Life Test : Mazda BT-50 PRO Double Cab 3.2 R 4WD ปิกอัพ Zoom-Zoom....ตัวจริงคนพันธุ์ลุย
- โดย : Autodeft
- 2 มิ.ย. 60 00:00
- 45,262 อ่าน
ถ้าจะนึกถึงค่ายรถยนต์จากแดนซามูไร สาวกจะต้องนึกถึง Mazda เป็นอันดับแรกและต้องนึกถึงคำว่า Zoom-Zoom ด้วย เพราะเป็นภาพสะท้อนถึงภาพลักษณ์ในการสร้างรถยนต์ที่ให้ความรู้สึกที่เป็นอิสระ ตอบสนองการขับขี่ได้ดีและที่สำคัญต้องการนำความรู้สึกในวัยเยาว์ ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของทุกคนให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
สำหรับเมืองไทย Mazda ประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยความเร้าใจจากเทคโนโลยี SKYACTIV ทั้งคันจนสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ขับขี่อย่างสนุกสนาน สร้างยอดขายสูงสุดมาตลอดนำทีมโดยเก๋งยอดนิยมทั้ง Mazda 2 กับ Mazda 3 รถ Crossover สองรุ่นเด่นทั้ง Mazda CX-3 กับ CX-5 ที่ไต่ความนิยมอย่างรวดเร็วจนถึง Mazda MX-5 สปอร์ตโรสเตอร์ ที่เป็น Brand Icon ตัวจริงประจำค่าย
สำหรับตลาดรถปิกอัพ Mazda ยังมีสปอร์ตปิกอัพหนึ่งเดียวที่นิยมไม่เสื่อมคลายซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Mazda BT-50 PRO โดยปีนี้กลับมาสัมผัสอีกครั้งแต่ได้รุ่นท็อปสุดขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 ประตูเครื่องใหญ่ 3.2 ลิตร จากเมื่อก่อนได้เคยนำรุ่นยกสูง Hi-Racer 2.2 มาขับเมื่อปีที่แล้ว
หน้าตาหล่อเหล่าเหมือนเดิมตั้งแต่กระจังหน้า Signature Wing กรอบกระจังหน้าแบบโครเมี่ยมสลับกับสีเทาดำ ไฟหน้ายังคงใช้แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ แต่มีการปรับอารมณ์ใหม่เป็นสีรมดำกันชนหน้ายังใช้งานดีไซน์จากรุ่นเดิม ลงตัวยิ่งขึ้น ล้ออัลลย 5 ก้าน สีทูโทนเทาดำกันเมาทลิค 17 นิ้ว พร้อมยาง Dunlop Grandtrek AT 22 ไซส์เดิมขนาด 265/65R17 บันไดข้างแบบเล่นระดับจากเดิมจะเป็นแบบพื้นเรียบ กันชนหลังแบบโครเมี่ยมมาพร้อมกล้องมองหลังแทนเพื่อความปลอดภัยในขณะถอยจอด และไฟท้ายโคมเดิมเน้นอารมณ์ปราดเปรียวขึ้น
ภายในครบครันด้วยความเข้มจากโทนภายสีดำที่แฝงไปด้วยความสุขมนุ่มลึก พร้อมชุดแผงคอนโซลหน้าที่งานดีไซน์อารมณ์เดิมๆแต่จัดวางฟังก์ชั่นให้หยิบจับง่ายและสะดวก ตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานทั้ง ระบบล็อความเร็ว Cruise Control และสวิตช์ควบคุมการทำงานเครื่องเสียง และเครื่องปรับอากาศที่งานนี้เปลี่ยนมาเป็นแบบอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา โดยงานนี้ไม่ต้องมาแย่งความร้อน-เย็นกันอีกต่อไป
