Life Test: Honda Jazz ใหม่ ตอบโจทย์ชีวิตในเมืองและนอกเมืองอย่างลงตัว

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 16 ก.ย. 60 00:00
  • 61,159 อ่าน

หากพูดถึงรถยนต์ที่เป็นที่นิยมมาหลายต่อหลายปี เปิดตัวรุ่นใหม่ครั้งใดก็มักได้รับการตอบรับที่ดีเสมอมา หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ Honda Jazz อยู่ เรียกได้ว่าตั้งแต่ทำตลาดในบ้านเรามาเกือบ 15 ปี ปัจจุบันนี้ถือเป็นการเดินทางมาถึงของเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว ที่ล่าสุดเพิ่งได้รับการปรับโฉมเติมความสดใหม่เข้าไป และในครั้งนี้กับการสัมผัสและใช้งานจริงทั้งในเมืองและนอกเมืองกับ Honda Jazz ใหม่ มาเล่าสู่กันฟัง

ตั้งแต่แรกเห็น Honda Jazz ปรับโฉมใหม่ ปี 2017 นี้ มาพร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสังเกตได้ ด้านหน้าได้รับการดีไซน์กันชนหน้าใหม่ดูแล้วมีมิติดูยาวออกมามากกว่าเดิม ในรุ่น RS ส่วนในรุ่นปกติกันชนหน้าก็ได้รับการออกแบบใหม่ แนวกรอบบริเวณไฟตัดหมอกดูเด่นชัดและใหญ่ขึ้นค่อนข้างชัดเจน โดยรุ่น RS ที่เราได้สัมผัสกันตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งนอกจากดีไซน์กันชนหน้าใหม่แล้ว ยังมีกระจังหน้าใหม่แบบ Gloss Balck พร้อมคิ้วโครเมี่ยมและสัญลักษณ์ RS ติดตั้งที่กระจังหน้า ไฟหน้า ไฟ daytime ในโคม และไฟตัดหมอกหน้า เป็นแบบ LED รวมไปถึงกันชนหลังก็ถูกดีไซน์ใหม่เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นพร้อมดิฟฟิวเซอร์ ชายล่างกันชนหน้ามีลักษณะคล้ายลิ้นหน้าเสริมแบบสมัยนิยม ใช้โทนสีดำเพื่อตัดกับสีของตัวรถ โดยเฉพาะสีไฮไลท์ใหม่สีส้มฟีนิกซ์ มากับสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ครอบกระจกมองข้างสีดำ และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16 สำหรับรุ่น RS

Honda Jazz

Honda Jazz

ตลอดวันแรกของการอยู่กับ Honda Jazz ใหม่ เส้นทางทั้งหมดอยู่ในเมืองใจกลางกรุง บวกกับการจราจรที่หนาแน่นในหลายๆ ช่วง ฟิลลิ่งการขับขี่ต่างๆ ตอบสนองได้อย่างคล่องตัว ทั้งพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาควบคุมได้ง่าย เครื่องยนต์ เกียร์ และการตอบสนองของคันเร่งในช่วงเวลาอยู่ในเมืองที่ไม่ค่อยจะได้ใช้ความเร็วมากเท่าใด แต่ต้องการการออกตัวที่รวดเร็วและคล่องแคล่ว Honda Jazz ใหม่ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้รถยนต์รุ่นนี้จะมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่หลายต่อหลายคนเข้าใจกันว่าการออกตัวจะค่อนข้างอืดกว่าเกียร์อัตโนมัติปกติ แต่สำหรับ Honda Jazz ใหม่ กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกแบบนั้นแต่อย่างใด ครั้งที่เรากดคันเร่งตัวรถก็พร้อมจะเดินหน้าในทันที ส่งผลให้การขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวตั้งแต่ออกตัวทำได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว

