Test Drive : รีวิว ทดลองขับ All New Mazda 3 เก๋งสปอร์ตขับสนุกเครื่องเสียงดี ปลอดภัยเต็มคัน
- โดย : Autodeft
- 1 ต.ค. 62 00:00
- 18,390 อ่าน
หลังจากได้จัดกิจกรรมทดลองขับแบบสั้นๆ Sneak Preview เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็ได้รับความสนใจและถามถึงเป็นจำนวนมาก สำหรับ Mazda 3 เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ให้ความสปอร์ต ความหรูหรา และความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV-Vehicle Architecture ตอกย้ำความมั่นใจจากมหาชนชาวไทยด้วยอดจองกว่า 1,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ความร้อนแรงของเก๋งคอมแพ็คพรีเมี่
Mazda 3 เจนใหม่ในรหัสตัวถัง BP มาพร้อมความสง่างามภายใต้สุนทรียศาสตร์ตามสไตล์แนวคิด KODO DESIGN หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายที่สุดในองค์ประกอบโดยรวม ทิศทางของแสงและเงาสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนไหว และสะท้อนไปบนตัวรถทำให้เกิดการแสดงออกที่มีนัยสำคัญ และน่าทึ่งโดยสอดคล้องกับธีมการออกแบบ เรียบง่ายแต่งดงาม หรือ Less Is More
ถ้ามองกันลึกๆ 2 รูปแบบตัวถังมีความต่างกันอย่างชัดเจนตามบุคลิกและตัวตนถึงจะใช้พื้นฐานเดียวกัน เริ่มที่รุ่น Fastback หนักแน่นและเร้าใจด้วยกระจังหน้าแบบ Signature Wing พร้อมกรอบสีดำเข้ม รับกับกันชนหน้าเน้นช่องระบายอากาศแนวยาว ครอบทับด้วยคิ้วช่ายล่างสีดำ ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีดำลายเฉพาะรุ่นขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/45R18 รวมถึงไฟท้าย LED ทรงกลมโดนัท 2 ดวง พร้อมลิ้นเสริมกันชนหลัง Diffuser ลงตัวด้วยท่อไอเสียกลมคู่ซ้ายขวา ตอบโจทย์ความแรงเต็มพิกัด จุดสังเกตอย่างหนี่งของรุ่น Fastback นั่นคือการออกแบบหลังคารถที่ลาดลงและเสา C ยังออกแบบให้หนาขึ้นกว่าเดิม รวมถึงประตูท้ายกับสปอยเลอร์หลังลงตัวมีเสน่ห์แบบเดียวกับรถสปอร์ตพรีเมี่ยม
ทางด้านรุ่น SEDAN เน้นโฉบเฉี่ยวและหรูหราสง่างามด้วยกระจังหน้าแบบ Signature Wing พร้อมกรอบแบบโครเมี่ยมรับกับกันชนหน้า ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่สีเงินลายเฉพาะรุ่นขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/45R18 ไฟท้าย LED ทรงกลมโดนัท 2 ดวง ลงตัวด้วยท่อไอเสียกลมคู่ซ้ายขวา
ออพชั่นเหมือนกันสำหรับ 2 รูปแบบทั้ง ไฟหน้า LED ทรงเรียวขึ้นพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED และยังปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และเมื่อเข้าเกียร์ R กระจกมองข้างฝั่งด้านคนนั่งจะปรับมุมให้ต่ำลงแบบอัตโนมัติ พร้อมกล้องรอบคันและสัญญาณกะระยะถอยจอดรวมกัน 10 จุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อความสะดวกในการจอดรถเข้าซอง และเสาอากาศรถยนต์แบบฝังกระจกหน้า
สำหรับมิติตัวรถ Mazda 3 เจนใหม่ กับ เจนเก่า มีความแตกต่างดังนี้
ภายในทั้ง 2 รุ่น มาในคอนเซ็บต์ JINBA ITTAI เน้นความสนุกในการขับขี่และยังผสานให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียว โทนภายในห้องโดยสารทั้ง 2 รุ่นตัวถังใช้สีเดียวกันนั่นคือสีดำ เติมเต็มความสปอร์ตเน้นเรียบง่ายแต่หรูหราอย่างเต็มภาคภูมิ ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าออกแบบให้โค้งและบุวัสดุผิวสัมผัส ผสมโครเมี่ยมใช้งานง่ายตั้งแต่แผงช่องแอร์ซ้าย-ขวาออกแบบใกล้แผงมาตรวัด TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว รวมถึงการออกแบบบนแผงคอนโซลหน้า ให้ตำแหน่งการใช้งานหยิบจับง่ายมากที่สุดทั้งคนขับและคนนั่ง จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Windshield Active Driving Display ซ่อนมุม สะท้อนขึ้นกระจกบนแผงคอนโซลหน้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์โดนใจสาวก คอนโซลกลางมาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ตรงกลางแผงคอนโซล 8.8 นิ้ว พร้อมระบบความบันเทิง Mazda Connect ลำโพงจาก BOSE ที่มากถึง 12 จุด โดยงานนี้ ลำโพงส่วนหน้า ย้ายตำแหน่งไปอยู่ที่บริเวณแผงประตูคู่หน้าแทนตำแหน่งบนคอนโซลหน้า เครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวา รวมถึงการออกแบบคอนโซลเกียร์ ปุ่มควบคุมการทำงานระบบความบันเทิง Center Commander เบรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Hold Brake ให้อยู่ในจุดเดียวกันและใกล้มือผู้ขับขี่มากที่สุด กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ รวมถึงย้ายตำแหน่งที่วางแก้วน้ำไปอยู่ใต้แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศและกล่องคอนโซลขนาดใหญ่ เรียกว่าเอาใจคนชอบจุของอย่างแน่นอน
เบาะนั่งด้านหน้าจากคราวก่อนที่ไปทดลองขับรอบ Sneak Preview จนครั้งนี้บอกได้เลยว่า นั่งสบายโอบกระชับมากขึ้นไม่เมื่อยล้าตลอดการเดินทางด้วยเบาะนั่งด้านหน้าออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษาเส้นโค้งรูปตัวเอส ตามธรรมชาติของกระดูกสันหลังเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารคงท่าทางที่ดีแม้ในยามเข้าโค้งส่วนเบาะรองนั่งและเบาะรองหลังช่วงล่าง รองรับกระดูกเชิงกรานส่วนล่างลดความเมื่อยล้าในการขับขี่โดยปรับด้วยระบบไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมหน่วยความจำในฝั่งผู้ขับขี่แต่ฝั่งผู้โดยสารยังคงเป็นปรับธรรมดา
ด้วยตัวผมสูง 174 ซม. การนั่งด้านหลังในรุ่น Fastback อาจลำบากพอสมควรด้วย หลังคารถออกแบบต่ำทำให้ Head Room ยังมีเหลืออยู่นิดหน่อย ตำแหน่งเบาะอาจชันไปหน่อย เข้าออกอาจต้องก้มหัวกัน แต่ Leg Room เกือบติดหัวรองเท้า แต่พอมานั่งในรุ่น Sedan กลับได้เปรียบตรงที่หลังคารถออกแบบไม่กดลงจนมากเกินไปนั่งสบาย เข้าออกง่าย ยังดีที่ให้ช่องแอร์ด้านหลัง และเบาะหลังยังพับ 60/40 มาให้เป็นออพชั่นมาตรฐานทั้ง 2 รุ่น แต่ติดอย่างเดียวกลับไม่มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือซึ่งต้องไปรบกวนฝั่งคนขับด้วยการเปิดกล่องคอนโซลนั่นเอง
เวอร์ชั่นไทยยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร กำลังยังเท่าเดิมคือ 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับพลังงานทางเลือก E85 ปล่อยค่า CO 2 149 กรัม/กิโลเมตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ระบบ I-Stop หยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่ง ข้อมูลคร่าวๆของเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G รหัส PE 2.0 ลิตรนี้ มีการปรับปรุงรายละเอียดพอสมควรเริ่มที่แรงบิดเป็น 213 นิวตันเมตร(เดิม 210 นิวตันเมตร) รวมถึงปรับอัตราส่วนกำลังอัด เป็น 13.0 : 1 (เดิม 14.0 : 1 ) และเพิ่มระยะชักของกระบอกสูบเป็น 0.1 มม. เพี่มความแรงเร้าใจขึ้นด้วยการเปลี่ยนหัวลูกสูบ ปรับแหวนลูกสูบ หัวฉีดเวอร์ชั่นใหม่ที่ฉีดละเอียดขึ้น และยังปรับในส่วนของวาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็นเพื่อมอบประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในระดับไดนามิกส์ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การทดสอบครั้งนี้ล่องใต้กันกับเส้นทาง ภูเก็ต – พังงา รวมระยะทางไป-กลับ 240 กม. รุ่นที่ทดลองขับมีทั้งรุ่น SEDAN 4 ประตู 2.0 SP และ Fastback 5 ประตู 2.0 SP Sports แต่รุ่นที่ทาง Mazda ให้ทดลองขับเป็นรุ่น Fastback 2.0 SP Sports ขับขี่เสมือนในชีวิตประจำวัน สมรรถนะของเครื่องยนต์ 2 ลิตร บล็อกนี้ ยังให้ความกระฉับกระเฉงเช่นเดิม เร่งแซงตอบสนองทันใจถึงตอนออกตัวอาจหน่วงๆไปหน่อย การทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ทำงานด้วยระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ตัดต่อกำลังอย่างนุ่มนวล แต่ถ้าชอบลากรอบหวังจะเร่งแซงบอกได้เลยว่าสบายมาก ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งเกียร์ D หรือ เล่น Paddle Shift หลังพวงมาลัยก็ตาม การเก็บเสียงหรือ NVH (Noise, vibration and harshness) ยังให้ความเงียบเช่นเดิม เพราะทาง Mazda เอง คำนึงถึงสมรรถนะของเสียง การสั่นสะเทือน และความกระด้าง หลากรูปแบบจึงพัฒนาระบบเก็บเสียงให้หนาแน่นขึ้นด้วยวัสดุดูดซับเสียงติดตั้งมาอย่างดี
ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนช่วงล่างหลังงานนี้เปลี่ยนมาใช้แบบทอร์ชั่นบีม (เดิมเป็นแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง) ถึงเปลี่ยนช่วงล่าง แต่การทำงานยังให้ความหนึบสปอร์ตเช่นเดิม การซับแรงกระแทกยังทำงานได้เยี่ยมจนนึกว่าขับรถยนต์ที่ใช้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อด้วยซ้ำ
การควบคุมและการเข้าโค้งมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control PLUS (GVC Plus) เวอร์ชั่นใหม่ ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น เพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถ เมื่อผู้ขับขี่ขับรถออกจากโค้งโดยคืนพวงมาลัยกลับไปที่ตำแหน่งกึ่งกลาง GVC Plus เพิ่มแรงเบรกเพียงเล็กน้อยไปที่ล้อด้านนอก ระบบ GVC Plus ทำงานได้คมกริบ ฉับไว ไม่มีอาการท้ายปัดขณะเข้าโค้ง มั่นใจกว่าและการหมุนพวงมาลัยได้สั้นลงกว่า Mazda 3 เจนที่แล้ว และระบบเบรกที่ทำผลได้ดีกว่าตอนที่ไปขับ Sneak Preview ไม่ว่าจะเบรกทั่วๆไปแบบ (เหยียบเบรก 20-30 %)ให้ความหนักแน่น ฉับไวกว่าเจนเดิมอย่างเห็นๆ
ในราคา 1,198,000 บาท (ราคาเดียวกันทั้งรุ่น Sedan และ Fastback) สิ่งที่ได้มากับหน้าตาที่เร้าใจกว่าเจนที่ผ่านๆมา แถมสปอร์ตกว่า C-Car เจ้าอื่นๆ แต่การใส่ออพชั่นมาเต็มคันไม่ว่าจะเป็นลำโพง Bose 12 จุดที่ให้เสียงเพลงไพเราะดุจรถยนต์หรูยุโรป ความโอบกระชับของเบาะนั่งคู่หน้า แผงคอนโซลหน้าเน้นเรียบง่ายไม่บดบังทัศนวิสัย ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE 11 รายการ การใส่ใจรายละเอียดในจุดต่างๆต้องยอมรับเลยว่า ทีมวิศวกรของ มาสด้า ทุ่มสรรพกำลังในการพัฒนาเพื่อให้ตรงจริตสาวก ถึงพื้นที่ด้านหลังในรุ่น Fastback ดูแคบไป
รถยนต์คันนี้ถึงจะใช้เครื่องเดิม SKYACTIV-G 2.0 ลิตร แต่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ ส่งผลให้ค่ายรถยนต์จากเมืองฮิโรชิม่า ติดตราตรึงใจสาวกและผู้ใช้รายใหม่ที่เทใจมาสัมผัสรถยนต์รุ่นนี้หลงรักแบบหัวปักหัวปำ สำหรับ Mazda 3 เจเนอเรชั่นใหม่
สิ่งที่ชอบ
- ความฉับไวการตอบสนองดีเยี่ยมของเคริ่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร ที่มีการพัฒนาใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเจนเดิมรวมถึงระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเซ็ตมาได้ลงตัว
- การออกแบบคอนโซลหน้าที่สปอร์ต์เรียบง่าย จัดวางฟังก์ชั่นดี เครื่องเสียง BOSE 12 จุด ให้เสียงที่ชัดไพเราะไม่แพ้รถยนต์ยุโรปพรีเมี่ยม
- เบาะนั่งสปอร์ตโอบกระชับปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบความจำเจ้าเดียวในกลุ่มเก๋ง C-Car
สิ่งที่ไม่ชอบ
- ห้องโดยสารด้านหลังในรุ่น Fastback สร้างความอึดอัดให้กับคนตัวสูง แต่ในรุุ่น Sedan ยังให้ความสบายพอสมควร
- ไม่มีไฟตัดหมอกหน้า
- ไม่มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จมือถือด้านหลัง
เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย
ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญทีมงาน Autodeft.com เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์ All New Mazda 3
ชม Gallery รีวิว ทดลองขับ All New Mazda 3 ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com