างโครเมี่ยมปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัวและติดตั้งกล้องใต้กระจกมองข้างอีก 2 ข้างสำหรับการมองในที่แคบๆ ที่เปิดประตูโครเมี่ยม ราวหลังคาสีเงินและบันไดข้างดีไซน์ขึ้นรูป

 MG Extender

ด้านท้ายแกร่งตามเทรนด์กระบะสมัยด้วยกันชนท้ายสีเดียวกับตัวรถดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวออกแบบให้มีช่องไฟเนียนเหมือนกับรถเก๋งกับสัญญาณเตือนกะระยะด้านหลัง 4 จุด ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ เปิดประตูโครเมี่ยมซ่อนกล้องมองหลังในตัวมาพร้อมโลโก้ MG ขนาดใหญ่และโลโก้ตัวหนังสือ Extender ไฟท้ายดีไซน์ทันสมัยสีขาวแดงแบบธรรมดาไร้ไฟ LED แต่ทว่าเสาอากาศหายไปไหน เพราะ MG ต้องการให้ตัวรถแกร่งเรียบเนียนไม่เป็นรองใครจึงติดตั้งเสาอากาศแบบฝังกระจกหน้ารถไว้นับเป็นความเท่อีกแบบหนึ่งที่ปกติรถกระบะจะมีเสาอากาศแบบเสาสั้นหรือครีบฉลามบนหลังคารถ

 MG Extender

ด้วยความเป็นรถกระบะที่นำพื้นฐานจากเพื่อนร่วมชายคาเดียวกันอย่าง Maxus T60 หรือ T70 ที่ได้รับการตอบรับที่ดี จาก จีน ออสเตรเลียและบางประเทศทำให้กระบะสายพันธุ์ยุโรปรายนี้มีมิติที่ใหญ่กว่าเจ้าอื่นๆ ตั้งแต่ ความยาว 5,365 มม. ความกว้าง 1,900 มม. ความสูง 1,850 มม. ฐานล้อ 3,155 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 183 มม. น้ำหนักรถ 2,050 กก. ความจุถังน้ำมัน 73 ลิตร โดยงานนี้ความกว้างเด่นสุดกว่าใคร และมิติกระบะภายในความยาว 1,485 มม. ความกว้าง 1,510 มม. ความสูง 530 มม.

 MG Extender

 MG Extender

ภายในจุดเด่นตรงที่ความกว้างขวางภายในห้องโดยสารเจ้าเดียวในตลาดที่ให้เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง โครงสร้างเบาะหน้าโอบกระชับ แต่หัวหมอนศรีษะกลับดันหัวสร้างความอึดอัดพอควร เบาะหลังพับได้แบบ 100 % นั่งสบายเพราะตัวเบาะออกแบบตำแหน่งไม่ชันมากพร้อมหมอนศรีษะ 3 จุด ที่ท้าวแขนและที่ว่างแก้วในตัวและที่วางขามีพื้นที่ยาวเหยียดขาได้สบาย โดยให้วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์สีดำทั้งหมด แทนที่จะเป็นแบบกึ่งหนังแท้แต่อย่างน้อยเติมความสปอร์ตด้วยการเดินด้ายสีแดง และมือจับทั้ง เสา A และ เสา B ขึ้นลงสะดวกยิ่งขึ้นครบทุกจุดช่วยในการขึ้นลงรถได้สะดวกมีทั้งหมด 7 จุด

