Test Drive : รีวิว ทดลองขับ ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M AUTO ใหม่หมด…พรีเมี่ยมปิกอัพสายลุย สปอร์ต ประหยัด
- โดย : Autodeft
- 10 ก.พ. 63 00:00
- 24,563 อ่าน
นับตั้งแต่ 19 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา All New ISUZU D-MAX เปิดตัวต่อสายตาเหล่าประชาคมอีซูซุรวมถึงสิงห์ปิกอัพที่ไม่เคยสัมผัสแบรนด์นี้มาก่อน เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย โดยปิกอัพใหม่หมดนี้สานต่อความสำเร็จอันเกรียงไกรตั้งแต่ ปิกอัพมังกรทอง Dragon Eyes และ D-MAX 2 เจเนอเรชั่นก่อนหน้านี้
หลังจากได้ รีวิว ทดลองขับรุ่น Hi-Lander 4 ประตู 1.9 ZP เกียร์อัตโนมัติ ไปแล้ว คราวนี้ถึงคิวรุ่นท็อปสุดในตระกูล ดีแมคซ์ นั่นคือ ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M Double Cab เกียร์อัตโนมัติ มาพร้อมรูปแบบยิ่งใหญ่ออกแบบสนองตอบทุกการใช้งานด้วยนำไปสู่ดีไซน์ทุกส่วนใหม่หมด แต่ยังมีความหล่อตามสไตล์ อีซูซุ ตั้งแต่ ภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ แพลตฟอร์มใหม่ ความปลอดภัย พร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่สมบูรณ์แบบ
ความหล่อเหลาของปิกอัพรุ่นนี้หล่อดุด้วยโทนเทาเข้ม Gun Metallic กับชุดแต่งรอบคัน ตั้งแต่กระจังหน้าทรงเขี้ยวปะโลโก้ ตัวหนังสือ ISUZU ขนาดใหญ่ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า คิ้วขอบล้อออกแบบรับกับดีไซน์ด้านข้างตัวรถอย่างลงตัว ที่เปิดประตูพร้อมปุ่มควบคุมการทำงานระบบล็อคประตูด้านคนขับพร้อมที่เปิดประตูด้านท้าย บันไดข้าง ราวหลังคา และชุดแต่งกันขนหน้าตอบโจทย์ความดุดัน พร้อมออพชั่นโดดเด่นตั้งแต่ไฟหน้า Projector Bi-LED ปรับความสูง-ต่ำของไฟหน้าแบบ 4 ระดับ พร้อม Multifunctional Daylight รูปตัว V ในโคมเดียวกัน สว่างชัดเจนทั้งในกลางวัน และทำหน้าที่เป็นไฟหรี่เวลากลางคืน และเพิ่มฟังก์ชั่น เปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ กันชนหน้าขนาดใหญ่ทรงขึ้นรูปสปอร์ตพร้อม ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่เพิ่มประสิทธิภาพระบายอากาศได้ดีติดตั้งไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก LED พร้อมเซ็นแซอร์กะระยะการจอดรถ 4 จุด สำหรับคนขี้ร้อนและช่วยลดช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสารด้วยกระจกหน้ารถแบบ IR Cut กรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่ปัดน้ำฝนรูปแบบใหม่ Integrated Wiper Blade พร้อมระบบฉีดน้ำบนก้านปัดแบบ Blade Type ติดตั้งในตัวก้านปัดน้ำฝน สะอาดหมดจด การทำงานปัดขึ้น-ลงเงียบยิ่งขึ้น และในรุ่นท็อปสุดเกรด M มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensing Wiper โดยทำงานตามปริมาณน้ำฝนเกาะกระจกหน้ารถ
