Test Drive : รีวิว ทดลองขับ All New Mazda 3 ขับสั้นๆ เก๋งคอมแพ็คเจนใหม่ค่าย Zoom Zoom

นับตั้งแต่ปี 2547 ที่สาวก Zoom Zoom ทั่วโลกได้รู้จักกับรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายมหาศาลกว่า 6 ล้านคัน และการตอบรับที่ดียิ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมา 3 เจเนอเรชั่นสำหรับเก๋งคอมแพ็คในนาม Mazda 3

ล่าสุด Mazda 3 เจเนอเรชั่นใหม่ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่ปลายปี 2561 ที่สหรัฐอเมริกาและทำตลาดไปแล้วในบางประเทศ ล่าสุดเมืองไทย พร้อมแล้วที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกใหม่ของเก๋งคอมแพ็ค ที่มาพร้อมเทคโนโลยี SKYACTIV-Vehicle Architecture แต่ก่อนที่จะได้เผยตัวจริง ทางผมได้รับเกียรติ์จากทาง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ให้มาลองขับรถยนต์ Mazda 3 เจเนอเรชั่นใหม่ โดยงานนี้มีทั้งรุ่น Sedan และ Hatchback ให้ขับกัน

เจเนอเรชั่นที่ 4 มาพร้อมรูปแบบความสง่างามภายใต้สุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น การออกแบบของมาสด้าเข้าสู่ความตื่นเต้นขั้นใหม่ ตามสไตล์แนวคิด KODO DESIGN หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายที่สุดในองค์ประกอบโดยรวม ทิศทางของแสงและเงาสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนไหว และสะท้อนไปบนตัวรถทำให้เกิดการแสดงออกที่มีนัยสำคัญ และน่าทึ่ง

โดยในรุ่น Sedan เน้นโฉบเฉี่ยวและหรูหราสง่างาม ส่วนรุ่น Hatchback หนักแน่นและเร้าใจ ถึง 2 ตัวถังจะต่างสไตล์ ต่างบุคลิก แต่ก็มาด้วยออพชั่นที่โดดเด่นทั้งกระจังหน้า พร้อมไฟหน้า LED ทรงเรียวขึ้น หลังคารถที่โค้งมนกรอบกระจกประตูหลังบริเวณ เสา C แตกต่างอย่างชัดเจน ขอบโครเมี่ยมที่กรอบกระจก เพิ่มความหรูมากขึ้น พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/45 R18 จากค่าย Yokohama และบั้นท้ายของรุ่น Hatchback มาพร้อมสปอยเลอร์หลังทรงเท่และด้านท้ายมาพร้อมไฟ LED วงกลม 2 ดวง และด้านท้ายรุ่น Sedan ยังใช้ไฟแบบ LED แตกต่างจากเจนที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

สำหรับมิติตัวรถ Mazda 3 เจเนอเรชั่นใหม่ กับ เจเนอเรชั่นที่แล้วมีความแตกต่างดังนี้

 

ภายในของ Mazda 3 เจเนอเรชั่นใหม่ เข้มด้วยห้องโดยสารโทนสีดำ บ่งบอกความสปอร์ตอย่างเต็มภาคภูมิ แต่เน้นเรียบง่ายแต่หรูหรา ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าออกแบบเน้นไปแนวสปอร์ตด้วยการบุวัสดุผิวสัมผัส ใช้งานง่ายตั้งแต่แผงช่องแอร์ซ้าย-ขวาออกแบบใกล้แผงมาตรวัดรวมถึงการออกแบบบนแผงคอนโซลหน้า ให้ตำแหน่ง จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Active Driving Display ซ่อนมุม สะท้อนขึ้นกระจก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์ใหม่ คอนโซลกลางมาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ตรงกลางแผงคอนโซล 8.8 นิ้ว พร้อมระบบความบันเทิง Mazda MZD Connect ลำโพงจาก BOSE ที่มากถึง 12 จุด โดยงานนี้ ลำโพงส่วนหน้า ย้ายตำแหน่งไปอยู่ที่บริเวณแผงประตูคู่หน้าแทนตำแหน่งบนคอนโซลหน้า เครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา รวมถึงการออกแบบคอนโซลเกียร์ ปุ่มควบคุมการทำงานระบบความบันเทิง และเบรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Hold Brake ให้อยู่ในจุดเดียวกันและใกล้มือผู้ขับขี่มากที่สุด รวมถึงย้ายตำแหน่งที่วางแก้วน้ำไปอยู่เใต้แผงควบคุมเครื่ิองปรับอากาศและกล่องคอนโซลขนาดใหญ่ เรียกว่าเอาใจคนชอบจุของอย่างแน่นอน

