Test Drive: รีวิว ทดลองขับ KIA Grand Carnival LX พ่อบ้านตัวใหญ่สุดคุ้ม นุ่มหนึบในราคาเอื้อมถึงไม่ยาก

ในตลาดรถเมืองไทย ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ระดับ 6 คนขึ้นไป จริง ๆ มันก็มีให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย ทั้งรถ SUV หรือ PPV หรือ MPV ประเภท 3 แถว 7 ที่นั่ง ก็เยอะแยะไปหมด แต่ถ้าลองนั่งกันจริง ให้ทุกคนนั่งได้สบาย ในระดับ 4 ชั่วโมงขึ้นไป ตัวเลือกก็เริ่มน้อยลงแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ต้องขยับขึ้นไประดับรถตู้เลย ถึงจะเที่ยวไกล ๆ ได้สบายทั้งครอบครัว

แต่ก็ต้องยอมรับกันอีกว่า ถ้าเลือกใช้งานรถตู้ ประเภท 7-11 ที่นั่ง  มันก็ไม่ใช่รถที่เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีก เพราะตัวมันใหญ่ เข้าห้างก็ต้องระวัง ยิ่งต้องขึ้นตึกออฟฟิศกลางเมืองหลวงยิ่งลำบาก เพราะด้วยเหตุนี้เองจึงต้องมีรถประเภท MPV ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการขนคนและใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน นั่นจึงเป็นการมองไปถึงตัวเลือกอย่าง KIA Grand Carnival นั่นเอง

KIA เป็นแบรนด์เกาหลีที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยยาวนานแล้ว และต้องยอมรับว่า รุ่นที่ได้รับการยอมรับจากตลาดคนไทยคงหนีไม่พ้น KIA Grand Carnival รถอเนกประสงค์ MPV 11 ที่นั่ง ส่วนรุ่นอื่นนั้นเหมือนเป็นตัวประกอบมากกว่า ด้วยความสงสัยว่าทำไมรถรุ่นนี้ถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทางผมในฐานะทีมงาน AUTODEFT เลยจัดการยืมมาเพื่อทดสอบจากทาง เกีย มอเตอร์ ประเทศไทย เพื่อนำมารีวิว โดยครั้งนี้ได้มาเป็นรุ่น KIA Grand Carnival LX ตัวเริ่มต้น เดี๋ยวเรามาดูกันว่า รถคันนี้มีดีอะไรบ้างครับ

เริ่มต้นกันด้วยการมาทำความรู้จักข้อมูลตัวรถของ KIA Grand Carnival LX กันก่อนเลยครับ โดยรถ MPV คันนี้เป็นรถแบบ 4 แถว 11 ที่นั่ง แต่เอาเข้าจริงคงหาคนที่ซื้อไปแล้วใช้เต็ม 11 ที่นั่งน่าจะยากอยู่ ทั้งนี้ที่ต้องเป็น 11 ที่นั่งเพราะเวลาจดทะเบียนตัวรถ จะได้ออกมาเป็นป้ายฟ้า แล้วจะมีการชำระค่าภาษีรายปีถูกกว่าป้ายดำระดับครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้นในแถวหลังสุดที่นั่งได้อีก 3 ที่นั่งนั้น จึงสามารถพับลงไปให้กลายเป็นพื้นได้เลย แล้วถอยแถวที่ 3 ไปให้สุด เท่านี้ก็นั่งกันได้สบายแล้ว โดยแต่ละแถวที่นั่งได้สูงสุด 3 คน ก็ยังสามารถพับเบาะขึ้นให้มีที่ว่างตรงกลางเพื่อทำการเดินในรถได้อีกด้วย ตัวประตูนั้นมีทั้งหมด 5 ประตู โดยบานประตูของผู้โดยสารด้านหลังจะเป็นบานเลื่อนทั้ง 2 ข้างแบบมือเลื่อน ไม่ใช่ไฟฟ้า รวมทั้งประตูฝาท้ายก็เป็นแบบมือยกเองเช่นกัน

