Life Test: Nissan Almera Nismo Performance Package หล่อ, สปอร์ต แบบอีโค่
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 26 ส.ค. 59 00:00
- 10,954 อ่าน
ถ้าจะพูดถึงรถ ECO Car อย่างแรกที่คนนึกถึงย่อมเป็นเรื่องความประหยัดแต่รูปลักษณ์ธรรมดา แต่ถ้าพูดถึงรถสปอร์ต จะนึกถึงเรื่องความสวยงาม, แรง แต่ไม่ประหยัด ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ดูแล้วไม่น่าจะไปทางเดียวกันได้ แต่วันนี้มันเริ่มมาอยู่ในทางเดียวกันได้แล้วกับ Nissan Almera Nismo
หลังจากที่เมื่อต้นปี ทาง นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้จัดการบอกกับขาซิ่งทุกคนว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ทางนิสสันจะนำเอารถแต่งสุดซิ่งแบบ Nismo เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการซักที ทำให้ขาซิ่งสาวก Nismo ซู๊ดปากกันเป็นแถว เพราะต่างรู้ดีกันอยู่แล้วว่า ในรูปทรงที่สวยงามของชุดแต่ง Nismo นั้น ใครๆก็อยากได้เป็นเจ้าของ ถ้าพูดถึงคำว่า Nismo ว่ามาจากไหน ชื่อเต็มๆคือ Nissan Motorsports (ไม่ได้มาจาก Nissan Modified นะจ๊ะ) ซึ่งทีมนี้ได้สร้างชื่อไว้ในการแข่งขันรถยนต์หลายสนาม โดยตัวเด็ดที่สุดตอนนี้ น่าจะเป็น Nissan GT-R Nismo ที่สามารถทำความเร็ว 0-100 ได้ใน 2.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง ดังนั้นรถในตระกูล Nismo จึงถูกใจขาซิ่งทั้งหลายได้อย่างไม่ยากอะไร
หลังจากการประกาศไม่นาน ทาง Nissan ก็จัดการทำตลาดกับรุ่นแรกทันที นั่นคือ Nissan Almera รถ ECO Car สุดประหยัด ซึ่งจริงๆแล้วในตลาด หลายคนที่ซื้อไป ก็จับเอา Almera ไปแต่งองค์ทรงเครื่องกันเยอะแยะอยู่แล้ว เนื่องจากรูปทรงเหมาะที่จะทำออกมาให้สวยได้ไม่ยากเย็น ซึ่งทาง Nissan เห็นโอกาสทางตลาดจุดนี้ ก็เลยลองปล่อยออกมาก่อน 2 ชุดแรกคือ Aero Package และ Performance Package ซึ่งทาง AUTODEFT ก็โชคดี ที่ได้รับการอนุเคราะห์จากทาง นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ให้ในส่วนของ Nissan Almera Nismo Performance Package มาทดสอบกันครับ
ส่วนของผมนั้น การทดสอบครั้งนี้จะเน้นการใช้งานทั่วไปเป็นสำคัญครับ โดยการทดสอบแบบเจาะลึกจะเป็นส่วนของเจ้าบอนเป็นคนทดสอบ หลังจากรับรถมาแล้ว สิ่งแรกที่ประทับใจคือ ตัวชุดแต่งภายนอก ทั้งสเกิร์ต, สปอยเลอร์ และล้อแม็กซ์แบบอัลลอย สีดำตัดด้วยสีเงิน และกระจกมองข้างสีดำขลิบแดง สวยงามเตะตาและดูสอปอร์ตมากเลยครับ
Nissan Almera Nismo Performance Package คันนี้ จะมีความแตกต่างกับชุด Aero Package ที่มี สเกิร์ตหน้า, เสกิร์ตหลัง, กระจกมองข้างสีดำคาดแถบแดง, สปอยเลอร์หลัง และสเกิร์ตข้าง แต่ตัว Performance Pack จะมีเพิ่มเติมอีก 3 อย่างคือ ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว, ชุดโช๊คอัพ + คอยสปริงสปอร์ต และชุดท่อไอเสียสปอร์ต เรียกได้ว่าแต่งมาแบบครบชุดเลยทีเดียว โดยรถที่ใช้ทดสอบนั้น จะเป็นตัว ALMERA 1.2VL CVT ที่ถูกนำมาใส่ชุดแต่ง Nismo เข้าไป หลังจากสัมผัสด้วยสายตาแล้ว ก็มาเริ่มลองขับกันจริงดีกว่าครับ
เมื่อก้าวเข้านั่งในห้องโดยสาร ทุกอย่างยังเหมือนเดิมกับตัว ALMERA 1.2VL CVT ทุกอย่างครับ แต่หลังจากกดปุ่ม Start อย่างแรกที่รู้สึกได้คือ เสียงที่มาจากท่อไอเสีย ที่ให้ความทุ้ม ดุดัน มากกว่ารุ่นปกติพอสมควร แต่ไม่ได้ดังถึงระดับหนวกหู แค่เบิ้ลแล้วคำรามได้พอมัน จากนั้นก็เริ่มกดคันเร่งเพื่ออกเดินทางทันที
