Full Review : Mercedes Benz E220d AMG Dynamic … มินิ S- Class ในราคาเอื้อมได้
- โดย : Autodeft
- 7 ก.ย. 59 00:00
- 113,123 อ่าน
เมื่อไรก็ตามที่เราจะกล่าวถึงรถยนต์นั่งสุดหรู Mercedes Benz จะเป็นรถยนต์ยี่ห้อแรกไม่ก็ยี่ห้อที่สอง ที่เราจะพูดถึงเสมอ ไม่ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไร แถมบางคนยังเอาชื่อหรูฟังดูดีไปตั้งเป็นชื่อลูกๆ ของพวกเขาอีกต่างหาก เรียกว่าคนไทยถ้าจะพูดความหรูอย่างไรเสียต้องดาวสามแฉกเท่านั้น
ในหมุ่รถยนต์ Mercedes Benz ที่ขายดี Mercedes Benz E Class ถือเป็นรถยนต์หรูคู่บารมีเยอรมันมายาวนาน ทุกคนรู้จักมันเป็นอย่างดี แม้ว่าเดิมที E จะแทนความหมายถึง Einspritzmotor หรือเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบหัวฉีดในการทำงาน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปในปี 1993 จาก E ที่เคยอยู่ตามหลัง ก็เลยถูกยกขึ้นเป็น E-class ซึ่งพวกให้ความหมายถึง Elegance หรือความหรูหราแทน
ยอดขายกว่า 13 ล้านคัน นับตั้งแต่เริ่มผลิตจนมาถึงปี 2015 คงพิสูจน์ว่า รถยนต์สุดหรูคันนี้ไม่ธรรมดา มันคือรถที่คุณเห็นประจำบนถนนบ่งฐานะของผู้มีอันจะกิน เป็นรถที่โรงแรมหรูระดับสี่ดาวขึ้นไปใช้รับแขกบ้านแขกเมืองจากสนามบิน หรือถ้าคุณเคยเดินทางไปยุโรป Mercedes Benz E Class คือ รถที่พร้อมต้อนรับอาคันตุกะต่างแดนในฐานะรถแท็กซี่ ของแดนยุโรป
หลายรุ่นผ่านมาโดยเฉพาะรุ่นที่แล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่า Mercedes Benz ก็ได้เวลาที่จะเปิดตัวรถยนต์หรูยอดนิยมรุ่นใหม่ Mercedes Benz E Class ในรหัสตัวถัง W213 ในงาน North American International Auto Show 2016 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่ค่ายดาวสามแฉกในบ้านเรา จะพานักข่าวบินลิสบอนเพื่อทดสอบรถคันนี้ในระดับโลก และท้ายที่สุดก็มาเปิดขายในบ้านเรา ให้สาวกได้จับจองเป็นเจ้าของ Mercedes Benz E Class กัน
เป่าร่าง C ชูหรูแบบ S = E Class
ในต่างประเทศอาจจะมีหลายรุ่นให้เลือก แต่นาทีนี้ Mercedes Benz E Class ในประเทศไทย มีวางจำหน่ายเพียง 2 รุ่น คือ Mercedes Benz E220d Exclusive และ Mercedes Benz E220d AMG Dynamic เห็นหน้าค่าตากันตั้งแต่ไปทดสอบกลุ่ม มางวดนี้ Mercedes Benz E220d AMG Dynamic ยังคงให้ความรู้สึกเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา มันไม่แปลกตาในความหวือหวา เทียบกับรุ่นเดิมที่ชูความสปอร์ต รุ่นใหม่ทางค่ายเยอรมันเน้นไปทางความหรูหรามากกว่า
ทีมออกแบบเน้นเล่นง่ายด้วยเส้นสายการออกแบบพริ้วไหว จากหลักการของความคิดการออกแบบที่เรียกว่า “Sensual Purity” ทางทีมออกแบบบอกว่า มันเป็นแนวทางการออกแบบยุคใหม่ที่เน้นความทันสมัยปรุงเข้ากับความหรูหราอย่างมีเสน่ห์
สำหรับผม มันคือการเอาความคิดการออกแบบระหว่าง Mercedes Benz C-Class เน้นให้อารมณ์ความสปอร์ตมาปรุงเข้ากับการออกแบบของ Mercedes Benz S class ปรับการวิศวกรรมตัวถังเดิม แล้วร่ายมนต์เสกขึ้นมาเป็น Mercedes Benz E Class ใหม่
อย่าแปลกใจถ้าขับบนถนนแล้ว คุณมองกระจกหลัง พบ C class ที่ดูใหญ่ปกติ และเช่นเดียวกัน ถ้าคุณขับตามแล้วรู้สึกว่า ทำไม Mercedes Benz S class มันแลดูเล็กจัง นั่นเพราะมันคือ Mercedes Benz E -Class นั่นเอง
เส้นสายการออกแบบอาจไม่หวือหวา ทว่ามันไม่ต่างอะไรจากมีดพกสวิทช์อาร์มมี่ มันพกความฉลาดมากมายฝังไว้ข้างใน เริ่มจากไฟหน้า Multi Beam LED ซึ่งภายในโคมไฟจะมีชุดไฟ LED มากถึง 84 ดวง สามารถปรับการส่องสว่าง ด้วยระบบ Adaptive high Beam Assisted ปรับไฟ สูง-ต่ำได้เอง หากขับในยามค่ำคืน และสามารถแยกระยะการส่องเพื่อไม่รบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง เป็นวัตกรรมฉลาดล้ำสุดๆ
ตลอดจนเส้นสายการออกแบบที่เรียบง่ายมาพร้อมการออกแบบค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานเพียง 0.23 cd ช่วยให้ความลู่ลมในยามขับขี่ รุ่น AMG Dynamic มาพร้อมช่วงล่างที่ลดระดับต่ำลงอีก 15 มม. ลงตัวด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ด้านหน้าจัดยาง 245/40/R19 และด้านหลังให้ยาง 275/35 R19 ทั้งชุดที่ทดลองขับเป็นยางนุ่มเงียบ Primacy 3 แถมยังเป็นยางแบบ Runflat Tyre
หลังคาแก้ว Panoramic Roof เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เพิ่มความดูดีในตัวหรูมากขึ้นไปอีก รอบคันมาพร้อมชุดแต่ง AMG ดูกลืนๆ กับตัวรถ ให้ท่อไอเสียคู่ แถมท้ายด้วยระบบ Hand Free Access เตะไปตรงกลางใต้กันชนหลัง ฝากระโปรงก็จะเปิดขึ้นมาให้คุณเอง โดยไม่ต้องจับรถ ...