ด้านเบาะนั่งด้านหน้าเป็นจุดเด่นที่น่ายกย่องโดย ออกแบบมาแนวสปอร์ตโอบกระชับมากขึ้นแถมยังออกแบบให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารคงท่าทางที่ดีแม้ในยามเข้าโค้งด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาเพื่อรักษาเส้นโค้งรูปตัวเอส ตามธรรมชาติของกระดูกสันหลัง เบาะรองนั่งและเบาะรองหลังช่วงล่างรองรับกระดูกเชิงกรานส่วนล่างลดความเมื่อยล้าในการขับขี่โดยปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำในฝั่งผู้ขับขี่แต่ฝั่งผู้โดยสารยังคงเป็นปรับธรรมดา

ส่วนเบาะหลังในรุ่น Sedan กลับได้เปรียบตรงที่หลังคารถออกแบบไม่กดลงจนมากเกินไปทำคนตัวสูง 174 ซม. อย่างผม นั่งสบาย เข้าออกง่าย แต่ในรุ่น Hatchback อาจจะลำบากสักหน่อยเพราะหลังคารถออกแบบต่ำแต่ยังพอมีพื้นที่ Head Room อยู่บ้าง เข้าออกอาจต้องก้มหัวกันหน่อย แต่ Leg Room หรืออุโมงค์วางขาไม่สูงเท่าไหร่เกือบติดหัวรองเท้า แต่ยังดีที่ให้ช่องแอร์ด้านหลังมาให้เป็นออพชั่นมาตรฐาน

ด้านขุมพลังสำหรับเวอร์ชั่นไทยที่สาวก Zoom Zoom รอว่าจะได้ว่าขุมพลังใหม่หมด SKYACTIV-X บอกได้เลยว่าเสียใจอย่างสุดซึ้งเพราะยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร รหัส PE เช่นเดิม คาดยังให้แรงม้าถึง 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับพลังงานทางเลือก E85 มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE แต่เมื่อวางประจำการในเจเนอเรชั่นใหม่ Mazda พัฒนาขุมพลังนี้ให้แรงเร้าใจขึ้นด้วยการเปลี่ยนหัวลูกสูบ ปรับแหวนลูกสูบ หัวฉีดเวอร์ชั่นใหม่ที่ฉีดละเอียดขึ้น และยังปรับในส่วนของวาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็นเพื่อมอบประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในระดับไดนามิกส์ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Mazda ต้องการจัดงานทดลองขับ Mazda Thailand Sneak Preview จึงเนรมิต สนามทดสอบยาง Yokohama Tire Center of Asia จ.ระยอง จำลองสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวันทั้ง ด่าน ทดสอบอัตราเร่ง ระบบช่วงล่าง การควบคุม ระบบเบรก เป็นต้น โดยรุ่นที่ลองขับเป็นรุ่นท็อปสุดทั้งแบบ Sedan และ Hatchback ขุมพลัง SKYACTIV-G 2.0 ลิตร ถึงจะเป็นขุมพลังเดิม อัตราเร่งการตอบสนองยังรักษาความดีตรงที่ให้ความทันใจฉับไวกว่าเจนเดิม ด้านการเก็บเสียง หรือ NVH (Noise, vibration and harshness) เมื่อมาอยู่ในร่างใหม่เจนใหม่กลับทำผลงานเงียบขึ้น เพราะทาง Mazda เอง คำนึงถึงสมรรถนะของเสียง การสั่นสะเทือน และความกระด้าง หลากรูปแบบจึงพัฒนาระบบเก็บเสียงให้หนาแน่นขึ้นด้วยวัสดุดูดซับเสียงติดตั้งมาอย่างดี