มิติของตัวรถ KIA Grand Carnival LX นั้น ถือว่าใหญ่พอตัวครับ คือขนาด 5,115 x 1,985 x 1,740 มม. (ยาว x กว้าง x สูง) ฐานล้อกว้าง 3,060 มม. และใต้ท้องรถสูง 171 มม. เอาจริง ๆ แล้วความกว้างเนี่ย กว้างกว่า Hyundai H1 ที่เป็นคู่แข่งในตลาดด้วยซ้ำ เพียงแต่สั้นกว่าและเตี้ยกว่าเท่านั้นเอง ในมุมมองการนั่งให้สบาย ถ้ากว้างกว่า ก็นั่งได้สบายกว่า แถมแถวสุดท้ายถ้าไม่ใช่ก็พับลงเรียบกลายเป็นพื้นรถไป วางของได้เต็มที่ ไม่ต้องถอดออกแบบคู่แข่งเลย ส่วนความสูง จริงอยู่ว่าการมีพื้นที่ Head Room มากกว่าจะทำให้นั่งแล้วอึดอัดน้อยกว่า แต่การที่ความสูงน้อยกว่ามันส่งผลเรื่องการทรงตัวที่แตกต่างกันพอตัวเลย ซึ่งเดี๋ยวจะมาพูดกันต่ออีกทีในช่วงการขับขี่ครับ

KIA Grand Carnival LX ใช้เครื่องยนต์ไม่ใหญ่ครับ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลรหัส R 2.2 CRDi VGT 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC ความจุกระบอกสูบ 2.2 ลิตร ให้กำลังได้สูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 441 นิวตันเมตร เครื่องเล็กกว่าแต่แรงกว่าคู่แข่งร่วมชาติ ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมด Manual สับเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยคันเกียร์เท่านั้น พวงมาลัยยังคงเป็นแบบไฮโดรลิก ช่วงล่างด้านหน้าเลือกใช้เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็น มัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ล้อใส่มาเป็นขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 235/60 R18 ของ Continental ระบบห้ามล้อเป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

ด้านหน้านั้น KIA Grand Carnival LX เลือกใช้ไฟหน้าแบบฮาโลเจนพร้อมโคมโปรเจคเตอร์ ไม่มีไฟ Daytime Running Light มีเพียงไฟหรี่แบบ LED ใส่มาเท่านั้น (ทำไมไม่แปลงให้เป็น DRL นะ แปลกดี) ไฟหน้าเป็นแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไม่มีไฟตัดหมอกใส่มาให้ กระจังหน้าเป็นทรงตารางสี่เหลี่ยมแบบบ้าน ๆ เน้นการรับลมเป็นสำคัญ ช่องใหญ่มากจนเห็นแผงหม้อน้ำได้อย่างชัดเจน ตัดขอบด้วยขอบโครเมี่ยมเพิ่มความหรูไปอีกหน่อย แล้วเสริมด้วยสีดำบริเวณแถบกันชนและชายด้านล่าง ให้ดูดุดันขึ้นอีกเล็กน้อย ส่วนไฟท้ายที่เป็นไฟหี่, ไฟเบรก และไฟเบรกดวงที่ 3 ใช้เป็น LED ทั้งหมด จะมีเพียงไฟถอยหลังเท่านั้นที่เป็นแบบหลอดไส้ ชายกันชนด้านล่างออกแบบให้เป็นแนว Diffuser สีดำ มีการ์ดกันรอบอยู่บนท้ายรถป้องกันรอยขีดข่วนจากการยกสัมภาระขึ้นรถ มีเส้นโครเมี่ยมตัดกลางเพิ่มความหรูหรา ส่วนด้านข้างไม่มีอะไรมาก มีกระจกมองข้างเป็นสีตัวรถตัดด้วยสีดำ มีไฟเลี้ยวแบบ LED อยู่บนนั้นด้วย ด้านบนหลังคามีเสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลาม แต่ไม่มีราวหลังคา