ทางด้านมิติตัวถัง Mercedes Benz E Class ใหม่ มาพร้อมความยาว 4,923 มม. กว้าง 1,852 มม. และ สูง 1,468 มม. มาพร้อมฐานล้อ 2,939 มม. หรือเทียบกับรุ่นเดิม รุ่นใหม่มีการปรับความยาวฐานล้อใหม่เพิ่มระยะฐานล้ออีก 63 มม. จากความยาวตัวรถทั้งหมดที่ปรับขยายเพิ่มขึ้นอีก 43 มม. นอกจากนี้ทางเมอร์เซเดสยังจัดการปรับแนวทางการอออกแบบโดยยืดระยะช่องฝากระโปรงหน้าเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 55 มม. ทำให้รูปลักษณ์เจ้า E Class ใหม่ ดูภูมิฐานมากขึ้น รถมีระยะยื่นน้อยลง แต่เช่นเดียวกันมันยังความสามารถในการใช้งานครบครันด้วยห้องสัมภาระท้ายจุ 540 ลิตร
ภายในหรูหราเต้มความทันสมัย
รับกุญแจ Keyless Go บนกุญแจไม่เน้นฟังชั่นหวือหวา มีเพียง เปิด-ปิดรถ และเปิดฝาท้าย เน้นเรียบง่ายแต่งานเนี้ยบเฉียบคมเป็นหลัก เพียงจับมือเปิดประตู รถปลดล็อกทันใจ ผมหย่อนตัวลงบนเบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า ทั้งคันหุ้มด้วยหนัง Nappa มันให้สัมผัสความสบายทันทีที่แตะแผ่นหลัง
ตัวเบาะเองมีลูกเล่นในการบันทึกตำแหน่งท่านั่งได้ 3 ตำแหน่งตามต้องการ ปุ่มปรับเบาะจัดวางไว้ที่ขวามือบนแงประตู ส่วนพวงมาลัยก็สามารถปรับได้ทั้งสูงต่ำ* หรือยืดหด ทั้งหมดจัดระเบียบตามความต้องการด้วยไฟฟ้า จับพวงมาลัยสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง Nappa สัมผัสนุ่มมือลงตัวแบบฉบับรถหรู กวาดตามองคอนโซลหน้าผสมผสานอย่างกลมกลืนลงตัวมีเสน่ห์ด้วยลายไม้ blacked ash wood ดูไม่สูงวัยเกินไปเหมือนที่ผ่ามา ตรงกลางเป็นระบบแอร์ต่างแต่งลงตัวด้วยวัสดุดำเงา Piano Black และถัดมาตรงกลางห้องโดยสารเป็น Touch pad และปุ่มควบคุมระบบความบันเทิง
ความหรูหราอันกลมกลืนลงตัว พยายามสอดแทรกมาพร้อมความทันสมัย ผมอดขำไม่ได้ กับการถอดเอาเรือนไมล์ดูโบราณออกไป แล้วแทนที่ด้วย ชุดจอภาพความละเอียดสูงแบบที่ใช้ในสมาร์ทโฟน ชุดจอภาพที่มีความยาวราวๆ 2 ไม้บรรทัด ถูกใส่เข้ามาเพื่อแสดงผลหน้าจอเรือนไมล์ตรงหน้าคนขับ และ หน้าจอระบบความบันเทิง แต่ละจอยาว 12.3 นิ้ว ชุดหน้าปัดดตรงหน้าคนขับ สามารถ ปรับได้ 3 แบบ ตามต้องการ คือ Sport , Progressive และ Classic เส่วนตรงกลางเป็นการแสดงผลระบบ COMMAND Online
ไงครับดูเหมือยจอ iphone 10 ที่เคยเป็น Forward mail ไหม ... ฮา
สิ่งที่ทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ คือชุดจอนี้มีความยาว มันวางขวางอยุ่ตรงหน้าผมตอนนี้ ตรงขอบมีสีเงิน ทำเอานึกถึงจดหมายลูกโซ่เมื่อนานมาแล้วที่แซว Apple ว่า ทำไอโฟน มีแต่ปรับขยายขนาดเพิ่มความยาว แล้วถ้า I Phone 10 มันคงจะยาวเป็นดาบไลท์เซเบอร์ ของเจได เจ้าจอนี่ดูเหมือนจริงๆ ดีนะไม่เรืองแสงได้รอบจอ ไม่งั้นมีฮากว่านี้อีก .... 5555
นอกจากเจ้า iphone 10 ไม่ใช่สิ ชุดจอตรงหน้าผมแล้วใน Mercedes E Class คันนี้ยังแปลกตาในการออกแบบด้วยไฟ Ambient Light ผมเรียกมันขำๆว่า “ไฟสวาท” เพราะมันสามารถปรับสีได้ทุกเฉดที่ถึงคุณนึกออก ไม่ว่าจะเข้มหรืออ่อน สามารถเปลี่ยนได้ถึง 64 สี ตามต้องการ มันเป็นหนึ่งในลูกเล่นที่เก๋ดี และจะดีกว่านี้ถ้าเชื่อมต่อกับโหมดการขับขี่สร้างเป็นโปรไฟล์กับ Agility Control ให้เปลี่ยนสีเมื่อเปลี่ยนโหมดการขับขี่ รวมถึงอาจจะเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดไปด้วย ...