ระบบช่วงล่างที่จากเดิมเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ หน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงและหลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง เปลี่ยนเป็นหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทส่วนหลังเป็นแบบคานแข็ง ทอร์ชั่นบีม แต่ถึงจะเปลี่ยนช่วงล่างไปแต่การทำงานยังให้ความหนึบสปอร์ตเช่นเดิม การซับแรงกระแทกยังทำงานได้เยี่ยมไม่ว่าจะเจอสภาพถนนแบบไหนก็หายห่วง การควบคุมและการเข้าโค้งมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control PLUS (GVC Plus) เวอร์ชั่นใหม่ ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น เพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ เมื่อผู้ขับขี่ขับรถออกจากโค้งโดยคืนพวงมาลัยกลับไปที่ตำแหน่งกึ่งกลาง GVC Plus เพิ่มแรงเบรกเพียงเล็กน้อยไปที่ล้อด้านนอก

ยอมรับเลยว่าระบบทำงานได้คมกริบ ฉับไว ไม่มีอาการท้ายปัดขณะเข้าโค้งรวมถึงเส้นทางสลาลอมที่มีกรวยวางเป็นแนวตั้ง หักหลบสิ่งกีดขวาง มั่นใจกว่าเจนเดิมและการหมุนพวงมาลัยได้สั้นลงกว่าเจนเดิมเช่นกันและปิดท้ายด้วยระบบเบรกที่ทำผลได้ดีกว่าเจนเดิม ไม่ว่าจะเบรกทั่วๆไปแบบ (เหยียบเบรก 30-40 %)หยุดรถสัญญาณไฟแดงหรือเบรกฉุกเฉิน(เหยียบเบรกเต็มแรง 100 %) ให้ความหนักแน่น ฉับไวกว่าเจนเดิมอย่างเห็นๆ

ถึงจะขับสั้นๆ แต่ก็บอกเลยว่า การปรับปรุงครั้งใหญ่นี้ ส่งผลต่อการขับขี่ที่เร้าใจและมันกว่าเจนเดิมอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นระบบการควบคุม พวงมาลัย อัตราเร่งถึงจะเป็นขุมพลังเดิม SKYACTIV-G 2.0 ลิตร แต่ให้ความสนุกสนานกว่าที่ผ่านมา อีกจุดหนึ่งที่น่ายกย่องนั่นคือเบาะนั่งคู่หน้าที่ออกแบบโอบกระชับกว่าเดิม แผงคอนโซลหน้าเน้นเรียบง่ายไม่บดบังทัศนวิสัยและดีไซน์รถเน้นสปอร์ตปนความหรูหรา ส่งผลให้แฟนๆที่รักและเหนียวแน่นกับค่ายรถยนต์จากเมืองฮิโรชิม่า กลับมาหลงรัก แบบหัวปักหัวปำรวมถึงคนที่ไม่เคยสัมผัสรถยนต์ค่ายนี้ด้วย แต่การเปิดตัวพร้อมราคาจำหน่ายคาดว่าจะเปิดในช่วงเดือนกันยายน สำหรับ Mazda 3 เจเนอเรชั่นใหม่

 

เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย

 

ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ All New Mazda 3

 

ชม Gallery รีวิว ทดลองขับ All New Mazda 3 ได้ที่นี่ !!