และโหมดการขับขี่ที่มีทั้งโหมด D และโหมด S ก็ให้อารมณ์การตอบสนองที่แตกต่างกันอย่างรู้สึกได้ รวมไปถึงการเปิดระบบเพื่อความประหยัดน้ำมันอีกระดับกับปุ่ม ECON สีเขียว สำหรับใครที่ขับฮอนด้าในยุคหลังๆ มานี้คงคุ้นเคยกับปุ่มนี้กันอย่างดี หากถามว่าเมื่อเปิดระบบช่วยประหยัดนี้แล้วการขับขี่การตอบสนองแตกต่างกันหรือไม่เมื่อเทียบกับการขับขี่ในโหมดปกติ D ก็ต้องบอกเลยว่าต่างและสังเกตได้ง่ายๆ จากการที่เราเติมคันเร่งตั้งแต่การออกตัวการตอบสนองรวมไปถึงการไต่ความเร็วเมื่อเปิดระบบนี้ก็จะช้ากว่าพอให้จับความรู้สึกกันได้ แต่ถ้าการเดินทางในครั้งนั้นๆ ไม่ได้ต้องการการตอบสนองที่มากมาย หรือความรวดเร็วแล้ว การเปิดการทำงานในโหมดนี้ก็ช่วยทำให้อัตราสิ้นเปลืองในการบริโภคน้ำมันดีมากขึ้นเลยทีเดียว โดยเราสามารถสังเกตได้จากหน้าปัดทางด้านขวาที่สามารถกดให้โชว์ตัวเลขเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลือง กม./ลิตร ได้ รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ระยะทางในแต่ละทริปการเดินทาง ระยะที่สามารถวิ่งได้คำนวณจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ อุณหภูมิ นาฬิกา เป็นต้น

Honda Jazz

และเมื่อเปิดกระโปรงดูขุมกำลังที่ติดตั้งมากับ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เบนซิน I-VTEC ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที รองรับ E85 จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ในรุ่นบน ภายใต้เทคโนโลยี Honda Earth Dream พร้อมระบบ G-Design Shift ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ให้การตอบสนองที่เพียงพอต่อการใช้งานแบบสบายๆ ในชีวิตประจำวัน

ในวันถัดมาก็ถือโอกาสพาเจ้า Honda Jazz ใหม่ ลองวิ่งบนเส้นทางออกต่างจังหวัดเพื่อดูสมรรถนะกันว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานเดินทางไกลได้ในระดับใด ครั้งนี้เราเลือกใช้เส้นทางช่วงวงแหวนรอบนอกและมุ่งหน้าสู่จังหวัดใกล้เคียงชานเมืองขาลงใต้ ซึ่งมีช่วงของถนนที่สามารถทำความเร็วเสมือนการเดินทางต่างจังหวัด การเร่งความเร็วไปจนถึงระดับราวๆ 120 กม./ชม. สามารถเรียกกำลังได้สบาย หรือแม้ในจังหวะที่ต้องการเร่งแซงในช่วงที่ใช้ความเร็วระดับนี้ ก็เพียงแค่เติมคันเร่งเพิ่มเข้าไป หรือจะเลือกเปลี่ยนเกียร์ลงเพียงปลายนิ้วโดยแป้น Paddle Shift ตัวรถก็พร้อมเร่งขึ้นไปอย่างไร้กังวล

แต่สำหรับช่วงของการเดินทางไกลหรือออกต่างจังหวัดนี้เอง น้ำหนักพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบาที่ควบคุมใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัว แต่เมื่อต้องใช้เดินทางออกต่างจังหวัดอาจจะรู้สึกเบาไปสักหน่อย ใช้เวลาทำความเคยชินอยู่ไม่นานก็สามารถขับขี่ควบคุมพวงมาลัยได้อย่างมั่นใจ ต้องขอบอกว่าพวงมาลัยในช่วงความเร็วกลางขึ้นไปก็ไม่ได้ถึงกับต้องใช้สมาธิมากในการต้องประคองเพื่อให้รถอยู่ในเส้นทางตรง จนรู้สึกเพลียมากเกินไป ทำให้หมดกังวลได้เลยหากใครที่กำลังคิดว่าพวงมาลัยเบาแบบนี้ ออกต่างจังหวัดจะขับขี่เหนื่อยไหม