ส่วนที่เหลือลูกเล่น Mercedes Benz E220d AMG Dynamic ก็คงไม่พ้นระบบ Wireless Charge ตลอดจน ระบบ COMMAND ยังรองรับ Apple carplay และ Android Auto แถมขับกล่อมคุณด้วยความทรงพลังจากเครื่องเสียง Burmester แน่นหนึบเสียงตึ๊บพอเพียง ครบทั้งมิติเสียง และการให้ความถี่เสียงครบครันไม่ว่าคุณจะฟังเพลงคล่าสสิค หรือจะร๊อคเขย่าหัวไปตามจังหวะเพลง
ด้านการโดยสารตอนหลัง Mercedes Benz E Class ใหม่ ให้ท่านั่งที่สบายพอตัว บางคนอาจจะว่ามันปรับเอนไปหน่อย แต่เอาเข้าจริงเทียบกับ C class ที่ผมเคยสัมผัสมาเรื่องพื้นที่ตอนหลังนี้แทบไม่ต่างกันมากมายจนรู้สึกถึงความสบายเต็มพิกัด เมื่อเทียบกับรุ่น S Class
เบาะนั่งอาจจะสัมผัสแข็งบ้างแต่นั่งได้สบายพอจะพาคุณเฝ้าพระอินทร์หากเหนื่อยล้า ไม่เพียงแค่ความสบายในการโดยสารเท่านั้น เจ้าเบาะตอนหลังนั้นยังมีดีด้วยฟังชั่นพับเบาะ 40/20/40 แต่ คุณต้องไปพับจากฝากระโปรงท้ายไม่สามารถปรับพับได้ในห้องโดยสาร ต้องไปดึงคันโยกจากฝากระโปรงหลัง ดูแล้วคงไม่สะดวกในการใช้งาน อาจเพราะความต้องการความเรียบร้อนในการออกแบบมากกว่า ทว่าถ้าคิดว่าจะซื้อ E class มาใช้งานแบบสไตล์คุณชายมีคนขับรถ ผมว่าอาจจะต้องผิดหวัง
ลองก่อนสมรรถนะในเมือง หรูคู่ความประหยัด
เอาล่ะ ...ฟังชั่นโคตรเยอะได้เวลาลองของ กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Mercedes Benz E220d AMG Dynamic ต้อนรับพร้อมขับด้วยขุมพลังดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส OM 654 เครื่องยนต์ตัวใหม่ มันอาจจะพลังน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเดิม แต่แฝงด้วยนวัตกรรมมากมาย
เครื่องยนต์ OM654 มาพร้อมการวิศวกรรมตัวเครื่องยนต์เป็นอลูมิเนียมบล็อก ทางวิศวกรรเมืองไส้กรอกเหลาว่าพวกเขาจัดการปรับออกแบบหัวสูบ Stepped Combustion Bowl พร้อมชุบสาร NANOSLIDE ช่วยลดแรงเสียดทานในการทำงาน ขุมพล้งมาระบบ Commonrail เจนเนอร์เรชั่นสี่ ให้หัวฉีดที่มีแรงดันสูงถึง 2050 บาร์ รวมถึงมีระบบปรับสภาพไอเสียหมุนวนขั้นสูง พร้อมระบบเทอร์โบ ระบายความร้อนด้วย intercooler ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที
เคียงข้างเครื่องยนต์ใหม่ Mercedes Benz แนะนำระบบเกียร์ 9 G Tronic ให้อัตราทดเกียร์เดินหน้าสูงสุด 9 สปีด จุดประสงค์หลักเพื่อสร้างความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบเกียร์ดังกล่าวติดตั้ง Hydromatic Torque Converter สามารถสร้างประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากขึ้น 6.5% ทั้งยังสามารถสร้างการตอบสนองในการขับขี่แตกต่างระหว่าง ความนิ่มนวลในการขับขี่ หรือเน้นการตอบสนองคล่องตัว
การมีเกียร์ระดับน้องๆ รถบรรทุกสิบล้อ อาจจะทำให้หลายคนกังขาว่า เราจะใช้มันหมดหรือไม่ ด้วยถนนเมืองไทยก็ไม่ได้มีทางยาววิ่งกัน นาทีนี้ผมขับอยู่ในเมือง ระบบเกียร์ 9 สปีดของ Mercedes Benz ให้ ให้สัมผัสแรกของความนุ่มนวล มันไม่มีความรู้สึกระหว่างการต่อเกียร์ อย่างเดียวที่ทำให้คุณรู้ว่าเกียร์คุณอยู่ที่ตำแหน่งใด คือ ตัวบอกตำแหน่งเกียร์บนเรือนไมล์
การขับขี่นุ่มสบายได้อรรถรสสุนทรีย์ในการขับขี่มากขึ้นด้วยความเงียบของห้องโดยสาร มันดีพอจะเปลี่ยนให้รถยนต์คันนี้รู้สึกแบบเครื่องยนต์เบนซินไหลายอย่างดูลงตัวในระหว่างการเดินทาง ทว่า Mercedes Benz E220d กลับรดื้อแพ่ง เมื่อจอดติดไฟแดงระบบ Start-Stop กลับไม่ทำงาน ผมพยายามดูว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นอะไรที่ทำให้ระบบไม่ทำงานหรือไม่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้มันไม่ทำงาน นอกจากอากาศภายนอกที่ร้อนอบอ้าวกว่า 35 องศา จึงอนุมานว่าสภาพอากาศน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ แถมรถที่เรานำมาทดสอบก็กระจกใสเป็นตู้ปลารับรังสียูวีแดดเมืองไทยเต็มๆ