ผมทดสอบ 2 รูปแบบคือ ทดสอบการใช้งานในเมือง ซึ่งวันที่ทดสอบ ดันโชคร้ายนิดหน่อยที่ดันเป็นวันที่ฝนตกลงมาในเมืองหลวงอย่างหนัก สภาพการจราจรจึงวิ่งแบบไปเรื่อยๆ ผมใช้เส้นทางจากถนนงามวงศ์วานจนมาถึงวิภาวดี แล้วต่อเนื่องเข้าสู้เส้นลาดพร้าว ถ้าเอาจริงๆแล้วการขับขี่ก็ไม่แตกต่างอะไรมากกับตัวปกติ แต่พอรู้สึกได้นิดหน่อยว่ามีคนหันมามองมากขึ้น (ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า) การขับขี่ก็คล่องตัวสไตล์ของรถแบบ ECO CAR แต่สิ่งที่ได้มากกว่าคือการควบคุมพวงมาลัยช่วงเปลี่ยนเลน ทั้งแบบปกติและกะทันหัน มีความรู้สึกว่าสามารถคุมรถได้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นที่ย่านความเร็วในเมืองขนาดไหน (จริงๆก็วิ่งได้ไม่เร็ว เพราะรถติดมากที่สุด) ผมอาศัยความคล่องตัวของ Nissan Almera Nismo มุดเข้าตามช่องว่างต่างๆได้อย่างสบาย ไม่มีอาการหลุดให้เห็นเลยครับ ช่วงรถติดหยุดนิ่งๆ ก็เปิดเพลงฟังจากเครื่องเสียงในรถได้สบาย ทั้งจากวิทยุและเพลงที่อยู่ในโทรศัพท์ ที่สามารถเลือกการเชื่อมต่อได้หลากหลาย ทั้งผ่าน Bluetooth หรือสาย USB ก็ได้ บททดสอบในเมืองสำหรับผมก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ
เมื่อหลุดการจราจรอันแสนโหดในเมืองมาแล้ว ผมก็ลองขับออกต่างจังหวัดบ้าง โดยใช้เส้นทาง ถ. สุวินทวงศ์ เพื่อมุ่งหน้าผ่านฉะเชิงเทรา แล้วตรงไปสู่แหลมแท่น บางแสน ที่เลือกใช้เส้นนี้เพราะเป็นถนนที่รถเยอะ, ทางไม่ค่อยสม่ำเสมอ จึงเหมาะกับการทดสอบสมรรถนะของการขับขี่ได้อย่างดี แต่อย่างที่บอกครับว่าวันนี้ฝนตกทั้งวัน ผมจึงทำความเร็วได้ไม่มาก โดยจะคุมอยู่ที่ประมาณ 100 - 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง อาศัยการมุดซ้ายขวา เข้าโค้งหนักๆ เพื่อทดสอบชุดช่วงล่างว่าจะเอาอยู่หรือเปล่า ซึ่งตลอดเส้นทาง ต้องพบกับทั้งการเข้าโค้งแรง รวมทั้งมีอยู่จังหวะที่ต้องเหยียบเบรกลึกช่วงอยู่ในโค้ง แต่ชุดช่วงล่างแบบสปอร์ตของ Nissan Almera Nismo Performance Package ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถคุมรถให้อยู่กับเส้นทางได้อย่างไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าถนนจะเปียกจากฝนที่ตกลงมาก็ตาม จนพาผมมาถึงจุดหมายที่แหลมแท่น บางแสนได้อย่างปลอดภัย
สรุปการใช้งานทั้งแบบในเมืองและนอกเมือง ถ้าเอาจริงๆแล้ว อัตราเร่ง ยังเป็นเหมือนตัวปกติ เพราะ Nissan Almera Nismo ไม่ได้ยุ่งกับเรื่องของเครื่องยนต์เลย สิ่งที่เปลี่ยนไปจะเป็นเรื่องของการควบคุมรถมากกว่า ที่เราสามารถเข้าโค้ง, เปลี่ยนเลน หรือควบคุมรถไปด้วยความมั่นใจที่มีมากกว่าเดิม แต่มันก็แลกมาด้วยความกระด้างที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะแน่นอนว่าชุดโช๊คอัพและคอยสปริงแบบสปอร์ต จะแข็งกว่าเดิมเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนให้ดีมากขึ้น บวกกับแก้มยางที่มีความบางลง ช่วงขับขี่ที่มีถนนไม่เรียบ ก็จะรู้สึกถึงความไม่เรียบได้มากกว่าตัวปกติ แต่ถามว่ามากมั้ย ก็คงไม่มากจนกระเด้งกระดอน อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ
คำถามต่อมาอีกว่า แล้วเมื่อติดชุดแต่งไปแล้ว น้ำหนักมากขึ้น รถอืดแล้วกินน้ำมันขึ้นเยอะมั้ย จากที่ทดสอบอัตราเร่ง แทบไม่ต่างจากเดิมเลยครับ ส่วนอัตราการใช้น้ำมัน ในเมืองราวๆ 11 กม./ลิตร ส่วนนอกเมืองประมาณ 18 กม./ลิตร ก็ถือได้ว่าไม่ได้ต่างจากตัวเดิมเท่าไหร่เลยครับ สำหรับผมแล้ว ถ้าคนที่อยากได้รถสปอร์ตสวยๆ แต่ก็อยากประหยัดเงินในกระเป๋าเหมือนกัน Nissan Almera Nismo Performance Package ก็ตอบโจทย์ได้พอตัวเลยครับ
สำหรับใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ Nissan Almera Nismo Performance Package นั้น ต้องไปที่ตัวแทนจำหน่ายที่กำหนดไว้ 30 สาขาเท่านั้น (ส่วน Aero Package มีทุกตัวแทนจำหน่าย) สามารถลองตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ http://nismo.nissan.co.th/product.aspx นะครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com