Honda Jazz

Honda Jazz

Honda Jazz

และเมื่อมาดูที่อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของ Honda Jazz ใหม่ อีกหนึ่งอย่างก็คือพื้นที่ห้องโดยสารและเก็บสัมภาระ เป็นอีกจุดเด่นของ Honda Jazz ตั้งแต่รุ่นแรกจนมาถึงรุ่นปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ด้วยห้องโดยสารกว้างขวาง ภายนอกอาจดูมีขนาดที่กะทัดรัดแต่ภายในกลับจัดสรรได้อย่างลงตัว ตัวเบาะแต่ละตำแหน่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบรองรับความต้องการในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เบาะแถวหลังที่นอกจากจะพับส่วนของพนักพิงลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้แล้ว ตัวเบาะรองนั่งยังสามารถยกพับเข้ากับพนักพิงได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มระยะของความสูงในการบรรทุกสิ่งของอย่างเช่นต้นไม้ หรือโต๊ะเก้าอี้เป็นต้น ซึ่งในโฉมปัจจุบันนี้เองก็ยังคงจุดเด่นตรงนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

ในเรื่องของการตกแต่งต่างๆ คอนโซลหน้าดีไซน์โทนสีดำเข้มตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black พร้อมระบบจอสัมผัสใหม่ขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI มีลำโพง 6 จุด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติสั่งการผ่านระบบสัมผัส พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน และปุ่ม Push Start ใหม่ ถือได้ว่ามาพร้อมอุปกรณ์ที่ครบครันเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป

Honda Jazz

Honda Jazz

Honda Jazz

ด้านความปลอดภัยถูกติดตั้งมาให้ทั้งกับระบบเบรก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และ ISOFIX & Child Anchor จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ถุงลมนิรภัยคู่หน้า รวมถึงกล้องมองภาพขณะถอยหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ และพิเศษในรุ่น RS + เพิ่มถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด

แม้เป็นเพียงช่วงเวลาไม่กี่วันที่ได้ใช้งาน Honda Jazz ใหม่ ในชีวิตประจำวันของคนเมือง ต้องฝ่ารถติดทั้งขาไปทำงานและกลับ รวมไปถึงการเดินทางไปเที่ยวหรือออกต่างจังหวัด รถยนต์ 5 ประตูรุ่นนี้ก็สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และสมรรถนะการขับขี่ ที่สามารถตอบรับได้อย่างลงตัว ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์เน้นใช้งานในเมือง ที่สามารถขับขี่นอกเมืองทางไกลก็ได้ และมีขนาดที่ไม่ใหญ่ แต่กลับมีพื้นที่ห้องโดยสารและจุสัมภาระได้มาก และที่สำคัญอย่าลืมหาโอกาสที่จะไปทดลองขับและสัมผัสด้วยตัวคุณเอง คุณเท่านั้นที่จะรู้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่สำหรับคุณ

Honda Jazz

เรื่องและขับทดสอบโดย รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ (toptaro)

New Honda Jazz มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ ขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น S, V และ V+) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) *สีดำคริสตัล (มุก) *สีขาวออร์คิด (มุก) (เฉพาะรุ่น RS และ RS+) และสีใหม่ *สีส้มฟีนิกซ์ (มุก) (เฉพาะรุ่น RS และ RS+) มี 6 รุ่นย่อย พร้อมราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น RS+ ราคา 754,000 บาท (รุ่นที่ขับทดสอบ)
- รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
- รุ่น V+ ราคา 694,000 บาท
- รุ่น V ราคา 654,000 บาท
- รุ่น S AT ราคา 594,000 บาท
- รุ่น S MT ราคา 555,000 บาท

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