ในยามรถติดเช่นนี้พวงมาลัยที่คล่องตัวเบามือในการใช้งาน ดูจะเป็นผู้ช่วยที่ดีในการพาซีดานหรูตะลุยเมืองกรุง การตอบสนองในการบังคับทิศทางค่อนข้างคม ดูเหมือนจะพยายามเน้นในความสปอร์ต แต่เมื่อคุณอยู่ในโหมดคอมฟอร์ทพวงมาลัย จะมีระยะฟรีอยู่พอตัว
ขับลัดเลาะตามเมืองกรุง บุกไปตามห้างดัง Mercedes Benz e class ใหม่ ก็ไม่ได้มีเพียงความหรูหราในการขับขี่เท่านั้น หากยังพกความทันสมัยมากมาย หนึ่งในระบบที่คุณจะว้าวสุดๆ คงหนีไม่พ้นเจ้าระบบ Parking Pilot มันสามารถช่วยคุณจอดรถยนต์ Mercedes Benz ได้เฉียบคมจนอาจคาดไม่ถึง
ตั้งแต่ตอนไปทดสอบกลุ่ม Mercedes Benz E class ผมยังจำได้ว่า พี่ดอม หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เรียกระบบนี้ว่า “กุมารโหมด” ถึงเราจะเรียกมันแบบไทยเวอร์ชั่นมากๆ แต่ความหมายนั้นก็ทำให้ผมจดจำเรื่องราวการทำงานของระบบดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ระบบนี้จะอาศัยกล้องและเรดาห์ช่วยในการจอดรถทั้งจอดเรียบทางขนานและจอดในซอง มันใช้งานง่ายมากเมื่อคุณขับรถไปในที่จอดรถเปิดระบบ ตัวระบบจะทำการตรวจสอบช่องจอดต่างๆว่าว่างมากพอสำหรับรถไหม เมื่อตัวระบบพบว่ามันว่างมากพอ ระบบจะทำการขอให้คุณให้ระบบทำงาน เมื่อทำงานระบบจะควบคุมทั้ง พวงมาลัย เบรก คันเร่ง และเกียร์เอง ทั้งหมด คุณเพียงนั่งเฉยๆ เข้าเกียร์ครั้งแรกครั้งเดียว ที่เหลือรถจัดการให้หมด โดยนอกจากเข้าจอดให้เองแล้ว เมื่อคุณกลับมาขึ้นรถระบบจะสอบว่า มีปัญญาเอารถออกจากช่องไหม ถ้าไม่มีปัญญาก็กดใช้ระบบให้มันทำงาน เช่นเคยเข้าเกียร์เพียงครั้งแรก ที่เหลือระบบจะทำงานให้หมดจนกว่ารถจะพ้นจากช่อง ระบบจะส่งไม้ต่อให้คุณขับรถต่อไป
ถึงจะสะดวกสบาย ประดุจคุณมีกุมารทองเป็นบ๋อยจอดรถ แต่สำหรับบ้านเราระบบนี้ดูจะทันสมัยไปนิด ทำเอาเพื่อนร่วมทางหลายคนงง ไม่เข้าใจว่าคุณกำลังจะถอยจอด บ่อยครั้งผมพบว่า พวกเขาจะจี้เข้ามา และบีบแตรเมื่อคุณกำลังจะถอย ดังนั้นขอแนะนำว่าถ้าจะใช้ระบบ เปิดไฟฉุกเฉินไว้ก่อน เขาจะได้รู้ว่าคุณกำลังจะจอด และที่สำคัญคุณต้องขับเร็วไม่เกิน 35 ก.ม./ช.ม. รวมถึงระบบจะไม่สามารถจอดให้คุณได้ถ้าไม่พบช่องว่างที่ขนาบข้างด้วยรถ
กล้องใน Mercedes Benz E Class ใหม่
ขับไปขับมาในเมือง เผลอแปปเดียวขับไปกว่า 99 กิโลเมตร ผมเสียบหัวจ่ายเติมน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมี่ยม เนื่องจากทาง Mercedes Benz แนะนำให้เติมน้ำมันเกรดนี้ ผมจบอัตราประหยัดในเมืองที่ 10.33 กิโลเมตร/ลิตร มันไม่หวือหวามากนัก ส่วนหนึ่งเพราะระบบ start – Stop ไม่ทำงานในช่วงอากาศร้อนระอุของบ้านเรา
ค่ำคืนเดียวกันได้เวลาลองอัตราประหยัดภาพรวม ผมออกเดินทางจากปั้มน้ำมันประจำ ตามกฎเดิม นอกเมืองไม่เกิน 120 ก.ม./ช.ม. ในเมือง ไม่เกิน 90 ก.ม./ช.ม. ขับตามสภาวะจริงการจราจร ในช่วงแรกเป็นการเดินทางจากนอกเมือ ผมล็อกระบบ Cruise Control ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ขับสบายๆ ไปเรื่อยๆ แต่ผมสังเกตหน้าปัดว่าถ้าคุณใช้ความเร็วระดับนี้เจ้าดาวสามแฉกจะยังไม่ให้คุณใช้เกียร์ 9 แม้เส้นทางจะตรงโล่งยาวๆ ก็ตาม ผมอนุมานเบื้องต้นว่าคุณต้องขับเร็วกว่านี้จึงได้มีโอกาสใช้เกียร์ 9
ช่วงนอกเมือง Mercedes Benz E220d ดูนิ่มเนียน ระบบช่วงล่างเซทมาแปลกๆ ด้านหน้าค่อนข้างแข็งนุ่มหนีบกว่าด้านหลัง รู้สึกได้ชัดมาในกรณีถ้าคุณขับผ่านคอสะพานอาจจะเพราะต้องการให้ผู้โดยสารตอนหลังนั่งสบายก็อาจจะเป็นไปได้ กลับกันถ้าคุณขับรถเปล่าหรือนั่งสองคนทางด้านหน้าจะรู้สึกถึงความนุ่มนวล ขับความเร็วปกติแบบนี้รถคุมง่ายมาก พวงมาลัยค่อนข้างคม และตึงมือขึ้นเล็กน้อยเมื่อใช้ความเร็ว
สิ่งที่น่าชมเชยคงหนีไม่พ้นเบาะนั่งที่ดูแล้วบีบๆในช่วงแรกๆ แต่พอนั่งไปนาน เบาะนั่งแบบนี้ให้การนั่งค่อนข้างสบายพอตัว มันดูเหมาะถ้าคุณเดินทางไกล ระยะทางยาวๆ
การทดสอบ Bonn Test mode
