Life Test: Ford Everest 2.2L Titanium 4x2 AT รถ PPV สำหรับครอบครัว
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 11 เม.ย. 59 00:00
- 12,890 อ่าน
แน่นอนว่าการที่จะเลือกรถซักคัน ต้องมีการหาข้อมูล, ทดลองขับ และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าเลือกรถเพื่อที่เราจะใช้คนเดียว ก็เลือกเอาตามที่ตัวเองชอบได้เลย แต่สำหรับคนที่มีครอบครัวและมีลูกแล้ว การเลือกก็ต้องมีเงื่อนไขมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นคู่ชีวิตจะชอบมั้ย, จะเหมาะกับลูกของเราหรือเปล่า ความละเอียดในการเลือกการเลือกก็ยากไปกว่าเดิม ส่วนใหญ่ก็จะเลือกรถที่มีที่นั่งเยอะๆไว้ก่อน ดังนั้นรถแบบ PPV (Pick Up Passenger
Ford Everest 2.2L Titanium 4x2 AT เป็นรถรุ่นล่างสุดสำหรับซีรี่ย์นี้ เครื่อง 2.2 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่เลือกตัวนี้มาทดสอบ เพราะน่าจะเป็นรุ่นที่คนมีครอบครัว น่าจะเอื้อมถึงได้ง่ายที่สุด (คนมีลูกแล้วจะรู้ดีเนอะว่าค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนมากขนาดไหน) โดยผมเลือกที่จะลองทดสอบ ด้วยการเดินทางไปที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อีกที่ท่องเที่ยวที่หลายคนชอบพาลูกๆไปสัมผัสอากาศดีๆกันที่นั่นครับ
เริ่มกันจากสภาพภายนอกก่อน ก่อนเดินขึ้นรถ จะเห็นได้ถึงความ “ใหญ่” และ “บึกบึน” ของ Ford Everest 2.2L Titanium 4x2 AT มากๆ ด้วยความที่รถมีพื้นฐานมาจากรถกระบะ จึงทำให้รถนั้นดูใหญ่มากกว่าเดิมเมื่อมีการทำเป็นรถ PPV ดีไซน์โค้งมนตลอดทั้งคัน มาพร้อมกับสี Sunset Metallic ที่สดใสตามสไตล์ของฟอร์ด เมื่อขึ้นไปนั่ง จะสัมผัสได้ถึงความนั่งสบายของเบาะ ที่อุ้มตัวผมได้อย่างพอดี ปรับได้แบบไฟฟ้า ไม่นุ่มไม่แข็งเกินไป ถึงจะขับเป็นเวลานานก็แทบไม่ทำให้เกิดอาการเมื่อยเลย จากตัวรถที่กว้าง 1,862 มม. ทำให้นั่งสบาย และด้วยความสูง 1,836 มม. ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่เห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อได้รถมาแล้วก็ออกเดินทางได้เลยครับ
จุดหมายแรกที่เลือกไปคือ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง หรือที่หลายคนเรียกว่า ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย โดยเลือกใช้เส้นทางที่ผ่านตัวเขาค้อในการเข้าไป เพราะต้องการทดสอบการขึ้นเขาและการทรงตัวว่าจะทำได้ดีขนาดไหน ช่วงแรกในการเหยียบคันเร่ง มีอาการแปลกใจนิดๆ เพราะเครื่องมีใช้รอบมากกว่าทั่วไป เหมือนเกียร์จับไม่ติดในช่วงเกียร์ 1-2 น่าจะเป็นระบบของเกียร์ ที่ช่วยให้รถไม่มีการกระชากในการออกตัว และลดการใช้น้ำมัน แต่หลังจากเริ่มเข้าไปที่เกียร์ 3 รถก็กลับมาเสียงเงียบเหมือนทั่วไป และสัมผัสถึงขุมกำลังที่ส่งไปที่ล้อได้อย่างดี รถนุ่มสบายตามสไตล์ของฟอร์ดอยู่แล้ว รวมทั้งสิ่งที่ต้องชมอย่างมากคือ ระบบการเก็บเสียงของตัวรถ ที่ทำได้ดีมาก ลดเสียงจากภายนอกได้จนแทบไม่รบกวนการฟังเพลงภายในตัวรถเลย การควบคุมทุกอย่างอยู่บนพวงมาลัยเกือบทั้งหมด ถึงแม้จะเป็นเครื่องขนาด 2.2 VG Turbo พร้อม Intercooler ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า แบกน้ำหนักประมาณ 2 ตัน แต่ก็ไม่มีปัญหาในการเร่งความเร็ว และเร่งแซงเลย ยิ่งเมื่อเปลี่ยนมาใช้งานเกียร์แบบ Manual ยิ่งทำให้การขับนั้นสนุกและเร่งความเร็วได้ง่ายขึ้น ในช่วงระหว่างเดินทาง ได้มีทางตรงยาวๆ ก็เลยขอทดสอบความเร็วสูงบ้าง โดยใช้เวลาไม่นานก็สามารถไต่ได้ถึง 180 กม./ชั่วโมงได้ และไม่มีอาการโคลงให้เห็นเลย