 MG Extender

 MG Extender

 MG Extender

แผงคอนโซลหน้าเรียบง่ายแต่แฝงความลงตัวด้วยฟังก์ชั่นการใข้งานที่สะดวกด้วยการตกแต่งสีดำเข้มเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายสีแดงแบบ Soft Touch ขอบแอร์ซ้าย-ขวาตกแต่งสีเงิน แผงประตู 4 บาน ขึ้นรูปด้วยสีดำเข้มพร้อมการตกแต่งวัสดุหนังสัมผัสดำเดินด้ายแดงที่เปิดประตูโครเมี่ยมพร้อมขอบที่เปิดประตู ตกแต่งสีดำเปียโนแบล็กขอบสีเงินสวยงาม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครันไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านปรับสูง-ต่ำได้ซ้ายมือคุมการทำงานระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ ขวาเป็นปุ่มการทำงานเครื่องเสียง กิ๊ปจับพวงมาลัยดีไซน์ผอมไปหน่อยในตอบจับควรจะเพิ่มความหนาเพื่อการจับที่กระชับยิ่งขึ้น กุญแจระบบ Smart Key พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ปุ่ม Push Start มาตรวัดเรืองแสงสีแดงเทาพร้อมจอแสดงข้อมูล MID ขนาดเล็กอยู่ตรงกลางแจ้งทั้งบันทึกระยะทาง Trip A กับ B ระยะทางที่จะต้องเข้าตรวจเช็คและเช็คระดับลมยาง 4 ล้อ และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ

 MG Extender

 MG Extender

 MG Extender

คอนโซลกลางมีความคับคั่งในการใช้งานเริ่มที่ช่องแอร์ถัดลงมาเป็นจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รวมถึง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่กระจายอุณหภูมิแบบเดี่ยวไม่ใช่แบบแยกอิสระซ้าย-ขวาตามสมัยนิยม ขนาบข้างด้วยปุ่มการทำงานต่างๆซ้ายมือเป็นปุ่มโหมดการขับขี่และปิดการทำงานระบบเตือนจุดอับสายตา ขวามือปุ่มปิดการทำงานระบบกันลื่นไถล ปุ่มควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันและปุ่มปิดการทำงานระบบไฟหน้า AFS เลี้ยวตามวงพวงมาลัย ลงมาเป็นคอนโซลเกียร์ที่จับกระชับหุ้มหนังตกแต่งขอบสีเงิน มีช่อง USB 2 จุด และปุ่มการทำงานระบบ 4WD และเบรกมือแบบคันโยก พร้อมกล่องคอนโซลกลางใส่ของ พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังพร้อมช่องชาร์จ 12V แต่เสียดายน่าจะให้ช่องเสียบ USB หรือช่องปลั๊กเสียบให้เอาใจคนรักการสื่อสารสมาร์ทโฟนเป็นชีวิตจิตใจ

ไฮไลท์เด็ดที่ยกเทคโนโลยีความบันเทิงจากรถยนต์นั่งในค่ายมาสู่รถกระบะกับ ระบบปฏิบัติการ i–SMART สามารถเชื่อมต่อการทำงานเกี่ยวกับตัวรถได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การสั่งการผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยหรือ SMART Command ที่สั่งการเปิด-ปิดหรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ รวมทั้งค้นหาจุดสนใจ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอสัมผัส หรือเลือกสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น SMART Connect ที่สามารถเลือกการทำงานระบบความบันเทิงต่างๆผ่านจอสัมผัส 10 นิ้ว ฟังเพลงผ่าน Online Music จาก TRUE Music ค้นหาร้านอาหารและที่พัก รวมทั้งเรียกดูข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันจากเว็บไซต์ดังได้และคอหวยไม่พลาดสามารถตรวจเช็คผลสลากกินแบ่งรัฐาบาลได้ และ SMART Check สามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อกประตู ตรวจสอบตำแหน่งและค้นหารถ แจ้งความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ

ระบบความปลอดภัยที่จัดว่าเต็มคันไม่แพ้ใครด้วยระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System ประกอบด้วย ระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System ถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคันทั้งคู่หน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และกล้องมองภาพรอบคัน โดยจะทำงานผ่านจอสัมผัสที่ความชัดพอไปวัดไปวาได้ถึงไม่ใช้ระบบชัด HD ก็ตาม

 MG Extender

 MG Extender

กระบะพันธุ์ยักษ์ที่จำหน่ายทั้งรุ่นแค็บตอนครึ่งและ 4 ประตู ทั้งแบบมาตรฐานและยกสูง Grand และยกสูง Grand ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้ขุมพลังเดียวเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.0 ลิตร รหัส 20D4N อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 15.9 : 1 ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 83.0 / 92.0 มม.ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่1,500-2,400 รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 207 กรัมต่อกิโลเมตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD Part Time มีโหมดให้เลือกเหมาะกับสภาพถนนถึง 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L โดยปรับเปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H ได้ทันทีแต่ว่าความเร็วต้องไม่เกิน 80 กม./ชม พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย และยังลุยน้ำได้สูงสุด 550 มม.