คนรักเสียงยิ้มแก้มปริแน่นอนเพราะเปลี่ยนจากเครื่องเสียงวิทยุ CD MP3 พร้อมหน้าจอแบบ Dot Matrix ขนาด 3.5 นิ้ว กลางแผงคอนโซล มาเป็นเครื่องเล่น DVD แบบจอสัมผัส 7 นิ้ว มาพร้อมระบบนำทาง ติดตั้งระบบเสียงคุณภาพ 6 ลำโพง มอบเสียงเพลงไพเราะในเกณฑ์พอฟังได้แต่น่าเสียดายที่ว่าจอแสดงผลการทำงานกล้องมองหลังกลับไปทำงานกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติแทนที่จะแสดงผลผ่านจอเครื่องเล่น DVD และช่องเสียบ USB กับ AUX สำหรับฟังเพลงผ่านทรัมพ์ไดรฟ์ กลับไปอยู่ในช่องเกะเก็บของคอนโซลหน้าแถมอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างลำบากในการเสียบ และไม่มีระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถวิ่ง ซึ่งจุดนี้น่าจะปรับปรุงถ้าหากมีการเปิดตัวรุ่นปรับปรุงประจำปี หรือ Model Year อีกครั้ง
เบาะนั่งคู่หน้าหุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้สีดำโดยด้านคนขับสามารถปรับสูง-ต่ำได้ 4 ทิศทาง พร้อมก้านปรับดันหลัง Lumbar Support ถึงแม้ไม่ปรับด้วยระบบไฟฟ้าตามคนอื่น แต่ได้ความดีตรงที่ตัวเบาะนั่งที่ใหญ่สามารถโอบกระชับคนขับได้สบายมากและไม่เมื่อยล้าช่วงเดินทางไกล ส่วนเบาะหลังหมองรองศีรษะที่เบาะหลังเป็น 3 ตำแหน่งรวมที่นั่งตรงกลางเพิ่มความสบายมากขึ้น และการเปิดประตูเข้าไปสู่ห้องโดยสารภายใน สั่งงงานปลดล็อกจากกุญแจรีโมทพับเก็บได้ทรง Jack Knife Type ยอมรับว่าอาจตกเทรนด์ไปหน่อยเพราะปิกอัพยุคนี้ต้องนิยมแต่ระบบ Keyless Entry พร้อมปุ่ม Push Start แต่ถ้าไม่ติดเทคโนโลยีมากมายก็ถือว่าใช้งานสั่งล็อกประตูได้แม่นยำและสบายไม่แพ้กัน
สปอร์ตปิกอัพพกขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน Di-Thunder PRO งานนี้มาแบบถึงใจสาวกเท้าขวาหนักด้วยขนาดใหญ่สุด 3.2 ลิตร 5 สูบ 20 วาล์ว (รุ่น P5AT) (เครื่องเดียวกับคู่แฝดจากแดนมะกัน) ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ให้ค่า CO2 เพียง 277 กรัม/กิโลเมตร
ระบบส่งกำลังเหมือนกับรุ่น 2.2 ลิตรด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Sequential Shift +/- สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้เสมือนขับรถเกียร์ธรรมดา พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าด้วยแบบสวิตช์หมุน Shift-On-The-Fly สามารถเปลี่ยนจากขับ 2 H เป็น 4H โดยไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.แถมยังลุยน้ำในช่วงหน้าฝน ได้สบายๆสามารถลุยได้สูงสุด 80 ซม.
