Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic หรู หล่อ แบบพอดี ในราคาสุดคุ้ม
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 12 เม.ย. 63 00:00
- 114,571 อ่าน
บางทีการก้าวเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนแล้ว จะเลือกหารถที่เหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวมันก็เริ่มมีเงื่อนไขเยอะมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะผมเองที่เป็นนักทดสอบรถยนต์ที่มีเงื่อนไขเยอะมากขึ้นไปอีก เพราะอายุวัยกลางคนแล้ว และมีครอบครัวที่มีลูก 2 คนที่โตแล้ว 1 และยังเล็กอีก 1 แต่ก็ยังมีความอยากได้รถที่สมรรถนะสูง ขับสนุกในระดับหนึ่งเหมือนวัยรุ่นอยู่เหมือนกัน
ประสบการณ์การขับรถมามากมาย ทุกรูปแบบ บอกตรง ๆ ว่ามีเพียงไม่กี่รุ่นที่มันเหมาะสมกับการใช้งานกับชีวิตผมจริง ๆ และรอบนี้จากการรีวิวรถอีกรุ่น ทำให้ผมเจอรถที่เหมาะกับการใช้งานชีวิตประจำวันผมอีกแล้ว นั่นคือ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic
สารภาพเลยครับว่าการทดสอบรอบนี้ของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic อยู่ในช่วงกรุงเทพถูกขอความร่วมมือให้อยู่กับบ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า Covid-19 พอดี บังเอิญว่ารอบนี้ได้ติดต่อขอความอนุเคราะห์จาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อนำรถมาทดสอบเป็นเวลาล่วงหน้านานแล้ว เลยต้องระมัดระวังตัวในการไปรับรถมารีวิวกันหน่อย และแน่นอนว่า การทดสอบอาจจะไม่ครอบคลุมถึงการวิ่งระยะไกลได้ ข้อมูลบางอย่างอาจจะไม่ครบถ้วนนะครับ
ก่อนเริ่มการทดสอบ เรามารู้จักกับข้อมูลตัวรถของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic กันก่อนเลยครับ โดยรถยนต์หรูคันนี้ เป็นรูปแบบ Saloon ใช้เครื่องยนต์ในรูปแบบเสียบปลั๊ก Plug-in Hybrid (PHEV) ใช้เชื้อเพลิงแบบเบนซินขนาด 2.0 ลิตร (1,991 ซีซี) แถวเรียง 4 สูบ 4 วาล์วต่อสูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าได้สูงสุด 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,200 - 4,000 รอบ บวกพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าไปอีก 122 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ทำให้เมื่อรวมกันแล้วสร้างกำลังได้สูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ 9G - TRONIC) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering - wheel Gearshift Paddles) ตามสเปกสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 5.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบตเตอรี่ความจุ 13.5 kWh เคลมเอาไว้ว่าวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวไกลสูงสุด 50 กิโลเมตร
Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic มีมิติขนาด 4,923 x 1,852 x 1,468 มม. (ยาว x กว้าง x สูง) ฐานล้อกว้าง 2,939 มม. ใต้ท้องสูง 103 มม. จากพื้น เป็นรถ Saloon 4 ประตู และแน่นอนว่าพอมีคำว่า AMG Dynamic ก็หมายถึงว่ามีการตกแต่งสไตล์ AMG นั่นเอง (ไม่ได้หมายถึงความแรงนะ) ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED มีระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS- Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive High beam Assist Plus), ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS - Intelligent Light System) แถบไฟ DRL สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-Optic (แค่ไฟก็ล้ำหรูแล้ว) ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟเบรกและไฟท้ายแบบ LED ทั้งหมด ไม่มีไฟตัดหมอก แต่ไฟระบบนี้มันพุ่งผ่านหมอกได้อยู่แล้ว ไม่ต้องมีก็ได้ กระจังหน้าใช้เป็นแถบใหญ่ 2 เส้นพาดกลาง มีตราดาวสามแฉกอยู่ตรงกลางตามแบบฉบับ ล้อแม็กซ์อัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว สี Titanium grey pearl พร้อม high - sheen finish งดงามตามท้องเรื่อง ยางด้านหน้าเป็นขนาด 245 / 40 R19 และด้านหลังขนาด 275 / 35 R19 แบบ Run- flat ทั้ง 4 ล้อ บอกเลยว่าหล่อโคตร ดิสก์เบรก 4 ล้อ จานเบรกหน้ามีช่องระบายความร้อนพร้อมตรา Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม ออกจริงทั้งคู่ ระบบปิด-เปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ (HANDS- FREE ACCESS)
การตกแต่งภายในของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ตัวเบาะเป็นการหุ้มหนัง Nappa สีดำ เบาะคู่หน้าเป็นทรงกึ่งสปอร์ตคล้าย Bucket Seat ที่มีขอบโอบตัวให้ล๊อกกระชับ ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจํา 3 ตำแหน่งที่บันทึกได้ทั้งที่นั่ง, พวงมาลัย, และกระจกมองข้าง เบาะหลังหุ้มหนังเช่นกัน พับได้แบบ 60:40 แผงคอนโซลด้านหน้าเน้นใช้งานวัสดุระดับดีเยี่ยม ทั้งการใช้หนังหุ้มทั้งแผงด้านบนจุดที่สัมผัสกับแสงแดด เสริมด้วยแผงเคฟล่าเพิ่มความหรูหราดูดี มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 3-ZONE คือแยกซ้าย-ขวาและหลัง ช่องแอร์ตามสไตล์เมอร์เซเดส-เบนซ์แบบกลม Turbo Jet ตรงกลาง 4 ช่อง และด้านซ้ายและขวาอีกจุดละช่อง
Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic มีแผงหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ไม่ใช่ระบบสัมผัส แต่จะควบคุมได้ด้วย Control Wheel และ Touchpad ตรงกลางข้างคนขับ รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย USB และไร้สาย Bluetooth รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester พวงมาลัยหุ้มหนังทรงกลมท้ายตัด มี 3 ก้านพร้อมปุ่ม Multi-function ก้านด้านซ้ายใช้คุมหน้าจอกลาง โดยมี Touchpad ขนาดเล็กให้ใช้งานสะดวกมากขึ้นด้วย มีปุ่มคุมการใช้โทรศัพท์และควบคุมเสียง ส่วนด้านขวามี Touchpad เอาไว้ควบคุมหน้าปัด เลื่อนเปลี่ยนข้อมูลหรือรูปแบบของการแสดงผลได้ ที่เหลือเอาไว้ควบคุมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ก้านโยกด้านซ้ายเป็นก้านคุมทั้งไฟหน้า, ไฟเลี้ยว และก้านปัดน้ำฝนในอันเดียวกัน ใครขึ้นมาขับใหม่คงต้องทำความคุ้นเคยกันหน่อย ส่วนด้านขวาเป็นเกียร์ หลังก้านพวงมาลัยมี Paddle Shift ให้เปลี่ยนเกียร์ได้สะดวกและสนุกมากขึ้น กุญแจรถเป็นแบบรีโมทคอนโทรล KEYLESS- GO เข้ารถได้โดยไม่ต้องกดที่กุญแจ (Keyless-Entry) มีปุ่ม Push Start
ส่วนระบบความปลอดภัยบน Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic นั้นเต็มเปี่ยมอย่างแน่นอน โดยมีทั้ง
- ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE - SAFE® system)
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
- ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light)
- ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist)
- ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบรักษาความเร็ว (Cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
- เซ็นเซอร์ช่วยในการนําารถเข้าจอด (PARKTRONIC)
- ระบบช่วยการนําารถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
เอาล่ะ ข้อมูลเบื้องต้นน่าจะครบถ้วนแล้ว เรามาเดินทางเพื่อทำการทดลองขับ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic กันเลยดีกว่าครับ ก้าวแรกที่ได้นั่งบนเบาะตำแหน่งคนขับ ปกติผมจะมีปัญหากับเบาะนั่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่เสมอ เพาะตัวปีกข้างที่โอบตัวมันมักจะบีบไหล่กับสีข้างเยอะไปนิด เวลาขับนาน ๆ พอจะมีอาการเมื่อยอยู่บ้าง แต่รอบนี้ทำไมมันรู้สึกว่าพอดีหว่า กระชับพอดีเลย อันนี้ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าถ้าเทียบกับตัว C Class ที่เคยขับมามันดูกว้างกว่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าผอมลงหรือเบาะมันกว้างกว่า (ฮ่า ๆ ๆ) ส่วนตำแหน่งการจัดวางก็คล้ายกับรุ่นอื่นที่เคยขับมาก่อนหน้านี้ ทั้ง Mercedes-Benz C 220 d Avantgarde หรือ Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium ก็ตาม ทั้งแผงตอนโซลที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ ช่องแอร์ทรงกลม ปุ่มกดควบคุมแอร์ ปุ่มหมุนควบคุมหน้าจอ Touchpad ก็อยู่ในตำแหน่งเดิมทั้งหมด อาจจะแตกต่างบ้างก็ตรงปุ่มข้าง Touchpad ที่อยู่ตรงข้างคนขับ ในคันนี้ก็จะมีเพิ่มเติมในปุ่มโหมด E-Mode หรือปุ่มที่บังคับให้รถใช้งานแต่พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนอย่างเดียว แต่สิ่งที่ยังอยู่คงกระพันในทุกรุ่นก็คือป่องคอนโซลที่อยู่ข้างขาซ้าย ที่มันก็นูนออกมาเบียดขาเช่นเคย กางขาไม่ค่อยสะดวกเลย ถ้าหุบเข้าไปนิดจะดีมากเลย แต่ขนาดของตัวรถนั้นมันดูกว้างขวางโอโถงกำลังพอดีเลย ไม่ได้เล็กเกินไปหรือใหญ่โอฬารเกินไป ส่วนตัวผมมองว่า ขนาดนี้คือพอดีกับครอบครัวของผมมาก มันไม่ได้ดูเล็กแบบ C-Class หรือใหญ่เวอร์แบบ S-Class นี่คือขนาดที่ผมต้องการเลย
Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic เป็นรถในรูปแบบ Plug-in Hybrid ครับ มีการสำรองไฟเอาไว้ให้เราใช้ได้ 13.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ตอนผมไปรับรถทดสอบ ตัวไฟฟ้ามีอยู่ครบ 100% เลย งานนี้เลยลองเอาวิ่งขับไปเรื่อย ๆ แล้วดูว่าเราจะวิ่งในเมืองได้สักกี่กิโลเมตร เส้นทางในเมืองจัดเลยครับ เพราะออกตัวจากสาทร วิ่งผ่านราชประสงค์ วนเข้าดินแดง ไปนู่นนี่นั่นเรื่อย ๆ การจราจรก็ไม่ค่อยติดครับ และจะเรียกว่าโล่งก็ไม่ได้ เพราะก็ยังมีรถวิ่งอยู่ประมาณหนึ่งพอสมควร ติดไฟแดงบ้างอะไรบ้าง จนสุดท้ายแล้วรถมาเครื่องยนต์ติดตอนที่แบตเตอรี่เหลืออยู่ 12% วิ่งมาได้ 46 กิโลเมตร ถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมไว้ที่ 50 กิโลเมตรเลยครับ
พอไฟแบตเตอรี่ของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic หมดลง ก็เริ่มขับกันแบบปกติได้แล้ว (ตอนวิ่งด้วยแบตเตอรี่ก็ถนอมเท้าหน่อย) ก็เริ่มได้เห็นพละกำลังของเครื่องยนต์ที่แรงระดับ 211 แรงม้าหน่อย คือถ้าเราเหยียบแบบขับขี่ทั่วไป เครื่องยนต์จะทำงานอย่างเดียว ยังไม่มีการดึงกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วย เราจึงรู้สึกถึงกำลังที่ไม่เกิน 211 แรงม้าเท่านั้น (แค่นี้ก็เยอะแล้วนะ) แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กดแรงเมื่อไหร่ จะมีการดึงเอากำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 122 แรงม้า มาทำงานรวมกันเป็น 320 แรงม้าทันที แต่จากที่ลองดูแล้ว Feeling มันไม่ได้แรงระดับกระชากหน้าหงายเหมือนตอนที่ทดลองขับ Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium ที่มีกำลังแรง 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร แต่ด้วยตัวขนาดที่ใหญ่กว่าพอควร เลยทำให้ไม่สามารถดึงได้ขนาดนี้น แต่ถามว่าพอไหม มันพอเหลือเฟือครับ เหลือแบบกด 0-100 ไม่แพ้ใครง่าย ๆ (หรือว่ารถมันตัวใหญ่เลยมีแรง G น้อยกว่าหว่า)
Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic มีโหมดการขับขี่ 4 แบบเหมือนรุ่นอื่น ๆ ครับ คือ Eco, Comfort, Sport และ Sport+ แต่ด้วยการทำงานของระบบ PHEV เลยทำให้อาจจะมีการซับซ้อนมากกว่ารถรุ่นน้ำมันอย่างเดียว โดยโหมด Eco รถจะออกตัวด้วยไฟฟ้าในช่วงต้น และมีการดึงคันเร่งให้ตอบสนองช้าหน่อย ดึงเอาไว้ไม่ให้ผลีผลามในการใช้น้ำมันมากเกินไป พอเข้าสู่โหมด Comfort ก็ยังคงมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการเริ่มออกตัวก่อนเหมือนกัน แต่การตอบสนองคันเร่งจะดีกว่าเดิม แต่เมื่อไหร่ที่ขยับเข้ามาโหมด Sport เมื่อไหร่ จะลดการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าทันที จะเก็บเอาไว้ใช้ในช่วงกดคันเร่งช่วงลอยตัว เสริมกำลังเครื่องยนต์ให้พุ่งไปข้างหน้าได้เร็วสะใจ และเข้าโหมด Sport+ เมื่อไหร่ คราวนี้แหล่ะที่เครื่องยนต์จะปั่นรอบให้สูงขึ้นกว่าปกติ รอเราสัมผัสคันเร่งแล้วพาตัวรถพุ่งออกไปได้เต็มกำลังเลย ถือเป็นโหมดที่ขับสนุกมากจริง ๆ