MG Extender

MG Extender

ต้องบอกกันก่อนว่ารถที่นำมาริวิวทดลองขับครั้งนี้เป็นคันเดียวกันที่เคยไปทดสอบกลุ่มเมื่อปีกลายเส้นทาง พิษณุโลก-เชียงใหม่ ทำให้ฟิลลิ่งในการขับขี่อาจคล้ายกัน สำหรับส่วนประกอบของเครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตรและส่วนที่เกี่ยวเนื่องใช้ของดีจากซัพพลายเออร์ชื่อดังก้องโลกโดยเฉพาะเทอร์โบเดี่ยวจากค่ายดัง Garrett รุ่น AR 0.49 ส่งผลให้ออกตัวดีฉับไวด้วยรอบต่ำๆ ตั้งแต่ 1,500 รอบ/นาที ส่วนความเร็วกลางๆจนถึงปลายไหลขับสบายๆ อาจไม่ปรูดปราดเทียบเท่าเจ้าอื่นๆที่เน้นแรงม้าแรงบิดสูง แต่ช่วงคลิ๊กดาวน์เพื่อเร่งแซงกลับมีอาการหน่วงๆ รอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานถึง 2,000 รอบ/นาที และแต่ละช่วงของความเร็วมาแบบกระฉับกระเฉงพอควร ด้วยรอบตั้งแต่ 1,500, 1,750, 1,850 และ 2,000 รอบ/นาที การเก็บเสียงทำผลงานอยู่ในระดับน่าพอใจด้วยการออกแบบฉนวนกันเสียง 9 จุด แม้ความเร็วสูงๆราว 100-110 กม./ชม.ยังเงียบไม่มีเสียงเล็ดลอดโหมดจับอัตราเร่ง Performance Test กับกระบะพ่วงเกียร์ฝากที่ต้องแบกน้ำหนัก 2 ตันพลัง 161 แรงม้า มีเรื่องต้องให้ตกตะลึงด้วยการทะยานจากจุดหยุดนิ่งไปแตะถึง 100 กม./ชม. ทำได้ 12.77 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 9.94 วินาที

MG Extender

ด้านเส้นทาง Off-Road จากการทดสอบครั้งก่อนที่ จ.เชียงใหม่ (เส้นทาง ห้วยตึงเฒ่า – ขุนช่างเคี่ยนก่อนอื่นต้องปรับเบาะนั่งให้สูงจนสามารถมองเห็นข้างหน้าชัดเจน เพื่อไม่เจอปัญหาบดบังทัศนวิสัย (เพราะฝากระโปรงออกแบบโหนกนูนจนบดบังทัศนวิสัยในการมอง) โดยใช้ระบบ 4H เป็นส่วนใหญ่ (ใช้ 4L บ้างในเส้นทางขึ้นเนิน) เรื่องการปีนไต่ ทางชันสูงๆ ทางขึ้นเนิน Walking Speed หรือรถเคลื่อนที่โดยไม่แตะคันเร่งกลับทำผลงานน่าพอใจ รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist System ) จับอาการออกตัวได้ดี แต่ยังมาตกม้าตายระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System) กลับตอบสนองในการใช้งานไม่ค่อยพอใจเพราะตัวจับสัญญาณทำงานช้าไป โดยความจริงระบบน่าจะจับตั้งแต่เริ่มลงเนินเป็นครั้งแรกแต่ระหว่างระบบทำงานกลับให้ความนุ่มนวลไม่มีการกระตุกแต่อย่างใด