ด้านข้างเน้นความทรงพลังบึกบึนด้วยโป่งล้อขึ้นรูปประกบด้วยคิ้วขอบล้อ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว 18x7.5J สีดำเข้ม Matte Black พร้อมยางขนาดใหญ่ปรับหน้ากว้างเพิ่มเป็น 265/60 R18 (เดิม 255/60R18) จาก Bridgestone Dueler H/T เสาอากาศยังเป็นแบบเสาสั้นติดตั้งบนหลังคารถ (น่าจะให้แบบครีบฉลามก็ยังดี) ด้านท้าย ติดตั้งไฟท้ายแบบเลนส์ใส เน้นความสปอร์ต แบบ Dual Sonic LED สปอร์ตบาร์ใหม่ติดตั้งในส่วนขอบกระบะท้ายมาแนวทูโทน ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วยพื้นปูกระบะ Bed Liner ติดจากโรงงาน และกันชนท้ายแบบ Integrated Bumper สีเดียวกับตัวรถทรงตัวยูคว่ำออกแบบเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถพร้อมเซ็นแซอร์กะระยะการจอดรถ 4 จุด เช่นเดียวกับด้านหน้า
ตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในร่างปิกอัพ 4 ประตู Double Cab ด้วยความยาว 5,265 มม. ความกว้าง 1,870 มม. ความสูง 1,810 มม. ฐานล้อ 3,125 มม. น้ำหนักรถ 2,020 กก. ระยะต่ำสุดจากพื้น 240 มม. ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร และมิติกระบะภายในความยาว 1,495 มม. ความกว้าง 1,530 มม. ความสูง 490 มม. เมื่อเทียบกับ ISUZU D-MAX V-Cross MAX 3.0 ZP Auto เจนที่แล้ว พบว่าใหญ่กว่าเกือบทุกมิติ โดยความยาวมากกว่าเดิม 65 มม. ความกว้างมากกว่าเดิม 10 มม. ความสูงลดลง 30 มม. ฐานล้อยาวกว่าเดิม 30 มม. ระยะต่ำสุดเพิ่มขึ้น 5 มม. น้ำหนักรถมากกว่าเดิม 40 กก. และมิติกระบะภายในความยาวเพิ่มขึ้น 10 มม. ความกว้างเท่าเดิม และความสูงเพิ่มขึ้น 25 มม.
เมื่อเข้าไปข้างในห้องโดยสารแทบตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชนิดลืมความเป็น D-MAX 2 เจนที่ผ่านมา ออกแบบหรูหราพลิกความเป็นปิกอัพเหนือปิกอัพด้วย คอนโซลหน้าดีไซน์เล่นระดับด้วยโทนสีดำผสมวัสดุสีดำ Piano Black ทั้งแผง เสริมการใช้งานด้วยฟังก์ชั่นดูคับคั่งกว่าด้วยมาตรวัดเรืองแสงแบบพร้อมจอแสดงข้อมูลสี Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว ที่บอกทั้ง ระยะทางทริป A กับ B อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จอแสดงการทำงานวิทยุ นาฬิกาดิจิตอลในตัว ฯลฯ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ดีไซน์จับกระชับมือกว่ารุ่นที่แล้ว หุ้มหนังตกแต่งสีเงินด้าน ซ้ายมือเป็นปุ่มควบคุมวิทยพร้อมปุ่มรับโทรศัพท์ ขวาเป็นปุ่มล็อกความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control ปรับได้ 4 ทิศทาง Tilt & Telescopic สูง-ต่ำและ ยืด-หด ตามสรีระผู้ขับขี่ ศูนย์รวมความบันเทิงอยู่ที่เดียวกันด้วยคอนโซลกลางทรงหกเหลี่ยมด้วยเครื่องเสียงจอสัมผัส ISUZU Ultimate Entertainment ขนาด 9 นิ้วแบบ HD ชัดใสเล่นได้ทั้งระบบนำทาง รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพงรอบคัน 8 ลำโพงรวมลำโพงบนหลังคารถ แบบ Dynamic Surround Sound ที่ให้เนื้อเสียงไพเราะระดับหนึ่ง ถัดลงมาเป็นเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติที่ครั้งนี้เพิ่มระบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อม Heather งานนี้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้าไม่ต้องมาแย่งกันปรับอุณหภูมิกันอีกแถมใจดีให้ช่องแอร์ด้านหลังมาด้วยเย็นทั้งคันอย่างแน่นอน ช่องเสียบชาร์จสมาร์ทโฟน USB 2 จุด ทั้งหน้าใต้คอนโซลกลาง(มีช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์) และข้างช่องแอร์หลังและติดตั้งระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร High Efficiency Filter สามารถดักฝุ่น PM 2.5 ได้