เผลอแวบเดียวผมเข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพมหานครติดไฟแดงตามปกติ แต่ครั้งนี้ระบบ Stat- Stop ทำงานเมื่อเครื่องยนต์หยุดการทำงาน ระบบเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศจะยังใช้งานได้ มันจะทำงานหน้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เหลียวดูสภาพอากาศในเวลาทดสอบ ซึ่งเป็นเวลากลางคืนอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศา ผมเริ่มมั่นใจว่าอากาศเย็น ระบบจึงทำงานตลอดเวลา ทุกครั้งที่คุณหยุดรถ จนบางคนอาจจะรำคาญ เพราะเครื่องยนต์ดีเซลเวลาเริ่มต้นการทำงานจะมีอาการสะบัดสะท้ายรถทั้งคัน มันไม่เหมือนเครื่องยนต์เบนซิน
ตลอดเวลาที่ขับทดสอบอัตราประหยัดเฉลี่ย ผมจับเวลาการหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ สรุป เครื่องยนต์หยุดการทำงานไปเป็นเวลา 2.04 นาที ตลอดการทดสอบ เรียกว่าในเมืองถ้าไม่วิ่งเครื่องก็ดับตลอด
เมื่อมาถึงปั้มเดิมหัวจ่ายเดิม ผมขับมาด้วยระยะทาง 63 กิโลเมตร ตามโหมดนี้ ผมได้อัตราประหยัดที่โคตรทึ่งกับตัวเลข 21.414 กิโลเมตร/ลิตร หลังจากเติมน้ำมันเพียง 2.942 ลิตร ส่วนหนึ่งอาจจะด้วยการจราจรไม่ค่อยติดขัดมากนัก เมื่อรวมกับการทำงานของระบบ Start-stop บ่อยครั้ง มันก็เป็นไปได้
ลองหน่อยนอกเมือง ...กว่าจะได้ใช้เกียร์ 9 ...
ผมเชื่อว่าคำถามที่หลายคนใครอยากรู้เกี่ยวกับเจ้า Mercedes Benz E Class คงไม่พ้นสรุป เกียร์ 9 นี่เราจะได้ใช้มันขับขี่ไหม
ผมใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์เดินทางออกนอกเมืองไปเพลิดเพลินกับความหรูหรา การขับขี่ด้วยโหมดคอมฟอร์ท ใหดความสบายสุงสุดผมลองด้วยความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ธรรมดา หน้าปัดยังไม่ยอมให้ผมใช้เกียร์ 9 ดังที่ได้ลองมาแล้วใน Bonntest Mode
สมมติฐานของผม เชื่อว่า เราอาจจะต้องใช้ความเร็วเกินกฎหมายไทยกำหนด 120 ก.ม./ช.ม. เนื่องจากในต่างประเทศ มีการกำหนดการจำกัดความเร็วสูงกว่า ผมลองป้ายเท้าไปยังแป้นคันเร่งรถเพิ่มความเร็วเรื่อยๆจนถึง130 ก.ม/ช.ม. แล้ส ระบบเกียร์ก็เปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ให้ผมได้ใช้ขับขี่ พิสูจน์การอนุมานของผมว่าเป็นจริง
นาทีนี้ผมลดความเร็วดูสิว่า จะใช้ความเร็วต่ำกว่า 130 ก.ม./ช.ม ในเกียร์ 9 . ได้หรือไม่ น่าอัศจรรย์หากคุณอยู่ในความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ยังสามารถใช้ได้ แต่รอบเครื่องก็ถือว่าต่ำมากเพียงราวๆ 1300 รอบต่อนาทีเท่านั้น ถ้าเทียบกับเกียร์ 8 ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. จะสูงถึง 1,700 รอบต่อนาที
รายงานการทำงานของรอบเครื่องยนต์ Mercedes Benz E Class
ความเร็ว (ก.ม./ช.ม.) |
เกียร์ 8 |
เกียร์ 9 |
100 |
1300 |
|
110 |
1500 |
|
120 |
1700 |
1300 |
โอเค!! จะใช้เกียร์ 9 ต้องใช้ความเร็วค่อนข้างสูง แต่นอกจากชุดเกียร์ ที่มีอัตราทดมากถึง 9 สปีด แล้ว Mercedes Benz E Class ยังมาพร้อมระบบ Agility Control ช่วยเปลี่ยนการตอบสนองของรถให้เหมาะสมกับความต้องของผู้ขับขี่ มันมี 5 โหมดสำคัญ คือ Eco , Comfort, Sport, Sport+ และท้ายสุด Individual ตามใจฉันต้องการ สามารถเซทได้จาก COMMAND
ยามขับนอกเมืองแบบนี้ถึงจะดูไม่มีอะไรใหม่นอกจากเกียร์ 9 สปีด แต่การเปลี่ยนไปใช้โหมดสปอร์ตจาก Agility Control ช่วยปรับเรื่องสำคัญอยู่ 3 อย่างคือ พวงมาลัย เครื่องยนต์ และท้ายสุด ระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์