สิ่งที่น่าชื่นชมมากของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic คือระบบช่วงล่างที่ดูเฟิร์มและนุ่มนวลมากกว่า C-Class ที่เคยลองมาแล้วประมาณหนึ่งเลย ปกติแล้วช่วงล่างนั้น ถ้าเซ็ตให้นุ่มนวล จะแลกมาด้วยความโยนขณะเข้าโค้ง แต่ถ้าเซ็ตให้เข้าโค้งได้แน่น ก็ต้องแลกมากับความกระด้างของช่วงล่าง แต่สำหรับ E-Class คันนี้มันกลายเป็นความดีงามที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ เพราะมันนั่งได้นุ่มนวลสบายพุงมาก และเมื่อเข้าโค้งกลับสามารถจิกโค้งไม่เจออาการโยน ท้ายไหลเลย มั่นใจมากทุกโค้ง ถึงแม้จะเข้าด้วยความเร็วสูงก็ตาม รถยังสามารถคุมได้ดี และแน่นอนว่าระบบควบคุมยามเข้าโค้งก็คอยป้องกันไม่ให้เราใส่แรงเกินไปได้ด้วย มันคืออีก 1 ความพอดีที่ลงตัว เหมาะกับผมเสียจริง ๆ
อีกความสุดยอดของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ที่ได้ทดสอบในรอบนี้ก็คือ ระบบการเก็บเสียงที่ดีสุด ทุกย่านความเร็วตั้งแต่ 100-120-160-200-220 กม./ชม เสียงลมเข้าตัวรถนี่น้อยถึงน้อยมาก ขับเร็วระดับ 160 กม./ชม ยังรู้สึกเหมือนขับแค่ร้อยเดียว นี่คือสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก แถมช่วงล่างยังนิ่งมากมาย อาการปลิวลมนี่แทบไม่มีเลย เรื่องนี้ผมว่ามาจากตัวความกว้างของรถที่มากขึ้น เลยทำให้การทรงตัวทำได้ดีกว่าเดิม เลยสามารถเซ็ตช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลลงได้ มันเลยเกิดเป็นความพอดีที่ลงตัว
ส่วนการควบคุมตัวรถนั้น Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ก็ยังทำได้แม่นยำอย่างดีตามสไตล์รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ความคล่องตัวมันยังสู้ C-Class ไม่ได้หรอกครับ เพราะด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า ความคล่องตัวก็ลดลงไปบ้างเล็กน้อย แต่ผมก็ลองกดมุดตามช่องต่าง ๆ แล้วก็ยังทำได้ดีนะ อาการทรงตัวช่วงเปลี่ยนเลนแบบรวดเร็วยังทำได้อย่างดี แต่เราต้องระวังมากกว่าเพราะตัวรถมันใหญ่นั่นเอง แต่ถ้าผมเอามาใช้งานแบบครอบครัวแล้วล่ะก็ เหลือเฟือเลยครับ อยากแซงก็แซงง่าย นุ่มสบายหายห่วง
สิ่งที่ดีงามอีกอย่างบน Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ก็คือระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) ที่ช่วยเราทำงานในการขับขี่อยู่ตลอดเวลาโดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าใครไม่สังเกตุอาจจะไม่รู้ว่ามันทำงานอยู่ สมมุติว่า ผมขับรถไปด้วยความเร็วระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วผมก็เห็นว่าข้างหน้ากำลังมีรถอีกคันเปิดไฟเลี้ยวเข้าแทรกช่องด้านหน้าผม ผมก็เลยปล่อยไหลเพื่อให้จังหวะเขาได้เข้ามาได้ เมื่อรถเข้ามาในช่องได้ปั๊บ รถจะทำการแตะเบรกลดความเร็วให้ทันที คล้ายกับรถมี Engine Brake เลย เพื่อรักษาระยะห่างของรถเรากับรถค้านหน้าให้ห่างในระยะที่ปลอดภัย และสามารถเบรกได้เมื่อรถข้างหน้าเบรกกะทันหัน เฮ้ย นี่คือระบบที่ดีมากครับ คอยทำงานช่วยเราแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องเปิดระบบอะไรให้มันทำงานเลย นี่คือความดีงามของระบบนี้