ระบบส่งกำลังอย่างเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มาพร้อมอัตราทดเกียร์ตั้งแต่ เกียร์ 1 =4.065 เกียร์ 2 = 2.371 เกียร์ 3 = 1.551 เกียร์ 4 = 1.157 เกียร์ 5 = 0.853 เกียร์ 6 = 0.674 เกียร์ถอยหลัง 3.200 อัตราทดเฟืองท้าย 3.636 การทำงานตัดต่อกำลังต่อเนื่องในช่วงความเร็วกลางๆขับขี่ในเมือง พร้อม Overdrive 2 ตำแหน่งในเกียร์ 5 และ 6 ส่งผลให้ความเร็วปลายๆใช้งานอย่างสบายๆ การลดกำลังมายังเกียร์ต่ำมาที่เกียร์ 5 เพื่อสร้างกำลังรอบมหาศาลเพื่อการเร่งแซงที่ทันใจแต่เอาเข้าจริงออกจะหน่วงๆพอสมควรแถมยังลากรอบไปถึง 4,000 รอบเข้าเส้นแดง Red Line พอดี นับว่าทันใจ การทำงานเกียร์ +/- Engine Brake ทำงานดี ขึ้นเขาลงเขา กำลังมีเหลือเฟือ และสร้างความเร้าใจขึ้นอีกขั้นนกับการเลือกโหมดการขับขี่ทั้งแบบ ECO และ PWR เพื่อเค้นกำลัง

MG Extender

ช่วงล่างด้านหน้ามาพร้อมระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ 2 ชั้น (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น (Leaf Spring Suspension) เพราะทาง MG ใช้ของดีนั่นคือช็อกอัพแก๊สจาก SACHS เป็นส่วนประกอบ ให้ความนุ่มนวลแนวเดียวกับเจ้าตลาด ออกอาการดีดเด้งๆในเส้นทางเรียบ แต่ยังมีความดีตรงที่การเข้าโค้งในความเร็วสูงมั่นใจตลอดไม่มีอาการหน้าลื้นท้ายปัด แต่การซับแรงกระแทกช่วงจัมพ์สะพาน มีแรงสะเทือนพอสมควร ทำงานควบคู่กับระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์เป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียนด้วยระบบไฮดรอลิก ทำงานอาจมีระยะฟรีบ้าง น้ำหนักการทำงานอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่หนักมากไม่เบามากจนเกินไปทั้งทางเรียบและทางโหด ระบบเบรกดิสก์เบรก 4 ล้อ เรื่องนี้ค่อนข้างทันใจในการหยุดรถแม้จะเหยียบราว 30 % แล้วหรือเหยียบเต็มแรง ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แต่การขับขี่ในเมืองทั่วๆไปก็ควรจะกะระยะการเบรกให้ดีมิเช่นนั้น อาจเกิดการลื่นไถลไปชนคันหน้าก็เป็นได้สำหรับคนที่มาขับกระบะดิสก์เบรก 4 ล้อเป็นครั้งแรก และยังมีระะบบเบรก ABS ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBA และ ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD ให้เป็นมาตรฐาน

MG Extender

ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จากโปรแกรม Save Mode ทำได้ 11.72 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 60.5 กม.จัดน้ำมันดีเซล เต็มถังจากปั๊มแถวเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 5.16 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริง ส่วนการใช้งานในเมืองได้ตัวเลข 10.65 กม./ลิตร และ อัตราสิ้นเปลืองนอกเมืองทำตัวเลขอยู่ที่ 10.44 กม./ลิตร นับว่าเป็นตัวเลขสิ้นเปลืองที่อาจเป็นรองเจ้าตลาดแต่ถือว่าบริโภคน้ำมันในเกณฑ์ประหยัดพอได้ (ตัวเลขสิ้นเปลืองจากโรงงาน เฉลี่ย 12.7 กม./ลิตร ในเมือง 10.00 กม./ลิตร นอกเมือง 14.93 กม./ลิตร)