ทาง Mercedes Benz กล่าวว่าการใช้ sport ในการขับขี่ชุดเกียร์จะใช้รอบเครื่องสูงกว่าปกติ เพื่อการตอบสนองในการขับขี่ ผมลองดูถึงการเปลี่ยนไปของรถ หลักๆ คือ พวงมาลัยแน่นขึ้นกว่าเดิม และลดระยะฟรีลง ส่วนเครื่องยนต์ตอบสนองดีขึ้น ผมมองดูบนหน้าปัด ระบบเกียร์จะไม่ใช้เกียร์ที่ 9 ในการขับขี่เพื่อให้รอบเครื่องยนต์อยู่ในจุดที่เหมาะสมตลอดเวลา และการตอบสนองคันเร่งของเจ้าดาวสามแฉกจะดีขึ้นหว่าเดิมอย่างชัดเจน ส่วน sport+ จะมีการดึงจากเครื่องยนต์หรือ Engine Brake มากกว่า Sport แต่นอกนั้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ผมขับนอกเมืองใมโหมดคอมฟอร์ทมานอกเมืองเรื่อย จนครบระยะทางที่ต้องการวัดอัตราประหยัด ผมขับมาทั้งสิ้น 213 กิโลเมตร ขับต่อได้อีก 742 กิโลเมตร เมื่อหารตัวเลขอัตราประหยัดออกมาแล้ว ผมได้อัตราประหยัด 14.46 กิโลเมตร/ลิตร นั่นหมายความถึง คุณมีโอกาสขับน้ำมันถังนี้ได้เฉียดพันกิโลเมตรในความเร็วเดินทางตามปกติ ถ้าต้องการ
เผลอแวบเดียวย้ำค่ำ อยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ ปัญหาสำคัญในการขับขี่คงไม่พ้นทัศนวิสัย ถนนมือไร้แสงไฟ คุณเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ Mercedes Benz E Class ใหม่ ให้ความมั่นใจได้ในการขับขี่ ด้วยระบบ ไฟหน้า MultiBeam LED ที่สามารถปรับจังหวะไฟสูงต่ำอัตโนมัติ รวมถึงตบไฟไม่ให้แยงสายตาเพื่อนร่วมทาง
มันใช้งานง่ายและสะดวกมา ระบบจะจัดการให้ทุกอย่างพอกันทีกับการขึ้นไฟสูง-ไฟต่ำอัตโนมัติ เหมาะอย่างยิ่งมากๆ สำหรับคนมีปัญหาในเรื่องสายตาในยามขับขี่
ลองกึ๋นสมรรถนะ ร่างสปอร์ตที่ต้องปรับยางและช่วงล่างถ้าชอบความมันส์
เมื่อคุณรู้ว่ารถมี 9 เกียร์ คุณรู้ว่ามันมีแรงบิด 400 นิวตันเมตร และกำลังเฉียดๆ 200 แรงม้า ออกตัวแบบหลังติดเบาะ บางครั้งคุณอาจจะ ลองขับมันให้สนุกสนานนดูบ้าง นาทีนี้ผมติดไฟแดงแถวปราบุรี ตรงหน้าไม่มีใคร มีเราและรถข้างที่ดูเหมือนจะแอบเหล่ Mercedes Benz E Class ใหม่
ก่อนออกตัวเพื่อความสปอร์ตเร้าใจแนะนำให้ปรับ Agility Mode มาเป็น Sport มันปรับชุดเกียร์พร้อมตอบสนองเช่นเดียวกับพวงมาลัยที่มีจังหวะฟรีน้อยลงมันตึงมือขึ้น หายใจลุกๆ 3 -2- 1 ไฟเขียว
ผมสวนคันเร่งออกไป Mercedes Benz E class ออกตัวอย่างเร้าใจ คันข้างๆ ดูเหมือนจะเป็นอเนกกประสงค์เพื่อนร่วมชาติเยอรมัน เขาก็คงอยากลองกับเราเสียหน่อย
เราตัดออกทางเลี่ยงเมืองหัวหิน-ชะอำ เขาก็เช่นกัน เส้นทางนี้ไฟมืดมาก ไฟตามทางน้อย ระบบ Multi Beam Led ปรับชุดไฟให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ผมเห็นระบบปรับไฟสูงทางซ้ายเป็นสำคัญ เพื่อให้เราเห็นสิ่งที่อยู่ข้างทาง ชุดไฟทำงานได้ดี แต่ชุดเกียร์ทำงานได้ดีกว่า มันตอบสนองอย่างตืด เหลียวมองหน้าปัดอีกที ก็ทำความเร็วสูงเสียแล้ว
ระบบช่วงล่างนาทีนี้ยังวางใจได้ เช่นเดียวกับยาง Michelin Primacy 3 ทว่าระบบช่วงล่างด้านหลังดูนุ่มไปนิด ทำให้รถมีอาการดิ้นบางนิดหน่อย แต่ยังอยู่ภาวะการณ์ควบคุม
รถหน้าช้า ซ้ายไม่ว่าง คงต้อง เบรก ... ผมเหยียบแป้นเร็วไปนิด รถออกอาการท้ายไหลอย่างชัดเจน ระบบ ESP ควบคุมการทรงตัวเข้ามาช่วยทำงานทันทีแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการขับขี่ ถ้าคุณไม่ตกใจไปกับมัน และรู้ว่าระบบพร้อมจะช่วยคุณในการทำงาน
จากที่ลองขับด้วยความเร็วมาตลอดจนกระทั่งถึงตอนที่ทำ Performance Test เรื่องเดียวที่ผมดูจะติติงใน Mercedes Benz E class คือ ช่วงล้างด้านหลังที่นิ่มไปหน่อย อาจจะเพราะต้องการเน้นการใช้งานในการนั่งก็เป็นไปได้
ตารางการทดสอบ อัตราเร่ง Mercedes Benz E Class E220d
|
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
ครั้งที่ 3 |
เฉลี่ย |
0-100 ก.ม./ช.ม. |
9.996 |
9.998 |
9.762 |
9.919 |
0-160 ก.ม./ช.ม. |
24.00 |
24.00 |
22.80 |
23.60 |
80-120 ก.ม./ชม. |
6.000 |
6.000 |
6.000 |
6.000 |
*ทดสอบด้วย ถนนลาดยาง .... * ใช้นำมันดีเซลพรีเมี่ยม
ในแง่อัตราเร่ง ตามรายละเอียดทางเทคนิค Mercedes Benz ระบุว่า Mercedes Benz E220d สามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลา 7.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 240 ก.ม./ช.ม.