ใน รุ่นยกสูง Hi-Racer 2.2 จะให้ระบบเฟืองท้ายแบบ Limited Slip แต่ในรุ่น 3.2 4WD จะไม่มีระบบนี้โดยหลีกทางให้กับสารพัดตัวช่วยเพื่อตอบโจทย์การลุยได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระบบป้องกันการลื่นไถล TCS ระบบควบคุมการทรงตัว DSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อต้องลากจูง TSM ระบบล็อคเฟืองท้าย แบบไฟฟ้า E-LRD และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ROM แทน
ปีที่แล้วนำรุ่นยกสูง Hi-Racer มาเป็นรถ Service หน่วยบริการช่วยเหลือแก็งค์จักรยาน ปีนี้ถูกวางตัวเป็นหน่วย Service อีกครั้งแต่เปลี่ยนเส้นทางมาที่เขาใหญ่ฝั่ง จ.นครราชสีมา นับตั้งแต่เดินทางจากกรุงเทพฯ ราวตี 3 กว่าๆ ผ่านวังน้อย เข้าสระบุรี จนถึงเขาใหญ่ พลกำลังขนาดใหญ่สุดกับน้ำหนักมาถึง 2 ตันต้นๆ (2,198 กก.) ที่ต้องแบกชุดทรานเฟอร์ 4WD สามารถพาพลังม้า 200 ตัวไปได้ว่องไวตามใจสั่ง เร่งแซงทันใจไม่แพ้คู่แฝดแดนมะกัน
การเก็บเสียงเงียบขึ้นและทำผลงานได้ดีสุดในกลุ่มปิกอัพ โดยเฉพาะในช่วงความเร็วสูงๆช่วง 80-130 กม./ชม พวงมาลัยยังเป็นแร็คแอนด์พีเนี่ยนพร้อมพาวเวอร์ควบคุมด้วยน้ำมันไฮดรอลิกให้น้ำหนักดี จนน่าเหลือเชื่อและคมทุกโค้ง ถึงแม้เส้นทางในเขาใหญ่เต็มไปด้วย ทางไหล่แคบสลับกับทางโค้ง และรถสัญจรไปมาที่ขับด้วยความเร็วสูง
ช่วงล่างของปิกอัพ มาสด้า เหมือนกับรุ่นยกสูง Hi-Racer ด้วยด้านหน้าใช้แบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบลีฟสปริงหรือแหนบแผ่นซ้อนซึ่งทั้งช่วงล่างหน้าหลังใช้โช้คอัพแบบ 2 จังหวะ Double Acting โดยเฉพาะด้านหลังจะใช้แบบไขว้ทแยงมุม โดยมีชื่อเก๋ไก๋ว่า Super DE-S ยังคงให้ความ นุ่ม หนึบแน่น และ มั่นคงทุกโค้งการขับขี่เช่นเดิมในทุกช่วงความเร็วจนเป็นจุดแข็งของปิกอัพได้เต็มรูปแบบการใช้งาน
ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองหลังเสร็จสิ้นภารกิจรถ Service ฯ ที่เขาใหญ่ ด้วยอัตราสิ้นเปลืองนอกเมือง โดยใช้ความเร็วสูงช่วง 100-150 กม./ชม. ใช้ระยะทางไป-กลับรวม 478.1 กิโลเมตร เติมน้ำมันเต็มถัง ไปได้ 46.984 ลิตร ผลอัตราสิ้นเปลืองออกมาด้วยตัวเลข 10.18 กม./ลิตร ตัวเลขขนาดนี้ กับปิกอัพสุดหล่อเครื่องใหญ่สุด ถืออยู่ในเกณฑ์รับได้ถึงแม้อาจเป็นรองค่ายชั้นนำก็ตาม
ถึงตัวตนเจ้าสปอร์ตปิกอัพ Mazda อาจจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยี SKYACTIV และความนิยมอาจน้อยกว่ารุ่นยกสูง Hi-Racer แต่ด้วยค่าตัวอยู่ในระดับ ล้านกลางๆ กับออพชั่นมาตรฐานที่เหนือกว่ารุ่นยกสูงไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำ เครื่องเสียงจอสัมผัสพร้อม DVD 7 นิ้ว กล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน และสารพัดตัวช่วยในเรื่องการควบคุมและลุยด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสุดทันสมัย ทำให้ Mazda BT-50 PRO Double Cab 3.2 R 4WD เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเซียนปิกอัพที่ชอบทั้ง โหด ลุย และสปอร์ตในคันเดียว
เรื่องและขับทดสอบโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)
ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Mazda BT-50 PRO Double Cab3.2 R 4WD Auto มาทดสอบ
รถทดสอบ Mazda BT-50 PRO Double Cab3.2 R 4WD Auto ราคาจำหน่าย 1,090,000 บาท*
*สีเมทัลลิก ราคาเพิ่ม 7,000 บาท สีขาวมุก ราคาเพิ่ม 14,000 บาท
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com