Test Drive: ทดลองขับ Honda Civic 1.5 Turbo RS MY2019 ปลอดภัยเต็มเปี่ยมด้วย Honda Sensing
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 13 ก.พ. 62 00:00
- 13,821 อ่าน
ระบบความปลอดภัยในรถยนต์สำหรับตลาดเมืองไทยนั้น อาจจะยังเป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยยังคงให้ความสำคัญไม่มากเท่าต่างประเทศ แต่มันก็เริ่มเป็นจุดที่เอาไว้ดึงดูดได้เวลาคนต้องการซื้อรถยนต์สักคัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า รถยนต์ที่จะมีระบบความปลอดภัยอยางครบถ้วนนั้น ส่วนใหญ่จะยังคงมีอยู่เฉพาะในรุ่นที่เป็นตัวท็อปของค่ายเท่านั้น
ถอยหลังไปสักประมาณปี 2016 คนไทยเริ่มได้รู้จักกับระบบความปลอดภัยของฮอนด้า ที่เรียกกันว่า Honda Sensing เปิดตัวมาในรถยนต์ใหม่ Honda Accord Hybrid ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยระบบความปลอดภัยรวมเอาไว้หลายอย่าง ทั้ง Adaptive Cruise Control (ACC), Collision Mitigation Braking System (CMBS), Lane Keeping Assist System (LKAS), Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ช่วยเตือนและควบคุมให้รถสามารถขับขี่ได้ด้วยความปลอดภัยมากขึ้น แต่มันก็ยังอยู่เฉพาะในตัวท็อปเท่านั้น
ผ่านไปอีกเพียง 2 ปี ทางฮอนด้า ก็ตัดสินใจเอาระบบความปลอดภัยอย่าง Honda Sensing มาลงในตัวรุ่นน้องอย่าง Honda Civic บ้าง เพื่อต้องการเสริมความแข็งแกร่งในด้านความปลอดภัยให้มาอยู่ในรุ่นรองลงมาได้มากขึ้น โดยทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงงาน Motor Expo ครั้งที่ผ่านมาเมื่อปลายปีที่แล้ว
และในที่สุดก็ได้เป็นฤกษ์งามยามดี ที่ทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการเชิญนักข่างทั้งสายยานยนต์และอื่น ๆ เข้ามาร่วมทดสอบ Honda Civic MY2019 โดยที่ผมเองในฐานะทีมงานของ AUTODEFT ก็ได้มีส่วนร่วมกับการเดินทางในครั้งนี้เช่นกัน โดยเส้นทางในการเดินทางนั้น จะเป็นการออกตัวที่ศูนย์ฝึกอบรมของฮอนด้า แถวนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ถ. เสรีไทย ไปจบที่ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไป-กลับ รวมระยะทางกว่า 370 กิโลเมตร โดยจะเน้นทดสอบระบบ Honda Sensing เป็นสำคัญ
รูปร่างหน้าตาของ Honda Civic MY2019 นั้น จะยังคงหน้าตา รูปร่างที่เหมือนเดิมทุกประการ ต่างไปก็ตรงในรุ่น RS นั้น จะมีเพิ่มระบบความปลอดภัย Honda Sensing เข้ามาด้วย (มีรุ่นเดียว) แต่ก็ขอมาย้อนเรื่องสเปกคร่าว ๆ ของรถคันนี้เสียหน่อย โดย Honda Civic 1.5 Turbo RS นั้น จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร DOHC VTEC Turbo ที่ให้กำลัง 173 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ระบบ CVT ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ตัวมิติรถก็ยังเท่าเดิม คือขนาด 4,648 x 1,799 x 1,416 มม. (ยาวxกว้างxสูง) กระจังหน้าใหม่ รวมทั้งปรับในส่วนของไฟหน้าที่เป็นทั้ง LED และ Projectorแบบใหม่ พร้อมไฟ Daytime กันชนหน้าดีไซน์ใหม่, เพิ่มกรอบโครเมี่ยมกับกรอบดำ C Shape รอบ ๆ ไฟตัดหมอก กันชนหลังเพิ่มความหรูหราด้วยลายเส้นโครเมี่ยมพาดยาวตลอดชายกันชนหลัง ล้อแม็กซ์อัลลอยสีเข้ม ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/50 R17