จากการขับทดสอบจริงของผมเอง พบว่า อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.ของ Mercedes Benz E Class E220d นี้ เราได้อัตราเร่งเฉลี่ยเพียง 9.919 วินาที และ 80-120 ก.ม./ช.ม. ได้อัตราเร่งเพียง 6.0 วินาที และนอกจากนี้ผมยังจับเวลา 0-160 ก.ม./ช.ม. ทำเวลาได้ 23.60 วินาที
ด้านการทำความเร็วปลายก็สามารถทำได้ 231 ก.ม./ช.ม. แต่นั่นคือผมแช่ยาวๆ มา 3.5 กิโลเมตร บนทางตรงที่ทำความเร็วสูงสุดประจำเชื่อว่าถ้ามีทางตรงโล่งๆ ยาว กว่านี้ คงจะพอมีโอกาส ... ทำความเร็วได้ตามสเป้ค แต่ว่าคุณก็รู้ใช่ไหมว่าถนนเมืองไทย ไม่ได้โล่งขนาดนั้น
สรุป Mercedes Benz E class W213 : หรูหรา Mini S class ย่อ ส่วน
ตลอดเวลาที่ผมใช้ชีวิต ร่วม Mercedes Benz E class E220d ยอมรับว่ามันคือรถยนต์นั่งสุดหรูตัวจริง ที่พร้อมพาคุณเดินทางอย่างสบาย ไม่ว่าจะขับเองหรือนั่งตอนหลัง นี่คือยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมชั้นนำ ที่จะพาคุณไม่มีวันลืม
ความหรูหราสะดุดตามมันมาพร้อมกับฟังชั่นในการขับขี่ครบครัน รถดูลงตัวในทุกมุมมอง แม้ว่ามันจะดูคล้าย Mercedes Benz S class ย่อ ส่วน แต่ก็มีฟังชั่นในการขับขี่อันพร้อมสรรพที่ใช้งานได้จรองไม่ใช่เพียงความสวยงามเท่านั้น ไม่ว่าจะ ระบบ Multi Beam LED เป็นประโยชน์อย่างมากยามขับขี่กลางคืน หรือจะเป็นกล้องมองรอบทิศทาง ช่วยคุณขับขี่ในเมือง ตลอดจนระบบกล้องและเซนเซอร์รอบคันยังสามารถใช้งานเป็นโหมด Parking Pilot ขับอัตโนมัติเข้าที่จอดรถ เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง
ภายในห้องโดยสาร Mercedes Benz E Class ใหม่ มาพร้อมการออกแบบเน้นความหรูทันสมัย สังเกตได้จากการลดจำนวนปุ่มในรถ คุณมีทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว 2 จอ ใช้แสดงผลเป็นเรือนไมล์ สำหรับผมมันจะดูแปลกตาไม่เนียนเท่าไร เมื่อชุดจอขนาดใหญ่นี้ เหมือนมาวางแปะไว้บนคอนโซลเฉยๆ
ส่วนบนพวงมาลัยมีปุ่ม Touch รูดเอาตามความสะดวกในการใช้งาน ดูค่อนข้างสะดวกส หากเมื่อใช้งานจริงจะพบว่า หลายครั้งหลายคราว มือคุณไปโดนเองจนวิทยุปรับช่องเอง ขณะที่คุณกำลังฟังอย่างเพลิดเพลินใจ มันออกจะเซ็นซิทีฟไปหน่อยแม้จะสะดวกในการใข้งาน
เรื่องความสบายในการโดยสาร ผมว่า E-Class ใหม่ทำได้ดีทั้งทั้งตอนหน้าและตอนหลัง ฟังชั่นต่างจัดมาเต็มตามสไตล์รถหรูราคา 7 หลัก ระดับบ้านเดี่ยวยังมีอาย ไม่แปลกที่มันจะนั่งสบายจนคุณลืมอะไรหลายๆอย่างเว้นเพียงราคาทำเอาปาดเหงื่อเหมือนกัน
หลายอย่างอาจจะลงตัวในความรู้สึก กลับกันผมคิดว่าเจ้ารถยนต์ Mercedes Benz E class นี้กลับมีพื้นที่ห้องโดยสารเล็กไปจากความจริงของตัวรถภายนอกที่มีขนาดใหญ่ และถึงมันจะใหญ่กว่า C-Class ทว่าเมื่อคุณเข้าไปนั่งในห้องโดยสารกลับจะรู้สึกไม่แตกต่างกันมากมาย ทั้งที่มันเป็นรถคนละระดับ จริงที่การโดยสารตอนหลังสบายกว่า แต่ผมว่าการจัดท่านั่งตอนหลังยังสามารถดีได้มากกว่านี้อีก ที่สำคัญในการโดยสารตอนหลังไม่มีนวัตกรรมล้ำสมัยอะไรเมื่อเทียบกับด้านหน้าที่ให้มาหมดครบครันทุกความต้องการ แต่ด้านหลัง หลับมีเพียงช่องแอร์ที่เขี่ยบุหรี่ พนักผิงหลัง จนกล้าพูดว่า ถ้าคุณกำลังตัดสินใจซื้อ E Class แล้วจ้างคนขับมาขับพาคุณไปที่ต่างๆ ผมว่า จ่ายอีกนิด ซื้อ S Class หรือไม่ ลดงบไปซื้อ C Class อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป
แง่มุมสมรรถนะการขับขี่ Mercedes Benz E220d ลงตัวในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ มันได้เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ขุมพลัง OM654 คือที่สุดของเครื่องยนต์เมอร์เซเดสในเวลานี้ ถ้าคุณต้องการประหยัดน้ำมัน และการปล่อยไอเสีย มันถูกวิศวกรรมมาให้ตอบโจทย์ในการขับขี่ด้วยนวัตกรรมในตัวเครื่องยนต์มากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะการเป็นเครื่องยนต์ดีเซลอลูมิเนียมบล็อกทั้งตัว ช่วยลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ ตลอดจนเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลตัวอื่น เสียงในการทำงานกลับเงียบกว่า
หากด้วยความต้องการเน้นประสิทธิภาพในการขับขี่ทำให้กำลังเครื่องยนต์อาจจะไม่ได้มากมายอย่างทมี่คิด ไม่ว่าแรงม้าและแรงบิด ทว่ามันก้ทดแทนด้วยระบบเกียร์ 9 สปีด มันมีอัตราทดหลายตำแหน่งเพื่อช่วยคุณประหยัดและขับสนุก ดังนั้นถ้าให้พูดก็คือว่าเจ้ารถคันนี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในการขับขี่อย่างประสิทธิภาพมากกว่าจะเหมาะนำมันไปซิ่งตามถนนหนทาง
อย่างไรก็ดี น่าแปลกที่ Mercedes Benz ประเทศไทย เลือกที่จะไม่ติดตั้งระบบความทันสมัยบางอย่างในรถที่พวกเขาขาย แม้มันจะเพิ่มราคารถทว่าก็เจ๋งจนเราอยากให้ติดมาโดยลูกค้าไม่ต้องเลือกเป็นออพชั่น ระบบ Drive Pilot ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ Mercedes Benz E class รุ่นจำหน่ายในไทยขาดสีสันไป มันคือระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตั้งแต่ 20 ก.ม./ช.ม. – 210 ก.ม./ช.ม. บอกตามตรงมันคือ ระบบ Adaptive Cruise control โดยระบบดังกล่าวยังทำงานร่วมกับ Distance Pilot Distronic สามารถติดหยุดนิ่งแล้วกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ได้ถึง 30 วินาที มันเป็นระบบที่มีความสะดวกสบาย แต่จากที่ลองขับใน E220d นั้นดูเหมือนจะยังไม่มีมาให้เราใช้ ทั้งที่ก็ควรจะติดตั้งมาให้
ก้าวลงจากรถ Mercedes Benz E220d AMG Dynamic ผมรู้ว่ามันคือรถที่เปี่ยมด้วยความลงตัวทางด้านความหรูหราและสะดวกสบายในการเดินทาง มีความทันสมัยในแบบความหรู เรียกว่าเพอร์เฟ็ค เว้นอย่างเดียวคือราคาจำหน่ายของมันที่สูงลิบสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับนักธุรกิจชั้นนำแล้ว นี่คือรถพกความล้ำสมัยมาเต็มเปี่ยมพร้อมความหรูหราระดับที่น่าพอใจ แถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าจากขุมพลังสุดประหยัดของมัน ...
รถทดสอบ Mercedes Benz E220d AMG Dynamic
ราคาจำหน่าย 4,790,000 บาท
สิ่งที่ชอบ >>> เครื่องยนต์บล็อกใหม่และเกียร์ 9 สปีด ถือเป็นการเดินหมากที่เหนือความคาดหมายเรื่องประสิทธิภาพในการขับขี่ แถมตัวรถยังมีความทันสมัยเรื่องระบบต่างๆ อีกมากมาย เข้ามาช่วยในการขับขี่จนคุณจะพอใจ
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ช่วงล่างหลังที่นิ่มนวลดีต่อการนั่ง หากไม่เหมาะต่อการขับความเร็วสูง รวมถึงชุดยางตัวนี้เป็นยางทัวร์ริ่ง เน้นความนิ่มนวลในการขับขี่ มันไม่เหมาะเมื่อทำความเร็วสูง ซึ่งผมเชื่อว่าคนขับรถหรูหลายคนก็น่าจะใช้ความเร็วอยู่บ่อยครั้ง
สิ่งที่อยากให้มี >>> อยากให้ติดตั้งระบบ Drive Pilot มาเป็นมาตรฐาน
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>> มันคือหนึ่งในรถหรูจอมประหยัดนั่งสบาย แห่งยุคอัดแน่นด้วยความทันสมัย แต่ถ้าถามผมเรื่องการนั่งกลับรู้สึกว่าไม่ต่างจากน้องชาย C-Class มากนัก
สรุปผลการทดสอบ Mercedes Benz E220d AMG Dynamic
ในเมือง |
10.33 ก.ม./ลิตร (ระบบ Start Stop ไม่ทำงาน) |
นอกเมือง |
14.46 กม./ลิตร |
Bonn Testmode |
21.414 กม./ลิตร (ระบบ Start Stop ทำงาน) |
ทดสอบด้วยน้ำมันดีเซล เกรดพรีเมี่ยม
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com