ชุดคันเกียร์มีความแปลกตรงที่ย้ายตำแหน่งบอกเกียร์ไว้ที่หัวเกียร์สีดำ Piano Black ผสมหนังจับกระชับมือล้อมกรอบด้วยสีเงิน พร้อม Shift Lock แบบใช้กุญแจเสียบ ช่องเก็บของและที่วางแก้ว 10 จุด วางขวดน้ำขนาดใหญ่ 1.5 ลิตรได้สบายๆ เป็นเจ้าแรกในวงการรถปิกอัพ ที่แผงบังแดดคู่หน้าติดตั้งกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่างมาถึง 2 จุด Vanity Mirror & Light เอาใจคุณผู้หญิงที่มาเอาดีมาขับรถปิกอัพเป็นครั้งแรกแต่คุณผู้ชายก็ส่องแต่งหล่อได้ ระบบกุญแจรีโมท ISUZU Genius Entry เพียงแค่เก็บใส่ในกระเป๋ากางเกง ก็สามารถสั่งปลดล็อกได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่มเล็กๆในก้านประตูแต่ไม่สามารถดึงก้านเปิดประตูเหมือนรุ่นเจนที่แล้วได้และปุ่ม Push Start ตามสมัยนิยม พร้อมระบบล็อกรถอัตโนมัติในกรณีที่เดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร หรือ Walk Away Auto Lock เหมาะมากสำหรับคนขี้ลืม รีบไปทำธุระจนลืมล็อกรถ
พิเศษยิ่งกว่า!! ในรุ่นท็อปสุด M มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นระบบ Remote Engine Start จอดรถกลางแดดแล้วตั้งระบบปรับอากาศไว้ก่อนดับรถสามารถสั่งงสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทได้ในระยะ 20 เมตร แต่การทำงานดังกล่าวอาจจำกัดการใช้งาน ระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ Welcome Light เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร ระบบ Follow Me Home สามารถเปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind spot Monitoring (BSM) ติดตั้งที่มุมบนกระจกมองข้างซ้าย-ขวาไว้สำหรับ รถที่สวนทางมาจะมีไฟแสดงไว้และระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert (RTCA) ซึ่งเป็นประโยชน์มากในเวลาถอยหลังแล้วมีรถสวนมาโดยมีเสียงเตือนและไฟแสดงระบบ BSM จะสว่างในด้านซ้ายของกระจกมองข้าง
เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตยอมรับเลยว่าออกแบบใหญ่โต สบายไม่เมื่อยล้าเมื่อเทียบกับ D-MAX เจนที่แล้วเพราะ ISUZU ดีไซน์เบาะนั่งใหม่หมดแบบรถสปอร์ตมีปีกซัพพอร์ต ซ้าย-ขวา โอบกระชับ AVEC (Anti Vibration Elastic Comfort) ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับ แต่คนนั่งต้องปรับด้วยระบบแม่นวลธรรมดา เบาะหลังเมื่อเข้าไปนั่งให้ความสบายพอสมควรตัวเบาะวางตำแหน่งอาจชันนิดนึงแต่มีความดีตรงที่มีปีกซัพพอร์ต โอบกระชับดี แถมที่วางแขนมีที่ใส่แก้วให้และพื้นที่วางขายังมีพื้นที่เหลือๆสบายๆและแยกปรับพับได้แบบ 60/40 รวมถึงจุด ISOFIX สำหรับวางคาร์ซีทเด็ก รวมวมถึงมือจับภายในห้องโดยสารที่คราวนี้มาครบทั้งเสา A 2 จุด บนหลังคา 4 จุด และหลังเสา B อีก 2 จุด รวม 8 จุด ขึ้น-ลงสะดวกยิ่งขึ้น และมีปิกอัพไม่กี่ยี่ห้อในไทยที่คำนึงถึงความปลอดภัย ISUZU จึงติดตั้งระบบยกเลิกการทำงานถุงลมนิรภัยด้านผู้โดยสารสำหรับการติดตั้งที่นั่งคาร์ซีทในเบาะโดยสารด้านหน้า โดยระบบการทำงานอยู่ที่ด้านข้างคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารด้วยการไขกุญแจยกเลิกการทำงาน
นอกจากจะมีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผันเจน 2 ขนาด 1.9 ลิตร 150 แรงม้าประจำการในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มาตรฐานจนถึงรุ่นยกสูง Hi-Lander แล้ว ใน All New ISUZU V-Cross 4x4 M 4ประตู ติดตั้งขุมพลังแรงใหม่ดีเซลเทอร์โบแปรผัน ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,999 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์เป็น 16.3:1 ระยะชัก/ขนาดกระบอกสูบ 95.4/104.9 มม. ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที รอบ/นาที ปล่อย CO2 ที่ 186 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Rev-Tronic รุ่นใหม่ AWR6B45-II ผสานโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (มีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รุ่น MVL-6S ให้เลือก) ลุยตามใจสั่งด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time แบบปุ่มหมุน Terrain Command ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2H, 4H และ 4L (เปลี่ยนจาก 2H เป็น 4H โดยไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.) มีเหมือนเจ้าอื่นๆแล้วกับระบบ Electronic Diff-Lock ระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้าเพิ่มความมั่นใจในการพิชิตทุกอุปสรรค
เครื่องยนต์ ISUZU Ddi Blue Power รหัส 4JJ3-TCX มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายจุดทั้งอัตราส่วนกำลังอัดเครื่องยนต์ที่ลดลง (เดิม 16.5:1) รวมถึงส่วนประกอบใหม่ไม่ว่าจะเป็น ห้องเผาไหม้ออกแบบใหม่แบบ Optimum Combustion Shape ช่วยให้น้ำผสมกับอากาศได้ดีขึ้น, เทอร์โบแปรผันปรับไฟฟ้า E-VGS TURBO ที่ตั้งอัตราการบูสท์ไว้เท่าเดิมคือ 1.7 บาร์ หรือประมาณ 24 ปอนด์, กล่อง ECM ประมวลผลแม่นยำยิ่งขึ้นแบบ Multi-core, สลักลูกสูบเคลือบสารพิเศษ Diamond Like Carbon, ลูกสูบ+แหวนแบบใหม่, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์น้ำด้วยระบบไฟฟ้า Electronic Thermostat รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆที่เปลี่ยน เงียบขึ้นด้วยฉนวนเก็บเสียงรอบๆเครื่อง, Timing Gear แบบ Double Scisssors Gear หรือเฟืองกรรไกรแบบคู่ช่วยลดระยะห่างของฟันเฟือง เครื่องยนต์เดินเรียบและทนทาน ระบบ Common Rail เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่มีการปรับปรุงในเรื่อง หัวฉีดแบบ High Pressure แรงดันสูงถึง 250 MPa, ปั๊มเชื้อเพลิงควบคุมการทำงานด้วย PCV ท้ายรางแบบไฟฟ้า ทั้งหมดนี้เพื่อรองรับพลังที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