ภายในกว้างขวางสะดวกสบายด้วยเบาะที่นั่งตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ผสานความสปอร์ตในทุกรายละเอียด มาพร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นที่เหนือระดับ อาทิ ระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI ระบบเบรกมือไฟฟ้าให้การใช้งานสบายขึ้น ปุ่ม Push Start พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ที่สามารถสั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง สบายด้วยเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา
และแน่นอนว่า ใน Honda Civic 1.5 Turbo RS 2019 นั้น โดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัยอย่าง Honda Sensing ที่มีหลากหลายอย่างให้เราได้ลองทดสอบในวันนี้ โดยในวันนี้ผมจะขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่องของระบบความปลอดภัยตัวนี้เท่านั้นครับ เพราะเรื่องการขับขี่นั้น ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม โดยสามารถดูผลการทดสอบได้ที่ Full Review Honda Civic 2016 1.5 Turbo RS เลยครับ
เราคงต้องมาดูกันก่อนว่า ในระบบความปลอดภัย Honda Sensing นั้น มันมีอะไรอยู่บ้าง โดยใน Honda Civic 1.5 Turbo RS 2019 จะมีดังนี้ครับ
· ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
· ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
· ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
· ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
· ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ถ้าดูแล้ว จะเห็นได้ว่า ระบบความปลอดภัยที่ใส่มานั้น จะมีมากหกว่าใน Honda Accord Hybrid อยู่ 1 ตัว นั่นก็คือ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ นั่นเอง แต่เราก็เชื่อกันว่า ในช่วงมีนาคมที้ ที่จะมีการเปิดตัว Honda Accord รถยนต์ใหม่ 2019 ก็จะใส่มาด้วยเช่นกัน
ทีนี้ เราก็ลองมาไล่ทีละระบบว่า มันทำงานอย่างไร และช่วยให้ปลอดภัยได้อย่างไรบ้าง เริ่มต้น กับระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) กันก่อนเลย ระบบนี้จะตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้าและใกล้เคียงอยู่ตลอดเวลา ระบบจะทำการคำนวนระยะห่างและความเร็ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่ระบบสามารถตรวจจับวัตถุที่ขวางหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นรถ, คน หรือสิ่งของอื่น ๆ และประเมินแล้วว่ามีโอกาสวิ่งพุ่งเข้าชนได้ ระบบจะทการเตือนทั้งไฟสีสมที่กระพริบตรงหน้าจอแสดงผลตรงผู้ขับขี่, สัญญาณเสียงเตือน รวมทั้งการสั่นที่พวงมาลัย เพื่อเตอนให้คนขับต้องทำการเบรกหรือหันพวงมาลัยหนี แต่ถ้ายังไม่มีการตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกให้เองโดยอัตโนมัติก่อน เพื่อรอให้คนขับได้กดเบรกเพื่อเสริมกำลังเข้าไปอีกที
ขยับต่อมาต่อกันที่ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ซึ่งระบบนี้ เราอาจจะเคยคุ้นกับระบบ Cruise Control ที่ตั้งความเร็วโดยอัตโนมัติได้ โดยที่เราไม่ต้องกดคันเร่ง แต่มันเป็นการใช้ความเร็วระดับเดียวกับที่ตั้งเอาไว้ แต่ในระบบที่อยู่ใน Honda Sensing นั้น มันจะเจ๋งกว่านั้น โดยมันสามารถปรับระดับความเร็วได้ตามความเร็วของรถคันข้างหน้า อย่างเช่น ถ้าเราตั้งระบบ Adaptive Cruise Control เอาไว้ 120 กม./ชม. แล้วรถคันหน้านั้นวิ่งแค่ 80 กม./ชม. ระบบระปรับความเร็วให้เท่ากับรถคันข้างหน้าโดยอัตโนมัติ และระบบนี้จะสามารถทำงานได้จนรถหยุด เพียงแต่ว่าถ้ารถมีการเคลื่อนตัว เราเพียงแค่ต้องกดปุ่มเริ่มทำงานใหม่บนพวงมาลัย หรือแตะคันเร่งไปเบา ๆ รถก็จะกลับไปทำความเร็วตามที่เราตั้งไว้ได้เอง