เมื่อเข้าสู่ช่วงเขาค้อ ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นลงเขาอยู่ตลอดทาง และทางโค้งสลับกันไปเรื่อย โดยพยายามใช้เกียร์แบบ Manual ให้น้อยที่สุด ถือว่าทำได้ดีพอตัวเลยครับ การไต่เขาอาจจะมีอืดไปบ้าง แต่ไม่เป็นปัญหาในการถึงยอดแต่ละเนิน เกียร์ก็ฉลาดพอตัว มีการเปลี่ยนขึ้นเกียร์ต่ำได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสับเอง ทุกโค้งเองก็ไม่เป็นปัญหา นิ่งทุกโค้ง ไม่มีอาการโคลงให้เห็นเลยครับ สามารถเขาไปสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงอย่างสบาย แต่โชคร้ายนิดหน่อยตรงที่แวะถ่ายรูปได้แปปเดียวฝนก็ตก เลยทำให้ต้องถอยทัพออกมาครับ
วันรุ่งขึ้น ตัดสินใจเอาไปพบกับบททดสอบที่ยากขึ้น ด้วยการพาไปขึ้นที่ภูทับเบิก ถ้าใครมาที่นี่จะรู้ดีว่า ถือเป็นถนนปราบเซียนอีกเส้นหนึ่ง เพราะเป็นทางขึ้นระยะยาวๆหลายกิโลเมตร และชันพอสมควร มีทางโค้งแบบแคบที่ต้องชะลอแล้วเร่งใหม่อยู่ตลอดทาง รถคันไหนไม่พร้อมโดนน็อคมาหลายรายแล้ว แต่เมื่อเอา Ford Everest 2.2L Titanium 4x2 AT ลุยขึ้นไป ปล่อยให้ไต่ไปตามรอบแรงบิด ก็สามารถขึ้นได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเลย ถือว่าสอบผ่านเลยครับ
สำหรับเครื่องอำนวยความสะดวกภายใน ก็มีพร้อมเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง ที่รองรับการเชื่อมต่อทุกรูปแบบ โดยผมเองตลอดเส้นทางใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth สลับกับสาย USB ไม่มีปัญหาการใช้งานตลอดเส้นทาง มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว ที่สั่งการได้ด้วยระบบสัมผัสหรือปุ่มบนพวงมาลัย แอร์แยกอิสระซ้ายขวา และแยกเปิดปิดส่วนหน้าและหลังได้ โดยเฉพาะช่อง USB ที่ถูกใจมากที่สุด เพราะเมื่อเสียบแล้ว ไม่ว่าจะดับรถแล้วสตาร์ทใหม่กี่รอบ การจ่ายไฟก็สม่ำเสมอ ไม่มีการดึงไปช่วยสตาร์ทเครื่องเลย เรียกว่าถ้าไม่ดับเครื่องแล้วล็อครถ ไฟจะถูกชาร์จแบบไม่สะดุดเลยครับ ส่วนช่องต่อไฟแบบ 12V (หรือที่เรียกกันว่าช่องจุดบุหรี่) ที่ให้มามากถึง 4 จุด (จะเยอะไปไหน) เรียกได้ว่าถ้าตัวน้อยของเราอยากมีเครื่องเล่นส่วนตัวด้านหลัง ก็สามารถเสียบใช้งานได้เลยครับ
จากการใช้งานช่วง 3 วัน กว่า 1,000 กิโลเมตร อัตราการสิ้นเปลืองจะอยู่ในช่วงประมาณ 10 กม./ลิตร ถือว่าดีพอตัวเลยครับ เพราะในการทดสอบ ช่วงวิ่งยาวๆจะมีการใช้ความเร็วช่วง 110-140 กม./ชั่วโมง รวมทั้งขึ้นลงเขาแบบหลายๆรอบ ได้อัตราการใช้ขนาดนี้ถือว่าดีพอตัวเลยครับ
Ford Everest 2.2L Titanium 4x2 AT ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจของคนที่มีครอบครัวแล้ว และชอบเดินทางด้วยกันบ่อยๆ เพราะด้วยเนื้อที่ที่กว้างขวาง พอให้เจ้าตัวน้อยแสนซุกซนสามารถปีนป่ายได้ทั้งคัน พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ราคาไม่สูงเกินไป กับ 1,389,000 บาท แต่ได้ความคุ้มค่าของการใช้งานขนาดนี้ ถือได้ว่าน่าจะถูกใจกับทุกคนในบ้านได้ไม่ยากครับ
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com