อีกระบบที่ไม่พูดถึงไม่ได้บน Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ก็คือระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน มันทำงานได้เนียนประดุจมีพี่สุชาติมาคอยขับรถให้เลย เพียงแค่เปิดระบบ ตั้งค่าความเร็วที่ต้องการ แค่นี้รถก็จะวิ่งไปได้อย่างนุ่มนวล การใช้เบรกก็นุ่มนวลเหมือนกับเราเหยียบเบรกเอง และเมื่อมีช่องว่างให้เพิ่มความเร็วได้ตามที่เราตั้งไว้ ก็เพิ่มแบบไม่กระโชกโฮกฮาก ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นไปประดุจไม่อยากให้เรารู้ตัวว่าฉันกำลังเพิ่มความเร็วนะ และระบบสามารถปรับความเร็วตามคันหน้าได้จนถึงหยุดสนิท และเมื่อรถข้างหน้าวิ่งออกตัวไป เราก็แค่กดคันเร่งลงไปเล็กน้อย หรือกดปุ่ม Restart บนพวงมาลัย เท่านี้รถก็จะเคลื่อนตามคันหน้าไปได้ ระบบนี้เหมาะกับการใช้ช่วงรถติดในเมืองแบบพอไหลได้อย่างมากครับ เราแค่ประคองพวงมาลัย กับกดปุ่มให้ระบบกลับมาทำงานใหม่เท่านั้น เท้าเราไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกและคันเร่งเลย ดีงามสุด
อุปกรณ์ที่ผมยังไม่ได้เอ่ยถึงเลยใน Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ก็คือตัว Sunroof ครับ ที่เอามาเอ่ยถึงตอนนี้ก็เพราะมันออกจะต่างกับรุ่นอื่น ๆ เล็กน้อย ก็ตรงที่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเป็นบานใหญ่ ๆ แผงเดียว จะมีเฉพาะครึ่งหน้าหรือยาวแบบ Panoramic ลากมาด้านหลังด้วยก็สุดแล้วแต่ แต่ Sunroof ในรถคันนี้กลับเป็นการแบ่งช่องด้านหน้าและด้านหลัง เวลาเปิดม่านหลังคามันจึงถูกดึงเป็น 2 จังหวะโดยการเปิดด้านหน้าก่อนแล้วค่อยเปิดด้านหลังตามมา แต่การเปิดหลังคายังคงเปิดได้เฉพาะด้านหน้าเหมือนทั่วไป ถามว่ามันดีไหม ก็คงต้องบอกว่า ดีกว่าไม่มี แต่ถามว่าดีเหมือนแบบ Panoramic ไหม บอกได้เลยว่ายังไม่ดีพอ
การนั่งส่วนด้านหลังของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic นั้น มันนั่งสบายจริง ๆ ครับ ตัวเบาะมีเป็นร่องบุ๋มให้เรานั่งได้พอดีเล็กน้อย แต่ไม่ได้มากอะไร เผื่อเอาไว้ให้นั่ง 3 คนได้แบบไม่ต้องโดนความเมื่อยให้คนนั่งกลาง การเอนของที่พักหลังก็กำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป และด้วย Wheelbase ที่ค่อนข้างกว้างอยู่แล้ว เลยทำให้การนั่งมี Leg room เหลือประมาณหนึ่ง ส่วน Head room ก็ไม่ติด แต่ก็ไม่ถึงกับเหลือเยอะ ผมว่ากำลังนั่งสบายเลยนะ มีแอร์ที่ควบคุมอุณหภูมิด้านหลังได้เอง มีช่องแอร์ให้ทั้งตรงกลางและเสาทั้ง 2 ข้าง รับรองว่าได้รับความเย็นกันทั่วถึงแน่นอน แถมมีช่อง USB ซ่อนอยู่อีก 2 ช่อง เพลิดเพลินกันไปเลย ส่วนเครื่องเสียงที่ให้มาก็เป็นของ Burmester ของดีระดับ Hi-End รับรองเรื่องเสียงได้ เปิดฟังวิทยุยังรีดเสียงดี ๆ ออกมาได้เลย ยิ่งเปิดเพลงจาก Spotify ที่เชื่อมต่อผ่านระบบ Apple CarPlay ยิ่งกระหึ่มกันไปใหม่ สมค่ากับรถยนต์หรูระดับนี้จริง ๆ