ภายในของ KIA Grand Carnival LX นั้น ตัวเบาะใช้เป็นเบาะผ้าสีเบจ ปรับด้วยมือทุกที่นั่ง แถวหน้าสุดในส่วนของคนขับปรับไฟฟ้าในตำแหน่งดันหลังได้ 2 ทิศทาง (ก็ยังดี) แถว 2 และ 3 ออกแนว Captain Seat ที่มีเบาะตรงกลางสามารถพับเก็บเพื่อเปิดทางตรงกลางได้ แถวสุดท้ายอย่างที่บอกไปเป็นแบบพับได้แบบเรียบราบกลายเป็นพื้น พับแล้ววางกระเป๋าได้อีกเพียบเลย ผมเอามาทดสอบรอบนี้เอากระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้วใส่ไป 4 ใบ ยังเหลือที่วางของอื่นได้อีกเพียบเลย ภายในเน้นตกแต่งด้วยพลาสติกสีเบจเป็นหลัก แต่แผงคอนโซลจะเน้นพลาสติกสีดำมากกว่า ที่แผงจะมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ววางอยู่อย่างโดดเด่น หน้าจอมองผ่าน ๆ อาจจะดูธรรมดา แต่รองรับการเชื่อมต่อด้วยระบบ Apple CarPlay และ Android Auto นะจ๊ะ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งการผ่านสาย USB ที่มีช่องให้เสียบได้อยู่ด้านล่างของคอนโซล และ Bluetooth ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบ Manual ที่ต้องปรับระดับน้ำยาแอร์ด้วยตัวเอง แต่แยกโซนหน้าหลังได้นะครับ

พวงมาลัยของ KIA Grand Carnival LX เป็นวัสดุยูริเทนทรงกลม 3 ก้าน ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง บนพวงมาลัยมี Multi-Switch เอาไว้ใช้ควบคุมระบบต่าง ๆ โดยด้านซ้ายใช้ควบคุมระบบเครื่องเสียง และการรับ-วางโทรศัพท์ ส่วนด้านขวาเอาไว้ควบคุมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และควบคุมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 3.5 นิ้วแบบ OLED บนหน้าปัด ที่ขนาบด้านซ้ายด้วยหน้าจอบอกรอบเครื่องและระดับความร้อนของเครื่องยนต์ ส่วนด้านขวาเป็นเข็มบอกความเร็วและระดับน้ำมันคงเหลือ

ระบบความปลอดภัยที่ใส่มาบน KIA Grand Carnival LX ก็ให้ที่จำเป็นมาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น

• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบช่วยเสริมแรงเบรก BAS
• ระบบควบคุมสเถียรภาพการทรงตัว ESC
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
• กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ
• ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และสัญญาณกันขโมย
• สัญญาณเตือนลืมกุญแจไว้ในรถ และเตือนปิดประตู / ฝากระโปรงท้ายไม่สนิท

เอาล่ะ ข้อมูลของ KIA Grand Carnival LX ก็น่าจะครบถ้วนแล้ว เรามาเริ่มการรีวิวกันเลยดีกว่าครับ ถึงแม้ว่ารถอเนกประสงค์คันนี้จะเป็นรูปแบบ MPV ขนาดใหญ่จุได้ 11 คน แต่การก้าวเข้าสู่ตัวรถไม่ได้ยากเย็นอะไร ไม่ถึงกับต้องปีนป่ายเหมือนรถตู้ แค่เขย่งตัวนิดหน่อยก็เข้าสู่ตัวรถได้แล้งว และเมื่อได้นั่งจริงถึงได้เข้าใจของความกว้างได้อย่างดี เพราะมันโอโถงกว้างขวางกว่ารถที่ผมใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก เบาะนั่งสบาย จนกลัวว่ามันจะสบายเกินไปไหมถ้าขับไกล ท่าขับคือท่านั่งจริง ๆ ประดุจนั่งเก้าอี้ทำงานแล้วยื่นขาเข้าไปใต้โต๊ะเพื่อใช้เหยียบคันเร่งและเบรก ส่วนวัสดุที่ใช้ภายในนั้น คงต้องยอมรับกันว่ามันก็ไม่ได้ให้สัมผัสที่ดูหรูหราหรือแพงแต่อย่างใด เพราะต้องเข้าใจว่ารถ MPV คันนี้คือรุ่นตัวเริ่มต้น เอาไว้ให้พอใช้งานได้เท่านั้น พอจะทำใจยอมรับได้ถ้าซื้อมาใช้งานจริง ช่องวางของมีเยอะแยะไปหมด มีที่วางแก้วน้ำตรงกลางขนาดใหญ่ยังไม่พอ ยังมีช่องที่ประตูให้วางได้อีก เยอะจนเลือกวางกันไม่ถูกเลย

อุปกรณ์ที่ใส่มาให้ใน KIA Grand Carnival LX ก็ครบถ้วนตามความจำเป็นนะ หน้าจออาจจะดูโบราณไปนิด แต่มันเชื่อมต่อสาย USB ใช้งาน Apple CarPlay ได้นะจ๊ะ แค่นี้ก็พอต่อความต้องการผมแล้ว ส่วนเบรกมือยังใช้ในรูปแบบเท้าเบรกอยู่ อันนี้ผมว่าดีมาก ถ้าตัวเลือกในการเป็นเบรกมือแบบปกติ ในแบบมือดึงข้างคันเกียร์หรือแบบเท้าเหยียบ ผมเลือกแบบนี้นะ เพราะมันไม่เกะกะการวางของด้านข้างดี