การปรับปรุงใหม่ในครั้งนี้ทาง ISUZU เองตั้งใจให้บุคลิกของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรเน้นเรื่องความเร้าใจขับสนุกขึ้น ตอบสนองดีเยี่ยมในทุกความเร็วและดีกว่าเครื่องยนต์เดิม (รหัส 4JJ1-TCX 177 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร) ความกระฉับกระเฉงในการออกตัวและขับความเร็วสูงๆที่เคยทำผลงานไม่ค่อยน่าพอใจจากเจนที่แล้วมาคราวนี้ปรับให้มีเรี่ยวแรงดีออกตัวแรงแซงฉับไวขึ้น คลิ๊กดาวน์เพื่อเรียกกำลังไม่มีอาการหน่วงในทางเรียบแม้กระทั่งเส้นทางขึ้นลงทางชันที่โหดพอกกับทางภาคเหนืออย่างเส้น ถ.วิชิตสงคราม (ไปหาดสุรินทร์ถึงป่าตอง) หรือเส้น กมลา-ป่่าตอง กำลังแรงบิด 450 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,600 รอบเป็นต้นไป ให้กำลังได้อย่างต่อเนื่องราบรื่นไม่ขาดตอน ส่วนทางออฟโรดลุยได้แบบผ่านฉลุย และรอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที และแต่ละช่วงของความเร็วมาแบบรวดเร็วติดปีกเลยทีเดียว ด้วยรอบตั้งแต่ 1,300, 1,450, 1,550 และ 1,750 รอบ/นาที และเมื่อกดปุ่ม สตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์เงียบกว่าเดิมในช่วงรอบต่ำจนถึงขับปกติ 60-120 กม./ชม.เพราะการออกแบบฉนวนกันเสียงรบกวนที่หนาขึ้นกว่าเดิม
การปรับปรุงใหม่ของขุมพลัง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรผนวกกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและนั้หนัก 2 ตันต้นๆ ทำให้โหมด Performance Test จับอัตราเร่ง มีเรื่องต้องให้ว้าวตกตะลึงด้วยการทะยานจากจุดหยุดนิ่งไปแตะถึง 100 กม./ชม. ทำได้ 9.55 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 7.29 วินาที
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รุ่นใหม่ ปรับเซ็ตให้การทำงานของแต่ละเกียร์สัมพันธ์กับความเร็วได้น่าอย่างน่าทึ่งด้วยการปรับกล่องสมองกลให้เป็นเวอร์ชั่นดีที่สุด สามารถตัดต่อกำลังราบรื่น ไม่กระตุกไม่เสียอารมณ์ตอนขับเร่งแซง แถมมี Rev-Tronic บวก/ลบ สร้างความสนุกในการขับขี่มากขึ้นด้วยอัตราทดเกียร์เท่ากับ D-MAX V-Cross MAX เจนที่แล้ว กับ เกียร์ 1= 3.600, เกียร์ 2 = 2.090, เกียร์ 3 = 1.488, เกียร์ 4 = 1.000, เกียร์ 5 = 0.687, เกียร์ 6 = 0.580, เกียร์ถอยหลัง = 3.732 อัตราทดเฟืองท้าย = 3.727 (อัตราทดเกียร์ 4L = 2.482 แล 4H = 1.000) ส่วนอาการ Engine Brake ที่จะคอยดึงกำลังของเครื่องยนต์ช่วงความเร็วลดลงมาถึง 60 กม./ชม. มีอาการดึงบ้าง รวมถึงระบบออกตัวบนทางลาดชัน HSA และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ที่ตรวจจับการทำงานอย่างแม่นยำมีหน่วงบ้างเล็กน้อยและที่สำคัญไม่กระตุกในตอนช่วงลงจากทางลาดชัน