สิ่งที่ผมถูกใจอีกอย่างของ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ก็คือจุดเสียบสายชาร์จไฟฟ้า ที่อยู่ด้านหลังมุมขวาบนกันชน นี่คือตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับผมนะ เพราะเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ตู้ชาร์จไฟฟ้าตามห้างหรือจุดจอดต่าง ๆ มันอยู่ด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ หมายถึงเวลาเราถอยเข้าที่จอดไปเจอกับเครื่องชาร์จไฟ ก็จะเจอกับหัวชาร์จได้พอดี ไม่ต้องลากสายให้ยุ่งยาก และธรรมชาติส่วนใหญ่ของคนจอดรถก็ต้องถอยหลังเข้าอยู่แล้วใช่ไหมครับ แต่ข้อเสียของการวางไว้จุดนี้ก็คือการที่มันเสี่ยงต่อการเจอชนเข้าไปได้ง่ายมากที่สุดเลย เราก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่บนท้องถนนก็คือการถูกชนท้ายหรือไม่ก็ชนท้ายเขา เอาเป็นว่าใครซวยมาชนท้ายรถรุ่นนี้เข้าตรงจุดนี้พอดี ถ้าไม่มีประกันชั้น 1 ติดตัวไว้ก็เตรียมจุกได้เลย เพราะหัวชาร์จไฟราคาไม่ถูกแน่นอน
ปกติบ้านผมจะไม่ค่อยรองรับการชาร์จไฟฟ้าเข้ารถยนต์เสียเท่าไหร่ เพราะมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบ 15/45 แอมป์ ซึ่งการจ่ายกระแสไฟฟ้าเสี่ยงต่อการโหลดเกินเหลือเกิน จากที่เคยคุยกับผู้ผลิตตู้จ่ายไฟฟ้า เขาแนะนำให้ใช้แบบ 30/100 แอมป์ และเดินเบรกเกอร์แยกต่างหากเพื่อใช้ชาร์จรถยนต์เพียงอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาก็ลองไปหลายคัน มีทั้งไม่ติดเลย กับเสียบแล้วไฟตัดใน 5 นาที (เหมือนเบรกเกอร์จะใช้แบบ 10 แอมป์) แต่รีวิว Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic รอบนี้ขอลองดูอีกครั้ง ดูว่ามันจะชาร์จได้ไหม เลยทำการเสียบสายแบบ Type2 กับรถแล้วลากปลั๊กไปเสียบในบ้าน (เต้าใหญ่ไม่ได้พ่วงมา) สรุปว่าชาร์จได้แฮะ แต่ได้แค่ 2 ชั่วโมงเอง ไฟตอนที่ชาร์จอยู่เหลือประมาณ 8% ได้ไฟมาเพิ่มเป็น 46% วิ่งไฟฟ้าได้อีกประมาณ 16 กิโลเมตร (จากที่หน้าจอแจ้ง) สรุปคำนวนคร่าว ๆ คือถ้าต้องการใช้ไฟบ้าน เสียบสายที่แถมมาให้ในรถ จะชาร์จให้เต็ม 100% จาก 10% (คงไม่มีใครใช้ไฟจนเหลือ 0% ได้ เพราะต่ำสุดที่เคยเห็นคือเหลือ 8%) น่าจะตกที่ราว 6 ชั่วโมง เอาไปวิ่งในเมืองได้ประมาณ 40 กิโลเมตร เอาแบบการจราจรติดกว่าที่ผมใช้งานเล็กน้อย ค่าไฟที่ชาร์จตกหน่วยละประมาณ 5 บาท (ตีเผื่อค่าภาษี และตีอัตราค่าไฟบ้านสูงสุดเลย) ตัวแบตเตอรี่ความจุ 13.5 KWh ชาร์จไฟไป 90% = 12.15 KWh ก็เท่ากับชาร์จให้เต็ม 1 ครั้ง 12.15 x 5 ก็จะออกมาเป็น 62.5 บาท เฉลี่ยตกกิโลเมตรละ 1.56 บาทเอง สมมุติที่ทำงานห่างจากบ้าน 35 กิโลเมตร ที่ทำงานมีจุดให้ชาร์จไฟฟ้าจนเต็ม 100% ได้ แบบนี้คือไม่ต้องใช้น้ำมันเลยนะถ้าขับไม่เร็วเกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง และไม่กดคันเร่งหนัก ๆ เพราะเมื่อรถมีไฟฟ้ามากพอในแบตเตอรี่ และเราใช้งานแค่โหมด Eco หรือ Comfort รถจะไม่ติดเครื่องขึ้นมาทำงานเลยครับ จนกว่าเราจะขับเกิน 130 กม./ชั่วโมง, กดคันเร่งแรง หรือเปลี่ยนไปใช้โหมด Sport และ Sport+