เมื่อเริ่มต้นออกเดินทาง เครื่องยนต์ของ KIA Grand Carnival LX ที่มีพละกำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 441 นิวตันเมตร ให้ Feeling ในการขับขี่แบบพอประมาณนะ ไม่ได้จี๊ดจ๊าดพุ่งพรวดประดุจกามนิจหนุ่ม เพราะต้องดูตัวรถด้วยว่าบิ๊กเบิ้มขนาดไหน แต่เชื่อขนมกินได้ว่าดีกว่าคู่แข่งร่วมชาติในกลุ่ม MPV ด้วยกันอย่างแน่นอน และมีให้เลือกใช้งานได้ 2 โหมดคือ Normal และ Eco สิ่งที่เห็นชัดในการใช้งาน 2 โหมดนี้คือ ความแรงในช่วงออกตัวที่โหมด Eco จะถูกดึงเอาไว้ประมาณหนึ่ง เพื่อลดการใช้งานน้ำมันในช่วงออกตัวให้อยู่ในระดับ “พอไปได้” เท่านั้นเอง แต่เมื่อพอลอยตัวแล้วสบายเลย รถนี่พุ่งไต่ความเร็วได้อย่างสบาย ประเภทรู้ตัวอีกทีก็แตะ 140 กม./ชม.ไปแล้วแบบเพลิน ๆ

การเปลี่ยนเกียร์ของ KIA Grand Carnival LX นั้นคือสิ่งที่ดีงามในการใช้งานรถคันนี้ เพราะมันนุ่มนวล ต่อเนื่อง แบบที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เปลี่ยนไปกี่เกียร์แล้ว แต่อาจจะมาข้อขัดใจเล็กน้อยเมื่อมีการขับรถลงเขาแล้วต้องการใช้ Engine Brake ถ้าใช้งานเกียร์ 1 แล้วเนินนั้นชันมาก เกียร์จะมีการปรับมาที่เกียร์ 2 ให้เอง ทำให้เราต้องมาใช้งานเบรกมากขึ้น เข้าใจว่าระบบคงต้องการป้องกันการเสียหายของตัวเกียร์ แต่ผมว่าการไหลลงโดยเกียร์ 2 บนเขาชันนั้น มันก็เสียวกับการใช้เบรกจนไหม้ได้เหมือนกันนะ ส่วนเบรกเองผมว่ามันจับเร็วและแรงไปนิดนะ วันแรกที่ขับแล้วกดเบรกลงไป เหมือนมันจะจับแรงจนรถหยุดเร็วมากเกินไปหน่อย ประมาณว่าเอาเท้าแตะแบบไมออกแรงรถก็เริ่มลดความเร็วลงแล้ว ถ้าออกแรงมันจะเหมือนเบรกหน้าจมลงเยอะไปหน่อย ถ้าปรับให้มันจับเบากว่านี้เล็กน้อยก็น่าจะดีนะ

รอบนี้สารภาพเลยว่า ผมเอา KIA Grand Carnival LX ไปทดสอบที่จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปกับครอบครัว อยู่ทั้งในเมืองและบนเขาที่แม่ริมแถบม่อนแจ่ม แน่นอนว่าเส้นทางจะมีทั้งในเมือง, ทางไกลยาว และเส้นทางบนเขา ไป-กลับอยู่ที่ราว 1,800 กิโลเมตร สิ่งที่ชัดเจนว่า รถคันนี้ทำได้ดีเหนือคู่แข่งร่วมชาติอย่างมาก ก็คือเรื่องการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม ช่วงทางเร็วที่ผมใช้อยู่ประมาณ 100- 140 กม./ชม.  การเข้าโค้งที่มีอาการโยนตัวน้อยมาก เข้าโค้งได้มั่นใจ ควบคุมอยู่ทุกโค้งเลย และมันไม่ได้มาพร้อมกับความแข็งของช่วงล่างนะ มันนุ่มนวลนั่งสบาย ขนาดขึ้นเขาแบบโค้งเยอะ คนนั่งอยู่แถวหลังสุดที่มีโอกาสเวียนหัวมากกว่าตำแหน่งอื่น ยังนั่งสบาย ไม่เวียนหัวอะไรเลย เรื่องนี้สอบผ่านแบบเกรด 4 เลย นี่คือความที่ตัวรถไม่ได้สูงมาก แต่มีความกว้างนั่นเอง