สิ่งเดิมๆที่เคยมีตั้งแต่ D-MAX เจนที่แล้วจนถึงเจนนี้พัฒนาได้ดีกว่านั่นคือ ระบบ ISS (Idling Stop/Start System) หรือระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ โดยจะตัดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวและกลับมาทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อแตะคันเร่งเหตุผลที่มีระบบนี้ มีกันสองประการทั้งลดมลพิษ และความประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้น งานนี้ยอมผ่อนปรนเงื่อนไขกับระบบแอร์สามารถเปิดทำงานได้จากเดิมต้องปิด แต่ยังคงเหยียบเบรกและตำแหน่งเกียร์ต้องอยู่ในเกียร์ D แต่การทำงานจากเดิมหยุดนาน 3 นาที คราวนี้เหลือแค่นาทีเดียว แต่ถ้าไม่ชอบระบบนี้สามารถปิดการทำงานได้
โครงสร้างตัวถังและแพลตฟอร์มเป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ทำงานร่วมกันทั้ง โครงสร้างตัวถัง แชสซีส์ เครื่องยนต์ ช่วงล่างให้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่ง เพื่อสมดุลยภาพการขับที่ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เข้าโค้งได้มั่นใจยิ่งกว่าเดิม นุ่มนวล นั่งสบาย แต่แข็งแกร่ง ทนทาน พร้อมขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า ด้วยพลานุภาพใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด อาทิ โครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก ULTRA - HIGH TENSILE แกร่งและทนทานกว่าเหล็กธรรมดา แชสซีส์ใหม่ ขนาดใหญ่ รับแรงบิดสูงขึ้น 23% และการวางตำแหน่งเครื่องยนต์เยื้องหลังเพลาหน้าทำให้การกระจายน้ำหนักสมดุลขึ้น
ระบบช่วงล่างยังเป็นปีกนกอิสระสองชั้น คอยล์สปริง และโช้กอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงสำหรับด้านหน้า และด้านหลังเป็นแหนบรูปครึ่งวงรีพร้อมโช้กอัพแก๊ส (แหนบเหนือเพลา) เป็นแหนบยาว LONG SPAN 3 แผ่น พร้อมเทคโนโลยีใหม่ WSSP (Warm Stress Shot Peening) แหนบมีความแข็งแกร่ง ยืดหยุ่นขึ้น จากเจนที่แล้วช่วงล่างปรับเซ็ตเน้นไปทางนุ่มนวล เด้งๆ มาครั้งนี้ลบความทรงจำของ D-MAX เจนที่แล้วและเจนก่อนหน้า ออกจากความคิดได้เลย เพราะช่วงล่างที่พัฒนาใหม่เน้นไปในทางหนึบนำนุ่มตาม ไม่ว่าสภาพถนนจะราบเรียบหรือขุรขระ แม้กระทั่งช่วงจั้มลงสะพานกลับให้ความนุ่มนวลไม่สะเทือน การเข้าโค้งอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเจนที่แล้วงานนี้ถูกใจเซียนปิกอัพชาวไทยอย่างแน่นอนและยังมีระบบ ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
พวงมาลัยพาวเวอร์แบบแร็คแอนด์พิเนียนแบบน้ำมันให้น้ำหนักที่เบากว่าเจนที่แล้วใช้งานในเมืองและนอกเมืองได้อย่างสะดวกขึ้น มั่นใจในการใช้งานมากขึ้นระยะวงเลี้ยวแคบสุดเท่ากับเจนที่แล้ว เพียง 6.1 เมตร ระยะฟรีพวงมาลัยน้อยลงกว่า ส่วนระบบเบรกทำงานฉับไวขึ้นและะทันใจ เมื่อเหยียบแป้นเบรกไป 25 % ด้วยหม้อลมเบรกขนาดใหญ่รวมถึงดิสก์เบรกขนาดใหญ่ 320 มม. แล้วมีระบบป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน BA และยังมีไฟฉุกเฉินกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกระทันหัน ESS