หลังจากใช้งาน Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic ในเมืองไปราว 283 กิโลเมตร ได้ผลอัตราการใช้น้ำมัน (แก๊สโซฮอล์ 95) อยู่ที่ 11.7 ลิตร/100 กิโลเมตร แปลงเป็นภาษาบ้านเราได้ 8.5 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าเอาเรื่องพอตัว แต่คนขับเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ อัตราการใช้น้ำมันแค่นี้ถือว่าธรรมดาครับ เพราะผมก็จัดการกดแบบหนัก ๆ ไปก็หลายรอบ และต้องบอกว่าอัตรานี้คือระบบ Hybrid ล้วน ๆ นะครับ ไม่ได้ใช้การวิ่งแบบไฟฟ้ามารวมเลย ผม Reset แยกกันไว้ทั้งหมด จริงอยู่มันอาจจะประหยัดสู้ Hybrid ของค่ายญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ถ้ามองถึงหลักการใช้งานจริงที่เราจอดรถอยู่บ้านแล้วเสียบปลั๊กกก่อนออกไปข้างนอกตอนเช้าทุกวัน มันก็คงประหยัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ
สรุปรวมทั้งหมดในการทดลองขับ Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic รอบนี้ สรุปสิ่งที่ชอบ-ไม่ชอบได้ดังนี้ครับ
ชอบ
- ช่วงล่างดีมาก นุ่มแต่หนึบทุกโค้ง วิ่งได้นิ่งแม้ยามวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก
- เก็บเสียงระดับเทพ วิ่ง 160 กม./ชม. อยู่นึกว่าขับร้อยเดียว
- ขนาดพอเหมาะพอเจาะมาก ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป กำลังดีกับคนวัยกลางคนแบบผมมาก
- ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้อย่างมาก
- ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน ทำงานได้เนียนกริ๊บ
- ระบบไฟฟ้าที่วิ่งได้เกิน 40 กิโลเมตร
ไม่ชอบ
- คอนโซลข้างขาซ้ายโป่งไปนิด วางขาไม่ค่อยถนัด
Mercedes-Benz E300e AMG Dynamic เป็น E-Class Saloon ในซีรีย์ 300 ตัวท็อป ที่มีราคาจำหน่ายที่ 3,770,000 บาท รุ่นนี้ประกอบในประเทศไทยเลยทำให้ราคาไม่สูงมากเกินไป ถ้าถามผมว่าราคานี้คุ้มค่าไหม ตอบได้ทันทีเลยว่าคุ้มค่ามากที่สุด เหมาะกับคนที่มีครอบครัวแล้วเป็นอย่างมาก ใช้งานแบบนั่ง 4 คนแบบสบาย อุปกรณ์ครบครัน ระบบความปลอดภัยเต็มเปี่ยม พร้อมรองรับการใช้งานได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แถมยังใช้งานแบบไฟฟ้าอย่างเดียว ลดการปล่อยมลพิษได้อีกด้วย ผมว่ารถคันนี้เหมาะสมกับคนวัยทำงานมีครอบครัวแล้วแต่หัวใจยังอย่างซิ่งเป็นครั้งคราวบ้างอย่างมาก มันคือรถรุ่นที่เหมาะสมกับผมเป็นอย่างมาก เสียอย่างเดียวคือราคามันยังไม่เหมาะกับคนฐานะอย่างผมนั่นเอง
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com