MG Extender

กระบะสายพันธุ์ยุโรปที่กล้าสู้กับเจ้าตลาดค่ายใหญ่ค่ายรอง ด้วยการออกแบบสไตล์ EUROPEAN ผสมกับความดุดัน บึกบึน ภายในที่กว้างขวางเป็นอันดับต้นๆ กับออพชั่นครบทั้ง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า จอสัมผัส 10 นิ้วที่ฟังเพลงออนไลน์ ตรวจหวยล็อตเตอรี่ รวมถึงแจ้งข้อมูลการใช้งานตัวรถ สังล็อกปลดล็อกผ่านทางแอพ I-Smart และอื่นอีกมากมายล้วนเป็นจุดเด่นที่สามารถเรียกคะแนนความสนใจได้

ขุมพลัง 2 ลิตร 161 แรงม้า แรงตามตัวของมันถึงอาจไม่ทันใจคนเท้าหนักมากนักแต่ช่วงล่างที่เซ็ตมาแนวนุ่ม ถึงจะดีดๆโยนๆบ้างแต่เด่นในการเข้าโค้งดีสามารถเป็นแต้มต่อที่สู้ได้และด้วยค่าตัวที่ถูกกว่าคู่แข่ง 1,029,000 บาท กับออพชั่นท็อปๆให้เต็มคันขนาดนี้ต้องมีการคิดลตัดสินใจที่จะเป็นเจ้าของสักคันสำหรับ MG Extender DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ความอนุเคราะห์รถกระบะ MG Extender DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT มารีวิวทดลองขับครั้งนี้

MG Extender

สิ่งที่ชอบ >>> รูปลักษณ์ใหญ่โตตามสไตล์ยุโรป BRIT Dynamic ภายในกว้างสบายเป็นอันดับต้นๆ เบาะนั่งสบายใหญ่โอโถ่ง ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางคู่หน้า ระบบความบันเทิงจอใหญ่ 10 นิ้ว เล่นเพลงออนไลน์ได้ไม่ต้องพึ่ง USB รวมถึงตรวจล็อตเตอรี่ ทุกวันที่ 1 กับ 16 ทุกเดือนได้ ช่วงล่างเด่นที่การเข้าโค้งแม่นยำ ให้ความนุ่มนวลเทียบเท่าเจ้าตลาดและดิสก์เบรก 4 ล้อ หนึ่งเดียวในกระบะราคาล้านต้นๆ

สิ่งที่ไม่ชอบ >>>  ควรย้ายปุ่ม ECO , PWR ใต้แผงคอนโซลหน้า มาที่ตำแหน่งใกล้คอนโซลเกียร์ใกล้มือคนขับไม่มีช่อง USB หรือ ที่เสียบปลั๊กชาร์จสมารท์โฟน หลังคอนโซกลาง ระบบปรับเปลี่ยน Shift On The Fly ที่ควรเปลี่ยนจาก 4​H เป็น 4L โดยไม่ต้องหยุดรถ ควรเพิ่มความเร็วในการเปลี่ยนไม่เกิน 100กม./ชม.จะดีกว่า (เดิม 80 กม./ชม.)​ กำลังเครื่องที่ไม่ค่อยทันใจตอนเร่งแซง ปรับในเรื่องระยะต่ำสุดจากพื้นให้มากกว่า 183 มม. เพื่อกันความเสียหายของชุดทรานเฟอร์เกียร์ พวงมาลัยควรออกแบบดีไซน์ให้หนาขึ้นเพื่อการจับกิ๊ปพวงมาลัยที่กระชับมือ และเบาะนั่งควรเพิ่มวัสดุกึ่งหนังแท้เพราะการให้หนังสังเคราะห์หุ้มทั้งตัวดูไม่ค่อยสมกันเท่าไหร่

MG Extender

 

 

ชม Gallery Test Drive MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT ได้ที่นี่!!

 

 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