ปิดท้ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่บอกได้ว่าตัวเลขใกล้เคียงกับ D-MAX V-Cross MAX เจนที่แล้วกับการแบกเครื่องใหญ่ 3.0 ลิตรบวกชุดทรานเฟอร์ 4WD ในร่างที่ใหญ่ขึ้นน้ำหนักรถมากขึ้นกว่าเดิมอีก 40 กก. เริ่มที่จากโปรแกรม Save Mode ทำได้ 14.08 กม./ลิตร จากระยะทางรวม 60 กม.จัดน้ำมันเต็มถังจากปั๊มแถวเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 4.28 ลิตร ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ตามสภาพการใช้งานจริง (D-MAX V-Cross MAX ทำได้ 14.85 กม./ลิตร) ส่วนอัตราสิ้นเปลืองในเมืองทำได้มากกว่าเจนที่แล้วถึง 14.77 กม./ลิตร (D-MAX V-Cross MAX ทำได้ 11.62 กม./ลิตร)และปิดท้ายนอกเมืองกลับทำได้ 16.56 กม./ลิตร จากระยะทาง 896.4 กม.เส้นทาง กรุงเทพฯ- ภูเก็ต (หาดป่าตอง) และเติมเข้าไปเต็มถัง 59.12 ลิตร (D-MAX V-Cross MAX ทำได้ 16.66 กม./ลิตร)
ปิกอัพลุย "พลานุภาพพลิกโลก"หน้าตาหล่อล่ำใหม่ถอดด้าม พร้อมชุดแต่งออฟโรดบ่งบอกความเป็นสปอร์ตออฟโรดอย่างเต็มภาคภูมิ ข้าวของที่ให้มาจากโรงงานจัดเต็มไม่แพ้เจ้าอื่นๆทั้ง ไฟหน้า Bi-LED เบาะกึ่งหนังแท้สีน้ำตาลเข้ม จอสัมผัส 9 นิ้ว ช่องแอร์ด้านหลัง ระบบแอร์ Dual Zone ดักฝุ่น PM 2.5 เบาะนั่งสบายกว่าเจนที่แล้ว รวมถึงเบาะนั่งหลังที่โอบกระชับสบายกว่าเดิมถึงตำแหน่งเบาะจะชัน ถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน กุญแจรีโมทสั่งสตาร์ทรถ ลุยน้ำได้สูงสุด 800 มม.ฯลฯ
เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร พัฒนาใหม่เพิ่มกำลังวังชามากถึง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร เรี่ยวแรง คล่องแคล่วขึ้น ระบบเกียร์ที่ฉับไวราบเรียบ ช่วงล่างเป็นจุดเด่นที่ ISUZU ออกแบบให้ถูกจริตชาวไทยมากที่สุดเน้นความหนึบจนเทียบชั้นเจ้าอื่นๆได้อย่างสบายๆ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทันสมัย สมเป็นแชมป์ Asia Cross Country Rally หลายปีติดต่อกัน กับค่าตัว 1,157,000 บาท และจุดแข็งด้วยการบริการเป็นมิตรจนมีเครือข่ายดีลเลอร์ มากกว่า 300 แห่งทั่วไทย เป็นเหตุผลอันดับ ต้นๆ ที่เซียนออฟโรดสายลุย เทใจให้กับ ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M AUTO 4 ประตู แบบไม่ต้องสงสัย
เรื่องและขับทดสอบโดย นายเต้ย
สิ่งที่ชอบ >>> รูปลักษณ์ใหม่หมดตามสไตล์ ISUZU ออพชั่นครบครัน ทั้งระบบปรับอากาศ Dual Zone ระบบล็อกรถอัตโนมัติ Walk Away Auto Lock วางใจได้เมื่อลืมล็อกรถ ระบบ Remote Engine Start จอดรถกลางแดด สามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมท ระบบ Welcome Light ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ ระบบ Follow Me Home เปิดไฟส่องสว่างได้นาน กระจกแต่งหน้าคู่พร้อมไฟส่องในที่บังแดด หายากมากในรถระดับเดียวกัน ช่วงล่างหนึบขึ้น กำลังเครื่องว่องไวขึ้นกว่าประหยัดใกล้เคียงกับ D-MAX V-Cross MAX เจนที่แล้ว
สิ่งที่ไม่ชอบ >>> อยากให้ระบบปลดล็อกประตูเพิ่มฟังก์ชั่นปลดล็อกด้วยการดึงก้านเปิดประตูเหมือน D-MAX เจนที่แล้ว ระบบจอสัมผัส 9 นิ้วขัดข้องในการใช้งานแบบดับและเปิดเอง และควรเพิ่มช่องชาร์จไฟฟ้าแบบ 220V สำหรับการใช้โน็ตบุ๊ค เป็นต้น
ชม Gallery Test Drive All New ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M Auto 4Door ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com