ต่อมากับระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ซึ่งจะช่วยให้รถสามารถคงอยู่ในเส้นทางได้เองโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นถ้าเราขับรถไป และมีเส้นจราจรอย่างชัดเจน เมื่อเราขับไปถึงทางโค้งเล็กน้อย ที่เราจะต้องหมุนพวงมาลัยตามไป แต่ระบบนี้จะช่วยหมุนพวงมาลัยให้เราโดยอัตโนมัติ นอกจากลดอาการเหนื่อยล้าจาการขับขี่แล้ว ยังช่วยได้เรื่องความปลอดภัยได้อีกด้วย
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) เป็นระบบที่น่าจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในเมืองไทยได้อย่างดี เพราะระบบนี้จะทำงานควบคู่กัน 2 ระบบการเตือน และระบบควบคุม อย่างเช่นถ้าเราขับรถไปข้างหน้า แล้วดันเผลอมองออกไปด้านข้างหรือก้มเก็บของ แล้วรถเกิดอาการเอียงเข้าไปหาเลนด้านข้าง ระบบจะทำการเตือนด้วยการสั่นที่พวงมาลัย พร้อมการเตือนด้วยสัญลักษณ์บนหน้าจอ แต่ถ้ายังไม่มีการตอบสนอง ระบบควบคุมจะช่วยเข้ามาหักพวงมาลัยให้กลับมาอยู่ในเส้นทางได้อีกครั้ง ช่วยให้ลดอัตราเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้
ส่วนระบบสุดท้ายที่เสริมเข้ามา คือระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ซึ่งเราอาจจะมองว่า มันจะช่วยเรื่องความปลอดภัยได้อย่างไร จริง ๆ แล้ว การปรับไฟหน้าให้อยุ่ในระดับ สูง-ต่ำ ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากจริง ๆ อย่างเช่น ถ้าเราขับรถไปในที่มีความมืดอย่างมาก ไฟถนนไม่มี ถ้าเรายังคงใช้ไฟต่ำอยู่ เราจะมีวิสัยทัศน์การมองเห็นอย่างมากก็ 20 เมตร เราจะไม่สามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลกว่านั้นได้เลย และเมื่อเราเห็นวัตุที่ขวางหน้าอยู่ ก็ไม่สามารรถแก้ไขได้ทันแล้ว ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ จะทำการเปิดไฟสูงให้เองเมื่อตรวจจับแล้วไม่พบไฟหน้าหรือไฟท้ายของรถคันอื่นที่อยู่ด้านหน้า ช่วยให้ระยะการมองเห็นของเรานั้นไกลขึ้นอีกมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รถตรวจจับเจอไฟที่เป็นไฟหน้าของรถที่สวนมา หรือไฟท้ายของรถที่วิ่งตาม ระบบจะทำการปรับไฟหน้าให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนสายตารถที่อยู่ด้านหน้าของเรา นอกจากลดอุบัติเหตุแล้ว ก็ยังลดการมีเรื่องกับรถคันอื่นได้อีกด้วย
สำหรับการทดสอบในรอบนี้นั้น ถือว่าได้ลองระบบ Honda Sensing กันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะระบบ ควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ ที่ผมได้ลองใช้งานมากที่สุด มันลดอาการเหนือ่ยล้าของคนขับได้อย่างดี โดยเฉพาะบนทางหลวงที่มีรถปริมาณหนาแน่นเล็กน้อย เราไม่ต้องคอยเหยียบเบรก, คันเร่งสลับกันไป ให้ระบบคิดเอง ทำเองได้เกือบทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้ว ถึงแม้ระบบจะดีมากขนาดไหน เราในฐานะผู้ขับขี่ ก็ต้องมีสมาธิอยู่กับถนนตลอดเวลาเช่นเดิม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวเราเองและเพื่อร่วมถนน
การที่ฮอนด้าเลือกจะติดตั้งระบบ Honda Sensing ลงใน Honda Civic 1.5 Turbo RS 2019 นั้น ผมถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ค่ายรถเริ่มหันมาเอาใจใส่เรื่องความปลอดภัยกับลูกค้ามากขึ้น และไม่ได้ใส่เอาไว้บนรุ่นแพงสุดของค่ายตัวเองเท่านั้น กับราคา 1,219,000 บาท ผมว่าคุ้มค่ามาก แต่มันจะดีที่สุดถ้าฮอนด้าและค่ายอื่น ๆ ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทย จะเอาระบบความปลอดภัยของตัวเองมาใส่ในทุกรุ่นที่จำหน่าย ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุและความสูญเสียบนท้องถนนได้อีกมากแน่นอน
ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com