ส่วนต่อมาที่ผมชอบมากก็คือ KIA Grand Carnival LX มีการเก็บเสียงที่ยอดเยี่ยม ขนาดความเร็วขึ้นไปแตะระดับ 150 กม./ชม. เสียงลมยังเข้ามาน้อยมากเลย ฟังเพลงหรือคุยกันในรถได้แบบสบาย เหมาะกับการเป็นรถพาครอบครัวเดินทางไกลอย่างดี อันนี้คือความดีงามที่มองข้ามไม่ได้เลย

อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือพื้นที่เก็บสัมภาระของ KIA Grand Carnival LX ที่เราสามารถพับแถวที่ 4 ซึ่งเป็นแถวสุดท้ายติดกับประตูด้านหลัง ให้พับเรียบซ่อนกลายเป็นพื้นไปได้ เรียบชนิดว่าถ้าไม่รู้ว่าอันนี้เคยมีเบาะอยู่เลย มันเพิ่มพื้นที่การวางสัมภาระได้เยอะมากจริง ๆ แถมยังสามารถแถยแถวที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่การนั่งได้อีกเยอะพอสมควร เมื่อทดสอบ รีวิวรถรอบนี้ทำให้รู้ได้ทันทีว่า รถคันนี้มันเหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัวใหญ่ท่องเที่ยวไปต่างจังหวัดอย่างมากจริง ๆ

ช่วงขึ้นเขา คือบทพิสูจน์ของรถอเนกประสงค์ KIA Grand Carnival LX จริง ๆ ผมขึ้นไปพักบนม่อนแจ่ม ซึ่งเป็นเส้นทางภูเขาที่มีความลาดชันพอตัวอย่างต่อเนื่อง แถมยังคดเคี้ยวและถนนไม่กว้างมาก บอกเลยว่าไม่เป็นปัญหาในการขับขี่แคต่อย่างใด รถมันควบคุมง่าย หันไฟไหนก็คล่องตัว กำลังเครื่องมีให้เหลือเพื่อสำหรับการไต่เขาพร้อมตัวรถขนาดใหญ่และผู้โดยสารอีกประมาณหนึ่ง ไม่ต้องลุ้นว่าจะขึ้นไหวไหม ไม่ต้องเสียวในยามต้องเข้าโค้ง ไม่ต้องหวั่นแม้จะต้องหลบรถในระยะกระชั้นชิด นี่คือยานยนต์ที่เอาไปเที่ยวได้หลากหลายรูปแบบด้วยความมั่นใจจริง ๆ

ที่นั่งด้านหลังของ KIA Grand Carnival LX คือชนะเลิศ นั่งได้สบายสุด ๆ แต่เอาจริงผมไม่แนะนำให้นั่งกันเต็มพิกัด 11 ที่นั่งนะ เพราะมันนั่งยาก นั่งแบบพอดีสุด ๆ เอาเป็นว่านั่งไปสักไม่เกินชั่วโมงยังพอทน แต่ถ้าเกินกว่านั้นอย่าเลยดีกว่า มันจะเหน็บกันกันทั้ง 3 แถวหลัง นั่งไม่เกิน 7 คือกำลังดี เยี่ยมสุดคือ 6 คน บวกเด็กตัวเล็กได้อีกสัก 2 คน แค่นี้คือกำลังดี เที่ยวสนุกครับ

และเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง สิ่งที่เพิ่มความเครียดในการใช้งาน KIA Grand Carnival LX ในรอบนี้ก็คือ เบาะผ้าสีเบจนี่เอง ด้วยความที่มันเป็นสีสว่าง แถมยังเป็นเบาะผ้าอีก เลยทำให้เกรงว่าถ้าพลาดทำขนมของตัวเล็กประเภทช็อกโกแลต, น้ำหวาน, ไอศกรีม ต่าง ๆ ที่พวกเธอชอบกินจะไปหกเลอะเบาะรถ จะลำบากสุด ๆ เวลาทำความสะอาด รอบนี้จึง “ห้าม” เอาขนมขึ้นมากินบนรถเด็ดขาด แต่เรื่องน้ำเนี่ยห้ามยากจริง แค่น้ำเปล่าหกยังไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย กลัวจะเป็นรอยด่าง ขนาดรองเท้ายังสั่งให้ตัวเล็กถอดทุกครั้งที่ขึ้นรถเลย กลัวจะเอาไปเหยียบเบาะจนเกิดเป็นรอยเปื้อน สรุปตลอดการขับขี่ที่เห็นผู้โดยสารขยับตัว กินน้ำ หรืออะไรก็ตาม ต้องคอยมาเตือนให้ระวังกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าซื้อมาใช้เอง สงสัยถ้าไม่หาที่หุ้มเบาะ ก็คงลงทุนเปลี่ยนใหม่ให้กลายเป็นเบาะหนังแทน

หลังจากทำการขับขี่จากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ขึ้นม่อนแจ่มแล้วกลับมาที่กรุงเทพฯ รูปแบบการใช้งานคือผสมผสานแบบในเมือง (เชียงใหม่) นอกเมืองยาว ๆ บนถนนหลวง ใช้ความเร็วย่าน 100-140 กม./ชม ตลอดเส้นทาง มีขึ้นเขา ลงเขา ทางคดโค้ง บรรทุกคน บรรทุกของ หน้าจอของ KIA Grand Carnival LX บอกเอาไว้ที่ 11 กิโลเมตร/ลิตร เอาจริง ๆ ผมว่ามันทำได้ดีประมาณหนึ่งเลยนะ เพราะผมกะเอาไว้ว่ารูปแบบการใช้งานรอบนี้ ระดับ 10  กิโลเมตร/ลิตรก็เก่งแล้ว แต่นี้ได้เกินมาเล็กน้อย ผมว่ามันดีใช้ได้เลยครับ

สรุปรวม 5 วัน เกือบ 1,800 กิโลเมตร ผมสรุปส่วนที่ชอบและไม่ชอบได้ดังนี้ครับ

ชอบ

• ความนิ่งของตัวรถ ที่ขับเร็ว เข้าโค้ง นิ่งตลอดเส้นทาง ถ้าไม่ห้าวหาญเกิดคนทั่วไป รับรองควบคุมอยู่แน่นอน
• ความใหญ่ของรถ มีพื้นที่โดยสารและบรรจุสัมภาระได้เพียบ ภายใต้ป้ายสีฟ้าที่ภาษีรายปีจ่ายแบบเบา ๆ
• เก็บเสียงดีสุด ๆ วิ่งเร็วสูง คนนั่งยังไม่รู้ตัว

ไม่ชอบ

• เบาะผ้าสีเบจคือไม่เหมาะกับรถที่มีเด็กซนชอบกินขนมบนรถเลย ดูเลอะง่าย ทำความสะอาดยาก
• เบรกจับเร็วและแรงไปหน่อย เผลอออกแรงผิด รถเบรกหน้าจมเยอะเลย
• เกียร์ดูจะ Protect ตัวเองดีไป ลงเขาชันเกียร์ 1 ดันเปลี่ยนขึ้น 2 ให้เอง

KIA Grand Carnival LX ณ วันที่เผยแพร่การรีวิวนี้ ต้องยอมรับว่ากลายเป็นรถตกรุ่นไปแล้ว เพราะทาง เกีย มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัวโฉมใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เป็นรุ่นที่ราคา 2 ล้านขึ้นไปทั้งนั้น แต่สำหรับคันนี้ ราคาตอนนี้เพียง 1,397,000 บาทเท่านั้นเอง ด้วยราคาขนาดนี้ แต่ได้รถที่สามารถขนครอบครัวพาไปเที่ยวได้เยอะ, ขับทรงตัวดี, เก็บเสียงเยี่ยม, แรงดีพอหนีรุ่นอื่นได้ และที่สำคัญ มันไม่ใช่รถที่เอาออกมาใช้ได้เฉพาะในโอกาสพิเศษ ด้วยขนาดความโย่งที่ไม่ได้ดูเป็นรถตู้ มันจึงเอาไปใช้แบบชีวิตประจำวัน ขับไปทำงาน ขับไปส่งลูกไปโรงเรียนได้ทุกวัน หันไปมองรอบตัวแล้วคงหาคู่แข่งมาเทียบให้ดีกว่าก็คงยากหน่อยครับ

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02